I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 491 การต่อสู้ประจัญบานที่แท้จริง! (1)
ภายในทะเลดวงดาวบริเวณนอกดาวฉี่หมิง ฝูงยานบินกองใหญ่กำลังแล่นช้าๆ ซึ่งฝูงยานบินประกอบด้วยยานเฮลิแคริเออร์เป็นหลัก แน่นอนว่ารอบนอกสุดคือยานรบและยานขับไล่ประเภทต่างๆ ที่ค คุ้มกันยานเฮลิแคริเออร์เอาไว้ และสิ่งที่ยานเฮลิแคริเออร์บรรทุกไม่ใช่ทหารหรือยุทโธปกรณ์ หากแต่เป็นเหล่าผู้เข้าแข่งขันจากโรงเรียนทหารทั้งหมดที่เข้าร่วมการต่อสู้ประจัญบานของศ ศึกประลองหุ่นรบ หลิงหลานและบรรดาสมาชิกทีมโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งก็อยู่ในนั้นด้วย
แน่นอนว่ายานเฮลิแคริเออร์หนึ่งลำไม่ได้มีแค่ทีมจากโรงเรียนทหารเดียวเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดก็มีทีมจากโรงเรียนทหารยี่สิบแห่งอยู่ข้างในแล้ว ขณะเดียวกันภายในห้องลำเลียงที่พ พวกหลิงหลานอยู่นั้นก็มีทีมจากโรงเรียนทหารอีกสี่แห่งเบียดอยู่ด้วย
นี่ก็เลยทำให้บรรยากาศภายในห้องลำเลียงตึงเครียดมาก โรงเรียนทหารทั้งสี่แห่งยึดครองกันคนละฝั่ง เตรียมการรับมือกันและกัน
สมาชิกทีมทั้งหมดของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจัดขบวนเป็นมุมแหลม ทีมที่อยู่ด้านหน้าสุดกลายเป็นมุมแหลมคือหน่วยรบยี่สิบสี่คนของเฉียวถิง ซึ่งเป็นหุ่นรบระดับพิเศษสีเดียวกัน จ้องมอ องโรงเรียนทหารอีกสามแห่งอย่างหิวกระหาย นี่ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องตึงเครียด
ด้านหลังหน่วยรบเฉียวถิงก็มีการคุ้มกันปีกสองฝั่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหุ่นรบระดับพิเศษ โดยมีหน่วยรบอู๋จี๋ที่นำโดยหานอวี้และหน่วยรบเทียนจีที่นำโดยมู่เส่าอวี่ยึดครองกันคนละ ะฝั่ง
ภายในเขตป้องกันของหน่วยรบทั้งสามนี้มีหุ่นรบลำเลียงสิบตัวที่บรรทุกยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของพวกเขา เนื่องจากไม่มีอาวุธขนาดใหญ่ที่น้ำหนักมาก บวกกับได้แจกจ่ายอาวุธและยุทโธปกรณ์มากก กว่าครึ่งตั้งแต่ก่อนขึ้นยาน ส่วนยุทโธปกรณ์ที่เหลืออยู่ก็ใช้หุ่นรบลำเลียงสิบตัวนี้แบกไปเป็นเรื่องที่สบายมาก
ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นรบลำเลียงที่ผ่านการดัดแปลงจากฉางซินหยวนและบรรดาช่างพัฒนาอัจฉริยะหลายคน น้ำหนักที่มันบรรทุกได้มากที่สุดยังเพิ่มขึ้นจากตอนแรกเป็นเท่าตัว ดังนั้นหุ่นรบลำเ เลียงสิบตัวนี้จึงไม่ใช่หุ่นรบลำเลียงที่ใช้ในด้านพลาธิการเพียงอย่างเดียว มันยังสามารถเป็นหุ่นรบต่อสู้ที่มีกำลังยิง นี่เลยทำให้สมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขันของโรงเรียนทหารชา ายที่หนึ่งไม่ได้สิ้นเปลืองผู้ควบคุมหุ่นรบส่วนหนึ่งในด้านพลาธิการนี้เลย มันเป็นทีมรบเต็มรูปแบบโดยที่ทั้งทีมเป็นหน่วยต่อสู้อย่างแท้จริง
และหลิงหลานก็พาบรรดาสมาชิกที่เหลืออยู่แนวหลังสุด เมื่อกวาดตามองแวบหนึ่ง นอกจากหุ่นรบระดับสูงไม่กี่ตัวที่อยู่อย่างกระจัดกระจายแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นหุ่นรบระดับพิเศษ ความ มแข็งแกร่งอันมหาศาลนี้ทำให้โรงเรียนทหารอีกสามแห่งที่ส่วนใหญ่ต่างเป็นหุ่นรบระดับสูงรู้สึกหวั่นเกรงไม่หยุด
ขณะเดียวกันภายในบรรยากาศตึงเครียดนี้ ทีมหลิงหลานกลับทำการวิดิโอคอลคุยเล่นกันอย่างผ่อนคลาย
“อันที่จริง จนถึงตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกเลย พวกเขาพาเราไปส่งในแผนที่ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องใช้กองยานเฮลิแคริเออร์ใหญ่โตขนาดนี้ด้วยล่ะ?” ขณะคุยเล่น ฉางซิงหยวนก็เอ่ยถามคำถา ามที่ตัวเองสงสัยมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าการขนส่งภายในดาวต้องเร็วกว่านอกอวกาศ นอกจากนี้ต้นทุนก็ต่ำกว่าด้วย ทำไมทางผู้จัดถึงต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วยล่ะ?
“ใครจะไปรู้ล่ะ? ไม่แน่ว่าบางทีแค่อยากให้พวกเราได้มีประสบการณ์รู้ว่ายานเฮลิแคริเออร์ที่แท้จริงมีรสชาติเป็นยังไงก็ได้นะ” ลั่วล่างไม่สนใจและคาดเดาส่งๆ
“คงไม่ธรรมดาขนาดนี้หรอกน่า!” หานจี้จวินกลับไม่คิดเช่นนี้ “ตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าต้องขึ้นยานบิน ฉันก็คิดอยู่ว่าทางผู้จัดทำแบบนี้ทำไม…”
“งั้นนายคิดอะไรออกบ้างแล้วล่ะ?” ฉีหลงถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาไว้ใจหานจี้จวินเรื่องปัญหาที่ทดสอบไอคิวแบบนี้มาตลอด
หานจี้จวินส่ายหน้าด้วยความเสียใจ “ฉันไม่รู้…น่าจะพูดว่า ฉันคาดเดาคำตอบที่ฉันคิดว่าน่าเชื่อถือไม่ได้เลย” หานจี้จวินมักจะรู้สึกว่านี่มีนัยยะแฝงอยู่ แต่เหมือนกับมีทรายคลุ มไว้หนึ่งชั้น ทำให้เขามองเห็นไม่ชัด เขาเลยถามหลี่หลานเฟิงอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “รุ่นพี่เฟิง นายคิดว่าไงบ้าง?”
หลี่หลานเฟิงขมวดคิ้ว เขาขบคิดอยู่สักพักแล้วค่อยกล่าวว่า “อันที่จริงฉันคิดเรื่องหนึ่งมาตลอดเลย”
“เรื่องอะไรเหรอ?” ดวงตาของหานจี้จวินเป็นประกาย ไล่ถามต่ออย่างร้อนใจแตกต่างจากความสุขุมก่อนหน้านี้
นักกลยุทธ์ก็เป็นแบบนี้ เมื่อรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ธรรมดาแต่กลับไม่สามารถรู้แน่ชัด รสชาตินั้นยากจะทานทนเหลือเกิน รู้สึกว่ากินข้าวไม่อร่อยนอนหลับไม่สนิท จะต้องรู้เรื่องนี้ให้แ แน่ชัดก่อนถึงจะเลิกราได้ ดังนั้นพอหานจี้จวินได้ยินหลี่หลานเฟิงคล้ายกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาก็ตื่นเต้นทันที
สายตาของหลี่หลานเฟิงทอดมองไปบนตัวหลิงหลานที่เงียบกริบมาโดยตลอด จากนั้นก็เอ่ยช้าๆ ว่า “พวกนายน่าจะยังไม่ลืมคำสั่งกะทันหันของลูกพี่หลานตอนที่พวกเราจะขึ้นยานใช่ไหม”
หลังจากคำพูดประโยคนี้ของหลี่หลานเฟิง ทุกคนก็หวนนึกถึงฉากตอนที่ขึ้นยาน
ภายในท่าอวกาศ เมื่อคนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมาถึงปากทางขึ้นก่อนจะเห็นยานเฮลิแคริเออร์ขนาดมหึมาจนแทบจะมองไม่เห็นด้านข้างลำนั้น ทุกคนก็อดร้องอุทานขึ้นมาไม่ได้ “ว้าว! ! นี่ก็คือยานเฮลิแคริเออร์รุ่นใหญ่ของสหพันธรัฐเรานี่นา ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว จะมีคนอาศัยอยู่ในนี้ได้กี่คนนะ?”
“ตามข้อมูล แค่ทหารพลาธิการบนยานเฮลิแคริเออร์รุ่นใหญ่อย่างเดียวก็ปาไปหมื่นคนแล้ว บวกกับพวกทหารราบอื่นๆ ไม่น่าจะน้อยกว่าหนึ่งแสนคน” คนที่รู้จักยานเฮลิแคริเออร์ดีย่อม อธิบายให้กับคนอื่นๆ
ในตอนที่ทุกคนตกตะลึงกับยานแม่อันใหญ่โตมโหฬารเหล่านี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเย็นชากระจ่างใสของหลิงหลานดังมาจากในช่องสื่อสารทีมว่า “คำสั่ง หน่วยรบทั้งหมดไปรับอาวุธและยุทโธปกร รณ์ของตัวเองที่หน่วยพลาธิการทันที พิกัด: XX.XX ห้ามช้าเด็ดขาด!”
เมื่อคำสั่งนี้ออกมา บรรดาสมาชิกทีมที่ยังคงคุยเล่นกันอยู่ก็ยุ่งวุ่นวายทันที ก่อนจะพากันวิ่งไปยังพิกัดที่หลิงหลานประกาศ ตามหาหน่วยพลาธิการที่มีหลินจงชิงรับผิดชอบนำทีม เ เพื่อรับยุทโธปกรณ์ของพวกเขา
เดิมทีพวกเขาตัดสินใจว่ารอไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วถึงค่อยแจกจ่าย ทว่าจู่ๆ ก็แจกจ่ายก่อนล่วงหน้าแล้ว ถึงแม้มีคนมากมายไม่เข้าใจ แต่การได้รับยุทโธปกรณ์ (ตลับพลังงาน อาหาร อาวุธ ฯลฯ ฯ) ของตัวเองก่อนล่วงหน้ายังคงทำให้พวกเขาดีใจมาก
แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำไมต้องรอจนถึงจุดหมายปลายทางก่อนถึงค่อยทำการแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นเพราะว่า อาวุธและยุทโธปกรณ์ห้าสิบล้านจะถูกส่งมาที่ปากทางขึ้นยานของท่าอวกาศและมอบให้ โรงเรียนต่างๆ ในตอนที่พวกเขาขึ้นยาน ดังนั้นหากต้องการแจกจ่ายล่วงหน้าก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เนื่องจากคำสั่งกะทันหันของหลิงหลานทำให้พวกสมาชิกทีมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งวิ่งพล่านยุ่งวุ่นวายกันยกใหญ่ นี่เลยทำให้นักเรียนจากโรงเรียนทหารอื่นที่เดินผ่านพวกเขามองด้ว วยสายตาดูถูก นึกไม่ถึงเลยว่าบรรดานักเรียนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ไม่สนใจชื่อเสียงหน้าตาขนาดนี้เพื่อที่จะรีบรับอาวุธยุทโธปกรณ์ก่อน แล้วรีบร้อนแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ กันตรงหน้าทางขึ้นยาน ซึ่งการกระทำนี้ดูไม่ได้นิดหน่อยจริงๆ
เวลานี้เอง ผู้บัญชาการสูงสุดกองยานบินชิวเยี่ยผู้รับผิดชอบการขนส่งในครั้งนี้กำลังพิงหน้าต่าง ดื่มชาพลางดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าทางขึ้นยาน ขณะเดียวกันฝั่งตรงข้ามเขา านั้น ตอนนี้กำลังมีชายหนุ่มหล่อเหลาไร้เทียมทานผู้หนึ่งนั่งอย่างสบายๆ อยู่บนที่นั่งผู้บัญชาการซึ่งเดิมทีเป็นของเขา
“เอ๊ะ? ทำไมหน้าทางขึ้นยานหมายเลขเจ็ดถึงวุ่นวายกันขนาดนั้นล่ะ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการของกองยานลำเลียง ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นขณะทำภารกิจขนส่ง เข ขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด
ชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำกล่าวก็เลิกคิ้วขึ้น เมื่อชี้นิ้วใส่ออปติคัลคอมพิวเตอร์ยานบินตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงออปติคัลคอมพิวเตอร์กล่าวว่า “ผู้บัญชาการสูงสุดชิวเยี่ย โปร รดออกคำสั่งของคุณ”
ชายหนุ่มหล่อเหลาจ้องมองชิวเยี่ยด้วยรอยยิ้มโดยที่ไม่พูดไม่จา ชิวเยี่ยเดินเข้าไปแล้วกล่าวกับออปติคัลคอมพิวเตอร์ว่า “เปิดภาพหน้าทางขึ้นยานหมายเลขเจ็ด ฉันอยากรู้ว่าที่นั่นเกิดอะ ะไรขึ้น”
“รับทราบ!” หลังจากเสียงของออปติคัลคอมพิวเตอร์ หน้าจอเสมือนจริงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วตรงออปติคัลคอมพิวเตอร์ จากนั้นภาพหน้าทางขึ้นยานหมายเลขเจ็ดปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ตรงหน้าทั้งสองคน
ชิวเยี่ยเห็นที่นั่นดูเหมือนกับชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งจริงๆ แล้วมีกลุ่มหุ่นรบกำลังแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างเป็นระเบียบ เมื่อสุ่มกดซูมไปที่หุ่นรบตัวหนึ่งก็เห็นตราโรงเรียนตรงหน้าอ อกหุ่นรบ จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “โรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง?”
เขาหันหน้ามองไปทางชายหนุ่มหล่อเหลา เอ่ยพลางเผยรอยยิ้มออกมาตรงมุมปาก “หลิงเซียว นี่เป็นรุ่นน้องของพวกเรานี่นา ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะแจกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มเลย นาย ยว่าพวกเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือเปล่า?”
หลิงเซียวหยิบถ้วยชาที่อยู่ข้างมือขึ้นมา หลังจากจิบเข้าไปหนึ่งคำถึงค่อยเอ่ยอย่างกำกวมว่า “อาจจะสังเกต และก็อาจจะไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย”
“นายจะบอกว่าโชคเหรอ? งั้นโชคของพวกเขาก็ไม่เลวเลยจริงๆ ถ้าเกิดเตรียมตัวไปถึงที่หมายก่อนแล้วค่อยแจกจ่ายละก็ เหอะๆ…” เสียงหัวเราะนี้ของชิวเยี่ยดูมีความสุขในความโชคร้ายของ คนอื่นอย่างชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสาเหตุการมางานประลองที่หลิงเซียวบอกไว้เมื่อสักครู่นี้ ก่อนจะเอ่ยอย่างตระหนักได้ว่า “ลูกชายของนายเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดไม่ใช่เหรอ? ทำไม มถึงได้เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบแล้วล่ะ?” ต่อให้เป็นหลิงเซียวก็เข้าร่วมตอนปีสามเหมือนกัน
หลิงเซียวเอามือขวากุมขมับตัวเองเบาๆ รอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้น เขาเอ่ยอย่างไม่เกรงใจมากๆ ว่า “อื้อ ปีสองก็เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เขาย ยังเป็นผู้บัญชาการของการต่อสู้ประจัญบานครั้งนี้ด้วย!” หลิงเซียวยังไม่อยากให้มีคนรู้เรื่องที่หลิงหลานเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาเยอะมากเกินไป
“เชี่ย ปีสองก็เป็นผู้บัญชาการได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารอบนี้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งส่งผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชามาไม่ใช่เหรอ? ลูกชายนายปราบคู่แข่งที่แข็งแกร่งขนาดนี้จนได้อำนาจสั่งก การมาเนี่ยนะ ยังเจ๋งกว่านายอีก หลิงเซียว นายมีผู้สืบทอดแล้ว!” ดวงตาทั้งสองข้างของชิวเยี่ยมีแต่ความอิจฉาริษยา เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจต่อว่า “ไม่นึกเลยว่าคนที่มีลูกชายก่อนใน นรุ่นเราจะเป็นนาย พวกเราคิดมาตลอดเลยว่านายจะมีเมียมีลูกเป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นผู้หญิงชอบนายกันเกือบทุกคนเลย พวกเราก็นึกว่านายจะเลือกจนตาลายซะแล้ว”
นั่นเป็นยุคสมัยของหลิงเซียว ศึกประลองหุ่นรบในปีนั้น หลิงเซียวนำพาโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอย่างไร้เทียมทาม ช่วงชิงอันดับหนึ่งของการแข่งขันเกือบทั้งหมด คะแนนที่ได้รับในต ตอนสุดท้ายสูงจนทำให้คนตกใจแทบตาย สร้างสถิติที่แทบไม่อาจทำลายได้
น่าเสียดายที่รุ่นนั้นเป็นยุครุ่งเรืองสุดท้ายของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง หลังจากที่หลิงเซียวออกจากโรงเรียนทหารก็โดนโรงเรียนทหารชายที่สองเอาชนะมาติดต่อกันหลายปี กลายเป็นที่สอง งตลอดกาล นี่เลยทำให้คนที่ออกมาจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งยิ่งคิดถึงยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ของหลิงเซียว…