I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 493 พลุสัญญาณรวมกลุ่ม!
หลังจากที่หลิงหลานออกตัว ฉีหลงกับลั่วล่างที่ตามหลังเธอติดๆ ก็ออกตัวตาม
หุ่นรบสามตัวร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็โดนความมืดด้านล่างกลืนกิน ทุกคนไม่คิดว่ายานเฮลิแคริเออร์จะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดวงดาวแล้ว
“เชี่ย นี่มันแรงดูดอะไรเนี่ย?” ความเร็วในการร่วงหล่นของหุ่นรบเหนือกว่าดวงดาวทั่วไปมาก เมื่อเห็นระดับความเร็วในการร่วงหล่นเพิ่มขึ้นอย่างฉับไวแสดงขึ้นบนหน้าจอ ฉีหลงกับลั่วล่างก็ตกใจอย่างยิ่งยวด
ในตอนนี้เอง หุ่นรบของพวกเขาก็ได้รับข้อมูลของดวงดาวที่หลิงหลานส่งมาชุดใหญ่ ทั้งสองคนโบกสะบัดนิ้วมือทันทีโดยไม่ขบคิดเลยสักนิดเดียว ก่อนจะเริ่มปรับเปลี่ยนข้อมูลหุ่นรบใหม่อีกครั้งเพื่อปรับตัวให้เข้ากับดาวที่ไม่รู้จักดวงนี้
เฉียวถิงเห็นหลิงหลานออกตัวจากห้องลำเลียงเป็นคนแรก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ชั่วพริบตาเมื่อสักครู่นั้น เขาไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดขนาดหลิงหลาน เขาเกิดความลังเล…นี่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้หลิงหลาน
“พวกเราไป!” เฉียวถิงกัดฟัน สั่งบรรดาลูกทีม เขาแพ้หลิงหลานไปหนึ่งครั้ง แต่ว่าจะแพ้ให้อีกฝ่ายสองครั้ง สามครั้ง หรือกระทั่งมากกว่านั้นไม่ได้เป็นอันขาด
ไม่นาน เฉียวถิงก็พาหน่วยรบยี่สิบสี่คนออกตัวจากห้องลำเลียงภายในเวลาไม่กี่วินาที ถ้าเกิดบอกว่าการกระทำของหลิงหลานทำให้ทุกคนตกตะลึง เช่นนั้นการกระทำของเฉียวถิงก็เรียกสติของทุกคน
เวลานี้เอง JMC เริ่มแจ้งเตือนใหม่อีกครั้ง “คนที่ไม่ได้ออกตัวภายในสามนาทีจะถูกตัดสิทธิ์จากการต่อสู้ประจัญบานในครั้งนี้ คำเตือน ประตูยานจะถูกปิดในอีกสองนาที สี่สิบวินาที”
คนจากโรงเรียนทหารอีกสามแห่งได้ยินก็ร้อนใจ รู้ว่าพวกเขาไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ผู้บัญชาการของพวกเขารีบประกาศให้แจกจ่ายยุทโธปกรณ์ทั้งหมดทันที ให้ลูกทีมหยิบยุทโธปกรณ์ที่ตัวเองต้องการก่อนที่จะออกตัว ส่วนเรื่องที่พวกเขาหยิบได้มากแค่ไหนก่อนที่ประตูยานจะปิดนั้น ก็ได้แต่ดูความเร็วของแต่ละคนแล้ว
เมื่อเทียบกับความชุลมุนวุ่นวายของโรงเรียนทหารทั้งสามแห่งแล้ว โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเริ่มทำการออกตัวอย่างเป็นระเบียบเนื่องจากพวกเขาหยิบยุทโธปกรณ์ที่ตัวเองต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว ภายในเวลาหนึ่งนาที พวกเขาออกตัวกันได้เจ็ดแปดส่วน หลินจงชิงที่เดิมทีพูดคุยกับหน่วยรบก็ส่งสัญญาณมือที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ให้กับเพื่อนร่วมทีมหลายคนที่ยังไม่ได้ออกตัว จากนั้นถึงค่อยเริ่มพาทีมหุ่นรบลำเลียงพลาธิการออกตัว…
“ติ๊ดๆๆ! เวลานี้เริ่มนับถอยหลังปิดประตูยาน 100 99…” ตอนนี้เอง JMC ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง เริ่มแจ้งเตือนช่วงเวลาสุดท้ายในการปิดประตูที่กำลังจะมาถึง
“สมาชิกทีมที่หยิบยุทโธปกรณ์แล้วรีบออกตัวเร็วเข้า แล้วให้สมาชิกทีมด้านหลังไปหยิบ…” ผู้บัญชาการของพวกเขาเริ่มสั่งการ ถึงแม้ว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่สถานการณ์ยังคงชุลมุนวุ่นวายไม่หยุด
บางคนอยากเบียดเข้าไปหยิบของ ส่วนบางคนที่หยิบได้แล้วก็อยากเบียดออกมา ต่างฝ่ายต่างขวางกันเองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“73 72 71…” ตัวเลขนับถอยหลังน้อยลงเรื่อยๆ ผู้บัญชาการของพวกเขาร้อนอกร้อนใจ แต่ไม่รู้ว่าควรแก้ไขอย่างไรดี
“ผู้บัญชาการ ได้แต่ให้พวกเขาออกตัวก่อนแล้ว ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ หุ่นรบลำเลียงพลาธิการขนไปได้แค่ไหนก็ได้แค่นั้น” เมื่อเห็นสถานการณ์กำลังจะสูญเสียการควบคุม คนที่รับตำแหน่งเป็นเสนาธิการข้างกายก็รีบเอ่ยเตือน
คนที่สามารถเป็นผู้บัญชาการทีมได้ล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร เขาเองก็มองออกว่าถ้าเกิดมีเวลาเพียงพอให้สมาชิกทีมพกยุทโธปกรณ์ย่อมเป็นการดี ทว่าหากต้องการทำให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่จำกัดสุดขีดแบบนี้เป็นเรื่องที่เพ้อฝันอยู่บ้างจริงๆ ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดว่า “สมาชิกทุกคนหยุดหยิบยุทโธปกรณ์ แล้วรีบออกตัวเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งนี้ทำให้ทุกคนมีทิศทางไปทันที คนที่อยู่ด้านนอกไม่เบียดเข้าไปข้างในอีกต่อไป พวกเขาหันหน้าวิ่งไปทางหน้าประตูยาน ก่อนจะออกตัวอย่างรวดเร็ว
“17 16 15…” เวลาใกล้จะหมดลงเรื่อยๆ ตอนนี้โรงเรียนทหารทั้งหมดออกตัวกันไปได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว เหลือเพียงหุ่นรบลำเลียงพลาธิการบางส่วนเท่านั้น หุ่นรบลำเลียงคว้ากล่องใบใหญ่ที่ยังไม่ได้เปิดหลายใบมั่วๆ แล้วโยนไปที่แผ่นหลังตัวเอง ก่อนจะออกตัวอย่างฉับไวโดยไม่ครุ่นคิดแม้แต่น้อย…
“7 6 5 4…” เมื่อหุ่นรบลำเลียงพลาธิการตัวสุดท้ายออกตัว ผู้ควบคุมหุ่นรบตัวนี้คล้ายกับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขยับตรงมุมหน้าจอ…แต่วินาทีถัดมา การร่วงหล่นอย่างรวดเร็วทำให้เขาโยนข้อสงสัยนี้ไปที่ด้านหลังสมอง เขารวบรวมข้อมูลอย่างเคร่งเครียดแล้วเริ่มปรับค่าของหุ่นรบเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพของดาวดวงใหม่นี้
“3 2 1” เมื่อนับถอยหลังถึงหนึ่ง สองมือของหุ่นรบสี่ตัวก็คว้าเป้าหมายที่พวกเขาเล็งไว้นานแล้ว ก่อนจะออกตัวจากหน้าประตูยานได้สำเร็จ
“0!” เวลานับถอยหลังสิ้นสุดลง ประตูยานส่งเสียงปังถูกปิดสนิท ห้องลำเลียงที่ไม่มีใครสักคน หลงเหลือเพียงยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ได้หยิบไปมากกว่าครึ่งวางกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าโรงเรียนทหารเหล่านี้ผ่านช่วงเวลา 78 ชั่วโมงให้หลังไม่ง่ายอย่างแน่นอน (การต่อสู้ประจัญบาน 72 ชั่วโมง+ช่วงเวลาตามหาฐานที่มั่น 6 ชั่วโมง)
ชิวเยี่ยที่เฝ้าจับตามองห้องหมายเลขสามของยานหมายเลขเจ็ดมาโดยตลอด เห็นการกระทำของหุ่นรบสี่ตัวสุดท้าย แววตาก็เปล่งประกาย เขารีบสั่งการทันทีว่า “กรอภาพไปที่ห้าวินาทีก่อน!”
ออปติคัลคอมพิวเตอร์กรอภาพเมื่อสักครู่นี้กลับไปที่ช่วงเวลารนับถอยหลังห้าวินาทีสุดท้ายอีกครั้ง เมื่อหุ่นรบตัวสุดท้ายออกตัวไปก็มีหุ่นรบสี่ตัวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วจากในมุมที่ซ่อนเร้น แล้วพุ่งไปยังตำแหน่งที่วางยุทโธปกรณ์ของโรงเรียนทหารสามแห่งที่ไม่ได้หยิบยุทโธปกรณ์ไปจนหมด เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก หุ่นรบแต่ละตัวยื่นมือสองข้างออกไปคว้ากล่องใบใหญ่สี่กล่องก่อนที่จะออกตัวไปจากหน้าประตูยาน
ชิวเยี่ยหยุดภาพตอนที่พวกเขาคว้ากล่องใบใหญ่ หลังจากนั้นก็ซูมภาพเข้าไป ถึงแม้ว่าภายใต้ความไวอย่างยิ่งยวดจะทำให้ภาพไม่ชัดเจนมากนัก ทว่าตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกที่เป็นตัวแทนฐานะของพวกเขาก็ยังมองเห็นได้อย่างรางเลือนอยู่บ้าง เขาที่เรียนจบจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเช่นเดียวกันย่อมคุ้นเคยกับตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนตัวเอง พริบตาเดียวก็ดูออกว่าพวกเขามาจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
“เชี่ย เป็นกลุ่มคนบ้าจริงๆ!” พวกเขาอดทนจนถึงตอนสุดท้ายเพื่อยุทโธปกรณ์ ไม่ควรชมพวกเขาหรือว่าติเตียนพวกเขาจริงๆ ถ้าเกิดพวกเขาโชคร้าย พวกเขาอาจจะเสียสิทธิ์ในการต่อสู้ประจัญบานก็ได้
ถึงแม้ชิวเยี่ยจะออกปากด่า ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม ดูเหมือนเขายังคงพึงพอใจกับการกระทำที่ใจกล้าของสี่คนนี้มาก
“ในเมื่อผู้บัญชาการของพวกเธอคือลูกชายของหลิงเซียว คิดดูแล้วเขาก็น่าจะพาพวกเธอเอาชนะอุปสรรคพวกนี้ได้” ชิวเยี่ยลอบเอ่ย เป็นความจริงที่ว่าตำแหน่งส่งตัวที่เขาจัดเตรียมให้ยานหมายเลขเจ็ดเป็นตำแหน่งที่ยากลำบากที่สุดของดาวดวงนี้ ถ้าเกิดโชคไม่ดี อาจจะไม่สามารถไปถึงตำแหน่งที่กำหนดไว้ได้ภายในหกชั่วโมง…
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังละ! ถึงมันจะยาก แต่ขอเพียงไขความลับในนั้นได้ บางทีอาจจะไปถึงได้ในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น อย่าโดนดวงตาของตัวเองหลอกละ” ชิวเยี่ยเต็มไปด้วยความรอคอย เขาคาดหวังจากใจจริงว่า ลูกชายของหลิงเซียวสามารถสืบทอดความฉลาดมากแผนการของหลิงเซียวได้เช่นกัน หลิงเซียวไม่ได้เป็นแค่ผู้ควบคุมขั้นเทวะเท่านั้น
“ความเร็วลมระดับ 12 ความแรงลมนี้ต่อให้ควบคุมเต็มกำลังก็รับประกันไม่ได้ว่าตำแหน่งร่วงลงสุดท้ายอยู่ที่ไหน” พอเห็นความเร็วลมและแรงลมที่เสี่ยวซื่อรายงานเข้ามา หลิงหลานก็ไม่ได้ขมวดคิ้วแน่น แต่ว่าในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อย ข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดของการต่อสู้ประจัญบานคือสมาชิกทีมแยกจากกันหลุดออกจากทีม บวกกับยังมีคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ที่ออกตัวพร้อมกัน ถ้าเกิดสมาชิกทีมถูกทิ้งอยู่คนเดียวแล้วเจอกองกำลังใหญ่ของคู่แข่งคนอื่นๆ นั่นก็เป็นโศกนาฎกรรมแล้ว
ทันใดนั้นเวลานี้เองเสี่ยวซื่อก็รายงานว่า “ข้อมูลตัวเลขทุกอย่างค่อนข้างมั่นคงแล้ว ความเร็วลดลง แรงดึงดูดกำลังเพิ่มขึ้น…ลูกพี่ พวกเราน่าจะกำลังร่วงลงถึงพื้นของดาวแล้ว”
หลิงหลานพบว่ารอบด้านยังคงมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างเลยสักนิดเดียว นี่ทำให้เธอคาดการณ์สถานการณ์บนพื้นดินไม่ได้ เธอทำการตัดสินใจในพริบตา รีบสั่งเสี่ยวซื่อว่า “ยิงพลุสัญญาณลอยฟ้า!” ขณะเดียวกันหลิงหลานก็โบกสะบัดนิ้วมืออย่างรวดเร็ว ปรับการตั้งค่าหุ่นรบตามข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับจากการวิเคราะห์ของเสี่ยวซื่ออีกครั้ง ทำให้ความเร็วในการร่วงหล่นของหุ่นรบค่อยๆ ช้าลง ท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสถานะลอยกลางอากาศได้สำเร็จ
“เปรี้ยงๆๆ” เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง พลุสัญญาณสีม่วงระยิบระยับสามลูกพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในชั่วพริบตา ลอยอยู่เหนือหุ่นรบของหลิงหลาน ในความมืดมิดอันหนาทึบผืนนี้ พลุสัญญาณสามลูกนี้ดูส่องสว่างพราวพร่าง ทำให้ผู้คนไม่อาจมองข้ามได้
ฉีหลงกับลั่วล่างที่ออกตัวหลังจากหลิงหลานแค่หนึ่งวินาทีมองเห็นรัศมีแสงสีม่วงสามจุดที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นอย่างรางเลือนบนท้องฟ้าที่ห่างจากพวกเขาไกลมาก ในใจก็รู้สึกยินดีโดยพลัน
ตอนที่พวกเขาตกลงมาเมื่อสักครู่นี้ หุ่นรบอยู่ท่ามกลางสายลมที่บ้าคลั่ง พวกเขาก็กังวลว่าจะโดนพายุเหล่านี้พาออกไปจากตำแหน่งเดิมหรือเปล่า ท้ายที่สุดแยกจากลูกพี่ไปไกลจนมองไม่เห็นพลุสัญญาณแล้วหาอีกฝ่ายไม่เจอ โชคดีที่พวกเขาถูกพาออกห่างจากตำแหน่งของลูกพี่นิดเดียว ไม่ถือว่าไกลมากนัก พวกเขาที่ดีใจเป็นบ้าเป็นหลังก็รีบขับหุ่นรบบินไปยังตำแหน่งรัศมีแสงนั้นทันที
ควรพูดว่าหลังจากการวางแผนของหานจี้จวิน หลี่หลานเฟิงรวมถึงบรรดาระดับสูงของภาควิชากลยุทธ์อีกสามคนที่บรรจุเข้ามา เอกสารที่ทำขึ้นในตอนสุดท้ายนับว่าครอบคลุมทุกด้านจริงๆ ใส่สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมดเข้าไป รวมถึงเรื่องการรวมกลุ่มสมาชิกทีมอย่างไรในความมืดมิด
ดังนั้น หลังจากที่หลิงหลานยิงพลุสัญญาณสามลูกนี้แล้ว สมาชิกทีมที่เห็นพลุสัญญาณล้วนรู้ว่านี่หมายความว่าอะไร สีม่วงระยิบระยับบ่งบอกว่าต้องลอยกลางอากาศฉุกเฉิน พื้นดินอาจจะมีอันตรายได้ สามลูกบ่งบอกว่าฐานะของผู้ยิงคือผู้บัญชาการระดับสูงสุด เวลาเดียวกันพลุสัญญาณสามลูกก็บอกตำแหน่งที่แท้จริงของหลิงหลาน นั่นก็คือตรงกลางพลุสัญญาณสามลูก และความหมายใหญ่ที่สุดของพลุสัญญาณเหล่านี้ก็คือ รวมกลุ่ม!
เฉียวถิงที่ช้ากว่าฉีหลงและลั่วล่างนิดหน่อยก็มองเห็นพลุสัญญาณสีม่วงพราวระยับสามลูกนี้เช่นกัน เขาก็เล็งตรงไปที่เหนือศีรษะแล้วยิงพลุสัญญาณสีม่วงสว่างกับสีเขียวโดยไม่ลังเล ในทำนองเดียวกัน การกระทำนี้ของเขาก็คือการตอบรับพลุสัญญาณของหลิงหลาน การยิงพลุสัญญาณสีม่วงเหมือนกันเป็นการบอกหลิงหลานว่าพวกเขารับทราบแล้ว และพลุสัญญาณสีเขียวคือพลุสัญญาณฐานะของเฉียวถิงโดยเฉพาะ เขากำลังบอกฐานะของตัวเองให้หลิงหลาน ขณะเดียวกันก็กำลังเรียกสมาชิกทีมของเขา
หลังจากที่หัวหน้าทีมคนอื่นๆ ทยอยกันเห็นพลุสัญญาณเหล่านี้ พวกเขาก็ดำเนินการตาม ไม่นานก็มีพลุสัญญาณสีม่วงพราวพร่างหลายลูกพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่ควบคู่กับพลุสัญญาณสีม่วงเหล่านี้กลับเป็นพลุสัญญาณที่มีสีสันแตกต่างกัน ประดับประดาท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เดิมทีมืดสนิทให้งดงามเป็นพิเศษทันที
บรรดาสมาชิกทีมที่ไม่ได้โดนพัดไปไกลมากนักและสามารถมองเห็นพลุสัญญาณพวกนี้ก็มีเป้าหมายทันที พวกเขาขับหุ่นรบด้วยความกระตือรือร้น บินไปหาพลุสัญญาณของหน่วยรบตัวเอง
“พวกนั้นเป็นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเหรอ? พวกเขาเตรียมการพร้อมขนาดนี้ได้ยังไง?” คนจากโรงเรียนอื่นที่อยู่ระหว่างพวกเขามองเห็นฉากนี้ก็เริ่มอิจฉาคับแค้นใจขึ้นมา เมื่อเทียบกับความเป็นระเบียบและการเตรียมพร้อมครบครันของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว พวกเขาเหมือนกับแมลงวันไร้หัวที่ไม่รู้ว่าต่อไปต้องทำอะไร
แต่พวกผู้ควบคุมหุ่นรบที่มีสมองล้วนขับหุ่นรบให้หลบออกจากเขตพื้นที่พลุสัญญาณเหล่านี้ พวกเขารู้ดีว่า ถ้าเกิดพวกเขาที่อยู่ตามลำพังเข้าสู่เขตเหล่านี้แล้วถูกคู่ต่อสู้พบเจอขึ้นมา จะต้องกลายเป็นสินสงครามของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน พวกเขาไม่มีทางทำเรื่องผิดพลาดระดับต่ำแบบนี้เด็ดขาด
——————-