I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 500 ดาวฝาแฝด? (1)
เวลาห้าทุ่มของดาวฉีหมิง ภายในดาวที่ไม่รู้จักดวงนี้ ถึงแม้ยังถือว่าเป็นช่วงเวลากลางวัน แต่สถานการณ์ความเป็นจริงกลับเลวร้ายมาก วินาทีก่อนยังเป็นอากาศสดใสแสงแดดเจิดจ้า วินาที ถัดมากลับเป็นพายุฝนโหมกระหน่ำ สภาพอากาศมืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำ ทำให้การมองเห็นของหน้าจอหุ่นรบลดฮวบลง ไม่ได้ดีไปกว่าตอนกลางคืนที่ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าเท่าไหร่เ เลย
บางทีสภาพอากาศอาจจะเลวร้ายมากเกินไปจริงๆ ท้องฟ้าเขต P ที่เดิมทียุ่งวุ่นวายเล็กน้อย เวลานี้กลับแทบมองไม่เห็นหุ่นรบสักตัวบินขึ้นลงในสถานการณ์เช่นนี้เลย
ตูม! ตูม! ตูม! …คล้ายกับมีเสียงระเบิดของเครื่องยนต์ไอพ่นที่ดังทุ้มต่ำท่ามกลางเสียงพายุฝนกระทบกับต้นไม้พื้นดิน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนตัดเสียงเหล่านี้ หรือบางทีความเร็วของ งเครื่องยนต์ไอพ่นเหล่านี้อยู่ในโหมดความเร็วต่ำ เวลานี้จึงได้ยินแบบเลือนราง ทำให้แยกไม่ออกไปชั่วขณะว่าเป็นของจริงของปลอม…
ผ่านไปหลายวินาที ก็เห็นหน่วยหุ่นรบหนึ่งบินผ่านท้องฟ้าเขต P โดยที่รักษาความเร็วเท่าๆ กัน เส้นทางการเคลื่อนที่ของพวกมันชาญฉลาดมาก หลีกเลี่ยงเขตที่มีฐานที่มั่นขนาดใหญ่ และผ ผ่านทางเขตไร้ผู้คนทั้งหมด
เซี่ยอี๋จ้องเขม็งไปที่หน้าจอหุ่นรบของตัวเอง นอกจากม่านฝนที่เป็นหมอกหนาแล้ว ในหน้าจอก็ไม่มีอะไรเลย รวมถึงเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้านหน้าด้วย รู้อยู่แก่ใจว่าอยู่ข้างหน้า แต่ มองไม่เห็นร่างเงาเลยสักนิดเดียวเช่นกัน สิ่งเดียวที่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนพวกเขาก็คือจุดสัญญาณสีเขียวซึ่งเป็นตัวแทนของเพื่อนร่วมทีมกำลังกระพริบอยู่บนเรดาร์ ถึงยืนยันได้ว่าต ตัวเองไม่ได้อยู่ตามลำพังท่ามกลางพายุฝนนี้…
สภาพแวดล้อมที่เงียบงันไร้สุ้มเสียงบวกกับความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการมองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีม ทำให้เซี่ยอี๋ที่ชอบความคึกคักรื่นเริงมาโดยตลอดรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมานิดหน่อย หลังจากผ ผ่านไปหลายนาที ในที่สุดเขาก็อดทนต่อบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ก่อนจะสบถด่าเบาๆ ว่า “เวรเอ๊ย อากาศเชี่ยนี่แม่งน่ารำคาญชะมัดยาดเลย!”
“ถึงสภาพแวดล้อมข้างนอกจะแย่นิดหน่อยจริงๆ แต่นอกจากสายตาที่ได้รับผลกระทบแล้ว พวกเราอยู่ในหุ่นรบก็ไม่มีปัญหาใหญ่อย่างอื่นเลยนะ” เสียงอ่อนโยนหนึ่งดังขึ้นในช่องสื่อสารทีม เป ป็นเสียงของหลี่หลานเฟิงที่มักจะอารมณ์ดีเสมอ
เซี่ยอี๋ได้ยิน ดวงหน้าก็แดงขึ้นทันที ที่แท้เมื่อสักครู่นี้เขาลืมปิดไมโครโฟนของตัวเองชั่วคราว สมาชิกทั้งทีมได้ยินเสียงหมดความอดทนของเขาแล้ว…ฮือๆๆ เขาพยายามรักษาภาพลักษ ษณ์หนุ่มสดใสร่าเริงมาตลอด แต่มันพังหมดแล้ว! เซี่ยอี๋งุ่นง่านใจมาก
“ใช่ อีกอย่างเพราะอากาศแบบนี้ หุ่นรบบนท้องฟ้าเขต P เลยลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัดเลย ทำให้พวกเราผ่านไปได้ราบรื่นไม่ได้โดนก่อกวนมากนักพอดี ฉันคิดว่านี่เป็นความโชคดีของพวกเร ราแล้ว ฝนนี่ไม่เลวเลยจริงๆ” เสียงอ่อนนุ่มของลั่วล่างดังขึ้นในช่องสื่อสารทีม “เซี่ยอี๋ อดทนหน่อยสิ นี่ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ?” ภายในน้ำเสียงของลั่วล่างยังแฝงไปด้วยความงุน นงง บางทีภาพลักษณ์พี่ชายแสนสดใสร่าเริงพึ่งพาได้ต่อหน้าลั่วล่างของเซี่ยอี๋คงจะฝังลึกมากเกินไป เขาจึงไม่อาจยอมรับเซี่ยอี๋ที่เจ้าอารมณ์ไร้ความอดทนในตอนนี้ไปชั่วขณะ
“ฮะ ฉันแค่ชอบความคึกคักไม่ใช่หรือไง? เมื่อกี้เงียบจะตายเลยทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมาก ก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ ขอโทษทุกคนจริงๆ นะ” เซี่ยอี๋รีบอธิบายพลางขอโทษ เขาจะต้องกอบกู้ภ ภาพลักษณ์ของเขากลับมาให้ได้ จะทำให้ลั่วล่างกับพวกพี่น้องผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด
“เมื่อกี้ตอนที่ไม่ได้คุยกัน ทำเอาฉันคิดไปเองว่า เหมือนกับโลกทั้งใบเหลือแค่ฉันคนเดียวจริงๆ นั่นแหละ” ฉีหลงพูดสอดอย่างตรงไปตรงมา
“เงียบจนทำให้คนหายใจไม่ออกได้เลย” เซี่ยอี๋เอ่ยต่อท่ามกลางเสียงหัวเราะเจื่อนๆ
เวลานี้เอง หลิงหลานที่กำลังบินนำหน้าสุดได้ยินคำกล่าวก็ฉุกใจขึ้นว่า หรือว่าเซี่ยอี๋ที่สดใสร่าเริงมาตลอดก็มีเรื่องอะไรบางอย่างเหมือนกัน?
บางทีลั่วล่างรู้สึกได้ว่าเซี่ยอี๋มีประสาทสัมผัสไวต่อความเงียบก็เลยเอ่ยถามอย่างหาเรื่องพูดคุยกันว่า “ลูกพี่ ออกจากฐานที่มั่นแบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอ?” เอาเถอะ อันที่จริง งเขาเองก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร มีหน่วยหุ่นรบระดับพิเศษสองทีมที่กลุ่มหุ่นรบอื่นๆ ร่วมมือกันก่อตั้งขึ้นมา บวกกับยังมีหน่วยรบผสมพลาธิการที่พวกอู่จย่ง หลี่อิงเจี๋ย เยี่ยซวี่กับหลินจงชิงก่อตั งขึ้นด้วย แถมมีหานจี้จวินอยู่ปกป้องฐานที่มั่นวางกลยุทธ์อีก ขอเพียงคู่ต่อสู้ไม่ใช่ยอดฝีมือหุ่นรบระดับไพ่ราชา กองกำลังที่จัดไว้พวกนี้รับมือได้มากพอ” หลิงหลานตอบเรียบๆ
“จี้จวินดวงไม่ดีจริงๆ!” คำพูดของหลิงหลานทำให้ฉีหลงเอ่ยพลางถอนหายใจ
มุมปากของหลี่หลานเฟิงมีรอยยิ้มนิดๆ แววตามีความอิ่มอกอิ่มใจพาดผ่าน ความจริงแล้วหลี่หลานเฟิงเล่นลูกไม้ในการออกปฏิบัติการครั้งนี้นิดหน่อยจริงๆ เขาอาศัยพรสวรรค์ของตัวเองส่งผลต ต่อการตัดสินใจของหานจี้จวิน ถึงเอาชนะอีกฝ่ายได้ และทำให้อีกฝ่ายอยู่ในฐานที่มั่น
ไม่รู้ว่าเวลานี้หานจี้ววินจะรู้สึกตัวแล้วหรือยัง แต่ว่าต่อให้อีกฝ่ายโมโห ด่าเขาชั่วช้าอีกแค่ไหน เขาก็ยังทำแบบนี้อยู่ดี เขาไม่อยากพลาดทุกโอกาสในการออกปฏิบัติการร่วมกับ บกระต่าย นี่เป็นความหมกมุ่นของหลี่หลานเฟิง เมื่อก่อนเขาพลาดจนเกือบจะพลาดทั้งชีวิตแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาเลยไม่อยากพลาดสักครั้ง
ในฐานะเสนาธิการของหลิงเทียน หลี่หลานเฟิงกับหานจี้จวินจำเป็นต้องอยู่รักษาการณ์ฐานที่มั่นหนึ่งคน ในเมื่อหลี่หลานเฟิงไม่อยากอยู่ เช่นนั้นก็ได้แต่ให้หานจี้จวินแล้ว
ลูกทีมที่ออกปฏิบัติการกับหลิงหลานในครั้งนี้มีแค่หกคนเท่านั้น ซึ่งแบ่งเป็นหลี่หลานเฟิง จ้าวจวิ้น ฉีหลง ลั่วล่าง เซี่ยอี๋ และหลี่ซื่ออวี๋
หานจี้จวินตกหลุมพรางของหลี่หลานเฟิงจนต้องอยู่ปกป้องฐานที่มั่น ฉางซินหยวนต้องนำพาทีมช่างพัฒนาทำการปรับแต่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในฐานที่มั่น ยุ่งวุ่นวายมาก ต่อให้เขาอยากต ตามมาก็ไม่สามารถตามมาได้ ส่วนหลินจงชิงรับผิดชอบด้านทรัพยากรพลาธิการของทั้งทีม ไม่สามารถถอนตัวมาติดตามหลิงหลานได้เช่นกัน ทำให้สามคนนั้นเสียใจอย่างยิ่ง เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า า การได้ออกปฏิบัติการกับลูกพี่จะต้องน่าสนุกและน่าตื่นเต้นมากกว่าอยู่เฝ้าปกป้องฐานที่มั่นแน่นอน
เมื่อเห็นว่ากำลังจะบินผ่านเขต P ไปถึงเขต S ลั่วล่างก็เอ่ยถามด้วยความงุนงงมากว่า “ลูกพี่ เป้าหมายของพวกเราในครั้งนี้เป็นเขต P ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่!” หลิงหลานตอบกลับอย่างเฉียบขาด
“งั้นเป็นเขตอะไรล่ะ?” ลั่วล่างถามต่ออีก
“ไปที่เขต S ก่อน!” หลิงหลานบอกคำตอบให้กับพวกลูกทีม
“เขต S อยู่ในความรับผิดชอบของเฉียวถิงไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงอึ้งไปทันใด เขายังจำแผนปฏิบัติการที่พวกเขาและเสนาธิการหลายคนร่วมกันคิดออกมาได้ เขต S ถ ถูกมอบให้เฉียวถิงรับผิดชอบทั้งหมด หรือว่ากระต่ายเป็นห่วงว่ากำลังของเฉียวถิงอ่อนด้อย? ดังนั้นเลยรุดหน้ามาช่วยเสริม?
แต่ถ้าเกิดเป็นสถานการณ์ที่หุ่นรบระดับพิเศษ 24 ตัวซึ่งนำโดยเฉียวถิงต่อสู้แล้วก็ยังไม่สามารถจัดการได้ ต่อให้พวกเขาเจ็ดคนมุ่งหน้าไปช่วยเสริมก็ไม่ก่อให้เกิดผลใดๆ เช่นกัน ถึงแม ม้กระต่ายกับเฉียวถิงจะเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเหมือนกัน แต่เขาซ่อนความสามารถไว้จึงขับแค่หุ่นรบระดับพิเศษ บวกกับในหมู่พวกเขาเจ็ดคนมีผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษและก็มีผู้ ควบคุมหุ่นรบระดับสูง ความสามารถคละกัน อ่อนด้อยกว่าหน่วยรบของเฉียวถิงมากนัก
“เขต S ยังอยู่ในความดูแลของเฉียวถิง ฉันแค่อยากยืมเส้นทางในเขต S เท่านั้น” หลิงหลานอธิบาย
“ยืมเส้นทาง?” ลั่วล่างทำหน้ามึนงง ส่วนคนอื่นๆ กลับครุ่นคิดขึ้นมา จะว่าไปนอกจากลั่วล่างร่างหลักที่สมองทึมทื่อนิดหน่อยแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่ใช่คนที่ธรรมดา พวกเขาเฉลียวฉลาดมีไห หวพริบ
“เขต Q ? หรือว่าเขต M ?” แผนที่การต่อสู้ประจัญบานปรากฏขึ้นในสมองของหลี่หลานเฟิง เขานึกถึงฐานที่มั่นของโรงเรียนเหล่านั้นที่ให้หลิงหลานจำ ทันใดนั้นโรงเรียนทหารชายที่สองของเ เขต Q ก็โผล่ขึ้นในสมอง หลี่หลานเฟิงพลันเอ่ยเสียงขาดหายว่า “หรือว่าเป็นโรงเรียนทหารชายที่สองในเขต Q?”
คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้มุมปากหลิงหลานโค้งขึ้นเล็กน้อย รู้สึกพึงพอใจมาก เธอพบว่าหลี่หลานเฟิงเข้าใจความคิดของเธอดีมาก สามารถเดาถูกได้แปดเก้าครั้งจากในสิบครั้ง ดูเหมื อนว่าในช่วงเวลาที่คบเป็นเพื่อนอย่างสนิทสนมกันในวัยเด็กนั้น หลี่หลานเฟิงจะใช้ความจริงใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางเข้าใจเธอดีขนาดนี้
พอนึกถึงร่างกายอ่อนปวกเปียกเพราะพลังจิตแข็งแกร่งมากเกินไปของหลี่หลานเฟิง ในใจเธอก็อดนึกเสียดายนิดหน่อยไม่ได้ เนื่องจากทุกส่วนในร่างกายของหลี่หลานเฟิงเติบโตเต็มที่หมดแล้ว ประสิทธิภาพของเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายเลยไม่ได้ดีเท่าตอนวัยเด็กของหลิงหลาน หากต้องการฟื้นฟูจนถึงขั้นสภาพร่างกายดีเยี่ยมที่สุดก็อาจจะต้องใช้เวลายาวนานห้าหกปีจนถึงขนาด สิบปี หลิงหลานเองก็เพิ่งจะค้นพบปัญหาข้อนี้ ถ้าเกิดเป้าหมายของหลี่หลานเฟิงไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่ง การฟื้นฟูร่างกายช้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เป้าหมายของหลี่หลานเฟิงแ แน่ชัดมาก นั่นก็คือกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นช่วงเวลาฟื้นฟูร่างกายสิบปีนี้ก็ดูยาวนานมากเกินไป
ช่วงเวลาพัฒนาการที่ดีที่สุดของผู้ควบคุมหุ่นรบคือ 20-30 ปี ถ้าเกิดหลี่หลานเฟิงสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายไปถึงจุดสูงสุดหลังอายุสามสิบ ก็จะพลาดช่วงเวลาพัฒนาการที่ดีที่สุดของเขาไป ปจริงๆ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการก้าวหน้าในอนาคต…
ดูท่าเธอต้องเสียเวลากับพลังงานมาแก้ไขปัญหาเรื่องสภาพร่างกายของหลี่หลานเฟิงก่อนที่เขาจะเข้าไปรายงานตัวที่กองทัพซะแล้ว! หลิงหลานลอบครุ่นคิดในใจ
เวลานี้เอง หลิงหลานถึงวางเรื่องของหลี่หลานเฟิงไว้ในใจอย่างแท้จริง เวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ในที่สุดผลงานอันยอดเยี่ยมและจ่ายด้วยความทุ่มเทความจริงใจของหลี่หลานเฟิงก็ได้ร รับผลตอบแทนแล้ว ทำให้เขากลายเป็นคนแรกที่เข้ามาในใจหลิงหลานถัดจากเพื่อนๆ ตัวน้อยอย่างพวกฉีหลงที่เติบโตมาด้วยกัน ช่างน่ายินดีน่าฉลองจริงๆ
จ้าวจวิ้นได้ยินเสียงอุทานของหลี่หลานเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไหนบอกว่าจะมอบโรงเรียนทหารชายที่สองให้โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งจัดการไม่ใช่หรือไง?” ตอนที่หลิงหลานกับหลิงเซ ซียวตกลงเป็นพันธมิตรกัน เขาที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาโดยตลอดก็ได้ยินชัดเจน จู่ๆ ลูกพี่หลานกลับคำสอดมือ จะทำให้โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งไม่พอใจ จนสุดท้ายทำให้พันธมิตรระหว่างทั้ง งสองพังทลายหรือเปล่า?
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ยกมุมปากขึ้นมานิดหน่อยอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เอ่ยเรียบๆ ว่า “ตอนนั้นฉันบอกตกลง หมายถึงฉันตกลงเป็นพันธมิตรกัน ไม่ได้บอกว่าตกลงจะมอบโรงเรียนทหารชายท ที่สองให้พวกเขาสักหน่อย”
หลิงหลานจะปล่อยโรงเรียนทหารชายที่สองไปได้อย่างไร กล้าแตะต้องคนของเธอ ไม่ว่าน้องชายหรือว่าน้องสาว ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส เหมือนกับศูนย์บัญชาการเทียนจีในปีนั้น และ ะฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองในครั้งนี้ก็จะเป็นเหมือนกัน หลิงหลานไม่คิดจะให้โรงเรียนทหารชายที่สองได้รับสักคะแนนเดียวในการต่อสู้ประจัญบานมาตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้ประ ะจัญบานแล้ว ใช่ เธอตัดสินใจนานแล้วว่าจะต้องไล่โรงเรียนทหารชายที่สองออกไปจากการต่อสู้ประจัญบานเป็นโรงเรียนแรก นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่เธอเดินทางนับพันลี้บุกตะลุยจากทางเห หนือสุดมายังทางใต้สุดของแผนที่ ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อคะแนนหรือกลยุทธ์เลย
หลิงหลานก็เป็นคนตรงๆ แบบนี้แหละ!