I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 501 ดาวฝาแฝด? (2)
คำพูดของหลิงหลานทำให้คนอื่นๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น เป็นเหมือนที่หลิงหลานพูดไว้จริงๆ เธอไม่ได้รับปากโรงเรียนทหารสหศึกษาอะไรเลย คำพูดว่า ‘ตกลง’ นั้นสามารถเข้าใจได้ว่าเธอรับปาก และก็สามารถเข้าใจได้ว่า เธอรับปากแค่ทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกันเท่านั้น
อย่างที่คิดไว้เลย ลูกพี่เป็นคนใจดำจริงๆ! พวกฉีหลงที่รู้สึกเศร้าซึมตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะเชื่อฟังคำพูดของลูกพี่ พวกเขาต้องระวังตัวเอาไว้เยอะๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองโดนลูกพี่ขายแถมยังช่วยเขานับเงินด้วย
จ้าวจวิ้นได้ยินว่าจะไปโจมตีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ถ้าเกิดช่วงชิงฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองมาได้จริงๆ ละก็ นั่นย่อมเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ปลุกขวัญกำลังใจได้อย่างแน่นอน เขาย่อมไม่ลืมว่า พวกเขาถูกโรงเรียนทหารชายที่สองกดให้อยู่ที่สองติดต่อกันเจ็ดสมัยแล้ว ความอัปยศนี้สลักลึกในกระดูกนักเรียนทุกคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
ทว่าหลังจากที่ตื่นเต้นแล้ว จ้าวจวิ้นที่ใจเย็นลงกลับทำหน้างอ หากต้องเผชิญหน้ากับฐานที่มั่นที่มีการป้องกันของหน่วยหุ่นรบห้าหกหน่วยและมีผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเจี่ยงเส่าอวี่รักษาการณ์ไว้ อาศัยแค่พวกเขาเจ็ดคนจะโจมตีได้จริงๆ เหรอ?
เขาเอ่ยพลางยิ้มขื่นว่า “ลูกพี่ อาศัยแค่พวกเราเจ็ดคนโจมตีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง นี่…ยากเกินไปหรือเปล่า?”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็เลิกคิ้วทีหนึ่ง “อันที่จริง ฉันหงุดหงิดเรื่องนึงมาตลอดเลยนะ นั่นคือทำไมในการต่อสู้ประจัญบาน สายตาของทุกคนถึงจ้องไปที่สงครามหุ่นรบอย่างเดียวเลย” หลิงหลานลูบของชิ้นเล็กๆ นั้นที่อยู่ในกระเป๋าตัวเองอีกครั้ง เธออยากลองดูจริงๆ ว่าความคิดของเธอจะเป็นไปได้หรือเปล่า
“นายจะบอกว่า แทรกซึมเข้าไปแต่ตัว? นี่มัน…อันตรายมากเกินไปแล้ว” หลี่หลานเฟิงที่รู้จักหลิงหลานดีเข้าใจว่าหลิงหลานวางแผนอะไร เขาเอ่ยประท้วงด้วยความตื่นตกใจ
ทำไมการต่อสู้ประจัญบานถึงเปลี่ยนเป็นสงครามหุ่นรบ ก็เป็นเพราะในสงครามหุ่นรบมีการคุ้มครองของหุ่นรบอยู่ ผู้ควบคุมหุ่นรบถึงไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตง่ายๆ แต่เมื่อทิ้งหุ่นรบ อาศัยกายเนื้อแทรกซึมเข้าไปต่อสู้ ไม่เพียงไม่สามารถต้านทานอาวุธปืนใหญ่ต่างๆ นานาได้ อาศัยแค่สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของดาวโดยที่ไม่มีการคุ้มครองของหุ่นรบก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้สักก้าวแล้ว หลี่หลานเฟิงไม่มีทางให้หลิงหลานเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวแน่นอน
“อย่าเครียดน่า ถ้าไม่ถึงขั้นปลอดภัยหายห่วง ฉันไม่มีทางทำแบบนี้หรอก” หลิงหลานสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงและความกังวลใจของหลี่หลานเฟิง ก็รีบเอ่ยปากปลอบโยนหลี่หลานเฟิงทันที
อย่างที่คิดไว้เลย ถูกคนอื่นเข้าใจมากเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน แค่หลุดออกมานิดเดียว หลี่หลานเฟิงก็จับสังเกตได้แล้ว! หลิงหลานปลื้มใจจากนั้นก็รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง เธอค่อนข้างเชี่ยวชาญการโจมตีคนอื่น ไม่ใช่ปลอบโยนคนอื่น…
คำพูดของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงทอดถอนใจเท่านั้น เขารู้ว่าเมื่อกระต่ายตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนอีกเป็นอันขาด กอปรกับเขาเป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้มือเปล่าระดับเขตแดน สภาพแวดล้อมส่งผลต่อยอดฝีมือระดับเขตแดนน้อยมาก นอกจากนี้ต่อให้ต่อกรกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ ถึงยอดฝีมือระดับเขตแดนจะเอาชนะไม่ได้ แต่ถ้าคิดจะหลบหนีก็ยังไม่มีปัญหาอะไร อันที่จริงแล้ว ต่อให้เขาอยากคัดค้าน เขาก็ไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอมาคัดค้านการตัดสินใจของหลิงหลานได้
ทั้งเจ็ดคนมาถึงมุมหนึ่งของเขต P ซึ่งอยู่ใกล้กับเขต S อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นหลิงหลานก็หยุดหุ่นรบ “รีบหาที่ซ่อนเร็ว ดับเครื่องยนต์ ถ้าฉันไม่ขยับ ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับ”
กล่าวจบ เธอก็ขับหุ่นรบร่อนลงไปที่พื้นเป็นคนแรก ก่อนจะเจอจุดที่เป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าใบไม้หน้าทึบแล้วก็เข้าไปซ่อนตัว พวกฉีหลงตอบสนองรวดเร็วสุดขีด แต่ละคนต่างหาสถานที่ที่เหมาะกับตัวเองอย่างว่องไว แล้วทำการหลบซ่อน ขณะเดียวกันก็ดับเครื่องยนต์หุ่นรบ ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ
ผ่านไปสิบกว่านาที หน่วยหุ่นรบหนึ่งแล่นมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้
ฉากนี้ทำให้พวกฉีหลงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างประหลาดใจ กระทั่งจ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงก็ตกใจไม่หยุดเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นหุ่นรบระดับพิเศษ ทำไมหลิงหลานถึงสังเกตเห็นหน่วยหุ่นรบนี้ แต่พวกเขากลับไม่เจอเลยล่ะ? หุ่นรบระดับพิเศษของหลิงหลานแตกต่างจากของพวกเขา หรือว่าหลิงหลานมีความลับอื่นอีก?
ข้อสงสัยเหล่านี้แล่นขึ้นในสมองของหลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นแวบเดียวเท่านั้น พวกเขาก็หันความสนใจไปที่การใช้ทักษะกายภาพของตัวเองทันที ลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะสามารถรับไหว การไหลเวียนของเลือดก็เริ่มช้าลงจนถึงจุดต่ำสุด หุ่นรบที่ดับเครื่องยนต์ไม่มีอุปกรณ์กำบังและอุปกรณ์ป้องกันแล้ว พลังงานที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิร่างกายกับการไหลเวียนของเลือดผู้ควบคุมหุ่นรบจะถูกเซนเซอร์ความร้อนของหุ่นรบตรวจจับได้ง่ายดายมาก การลดอุณหภูมิร่างกายกับความเร็วการไหลเวียนของเลือดเป็นสิ่งที่ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนสามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเปิดเผยตัว
โชคดีที่ทักษะด้านร่างกายของพวกเขาไม่นับว่าแย่ แทบจะควบคุมอุณหภูมิร่างกายกับความเร็วในการไหลเวียนของเลือดตัวเองกันได้หมด แน่นอนว่าก็มีความเป็นไปได้ว่าหุ่นรบเหล่านี้ไม่มีเซนเซอร์ความร้อน หรือว่าเปิดใช้เรดาร์ค้นหาเพียงอย่างเดียว เรดาร์สัมผัสไวต่อเครื่องยนต์ไอพ่นของหุ่นรบมาก แต่ไม่มีผลต่อร่างกายมนุษย์…สรุปคือ หน่วยรบนี้ไม่อาจค้นพบพวกเขา วนอยู่บนฟ้าเหนือพวกเขาหนึ่งรอบก็บินจากไป
พวกหลิงหลานไม่ขยับเขยื้อน ยังคงรักษาท่วงท่าเดิมไว้ โดยที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิดเดียว ผ่านไปประมาณสิบนาที หน่วยหุ่นรบที่ตอนแรกแล่นจากไปแล้วก็บินกลับมาใหม่ ก่อนจะวนเวียนอยู่หลายรอบอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ บินกลับไปยังทิศทางในตอนที่มา
ความอดทนของหลิงหลานดีมาก เธออดทนรอคอยเช่นนี้ต่อไป สิบนาทีผ่านไป ยี่สิบนาทีผ่านไป สามสิบนาทีผ่านไป คนอื่นๆ ที่รอใกล้จะหมดความอดทนแล้ว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นหลิงหลานซ่อนอยู่ในมุม ไม่ขยับเขยื้อนมาโดยตลอด พวกฉีหลงคงนึกว่าหลิงหลานจากไปแล้ว
ผ่านไปอีกสิบนาที เซี่ยอี๋ที่ต่อต้านสภาพแวดล้อมเงียบสงัดเช่นนี้กำลังคิดจะกดปุ่มเดินเครื่องยนต์ ทันใดนั้นคำพูดอย่างเย็นชาของหลิงหลานก็ดังขึ้นในสมองว่า “ฉันไม่ขยับ ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับ!”
หน้าผากของเขาพลันมีเหงื่อเย็นๆ หลั่งลงมา เก็บนิ้วมือของตัวเองกลับไปทันที อารมณ์ที่เดิมทีหงุดหงิดงุ่นง่านก็ใจเย็นลงอีกครั้ง
“ดูท่า ลูกพี่จะสังเกตเห็นแล้วสินะ” เวลานี้เซี่ยอี๋ที่กลับมาเป็นปกติยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก เขายิ้มเจื่อนขึ้นมาโดยพลัน “บางทีควรไปหาลูกพี่หลานแล้วปรึกษาดู หวังว่าเขาจะมีวิธีแก้ไขปัญหาของเราได้” เขาใช้ด้านสดใสร่าเริงเสแสร้งมาโดยตลอด ท้ายที่สุดก็เป็นแค่การหลอกตัวเองเท่านั้น
เวลานี้เซี่ยอี๋อิจฉาลั่วล่างขึ้นมาอีกครั้ง ลั่วล่างที่มีบุคลิกอยู่บนตัวมากมายขนาดนั้น แต่สามารถรักษาความใสบริสุทธิ์ของร่างหลักเอาไว้ได้โดยไม่แปดเปื้อน สำหรับเซี่ยอี๋แล้ว นี่ย่อมเป็นปาฏิหาริย์แน่นอน ส่วนเขาเพิ่มขึ้นมาแค่อีกบุคลิกที่แตกต่างออกไปเท่านั้น แต่มันกลับรบกวนจิตใจตัวเอง และนับวันปัญหานี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้น เขาชอบติดตามลั่วล่าง ดูบุคลิกหลักของลั่วล่างยิ้มอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะพูดคุย ยิ้มแย้ม โกรธ ด่าทอก็ทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจทั้งนั้น นี่ทำให้เขารู้สึกว่าความจริงแล้วปัญหาของตัวเองไม่ร้ายแรงเลยสักนิดเดียว คิดว่าเขาสามารถเอาชนะอีกด้านหนึ่งของเขาที่ก่อกวนตัวเองได้ คิดว่าอนาคตของตัวเองยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง…
ใช่ เขาชอบลั่วล่างที่ใสซื่อคนนั้น เขาปรารถนาว่าตัวเองจะสามารถเป็นเหมือนกับลั่วล่างได้ ไม่ได้รับผลกระทบ เป็นตัวฉันคนเดิมที่บริสุทธิ์ที่สุด ถึงขนาดที่พูดได้ว่า ลั่วล่างคือสาเหตุที่เขาอดทนมาได้ตลอดจนถึงทุกวันนี้!
“ฉันจะไม่ยอมแพ้!” รอยยิ้มเอาแต่ใจของลั่วล่างปรากฏขึ้นในสมองของเซี่ยอี๋อีกครั้ง เซี่ยอี๋กำหมัดอย่างรุนแรง เรื่องที่ลั่วล่างสามารถทำได้ เขาเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน
ในใจของเซี่ยอี๋ เขาสามารถแพ้ให้กับใครก็ได้ แต่ว่าจะแพ้ให้กับลั่วล่างไม่ได้ ถ้าเกิดเขาสู้ไม่ได้แม้กระทั่งลั่วล่างที่ภายนอกดูงดงามเปราะบาง เขายังจะมีหน้าอะไรไปอยู่ในหน่วยรบของลูกพี่หลานอีก?
แต่ละคนล้วนมีขีดจำกัดล่างของตัวเอง และลั่วล่างก็เป็นขีดจำกัดล่างที่เซี่ยอี๋ไม่อาจก้มหัวให้…
บางทีอาจเป็นเพราะการจู่โจมทางจิตของหลิงหลาน หรือว่าจิตวิญญาณต่อสู้ลุกโชนขึ้นในใจเซี่ยอี๋อีกครั้ง ความรู้สึกด้านลบที่รบกวนเซี่ยอี๋อย่างรุนแรงสุดขีดเลยลดลงอย่างรวดเร็ว เซี่ยอี๋กลับมามีความอดทนดังเดิมอีกครั้ง…
เวลาผ่านไปอีกสิบกว่านาทีอย่างรวดเร็ว เวลานี้เอง ห่าฝนที่เดิมที่ตกกระหน่ำก็เริ่มลดลงไปช้าๆ สองสามนาทีให้หลังก็ไม่มีน้ำฝนตกลงมาจากบนท้องฟ้าอีกต่อไป หากแต่แทนที่ด้วยลูกเห็บน่าสะพรึงกลัว
อากาศเปลี่ยนจากหน้าร้อนที่ร้อนแรงมาเป็นหน้าหนาวที่หนาวเหน็บทันที เนื่องจากไม่ได้ติดเครื่องยนต์หุ่นรบ อุปกรณ์รักษาอุณหภูมิจึงไม่ได้เปิดเช่นเดียวกัน อุณหภูมิภายในห้องคนขับลดฮวบลงอย่างรวดเร็วสุดขีด ลดลงไปถึงติดลบสิบกว่าองศาทันที หลิงหลานเห็นแบบนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ พรสวรรค์ของเธอคือพันธะน้ำแข็ง ต่อให้อุณหภูมิลดลงไปอีกสักแค่ไหนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเธอเลย แต่ลูกทีมของเธอไม่เหมือนกัน…
สภาพร่างกายของฉีหลงแข็งแกร่งกำยำ หลิงหลานเลยไม่ห่วง จ้าวจวิ้นก็ด้วยเหมือนกัน น่าจะทนความหนาวนิดหน่อยนี้ได้ ลั่วล่างมีบุคลิกมากมาย ถ้าอดทนไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถเปิดใช้บุคลิกอื่นมาต้านรับไว้ได้ สภาพร่างกายของเซี่ยอี๋ก็ไม่แย่ ต่อให้ทนทรมานสักหน่อยก็ไม่มีผลกระทบอะไรเหมือนกัน ส่วนหลี่ซื่ออวี๋เป็นแพทย์ทหาร จะต้องมีวิธีต้านทานความหนาวอย่างรุนแรงแน่นอน คนที่ทำให้หลิงหลานกังวลคือหลี่หลานเฟิง ร่างกายย่ำแย่ของเขาสามารถต้านทานอุณหภูมิต่ำนี้ได้จริงๆ เหรอ?
หลิงหลานถูนิ้วมือตามจิตใต้สำนึก เธอใคร่ครวญว่าจะรอคอยต่อไปดีไหม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้เธอลังเลขึ้นมาเล็กน้อย เธอจะดึงดันแผนการเดิมต่อไป หรือว่าจะเสี่ยงเคลื่อนไหวก่อนเพื่อร่างกายของหลี่หลานเฟิง?
“ลูกพี่ เธอยังจำคำแนะนำเกี่ยวกับดาวฉี่หมิงได้หรือเปล่า?” ในตอนที่หลิงหลานลังเลไม่อาจตัดสินใจได้นั้น เสี่ยวซื่อก็เอ่ยปากขึ้นมาฉับพลัน
“ฉันจำได้ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของดาวฉีหมิงคือสามารถให้คุณสัมผัสถึงการหมุนเวียนของสี่ฤดูในวันเดียว” ตอนที่เธออ่านถึงเรื่องนี้ เธอเคยประหลาดใจ และก็ตั้งตารอมากๆ ที่จะได้สัมผัสจริง แต่ช่วงเวลาที่อยู่ในดาวฉี่หมิง อุณหภูมิกลับอยู่ที่ยี่สิบกว่าองศามาโดยตลอด อากาศดีจนทำให้เธอลืมไปว่าดาวฉี่หมิงมีเอกลักษณ์พิเศษนี้อยู่
“ตอนนี้ฉันสงสัยว่า พวกเรายังอยู่บนดาวฉี่หมิงหรือเปล่า” เสี่ยวซื่อกล่าว
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ประหลาดใจ “นายบอกว่าเส้นทางกับพิกัดไม่ใช่ของดาวฉีหมิงไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ พิกัดรวมถึงเส้นทางการเดินทางของยานบินหลุดออกจากพิกัดของดาวฉี่หมิงที่รู้จัก แต่ในบันทึกของระบบดาวแมนโดราเราเคยมีดาวแปลกอย่างหนึ่ง ถูกเรียกว่าดาวฝาแฝด!”
“ดาวฝาแฝด? กลุ่มดาวคนคู่ของกลุ่มดาวจักรราศีนั่นเหรอ?” คำพูดประโยคนี้ของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานที่สงบนิ่งมาโดยตลอดตกตะลึงไป กลุ่มดาวคนคู่ นั่นไม่ใช่ดวงดาวโหราศาสตร์ในตำนานเหรอ? หรือว่าโลกความเป็นจริงจะมีกลุ่มดาวคนคู่จริงๆ?
เสี่ยวซื่อเข้าใจดีว่าหลิงหลานหมายถึงอะไร เขารีบส่ายหน้ากล่าวว่า “ลูกพี่ ไม่ใช่ดาวคนคู่ที่พูดถึงในกลุ่มดาวจักรราศี ความจริงแล้วก็ใช่นิดหน่อยเหมือนกัน พูดก็คือ ในอวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาล มีดาวสองดวงที่คล้ายคลึงกัน 99% ขึ้นไปไม่ว่าจะเป็นอากาศ ทรัพยากร สิ่งมีชีวิต หรือว่าอะไรอื่นๆ… ดาวสองดวงนี้จะถูกเรียกว่าดาวฝาแฝด”
เสี่ยวซื่อกล่าวถึงตรงนี้ก็พบว่ายังขาดเรื่องสำคัญที่สุดไป เลยรีบพูดเสริมว่า “และถ้าดาวสองดวงนี้อยู่ตรงข้ามกันหรือเชื่อมต่อกันบนแผนที่ดาว ก็จะกลายเป็นดาวฝาแฝด หรือว่าดาวฝาแฝดปลอม”
“นายหมายความว่า พวกเราอาจจะมาที่ดาวฝาแฝดของดาวฉี่หมิงแล้ว? เสี่ยวซื่อ เปิดที่ตั้งของดาวฉี่หมิงบนแผนที่ดาว” หลิงหลานรีบสั่งการอย่างรวดเร็ว
——————