I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 494 เขตทะเลหยินหยาง!
หลิงหลานที่รอคอยพวกสมาชิกทีมมารวมกลุ่มก็ไม่ได้รออย่างเสียเปล่า เธอหยิบปืนลำแสงระยะไกลกระบอกหนึ่งลงมาจากช่องตรงแผ่นหลัง แล้วเล็งไปที่ด้านล่าง ก่อนจะยิงสุ่มๆ หนึ่งนัด
ลำแสงเปล่งประกายสายหนึ่งผ่านทะลุท้องฟ้ายามราตรี ตกลงมาจากฟากฟ้า
เสียง ‘ตูม’ ดังทุ้มต่ำ ลำแสงยิงโดนพื้นแล้วแต่ไม่ได้ส่งเสียงดังลั่น ลำแสงสะดุดตาสายนั้นหายวับไปในพริบตา ไม่เหลือร่องรอย ราวกับถูกอะไรบางอย่างกลืนกินก็ไม่ปาน
“ความรู้สึกนี้มัน ด้านล่างเหมือนกับไม่ใช่พื้นดินเลย” หลิงหลานขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสี่ยวซื่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวซื่อ การโจมตีเมื่อกี้ นายพบอะไรหรือเปล่า?”
“จากปฏิกิริยาตอบสนองของลำแสง ด้านล่างดูเหมือนของเหลวมากกว่านะ” เนื่องจากยังห่างจากพื้นอีกสองร้อยสามร้อยเมตร ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดยังคงสร้างความลำบากให้เสี่ยวซื่อไม่น้อย ยในการเก็บข้อมูลโดยอาศัยแค่การบันทึกภาพระยะไกลของหุ่นรบ
“ลูกพี่ มีหุ่นรบมา” ขณะที่หลิงหลานอยากเข้าไปดูใกล้ๆ เสี่ยวซื่อพลันเอ่ยเตือนหลิงหลานว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“ลูกพี่!” เมื่อเข้าสู่ระยะที่ทีมสามารถติดต่อหากันได้ หลิงหลานก็ได้ยินเสียงทรงเสน่ห์ที่คุ้นเคยในช่องสื่อสาร ทว่าเสียงของเขาในตอนนี้ดูเย็นชากว่าในยามปกติ
“ลั่วล่าง!” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าคนแรกที่มาเจอเธอจะเป็นลั่วล่าง แต่พอนึกถึงเสียงของลั่วล่างเมื่อสักครู่นี้ เธอก็รู้ว่าลั่วล่างเปิดใช้บุคลิก กเย็นชาสุดขีดแล้ว เมื่อลั่วล่างอยู่ในบุคลิกนี้ ระดับการควบคุมหุ่นรบของลั่วล่างจะพุ่งขึ้นสูง ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ นี่ก็เลยเข้าใจได้ว่าทำไมเขาส สามารถมาหาได้ไวขนาดนี้
“ลูกพี่ ฉันมาแล้ว” ถึงแม้หุ่นรบที่ลั่วล่างขับจะเป็นหุ่นรบระดับสูง แต่ความเร็วย่อมไปถึงขีดสูงสุดของหุ่นรบระดับสูงแล้ว ไม่ต่างกับความเร็วของหุ่นรบระดับพิเศษมากนัก
“ลั่วล่าง ฉันจะไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านล่าง ฝากนายดูที่นี่ด้วย” หลิงหลานทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยคก็ขับหุ่นรบบินลงไปอย่างรวดเร็ว
ลั่วล่างได้ยินคำกล่าวก็หยิบดาบแสงกับปืนลำแสงระยะใกล้ลงมาจากแผ่นหลังอย่างฉับไว ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง ดาบแสงที่มีพลังงานแสงเหมาะมากกว่าอาวุธเย็น แน่นอนว่านี่หมายถึง งตอนที่ต่อสู้ระยะประชิด ทว่าเวลานี้ดาบแสงไม่เหมาะให้เปิดใช้งาน ถึงแม้ลำแสงของดาบแสงสามารถส่องสว่างในระยะสี่สิบห้าสิบเมตร แต่มันก็ทำให้เขากลายเป็นเป้าที่ถูกลอบโจมตีได้เช่น นกัน ลั่วล่างที่เปิดใช้งานบุคลิกเย็นชาสุดขีดไม่มีทางทำความผิดพลาดระดับต่ำแบบนี้แน่นอน
สายตาของลั่วล่างเปลี่ยนเป็นเย็นชามากยิ่งขึ้น เขาเตรียมการป้องกันจากรอบด้านอย่างระมัดระวัง ลูกพี่หลานเหมือนจะพูดง่ายๆ แต่ความจริงแล้วคือฝากความปลอดภัยของเขาไว้ที่ตัวลั่วล่า าง ดังนั้น ต่อให้เป็นลั่วล่างที่เปิดใช้งานบุคลิกเย็นชาสุดขีดก็รู้สึกหนักอึ้งราวกับขุนเขากดทับเช่นกัน
แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางทำผิดต่อความเชื่อใจของลูกพี่ที่มีต่อเขาได้! ลั่วล่างที่อยู่ในห้องคนขับกำหมัดแน่น
ทันใดนั้นเองเขารู้สึกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวในความมืดทึบทางด้านซ้าย เขายกปืนลำแสงระยะใกล้ขึ้นมาแล้วยิงไปหนึ่งนัดโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว
“เชี่ย ฆาตกรรมกันเรอะ!” ฉีหลงที่เพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้หอบหายใจ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีวิกฤติครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง ชั่วพริบตานั้นความเร็วมือของเขาทำลายสถิติของเขาแล้ว และเป็น เพราะประสาทการตอบรับแสนมหัศจรรย์นี้ทำให้เขาหลบการโจมตีที่โผล่มาอย่างไม่คาดฝันนี้ได้พ้น
จนกระทั่งเวลานี้เอง ฉีหลงถึงค่อยพบว่า ตรงบริเวณที่ห่างจากเขาไปไม่กี่สิบเมตรยังมีหุ่นรบตัวหนึ่งซ่อนอยู่ท่ามกลางความมืด
เมื่อได้ยินเสียงดังที่ระเบิดฉับพลันในช่องสื่อสารทีม ลั่วล่างค่อยรู้ว่ามหันตภัยมาเยือนคนบ้านเดียวกัน เขาโจมตีใส่คนของตัวเองแล้ว เขาเก็บปืนก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ที่แท้ ก็เป็นนายนี่เอง ฉีหลง”
“ลั่วล่าง…เอ่อ ก็ถือว่าเป็นลั่วล่างด้วยเหมือนกัน ทำไมนายไม่ส่งเสียงก็ยิงเลยล่ะ?” ฉีหลงเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยก็เก็บอาวุธในมือ ก่อนจะขับหุ่นรบมาที่เบื้องหน้าลั่วล่าง
“ทำไมนายมาแล้วถึงไม่บอกสักคำล่ะ?” ลั่วล่างถามอย่างเย็นชา ถึงขนาดที่ยังแฝงไปด้วยร่องรอยการติเตียนอยู่ในน้ำเสียง
ฉีหลงขยี้จมูก เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ฉัน…นี่ก็รีบร้อนมาไม่ใช่หรือไง?”
“สมควร!” ลั่วล่างปรายตามองฉีหลงอย่างดูถูกแวบหนึ่ง อย่าคิดว่าเขาคือลั่วล่างคนเดิมนะ ที่พูดอะไรก็เชื่ออย่างนั้น
ฉีหลงขยี้จมูกอีกครั้งอย่างไร้คำพูด หลังจากนั้นก็เอ่ยเปลี่ยนหัวข้อว่า “ทำไมลูกพี่ไม่อยู่ล่ะ?” ความจริงเขาอยากเซอร์ไพรส์ลูกพี่ และยังคิดว่าเขามาถึงเป็นคนแรก ไม่คาดคิดว่าคน แรกที่มาถึงจะเป็นลั่วล่าง แถมยังเป็นลั่วล่างที่เปิดใช้งานบุคลิกเย็นชาสุดขีดด้วย เป็นบุคลิกที่หลอกยากจริงๆ
ลั่วล่างไม่ตอบ เพียงแต่ชี้ลงไปที่ข้างล่าง ฉีหลงเองก็ไม่ใช่คนโง่ นึกถึงพลุสัญญาณสีม่วงสว่างที่ลูกพี่ยิงซึ่งหมายถึงคำสั่งให้ลอยตัว เขาก็รู้ว่าด้านล่างจะต้องมีปัญหานิดหน่อย แล ละอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
ในเมื่อลูกพี่ไม่บอกให้พวกเขาลงไป ฉีหลงก็ไม่ได้ตัดสินใจเคลื่อนไหวเองโดยพลการ หากแต่รอคอยระวังภัยรอบด้านกับลั่วล่าง ฉีหลงรู้ดีว่า ตอนนี้เป็นสงครามจริง ไม่ว่าอันตรายใดๆ ก็ อาจจะนำพาหายนะมาให้เขาได้ทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ตัวเองเจอเง็กเซียนฮ่องเต้ล่วงหน้าเพราะการกระทำที่บุ่มบ่ามหรอกนะ
ทางด้านหลิงหลานที่ขับหุ่นรบบินตรงมาที่ด้านล่าง เธอหยิบดาบแสงออกมาจากช่องตรงแผ่นหลัง และเปิดสวิตช์พลังงาน ดาบแสงปล่อยลำแสงทรงพลังสายหนึ่งออกมาฉับพลัน ทำให้พื้นที่ประมาณ ณสี่สิบห้าสิบเมตรโดยรอบสว่างไสวในพริบตา
หลิงหลานอาศัยแสงสว่างเล็กๆ นี้มุ่งหน้าลงไปอีก จนในที่สุดเธอก็เข้าใกล้ ‘พื้น’ แล้ว พื้นราบเรียบ เกลี้ยงเกลาจนเริ่มสะท้อนแสงของดาบแสง ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานพร่า เลือนทันที
หน้าจอหุ่นรบมืดลงในชั่วพริบตาโดยไม่รอให้หลิงหลานสั่ง เสี่ยวซื่อป้องกันแสงสะท้อนโดยพลัน เลยไม่ส่งผลกระทบต่อสายตาของหลิงหลานอีกต่อไป
หลิงหลานบินไปข้างหน้าตามพื้นในระยะหนึ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่ารอบด้านล้วนเป็น ‘พื้น’ แบบนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่แห่งหนใด
หลิงหลานแทงดาบแสงไปที่ ‘พื้น’ ทีหนึ่ง ดาบแสงแทบจะไม่มีรู้สึกถึงแรงต้านทาน จมเข้าไปในพื้นจนถึงด้ามดาบทันที
หลิงหลานยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ‘พื้น’ ที่ราบเรียบแต่เดิมมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มสั่นคลอนขึ้นมาช้าๆ
“ช่วงเวลานั้นทำให้พลังงานของดาบแสงถูกผลาญไปหนึ่งในหกทันที น้ำนี้แปลกประหลาดจริงๆ” หลิงหลานเห็นการแจ้งเตือนในหน้าจอว่าพลังงานดาบแสงถูกเผาผลาญ ก็เอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“เป็นน้ำ และน้ำนี้อาจจะมีฤทธิ์กัดกร่อนในระดับหนึ่ง หรือว่ามันมีความสามารถดูดซับพลังงานด้วย” หลิงหลานห้อยดาบแสงกลับไปที่ช่องตรงแผ่นหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ชักอาวุธเ เย็นลงมา—ดาบยักษ์
หลิงหลานกุมดาบยักษ์ไว้ในมือ ใช้ปลายดาบทิ่มของเหลวที่กระเพื่อมไม่หยุด หลังจากนั้นก็หยิบอุปกรณ์ให้แสงสว่างออกมา ส่องไปที่ปลายดาบยักษ์ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าปลายดาบมีหยดน้ำกำ ำลังร่วงลงมาทีละหยด ทว่าตัวดาบนั้นยังคงเกลี้ยงเกลาเช่นเดิม ไม่เห็นความเสียหายเลยสักนิดเดียว…
“บางทีความสามารถกัดกร่อนของน้ำนี้จะไม่มีฤทธิ์ต่อส่วนประกอบของดาบยักษ์ แต่มีความเป็นไปได้มากว่า มันเป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่สามารถกลืนกินพลังงานได้” ถ้าเกิดมีฤทธิ์กัดกร่อน นจริงๆ ละก็ เกรงว่าทางผู้จัดศึกการประลองหุ่นรบไม่น่าจะมีความกล้าโยนพวกเขาลงมาตรงตำแหน่งนี้ ในหมู่หุ่นรบส่วนใหญ่ที่ร่วงลงมา ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลิงหลานคาดคะเนอยู่หลายอย่างก่อนจะคาดเดาได้คร่าวๆ ขณะที่เธอกำลังคิดจะกลับไปยังจุดเดิมที่ยิงพลุสัญญาณ เธอก็สังเกตเห็นว่าความมืดมิดที่ตอนแรกดำสนิทจนแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือ ทั้งห้าเริ่มจางลงช้าๆ
“เสี่ยวซื่อ ทำไมฉันรู้สึกว่าท้องฟ้าตอนกลางคืนดูอ่อนลง?” หลิงหลานเอ่ยถาม
“จริงด้วย” คำเตือนของหลิงหลานทำให้ เสี่ยวซือตระหนักขึ้นมาได้ มันค้นดูข้อมูลที่รวบรวมมา ค่าการมองเห็นเริ่มสูงขึ้นจริงๆ “ดูเหมือนช่วงเวลากลางวันกำลังจะมาแล้วนะ”
“ไม่รู้ว่าช่วงเวลากลางวันนี้ยังจะนานอีกเท่าไหร่ จากระยะเวลาที่เหลืออยู่จนกว่าจะถึงตอนเที่ยงคืนของดาวฉี่หมิงที่กำหนดไว้ในตอนแรก พวกเราน่าจะมีไม่ถึงหกชั่วโมงแล้ว”
“อื้อ เหลือแค่ 5 ชั่วโมง 41 นาทีเท่านั้น” เสี่ยวซื่อรายงานเวลาที่แม่นยำอย่างมีความรับผิดชอบเต็มเปี่ยม
“ต้องยืนยันตำแหน่งร่อนลงของพวกเราโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นก็จะตัดสินใจไม่ได้ว่าต้องไปทิศทางไหน” ถ้าที่นี่ไม่ใช่แม่น้ำก็เป็นเขตทะเล ต่างกับแนวเทือกเขาที่เธอจับได้อย่างสิ้นเชิง น่าเสียดายที่หลิงหลานครุ่นคิดอยู่เนิ่นน่าน ก็ยังคิดไม่ออกว่า ตัวเองอยู่ที่แม่น้ำหรือว่าเขตทะเลไหนกันแน่
พูดไม่กี่ประโยค ท้องฟ้ายามราตรีก็อ่อนลงเรื่อยๆ พริบตาเดียวช่วงเวลากลางวันก็มาถึงแล้ว
เวลานี้หลิงหลานถึงค่อยมองเห็นชัดเจนว่า พื้นที่ที่พวกเขาร่วงลงมาคือเขตทะเลจริงๆ และเขตทะเลนี้แปลกประหลาดมาก ด้านหนึ่งมีหมอกควันแผ่ปกคลุมจนแทบจะมองเห็นข้างในไม่ชัด ส่วนอ อีกด้านกลับใสกระจ่างมาก หลิงหลานถึงขนาดมองเห็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านเป็นทอดๆ อยู่ตรงปลายสุดได้รางๆ….
“เขตทะเลหยินหยาง!” หลิงหลานจำชื่อที่ตั้งให้เขตทะเลผืนนี้บนแผนที่ได้โดยอัตโนมัติ เขตทะเลนี้ครึ่งหนึ่งใสสะอาดกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แทบจะไม่มีฝนตกลงมาเลย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งม มักจะมีฝนดำตกลงมาเสมอ โดยที่ฟ้าใสแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมถึงเรียกที่นี่ว่าเขตทะเลหยินหยาง
“ดูท่า ด้านที่มีหมอกควันปกคลุมนี้จะเป็นเขตทะเลหยิน และทางฝั่งนี้น่าจะเป็นเขตทะเลหยาง ถึงแม้พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ แต่ถ้าเกิดอยากไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกเรา เราก็ต้องเดินทาง ไปตามเขตทะเลหยาง อ้อมภูเขาสูงพวกนั้นก็ใช้ได้แล้ว” หลิงหลานเริ่มคิดคำนวณในใจ
“เสี่ยวซื่อ เอาแผนที่เขตทะเลหยินหยางออกมาที” หลิงหลานสั่งการ
ไม่นาน ในห้วงจิตใจของหลิงหลานก็ปรากฏแผนที่ของเขตทะเลหยินหยางโดยละเอียด ซึ่งเขียนว่าเขตทะเลหยางฝั่งนี้อยู่ใกล้กับฐานที่มั่นของพวกเขามากจริงๆ ดูจากการคำนวณเวลาตามระยะท ทางจริงแล้ว หนึ่งชั่วโมงครึ่งก็น่าจะไปถึงได้ หลิงหลานคิดถึงตรงนี้ก็โล่งอกทันที ก่อนจะเริ่มอดทนรอคอยการมาของทุกคน
เมื่อช่วงเวลากลางวันมาถึงก็ทำให้โรงเรียนทหารอื่นๆ ที่ไม่มีทิศทางและไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก็เริ่มรวบรวมสมาชิกทีมกันอย่างแข็งขัน ส่วนทางฝั่งหลิงหลาน ถึงแม้สมาชิกส่วนใหญ่จะร รวมทีมกันได้สำเร็จแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนนิดหน่อยที่ยังไม่ได้รายงานตัว หัวหน้าทีมของหน่วยรบใหญ่ต่างๆ ก็ไม่ได้รอเฉยๆ พวกเขาทยอยกันส่งพวกลูกน้องให้ตั้งทีมกันออกไปค้นหา
พวกหลี่หลานเฟิงที่ร่วงลงมาในตอนสุดท้าย เวลานี้พวกเขาก็มาถึงข้างกายหลิงหลานแล้ว พวกเขามีรอยยิ้มเต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้า ก่อนจะทำมือเป็นท่าชัยชนะให้กับหลินจงชิงที่กำลังรา ายงานการใช้ยุทโธปกรณ์ หลินจงชิงเห็นแบบนี้ก็กระตือรือร้นทันที
สาเหตุที่พวกเขากลับมารวมทีมช้าขนาดนี้เป็นเพราะพวกเขาไปหาทีมหุ่นรบพลาธิการของหลินจงชิงก่อน แล้วส่งยุทโธปกรณ์ที่พวกเขาแย่งชิงมาได้ในตอนสุดท้าย ที่แท้คนที่รอจนถึงตอนสุดท้า ายแล้วลงมือแย่งชิงยุทโธปกรณ์ก็คือหลี่หลานเฟิง จ้าวจวิ้น หานจี้จวินกับเซี่ยอี๋สี่คนนี้เอง
นี่เป็นความคิดที่หลี่หลานเฟิงเสนอขึ้นมาในตอนสามนาทีสุดท้าย หานจี้จวิ้นก็สนับสนุน จ้าวจวิ้นกับเซี่ยอี๋สองคนก็อาสาร่วมด้วยเอง ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนนี้ได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ แย่งชิงยุทโธปกรณ์ในช่วงเวลาสุดท้ายและออกตัวมาได้
หลังจากที่ตรวจสอบแล้ว สิ่งที่ทั้งสี่คนนำมาล้วนเป็นของที่มีประโยชน์ ถึงขนาดที่มีบางอย่างเป็นของที่พวกเขาไม่ได้แลกมา ให้ประโยชน์แก่พวกเขาอย่างยิ่ง และก็ทำให้พวกเขาเกิดความรู้ สึกประสบความสำเร็จอย่างมากด้วย