I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 490 แตะมือเป็นพันธมิตร! (2)
“ในเมื่อแขกมาแล้ว ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?” หลิงหลานเอ่อย่างเย็นชา
“ฮ่าๆ ยินดีด้วยที่หัวหน้ากลุ่มหลิงปราบทุกคนจนกลายเป็นผู้บัญชาการทีมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นที่ด้านนอกประตู ลั่วเฉาเปิดทางให้ ก็ มีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏที่หน้าประตู เขาเดินเข้ามาในห้องประชุมช้าๆ เขาคือหลินเซียวหัวหน้าที่นำทีมโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งนี่เอง ไม่น่าแปลก หลินเซียวควรเป็นผู้บัญชาก การทีมต่อสู้ประจัญบานของโรงเรียนพวกเขาในครั้งนี้
“พอใจเรื่องที่นายได้ยินได้เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ?” หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เปิดโปงการกระทำของอีกฝ่ายทันที
เสียงหัวเราะของหลินเซียวหยุกชะงักโดยพลัน ในใจรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เขาไม่คาดคิดว่ารุ่นน้องปีสองที่พวกลั่วเฉาเรียกว่าลูกพี่หลานคนนี้จะไม่ไว้หน้าเลยสักนิดเดียว เขานึก กถึงภาพพวกนั้นที่ตัวเองเห็นก่อนหน้านี้ กระทั่งเฉียวถิงอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารก็สามารถแข็งกร้าวใส่ได้แบบนี้ การที่อีกฝ่ายทำแบบนี้กับเขาก็ไม่น่าแปลกใจเหมือนกัน เขาลอบหัว วเราะเจื่อน ดูท่าการเจรจากับอีกฝ่ายจะไม่ง่ายขนาดนั้น
การที่หลินเซียวกลายเป็นหัวหน้านำทีมโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งได้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ธรรมดา เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า “นั่นก็เป็นเพราะหัวหน้าหลิงเต็มใจให้ ฉันเห็นให้ฉันได้ยินนี่นา”
หลิงหลานไม่ได้กล่าวอะไร แค่มองหลินเซียวอย่างเย็นชาเท่านั้น ทั้งสองคนสบตากันอย่างเงียบงันเช่นนี้อยู่สองสามนาที…สุดท้าย ยังคงเป็นหลินเซียวที่ประนีประนอม เนื่องจากสีหน้าแล ละแววตาที่ราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงบ่งบอกชัดเจนว่า อีกฝ่ายไม่สนใจว่าเขามาทำไม หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่รีบร้อนต้องการความร่วมมือคือโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของพวกเขา ในเม มื่อฝ่ายเขาร้องขอจากฝ่ายตรงข้าม หลินเซียวก็ได้แต่ยอมถอยเท่านั้น
“เป็นคนที่รับมือยากจริงๆ มิน่าล่ะถึงข่มเฉียวถิงอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร กลายเป็นผู้บัญชาการอย่างเป็นทางการของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้…” หลินเซียวลอบชื่นชม การเผชิญหน้า าในรอบนี้ เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว ชั่วเวลาที่เขาเข้ามา เขาก็ตกสู่การควบคุมของอีกฝ่ายแล้ว
ไม่สิ บางทีตอนที่เขาได้ยินข่าวที่ลั่วเฉามาบอกเขาเมื่อวานนี้ เขาก็เหยียบเข้าไปในหลุมพรางของอีกฝ่ายแล้ว น่าเสียดาย ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าถูกวางแผนใส่ แต่เพื่อเอาชนะโรงเรียนทห หารชายที่สองกับที่สาม เขายังคงยอมมาติดกับเอง
“ฉันมาคราวนี้ก็เพราะอยากคุยเรื่องร่วมมือกับหัวหน้ากลุ่มหลิง” หลินเซียวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา หันหน้ามองไปทางลั่วเฉาที่เดินตามเข้ามา ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า “แน่นอนว่ายังต้องขอบคุณสะพานเชื่อมของรุ่นน้องลั่วเฉาด้วย”
คำพูดของหลินเซียวทำให้ลั่วเฉาหน้าแดงฉานทันที เธอโบกมือติดต่อกันแล้วพูดว่า “รุ่นพี่หลิน ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ ฉันแค่ได้ยินคำพูดของลูกพี่เท่านั้น” กล่าวจบ ลั่วเฉาก็มองห ลิงหลาน ในแววตามีร่องรอยความรัก สายตานี้ทำให้หลิงหลานจนปัญญามา ใครบอกว่าลั่วเฉาขี้กลัว? เธอทำตัวเย็นชาขนาดนี้ แต่ทำไมลั่วเฉายังชอบแล้วไม่ตกใจกลัวด้วย?
สายตาของลั่วเฉาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหลินเซียวจางลงเล็กน้อย ตอนที่มองไปยังหลิงหลานอีกครั้ง แววตาที่กระตือรือร้นจริงใจในตอนแรกก็ลดลงไปมาก และแฝงไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์อยู่ราง งๆ
หลิงหลานเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลินเซียวคนนี้ดูเหมือนมีใจให้ลั่วเฉานิดหน่อย…สายตาของหลิงหลานที่มองไปทางอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด ถึงขนาดใช้สายตาสำรวจ จมองหลินเซียว
เมื่อพบว่ามีผู้ชายข้างนอกปรารถนาน้องสาวของตัวเอง หลิงหลานก็เปลี่ยนร่างเป็นมารดาอสูรปกป้องลูกวัวทันที เธอรู้สึกจริงๆ ว่าพวกลั่วเฉายังเด็กอยู่ ไม่ควรโดนผู้ชายหลอกแบบนี้ …หลินเซียวคนนี้ใช้สถานะรุ่นพี่มาใกล้ชิดลั่วเฉา แม่งหน้าไม่อายเกินไปแล้วจริงๆ หลิงหลานเกิดความรู้สึกอยากลงมือ สั่งสอนหลินเซียวหนักๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่า น้องสาวของหลิงหลาน นไม่ใช่คนที่ปรารถนาได้ง่ายๆ ขนาดนั้น
สายตาของหลิงหลานอำมหิตขึ้นเรื่อยๆ ไอพลังบนตัวก็เริ่มแผ่ออกมา หลินเซียวที่ตกอยู่ตรงกลางแรงกดดันพลังพลันรู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงไร้รูปสายหนึ่งบดขยี้เข้ามาอย่างไร้ความปรา านี…หลินเซียวระเบิดไอพลังตามขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง ต้านทานแรงกดดันมหาศาลสายนี้อย่างสุดชีวิต ยิ่งต้านทาน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายล้ำลึกจนหยั่งไม่ถึง เหงื่อเย็นๆ นับไม่ ถ้วนไหลออกมาบนหน้าผากทันใด ตอนนี้เขาถึงเข้าใจแล้วว่า ทำไมเฉียวถิงถึงเลือกยอมถอย หลิงหลานหมอนี่ ทักษะทางกายภาพแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นหลินเซียวกำลังจะต้านไว้ไม่อยู่แล้ว หลิงหลานถึงค่อยเก็บงำพลัง ส่วนหลินเซียวเวลานี้มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายเต็มศีรษะ ลั่วเฉาเห็นแบบนั้นก็รีบยื่นกระดาษทิชชูให้หนึ งแผ่น...แววตาเผยความสงสาร ทำไมรุ่นพี่หลินเซียวคิดไม่ตกขนาดนี้ มาประชันพลังกับลูกพี่หลาน หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลย
เมื่อเห็นแววตาของลั่วเฉาปรากฏร่องร่อยความสงสาร ดวงหน้าของหลินเซียวพลันแดงขึ้นมา มิน่าล่ะเขาทำผลงานยอดเยี่ยมอีกสักแค่ไหน ลั่วเฉาก็ยังทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น ถ้าเกิดมีคนที มีพรสวรรค์น่าตกตะลึงขนาดนี้อยู่ข้างกาย เกรงว่าก็คงไม่มองใครอื่นอีกเหมือนกัน เขาหดหู่ใจเล็กน้อย ลั่วเฉาน่ารักมากจริงๆ ไม่ว่ารอยยิ้มเขินอาย หรือว่าคำพูดอ่อนโยน ทำให้เขาหล ลงใหลทั้งหมดเลย น่าเสียดายที่คนแบบนี้กลับไม่เป็นคนของเขา
เขามองไปที่หลิงหลานทีทำหน้าเย็นชาอีกครั้ง หลินเซียวลอบถอนหายใจ มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินเซียวไม่คิดว่าตัวเองจะมีความหวังมากนักเลย ถึงแม้รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ หลินเซียวเป็นคนที่รู้จักปล่อยวาง เมื่อเห็นว่าไม่มีโอกาส เขาก็ปล่อยความรู้สึกมีใจในตอนแรกทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง
เขาเปลี่ยนท่วงท่าเอ่ยกับหลิงหลานอีกครั้งว่า “ฉันมาคราวนี้ก็เพื่ออยากคุยเรื่องร่วมมือกับหัวหน้าหลิง” วางความรักชายหญิงไปที่ด้านข้างก่อน ตอนนี้เขามาคุยเรื่องอนาคตของโรง งเรียนพวกเขาในปีนี้ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายกระจ่างใส หลิงหลานก็ชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของหลินเซียวนิดหน่อย รู้สึกประทับใจขึ้นมาไม่น้อยเลย ดังนั้นเลยไม่ได้ทำให้หลินเซียวลำบากอีก เธอเอ่ยว่า “ร่วมมือ ได้สิ แต่ว่าจะร่วมมือสำเร็จหรือไม่ยังต้องดูว่าพวกนายจริงใจแค่ไหน”
หลินเซียวคล้ายกับเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามาแล้ว เขาหยิบของชิ้นหนึ่งที่เหมือนกระดาษออกมาจากในกระเป๋า แล้วยื่นให้หลิงหลาน หลิงหลานเปิดออกดู มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจ จะส่ายหน้าให้กับหลินเซียวบ่งบอกว่านี่ยังจริงใจไม่พอ
“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ขอเพียงตกลงร่วมมือ พวกเราจะส่งอีกหลายแผ่นที่เป็นส่วนหลังมาให้พวกนาย” หลินเซียวกล่าว
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็หันหน้าไปหาหลี่หลานเฟิง ใช้นิ้วมือกวักเรียก หลี่หลานเฟิงสับเท้าวิ่งเข้าไปอย่างกระตือรือร้น จนมาถึงข้างกายหลิงหลาน หลิงหลานให้หลี่หลานเฟิงเอาหู เข้ามา หลังจากนั้นก็กระซิบสั่งการที่ข้างหูหลี่หลานเฟิง หลี่หลานเฟิงพยักหน้าติดต่อกันบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว
หลี่หลานเฟิงที่ได้รับคำสั่งของหลิงหลานก็หยิบกระดาษออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งตรงด้านข้างโต๊ะประชุม จากนั้นก็วาดส่วนหนึ่งของแผนที่ที่เขาเพิ่งจะทำออกมา
หลังจากที่หลินเซียวเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากแผนที่ที่หลี่หลานเฟิงวาดเป็นแผนที่ที่เขาเพิ่งจะให้หลิงหลานดู ไม่เพียงแค่นั้น หลี่หลานเฟิงยังวาดมากกว่าแผนที่ท ที่เขาให้อีกห้าหกเขต นี่บ่งบอกว่า พวกหลิงหลานมีแผนที่ที่เขานำมาฉบับนี้แล้ว ดังนั้นหลิงหลานถึงส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่พอ ใช่สินะ ของที่คนอื่นมีแล้ว ต่อให้แต่เดิมมีค่าดังท ทองนับพัน แต่เวลานี้ก็ไม่มีค่าเลยสักแดงเดียว
หลินเซียวกัดฟัน เขาหยิบกระดาษสามใบออกจากในกระเป๋าอีกแล้วยื่นให้หลิงหลาน นี่เป็นแผนที่เจ็ดส่วนที่พวกเขาจดจำได้แล้วทำออกมา ส่วนแผนที่เต็มก็ไปถึงสี่ส่วนครึ่งแล้ว ถ้าเกิด ไม่ใช่เพราะผู้ช่วยที่เขาพาไปเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการจดจำ เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่สามารคจดจำได้มากขนาดนี้ หวังว่ากระดาษสามแผนนี้สามารถทำให้หลิงหลานพอใจพวกเขาได้ ไม่อย่าง งนั้นพวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายรองแล้วจริงๆ
หลิงหลานเปิดดู สองแผ่นแรกทำให้เธอขมวดคิ้ว นี่ทำให้หัวใจของหลินเซียวหนักอึ้ง แต่พอเห็นแผ่นที่สาม หลินหลานก็เงียบไปแล้ว ทำให้หลินเซียวใจกระตุก ตอนที่เขาคิดว่ามีหวังแล้ ว หลิงหลานก็ยังส่ายหน้า บ่งบอกว่าพวกนี้ยังไม่พอ
หลินเซียวสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงหน้ามีความโกรธเคืองพาดผ่าน หลิงหลานหมอนี่ได้คืบก็จะเอาศอกมากเกินไปแล้วนะ เขาไม่เชื่อว่าสามแผ่นนี้จะไม่มีประโยชน์เลยสักนิดจริงๆ
หลิงหลานเห็นหลินเซียวทำหน้าไม่พอใจ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เพียงแต่หันหน้าไปสั่งหลี่หลานเฟิงว่า “หลานเฟิง วาดแผนที่ C กับแผนที่ D มาให้หัวหน้ากลุ่มหลินที!”
หลี่หลานเฟิงรีบวาดแผนที่ C กับแผนที่ D ออกมา แผนที่สองแผนที่หลินเซียวให้มายังขาดไปนิดหน่อย เครื่องหมายข้างในก็ไม่ชัด แต่แผนที่ที่หลี่หลานเฟิงวาดออกมากลับสมบูรณ์แบบมาก นี่ หมายความว่า พวกหลิงหลานมีแผนที่สองแผ่นนี้แล้วจริงๆ และยังสมบูรณ์มากกว่าของพวกเขาด้วย ตอนนี้หลิงหลานให้คนวาดออก กลับเป็นทำให้พวกเขาได้รับความกรุณา
“ในนี้มีแค่แผนที่ T แผ่นนี้เท่านั้นที่พวกเราขาดไปครึ่งหนึ่ง” หลิงหลานดีดกระดาษแผ่นที่สามในมือ ยอมรับว่าของด้านในมีประโยชน์ต่อพวกเขา “แต่แผนที่แผ่นนี้ ฉันยอมรับว่าเป็นไ ไมตรีของนายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ถ้าอยากร่วมมือกับพวกเรา อาศัยแค่ไมตรีครึ่งเดียวยังไม่พอ”
แววตาของหลินเซียวไหววูบ เขามองไปทางหลิงหลานอยากวิเคราะห์ว่าคำพูดนี้จริงหรือเท็จ หลิงหลานมองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง ความจริงแล้ว ถ้าเธออยากได้แผนที่ฉบับสมบูรณ์จริงๆ เธอไม ม่ต้องต่อรองกับพวกเขาเลย แค่ไปหาเสี่ยวซื่อก็ได้แล้ว
ต่อให้เป็นแผนที่ T แผ่นนั้น พวกหลินเซียวแค่วาดออกมาเจ็ดแปดส่วนเท่านั้น พวกเขาไม่ได้จดจำสถานที่หลายแห่งเช่นกัน เพียงแต่เนื้อหาในแผนที่เขต T เป็นแผนที่ที่เธอกับเฉียวถิงจดจ จำได้น้อยที่สุด ดังนั้นถึงได้ยอมรับไมตรีนี้ของอีกฝ่าย
“ทุกคนไม่ต้องต่อรองกันแล้ว ฉันรู้ว่าในมือนายต้องมีแผนที่อีกหลายแห่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบออกมาทั้งหมด หนึ่งแผ่น สองแผ่น หรือว่าสามแผ่น?” หลิงหลานพูดพลางจับสังเกตสีห หน้าของหลินเซียว เมื่อเธอพูดว่าสองแผ่น คิ้วของอีกฝ่ายก็เลิกขึ้นเล็กน้อย เธอก็รู้แล้วว่าแผนที่ที่อีกฝ่ายมีจริงๆ น่าจะประมาณหกส่วน ถึงแม้ว่าตัวเลขนี้จะเทียบพวกเธอไม่ได้ แต่ก็น่าตกใจมากแล้ว เกรงว่าในโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งคงจะมีคนที่เชี่ยวชาญด้านการจดจำ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางจำได้เยอะมากขนาดนี้
“ถ้าเอาอออกมาหมดแล้ว หัวหน้ากลุ่มหลิงจะรับปากร่วมมือไหม?” หลินเซียวไม่ได้โดนคำพูดของหลิงหลานล่อลวง เขาไม่อยากนำไพ่ตายของตัวเองออกมาแล้วสุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย
“แน่นอน ศัตรูร่วมกันของเราคือโรงเรียนทหารชายที่สอง อืม โรงเรียนทหารชายที่สามก็นับด้วยเหมือนกัน” หลิงหลานจ้องมองลั่วเฉาที่ยืนอยู่ด้านข้าง
หลินเซียวพลันหัวเราะเจื่อนขึ้นมา ต่อให้รู้ว่าไม่มีวาสนากับลั่วเฉา แต่ในฐานะรุ่นพี่ของลั่วเฉา เขาจำเป็นต้องเอาคืนแทนรุ่นน้องตัวเอง ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่รู้ว่าโรงเรียนทหารสหศึก กษาที่หนึ่งไม่ใช่ว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ
“หวังว่าหัวหน้าหลิงพูดแล้วไม่คืนคำ อีกอย่าง โรงเรียนทหารชายที่สองเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเรา!” หลินเซียวมองลั่วเฉาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเฉียบขาด นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาสามา ารถทำให้ลั่วเฉาได้ เขาจะต้องทำให้สำเร็จ เซ่นไหว้หัวใจของเขาที่กำลังจะลาลับไป
“ตกลง!” หลิงหลานลุกขึ้นมาฉับพลัน ชูฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ยินดีกับการร่วมมือ!” หลินเซียวชูฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาเช่นเดียวกัน แล้วแตะมือเป็นพันธมิตรกับหลิงหลาน ทำสัญญาร่วมมือที่จดเข้าไปในบันทึกประวัติศาสตร์นี้
————————–