I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 502 จุดอ่อน?
ครู่เดียวแผนที่ดาวก็ปรากฏขึ้นในห้วงจิตใจของหลิงหลาน เริ่มแรกหลิงหลานมองหาตรงฝั่งตรงข้ามดาวฉี่หมิง ก่อนจะพบว่าที่นั่นเป็นเขตอุกกาบาตผืนใหญ่ ไม่มีพื้นที่ว่างบรรจุดวงดาวขนาดใหญ่สักดวงเลย และทางฝั่งดาวฉี่หมิง ด้านหน้ามันก็เป็นดาวโยวหมิง ด้านซ้ายเป็นดาวจื้อหยวน ด้านขวาเป็นดาวสือชิว มีเพียงด้านหลัง ดาวที่อยู่ใกล้มันมากที่สุดและก็มีระยะห่างไม่กี่หมื่นปีแสง ซึ่งเป็นผืนสีดำ ราวกับหลุมดำขนาดใหญ่บนแผนที่ดาวก็ไม่ปาน ดูยังไงก็ประหลาด
“วงกลมด้านหลังดาวฉี่หมิงนี้ถูกระบุชัดเจนว่าเป็นเขตคลื่นดวงดาว ห้ามไม่ให้ยานบินใดๆ เข้าใกล้…” หลิงหลานอ่านหมายเหตุนี้บนแผนที่ดาว ยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก “ดาวคู่แฝดของดาวฉี่หมิงอยู่ด้านหลังดาวฉี่หมิงนี่เอง”
ถ้าเกิดไม่มีคำเตือนของเสี่ยวซื่อ หลิงหลานจะต้องโดนแผนที่ดาวนี้หลอกแน่นอน และคิดว่าที่นั่นเป็นเขตคลื่นดวงดาวที่อันตราย พอนึกได้ว่าดาวฝาแฝดของดาวฉี่หมิงถูกปกคลุมด้วยหมอกดำ ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงสว่างหลุดรอดออกไปเลยสักนิดเดียว ต่อให้ฝูงยานบินผ่านทางมาก็จะไม่เข้าใกล้ชั้นบรรยากาศของดวงดาว จึงไม่มีทางถูกค้นพบได้เลย ต่อให้แล่นผิดทาง เข้าไปใกล้โดยไม่ได้ตั้งใจ ถูกแรงดูดของชั้นบรรยากาศดูดไป ฝูงยานบินก็จะคิดว่านี่เป็นแรงดูดของคลื่นดวงดาว ความคิดแรกก็คืออยากหลบหนีออกจากแรงดูด ไม่ใช่ร่วงลงไปตามแรงดูด…
“ดูเหมือนว่า สหพันธรัฐจะมีความลับเยอะมากเลยนะ” หลิงหลานนึกถึงเริ่มตั้งแต่เป็นลูกเสือ เธอก็ได้สัมผัสกับดาวสามดวงที่ไม่ได้ระบุบนแผนที่ดาว บางทีดาวที่ถูกซ่อนไว้แบบนี้ยังคงมีอยู่มากมาย เพียงแต่ประชาชนทั่วไปอย่างพวกเขาไม่รู้เท่านั้น
พอนึกได้ว่าสหพันธรัฐจะปล่อยดาวดวงใหม่ที่นักสำรวจหาเจอออกมาทุกๆ หลายสิบปี ทำให้ผู้คนตื่นเต้นประหลาดใจ นี่น่าจะเป็นฝีมือของรัฐบาลสหพันธรัฐที่ให้ทุกคนคิดว่า รัฐบาลพยายามบุกเบิกทั่วทั้งจักรวาลของมนุษย์ ค้นหาดาวทรัพยากรมากยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาสหพันธรัฐมาโดยตลอด
“อยู่ด้านหลังดาวฉี่หมิง งั้นก็เชื่อมกัน นี่เป็นดาวฝาแฝดที่แท้จริง ไม่ใช่ดาวฝาแฝดปลอมที่ตั้งขึ้นมาตรงข้ามกัน” ผลการคาดคะเนสุดท้ายของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองข้างยิ้มเป็นพระจันทร์โค้งสองดวง
เสี่ยวซื่อต้องมีความสุขอยู่แล้ว ดาวฝาแฝดเป็นตัวตนอันน่ามหัศจรรย์ ต่อให้เป็นระบบดาวแมนโดรา ในประวัติศาสตร์หลายสิบล้านปีก็หาดาวฝาแฝดเจอแค่คู่เดียวเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะมีตัวตนน่าอัศจรรย์เช่นนี้อยู่ในกาแล็กซีล้าหลังที่วิวัฒนาการแค่หนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น
เสี่ยวซื่ออดขยับริมฝีปากไม่ได้ สุดท้ายก็ยังอดไม่ไหวบอกความลับที่แท้จริงของดาวฝาแฝดออกมา…ในประวัติศาสตร์หุ่นรบของระบบดาวแมนโดรา มีหุ่นรบน่ากลัวที่แข็งแกร่งและมหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่ง วัตถุดิบหลักของมันจะผลิตขึ้นได้บนดาวมืดมิดของดาวฝาแฝดเท่านั้น
รออีกหน่อยละกัน! ไว้ลูกพี่แข็งแกร่งกว่านี้ ค่อยมาที่นี่ตามหาวัตถุดิบในตำนานนั้นอีกที! เสี่ยวซื่อคิดเช่นนี้เอง
เพราะการขัดจังหวะของเสี่ยวซื่อ หลิงหลานเลยกลับมาใจเย็นอีกครั้ง ความลังเลในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา เธอนึกได้ว่าเธอเคยให้หลินจงชิงแลกเปลี่ยนยารักษาอุณหภูมิมาไม่น้อยเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่แปลกประหลาดของดาวฉี่หมิง นึกได้ว่าในยุทโธปกรณ์ที่จัดสรรให้แต่ละคนก็มีของพวกนี้ด้วย หลี่หลานเฟิงเป็นคนเฉลียวฉลาด เขาย่อมนึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้และแก้ไขสถานการณ์ยากลำบากตรงหน้านี้
หลิงหลานวางใจแล้ว ขณะเดียวกันก็วิจารณ์ตัวเอง ถ้าเกิดผู้บัญชาการสูญเสียความเยือกเย็น ทำการตัดสินใจผิดพลาดออกมา ไม่เพียงจะทำร้ายตัวเอง แต่ยังทำร้ายพวกลูกทีมที่มอบความไว้ใจให้เธอด้วย…
หลี่หลานเฟิง! หลี่หลานเฟิง! หลิงหลานลอบกัดฟัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตเห็นจุดอ่อนของตัวเองได้ชัดเจน เธอทำใจเหี้ยมต่อคนที่ดูอ่อนแอเปราะบางไม่ลง และเปลี่ยนเป็นลังเลใจขึ้นมา ก็เหมือนกับลั่วเฉา และก็หลี่หลานเฟิงเช่นกัน
“ดูท่ายังต้องฝึกฝนหนักในมิติการเรียนรู้อีกสักหน่อย” หลิงหลานตัดสินใจเงียบๆ ในเมื่อเธอกลายเป็นหัวหน้าของพวกเพื่อนๆ เหล่านี้ เธอก็ไม่ยอมให้ตัวเองมีจุดอ่อนข้อนี้ จนนำอันตรายมาให้ตัวเองกับพวกเพื่อนๆ
หลิงหลานที่สงบใจลงแล้วก็เลือกรอคอยต่อไป ตอนนี้ถึงเวลาเที่ยงคืนของดาวฉี่หมิงแล้ว โรงเรียนทหารส่วนใหญ่ที่ก่อตั้งฐานที่มั่นของตัวเองแล้วก็เริ่มส่งหน่วยรบบางส่วนไปตรวจสอบเขตที่อยู่รอบๆ
การต่อสู้ประจัญบานตั้งกฎไว้ว่าก่อนเวลาเที่ยงคืน นอกจากยึดครองเขตไร้ผู้คนแล้ว ไม่อนุญาตให้บุกโจมตีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหาร ช่วงเวลาบุกโจมตีจำเป็นต้องหลังเที่ยงคืน กฎระเบียบนี้ตั้งไว้เพื่อให้โรงเรียนต่างๆ มีเวลาตั้งฐานที่มั่น ขณะเดียวกันก็ให้เวลาพวกนักเรียนทหารทั้งหมดได้พักผ่อน…
ถึงแม้ว่าสามารถเคลื่อนไหวและบุกโจมตีได้แล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลาเคลื่อนไหวดีเยี่ยมที่สุดที่หลิงหลานต้องการ ดังนั้นเธอยังคงเลือกอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว ไม่ว่ายังไงหลิงหลานก็จะไม่เคลื่อนไหว หากเขต S กับเขต P ยังไม่เข้าสู่ช่วงสงครามตะลุมบอน
คนที่ตามหลิงหลานมาแทบจะเป็นลูกทีมที่เชื่อใจหลิงหลานสุดขีดทั้งนั้นเลย ไม่ต้องพูดถึงฉีหลง ลั่วล่าง เซี่ยอีที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หลี่หลานเฟิงก็เป็นผู้สนับสนุนหลิงหลานอย่างแน่วแน่ นับตั้งแต่ที่จ้าวจวิ้นเข้าร่วมหน่วยรบก็โดนหลิงหลานทรมานอยู่หลายครั้ง ยอมรับนับถือศิโรราบเช่นเดียวกัน มีเพียงหลี่ซื่ออวี๋ที่สงสัยในตัวหลิงหลานนิดหน่อย ทว่าเขาเป็นคนที่ข่มกลั้นอารมณ์ไว้ได้ ในเมื่อพวกเพื่อนร่วมทีมข้างกายไม่เคลื่อนไหว เขาย่อมไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน
ไม่นาน หุ่นรบของทั้งเจ็ดคนก็มีหิมะทับถมเป็นชั้นหนาๆ เวลานี้ต่อให้มีคนเข้ามาใกล้ ก็คิดว่านี่เป็นหินภูเขาบางอย่างที่ถูกหิมะปกคลุมไว้…
ขณะที่ทางฝั่งหลิงหลานอดทนรอคอยจังหวะเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด ทางฝั่งเขต S9 เฉียวถิงก็เตรียมตัวปฏิบัติการแล้ว เขาขับหุ่นรบบินเข้าไปในกลางอากาศท่ามกลางหิมะที่ปลิวว่อน เขาจ้องมองเรดาร์ของหุ่นรบ เรดาร์ของหุ่นรบไพ่ราชาสามารถครอบคลุมส่วนเล็กๆ ของเขต S กับเขต P ได้
ไม่นาน ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวภายในเขต S แล้ว ฐานที่มั่นเขตสักแห่งในเขตพื้นที่ S มีหน่วยหุ่นรบยี่สิบสี่คนคนเคลื่อนพลออกมาแล้ว
“ลูกทีมทั้งหมดเตรียมตัวออกปฏิบัติการ!” เฉียวถิงเชื่อมต่อช่องสื่อสารทีมเอ่ยสั่งการอย่างเฉียบขาด
“รับทราบ หัวหน้า!” ลูกทีมทุกคนเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นลูกทีมที่เฝ้าระวัง หรือว่าลูกทีมที่กำลังหยุดพักผ่อน เครื่องยนต์ไอพ่นเริ่มส่งเสียงดังสนั่น หุ่นรบทั้งหมดทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรวมกลุ่มที่ข้างกายเฉียวถิง
“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น?” หุ่นรบระดับพิเศษไม่สามารถตรวจสอบเจอข้อมูลที่เรดาร์บนหุ่นรบไพ่ราชาของเฉียวถิงตรวจเจอได้ รองหัวหน้าทีมของเฉียวถิงมาที่ข้างกายเฉียวถิงก่อนจะสอบถามสถานการณ์
“มีหน่วยรบยี่สิบสี่คนกำลังเข้ามาจากเขต S ไปทางเขต P” เฉียวถิงบอกสิ่งที่เขาพบให้กับทุกคน
“ฮ่าๆ โชคดีชะมัดเลย การต่อสู้ประจัญบานเพิ่งจะเริ่ม พวกเราก็ได้สู้แล้ว” พวกลูกทีมเริ่มกระตือรือร้นอยากลองกันแล้ว ลูกทีมมากมายเพิ่งได้ออกรบเป็นครั้งแรก การเป็นผู้ชมมาครึ่งเดือนทำให้พวกเขาคันไม้คันมือมาก อยากรีบประมือกับคู่ต่อสู้สักยกเพื่อเติมเต็มความต้องการ
เฉียวถิงกวาดตามองเพื่อนร่วมทีมที่มีจิตวิญญาณรบอันแรงกล้า ก่อนจะเอ่ยเตือนประโยคหนึ่งว่า “ภารกิจของพวกเรายากมาก ทุกคนต้องระมัดระวังเอาไว้ทุกด้าน ห้ามแตกทีมเด็ดขาด”
“รับทราบ หัวหน้า!” พวกลูกทีมต่างสัมผัสได้ถึงความห่วงใยในคำพูดของเฉียวถิง พวกเขาเลยตอบกลับด้วยความซาบซึ้งใจ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนยันทิศทางแล้ว เวลานี้เฉียวถิงก็วางแผนว่าจะรีบไปสกัดไว้ก่อนที่พวกเขาจะเหยียบเข้าสู่เขต P ดังนั้นก็เลยสั่งการว่า “ออกปฏิบัติการ!”
เพิ่งจะสิ้นคำพูด เขาก็ขับหุ่นรบบินออกไปเป็นคนแรก บรรดาลูกทีมตามหลังเขาไปอย่างเป็นระเบียบ ขบวนมุ่งหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความตึงเครียด รูปขบวนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในช่วงเวลาดังกล่าวเลย พวกเขารักษาระยะห่างระหว่างกันและกันได้อย่างดีที่สุด ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
เรื่องนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าหน่วยรบเฉียวถิงเป็นหน่วยรบเต็มตัวแล้ว เฉียวถิงเองก็เป็นหัวหน้าหน่วยรบที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ถึงสามารถมีผลงานเช่นนี้ได้
ไม่นานหน่วยรบยี่สิบสี่คนนั้นก็สังเกตเห็นกลุ่มของเฉียวถิง แต่พวกเขาไม่ได้ทำการหลบหลีก ยังคงบินไปตามทิศทางเดิม ในเมื่อเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ คิดดูแล้วคนเหล่านี้ก็เป็นสมาชิกฝ่ายจู่โจม เป็นทีมบุกชิงเมืองเช่นกัน
การต่อสู้ประจัญบานมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือหน่วยรบจู่โจมจะไม่เปิดศึกระหว่างกันง่ายๆ ทุกคนอยากโจมตีฐานที่มั่น คว้าคะแนนได้มากพอ ดังนั้น หน่วยรบจู่โจมเหล่านี้มักจะทำการร่วมมือกันชั่วคราว บุกโจมตีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารอื่นด้วยกัน นอกเสียจากคนที่เจอจะเป็นโรงเรียนคู่แค้นกัน เช่นนั้นก็อาจจะเกิดฉากนองเลือดเข่นฆ่าโรมรันกันด้วยความโกรธแค้น แต่ความเป็นไปได้แบบนี้มีน้อยมาก มากสุดทั้งสองฝ่ายก็แค่เตรียมป้องกันระแวดระวัง และถอยห่างจากกันเท่านั้น
อีกฝ่ายอาจจะคิดแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นเลยอยากเจอกันสักครั้ง ดูว่าทั้งสองฝ่ายจะมีโอกาสรวมกลุ่มกันได้หรือเปล่า
หน่วยรบทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เฉียวถิงก็สั่งการในช่องสื่อสารทีมว่า “ติดตั้งอาวุธปืนระยะสั้น เตรียมตัวต่อสู้!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงแกรกๆๆ หุ่นรบทั้งหมดชักปืนลำแสงระยะสั้นลงมาจากแผ่นหลัง แล้วถือไว้ในมือ เตรียมพร้อมทุกเวลา รอคอยคำสั่งสุดท้ายของเฉียวถิงเท่านั้น
ในที่สุดอีกฝ่ายก็มองเห็นหุ่นรบที่มาจากฝั่งตรงข้ามชัดเจนแล้ว พอเห็นว่าคนนำทีมคือเฉียวถิง ในใจก็สั่นสะท้าน ลอบยินดีปรีดา เขาตกใจที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งส่งเฉียวถิงออกมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมของหน่วยรบจู่โจม โดยไม่สนใจฐานที่มั่นของตัวเองเลยสักนิดเดียว ขณะเดียวกันก็ดีอกดีใจด้วย ถ้าเกิดร่วมมือกับเฉียวถิงได้ แล้วบุกโจมตีฐานที่มั่นอ่อนแอบางส่วน นั่นย่อมเป็นเรื่องที่มั่นใจมาก ไม่นึกเลยว่าโชคของเขาจะดีขนาดนี้…
หัวหน้าที่นำทีมส่งคำขอติดต่อไปที่เฉียวถิง มุมปากของเฉียวถิงเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ก่อนจะตอบรับคำขอของอีกฝ่าย
“หัวหน้าทีมเฉียว พวกเรามาจากโรงเรียนเฟยหง ไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับพวกนาย ถ้าเกิดเป็นไปได้ ฉันอยากคุยกับนาย” ท่าทีของอีกฝ่ายดูถ่อมตนมาก น้ำเสียงของเขาก็จริงใจมากด้วย ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเฉียวถิงรับภารกิจของหลิงหลานมาแล้ว บางทีเขาอาจจะยินดีให้โอกาสอีกฝ่าย
“อยากคุยอะไร?” เฉียวถิงตอบกลับอย่างขอไปที ขณะที่หัวหน้าทีมสองคนกำลังสนทนากัน ทั้งสองทีมก็เข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น
“คุยเรื่องความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกัน” หัวหน้าหน่วยรบของโรงเรียนเฟยหงกระวนกระวายใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่โรงเรียนทหารระดับกลางค่อนไปทางต่ำ เฉียวถิงจะดูถูกพวกเขาแล้วปฏิเสธหรือเปล่า?
“ร่วมมือกัน?” เฉียวถิงคล้ายกับกำลังใคร่ครวญ หัวใจของหัวหน้าหน่วยรบเฟยหงโลดเต้นขึ้นมาฉับพลัน รอคอยคำตอบสุดท้ายของเฉียวถิงด้วยความเคร่งเครียด เวลานี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ระยะยิงของปืนลำแสงระยะสั้นแล้ว
เฉียวถิงเห็นแบบนี้ แววตาก็ฉายแสงเย็นเยียบขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะสั่งอย่างเย็นชาว่า “ฆ่า!”
ลูกทีมของเฉียวถิงที่เตรียมปืนต่างๆ นานาไว้นานแล้วก็ทยอยกันเหนี่ยวไกปืนตามคำสั่งของเฉียวถิงทันที จากนั้นก็เห็นปืนยี่สิบสี่กระบอกเบ่งบานดอกไม้แวววาวยี่สิบสี่ดอก ปกคลุมท่วมศีรษะของคู่ต่อสู้พร้อมเพรียงกัน
“สารเลว!” การจู่โจมอย่างกะทันหันของหน่วยรบเฉียวถิงทำให้หัวหน้าหน่วยรบโรงเรียนเฟยหงร้องอย่างรันทดใจ ถึงแม้พวกเขาจะเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้วเหมือนกัน วินาทีก่อนเฉียวถิงยังคงทำท่าเหมือนกำลังใคร่ครวญเรื่องร่วมมือกัน แต่วินาทีถัดมา เขาก็ออกคำสั่งจู่โจมอย่างไร้ความปรานี นี่มันกะทันหันมากเกินไป โดยที่ไม่มีสัญญาณบอกเหตุเลยสักนิดเดียว ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบของหน่วยรบโรงเรียนเฟยหงไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ทยอยถูกปืนลำแสงของหน่วยรบเฉียวถิงยิงใส่