I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 503 มีเพียงความเป็นความตาย ไม่มีความดีความชั่ว!
- Home
- I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ
- ตอนที่ 503 มีเพียงความเป็นความตาย ไม่มีความดีความชั่ว!
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะพวกลูกทีมของหน่วยรบเฉียวถิงจดจำกฎระเบียบการต่อสู้ประจัญบานได้มั่นเลยไม่ได้ยิงใส่ห้องคนขับของพวกเขา อาศัยแค่การโจมตีลำแสงที่ไม่คาดฝันรอบนี้ก็สามารถทำให้ สมาชิกหน่วยรบโรงเรียนเฟยหงถูกเด็ดปีกไปไม่น้อย
แต่ว่าถึงแม้เป็นแบบนี้ ยังคงมีไฟสีแดงส่องกระพริบขึ้นมาบนหน้าจอของหุ่นรบจำนวนไม่น้อย ออปติคัลคอมพิวเตอร์ส่งคำประกาศออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว!” คำประกาศนี้บ่งบ บอกชัดเจนว่าลูกทีมคนนี้ตกรอบแล้ว ผู้ควบคุมหุ่นรบเหล่านี้ทุบแผงควบคุมแรงๆ ในห้องคนขับด้วยความกระฟัดกระเฟียด การต่อสู้ประจัญบานเพิ่งจะเริ่มต้น พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรก็ถูกไล่ ออกจากสนามแล้ว…เฉียวถิงคนนี้ต่ำช้าเกินไปแล้ว ลงมือใส่พวกเขาที่เป็นสมาชิกหน่วยจู่โจมเหมือนกัน…พวกเขาไม่กลัวว่าจะยั่วโทสะทุกคนเลยหรือไง?
พวกเขาขับหุ่นรบร่อนลงพื้นท่ามกลางความโกรธเกรี้ยว รอคอยเจ้าหน้าที่ของการต่อสู้ประจัญบานส่งยานลำเลียงพาพวกเขากลับไปยังเขตพักผ่อน พวกเขาตัดสินใจว่าจะกลับไปเฝ้าดูพวกเฉียวถิง อยา ากดูว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะลงเอยอย่างไร
เฉียวถิงสร้างความสับสนให้คู่ต่อสู้ โจมตีอีกฝ่ายจนรับมือไม่ทัน แต่หัวหน้าทีมกับลูกทีมที่สามารถกลายเป็นหน่วยรบจู่โจมได้ยังคงมีความสามารถสูงอยู่หลายคน ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเ เขารวดเร็วสุดขีด หลบการลอบโจมตีอย่างเจ้าเล่ห์เพทุบายของหน่วยรบเฉียวถิงรอบนี้ได้อย่างราบรื่น
เฉียวถิงเห็นแบบนี้ก็โบกมือขวาทันที บรรดาลูกทีมของเขาเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ขอเพียงเป็นหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิดรวมถึงหุ่นรบแบบผสมล้วนสับเปลี่ยนอาวุธ ถืออาวุธเย็นขึ้นมา ก่อน จะพากันพุ่งเข้าใส่หุ่นรบที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่ตัวนั้น
ส่วนหุ่นรบระยะไกลก็รีบเปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงโดยเฉพาะ ก่อนจะเล็งไปยังหุ่นรบระดับพิเศษไม่กี่ตัวที่อยากทำการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายหลังจากตกอยู่ในวงล้อม
นี่เป็นการเข่นฆ่าเพียงฝ่ายเดียว ถึงแม้สุดท้ายหุ่นรบเฟยหงไม่กี่ตัวนั้นอยากใช้วิธีการพลีชีพ พยายามลากหุ่นรบศัตรูหลายตัวไปด้วย แต่หุ่นรบระยะไกลถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่จับจ้อง งพวกเขามาโดยตลอดจะให้พวกเขาสำเร็จแผนได้อย่างไร เมื่อเห็นหุ่นรบเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็รีบเหนี่ยวไกทันที ยิงใส่อีกฝ่ายจนทำให้คู่ต่อสู้ออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเศร้า
เฉียวถิงเห็นหุ่นรบทั้งหมดร่วงลงพื้น เขาก็ชูปืนลำแสงระยะสั้นขึ้นมา ยิงปืนนัดหนึ่งใส่บนพื้นว่างเปล่าที่อยู่ไม่ไกลจากหุ่นรบเหล่านี้ ละลายหิมะหนาๆ หนึ่งชั้นบนพื้นทันที ไม่เพี ยงแค่นั้น ยังทิ้งหลุมลึกสีดำไหม้เกรียมเอาไว้ด้วย
หัวหน้านำทีมของเฟยหลงเห็นฉากนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด ในที่สุดเขาได้ยินออปติคัลคอมพิวเตอร์หุ่นรบพูดว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” การแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้เสียชีวิตของเขาถูกค คู่ต่อสู้มองออกแล้ว เฉียวถิงใช้การโจมตีสุดท้ายบอกเขาว่า เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แท้จริง เขาจะยิงห้องคนขับเสริมอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าศัตรูจะเสียชีวิตจนไม่อาจเสียชีวิตได้อ อีกแล้ว
เดิมทีเขายังอยากลากซากหุ่นรบกลับไปฐานที่มั่นบอกผู้บัญชาการว่า ใครเป็นคน ‘สังหาร’ พวกเขากันแน่ แต่กระสุนนัดนี้ของเฉียวถิงทำให้เขาไม่มีโอกาสอีกแล้ว เขาที่เสียชีวิตแล้วจะ ะถูกเจ้าหน้าที่การประลองพาไปยังเขตพักผ่อน ขณะเดียวกันช่องทางติดต่อต่างๆ ของเขาก็จะถูกปิด ทำได้เพียงรอคอยการต่อสู้ประจัญบานสิ้นสุดลงอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
“หวังว่าพวกผู้บัญชาการจะสังเกตเห็นการกระทำเลวๆ ของพวกเฉียวถิงได้เร็วๆ นะ” หัวหน้าทีมหน่วยรบของโรงเรียนเฟยหงปรารถนาเพียงแค่นี้เท่านั้น
หลังจากที่เฉียวถิงยิงกระสุนนัดนั้น เขาถึงค่อยเก็บปืนลำแสงกลับไปด้วยความพึงพอใจ การต่อสู้รอบแรกสมบูรณ์แบบมาก นอกจากสมาชิกต่อสู้ระยะประชิดคนหนึ่งที่ถูกคู่ต่อสู้โจมตีกลับก่อน ‘เสียชีวิต’ จนหุ่นรบพังเสียหายไป 30% แล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ของหน่วยรบเขาไม่ได้รับความเสียหายเลยสักนิดเดียว ยังคงรักษากำลังรบได้ 100%
“เสี่ยวลู่ ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะซ่อมหุ่นรบได้สักหน่อย?” เฉียวถิงถามลูกทีมที่หุ่นรบได้รับความเสียหายคนนั้น
ลูกทีมเสี่ยวลู่ได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่นทันทีว่า “หัวหน้า ถ้าเกิดอาศัยแค่การซ่อมแซมตัวเองของออปติคัลคอมพิวเตอร์ น่าจะฟื้นฟูกลับมา 100% ยากมาก สุดท้ายอย่างมากก็ซ่อม มแซมกลับมาได้แค่ประมาณ 90% เท่านั้น…”
ระบบที่ได้รับผลกระทบค่อยๆ ซ่อมแซมกลับคืนสู่สภาพเดิมภายใต้การดำเนินการของออปติคัลคอมพิวเตอร์ แต่เกราะหุ้มด้านนอกของหุ่นรบที่พังเสียหายนั้น ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถซ่อม มแซมได้ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เสี่ยวลู่ก็อดถอนหายใจไม่ได้พลางเอ่ยว่า “ถ้าเกิดตอนนั้นฉางซินหยวนเข้าร่วมหน่วยรบของพวกเราได้ก็คงดี” หากมีช่างปรับแต่งซ่อมแซมที่เก ก่งกาจขนาดนี้ ก็สามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ได้สบายๆ
สาเหตุที่เฉียวถิงใช้วิธีการของเหลยถิงอยากรับฉางซินหยวนเข้าร่วมหน่วยรบ ก็เพราะเขาสนใจพรสวรรค์ระดับปีศาจด้านการปรับแต่งซ่อมแซมหุ่นรบของฉางซินหยวน เขากลัวว่าพรสวรรค์แบบนี้ จะถูกคนอื่นได้ไป ดังนั้นเลยใช้วิธีการแบบนี้ประกาศจุดยืนของเขาโดยตรงว่าจะต้องเอามาให้ได้ ทำให้หน่วยรบอื่นๆ ไม่กล้าแตะฉางซินหยวน เดิมทีเขาคิดว่าฉางซินหยวนจะก้มหัวให้ในท้า ายที่สุด แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาแทรกกลาง หลิงหลานไม่สนใจอำนาจของเขา และรับฉางซินหยวนมาอยู่ใต้บังคับบัญชาโดยตรง
สิ่งที่ทำให้เขาอัดอั้นตันใจมากกว่าเดิมคือ ฉางซินหยวนยินดีเข้าร่วมหน่วยรบหลิงเทียนที่เพิ่งก่อตั้งซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีอนาคตหรือเปล่า โดยที่ไม่ยอมเข้าร่วมหน่วยรบของเขา…
คำพูดของเสี่ยวลู่ทำให้สีหน้าของเฉียวถิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเงียบไปหลายวินาที จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาฉับพลันว่า “เสี่ยวลู่ วิธีการของฉันเผด็จการเกินไป จนทำให้คนอื่นเกลียดใช ช่ไหม? ก็เลยเอาคนที่ฉันต้องการมาไม่ได้?”
เสี่ยวลู่ได้ยินคำกล่าวก็ส่ายหน้าทันทีพลางพูดว่า “หัวหน้า ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ นายเป็นหัวหน้าหน่วยรบของพวกเรา แข็งกร้าวหน่อยก็เป็นสิ่งที่จำเป็น”
แววตาของเฉียวถิงมืดมนคลุมเครือ บรรยากาศหนักอึ้งทำให้เสี่ยวลู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกกดดันหนักหน่วง เขาที่เหงื่อไหลชุ่มโชกส่งข้อความไปให้รองหัวหน้าตัวเองอย่างเงียบๆ ว่าให้ อีกฝ่ายรีบเข้ามาช่วยเหลือเขาโดยด่วน
“หัวหน้า พวกลูกทีมพักเสร็จแล้ว จะเอายังไงต่อ?” รองหัวหน้าทีมเอ่ยปากถาม ขณะเดียวกันก็โบกมือให้เสี่ยวลู่ ให้เขาหาโอกาสหนีไปเร็วๆ
เสี่ยวลู่ขับหุ่นรบพุ่งออกห่างจากข้างกายเฉียวถิงอย่างเงียบงัน เสี่ยวลู่ที่กลับไปหาทีมแล้วลอบปาดเหงื่อเย็นๆ เมื่อสักครู่นี้ตอนที่หัวหน้าถามเขาว่าเผด็จการจนทำให้คนอื่นเกลีย ยดหรือเปล่า เขาตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว…ฮือๆๆ ทีมรู้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยเกลียดอีกฝ่าย ดังนั้นถึงได้มาเตือนเขาใช่หรือเปล่า? เสี่ยวลู่เริ่มคิดฟุ้งซ่านขึ้นมา เขาตัดสินใจ แล้วว่าต่อไปจะพูดเรื่องแย่ๆ ของหัวหน้าลับหลังไม่ได้อีกเด็ดขาด
การขัดจังหวะของรองหัวหน้าทำให้เสี่ยวลู่ฉวยโอกาสแอบหนีไปโดยไม่รอให้เฉียวถิงมีการตอบสนอง เฉียวถิงครุ่นคิดอยู่หลายวินาที จากนั้นค่อยเงยหน้าถามรองหัวหน้าทีมของตัวเองว่า “รองหัวหน น้าโจว นายว่าหลิงหลานเป็นเผด็จการแข็งกร้าวหรือเปล่า?”
รองหัวหน้าโจวอึ้งไป ไม่รู้ว่าจู่ๆ เฉียวถิงถามถึงหลิงหลานทำไม แต่เขายังคงขบคิดอย่างจริงจังถึงค่อยตอบว่า “ผู้บัญชาการหลิงเย็นชามาก ฉันจำสายตาเย็นชาที่เขามองเข้ามาได้ ความรู สึกนั้นเหมือนกับถูกมีดเย็นเฉียบแทงทะลุผิวหนัง ทั้งเย็นทั้งทรมาน แรงกดดันมาก มีออร่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับยอมจำนนต่อฉันแล้วจะเจริญ หากต่อต้านฉันคือความตาย เขาเป็นจอม มเผด็จการ” ประโยคสุดท้ายของรองหัวหน้าโจวเอ่ยอย่างหนักแน่นเฉียบขาด
“เผด็จการแข็งกร้าวเหมือนกัน ทำไมเขาถึงสำเร็จ แต่ฉันกลับล้มเหลวล่ะ?” แววตาของเฉียวถิงผุดความสงสัยขึ้นมา พวกเขาเป็นอันดับหนึ่งของชั้นปีเหมือนกัน ควบคุมกลุ่มหุ่นรบที่แข็งแกร่ง เหมือนกัน แต่หลิงหลานทำตามใจชอบได้มากกว่าเขา สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจนึก ตรงกันข้ามกับเขา นับตั้งแต่ที่หลิงหลานปรากฏตัวออกมา เขาก็พบเจออุปสรรคไม่หยุด ทำให้เขาจำต้องสงสั ยว่า หลิงหลานเป็นอุปสรรคขวางทางในชีวิตของเขาหรือเปล่า
คำพูดของเฉียวถิงทำให้รองหัวหน้าโจวตกใจ เขารีบเอ่ยว่า “หัวหน้า พูดแบบนี้ไม่ได้นะ ล้มเหลวชั่วคราวไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลวไปชั่วชีวิต หัวหน้า อนาคตของนายจะต้องแข็งแกร่งกว่าห ลิงหลานแน่นอน” แววตาของรองหัวหน้าโจวเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาเป็นผู้สนับสนุนที่มั่นคงแน่วแน่ที่สุดของเฉียวถิง เขาคิดว่าเฉียวถิงจะต้องเหมือนกับนายพลหลิงเซียว สร้างปาฏิหาริย์ไ ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อนาคตจะต้องเป็นของเฉียวถิงอย่างแน่นอน
คำพูดของรองหัวหน้าโจวทำให้หัวใจของเฉียวถิงสั่นสะท้าน ดวงตาสองข้างกระจ่างใสโดยพลัน เขาซาบซึ้งใจที่รองหัวหน้าทีมของตัวเองเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างสุดจิตสุดใจ ขณะเดียวกันก็ลอบหั วเราะฝืดเฝื่อน ระยะนี้การกระทำทั้งหมดของหลิงหลานส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขามาก ถึงแม้เขาพูดปลอบใจตัวเองมาตลอดว่า หลิงหลานเป็นลูกของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ ดังนั้นเขาเลย ไม่มีอนาคต แต่ส่วนลึกในใจ เขายังอดไม่ไหวเห็นหลิงหลานเป็นคู่ต่อสู้ที่ชาตินี้เขาจะต้องก้าวข้ามให้ได้
“ดูท่า ฉันต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้สักครั้ง ฉันถึงจะหลุดพ้นได้จริงๆ” เฉียวถิงระบายลมหายใจหนักๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว ในเมื่อหลิงหลานกลายเป็นมารในใจของ เขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เช่นนั้นเขาก็ต้องทำลายมารในใจนี้
หลิงหลาน! ฉันจะไปรอนายในกองทัพก่อน ไว้นายเข้าร่วมกองทัพแล้ว นั่นจะเป็นเวลาต่อสู้ของพวกเราอีกครั้ง! เฉียวถิงคิดไว้นานแล้วว่า เขาไม่อาจให้หลิงหลานมาส่งผลกระทบต่อการก้าวหน น้าของเขาได้ เขาจะเดินไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ รอจนกระทั่งอนาคต ต่างฝ่ายต่างเข้าสู่กองทัพแล้ว ค่อยหาโอกาสแก้ไขพันธะอันเลวร้ายระหว่างเขากับหลิงหลานอีกครั้ง
เฉียวถิงที่จัดการความกังวลในจิตใจแล้วก็เตรียมแผนการต่อไปอย่างกระฉับกระเฉง เขาพาพวกลูกทีมออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว หลังจากที่วนอ้อมบนฟ้าของเขต P เป็นวงกลมใหญ่ๆ รอบหนึ่งก็ มายังอีกตำแหน่งหนึ่ง ทำเหมือนการโจมตีเมื่อสักครู่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย เพื่อหลอกโรงเรียนอื่นให้สับสนงุนงงมากที่สุด
ส่วนพวกสมาชิกทีมของโรงเรียนเฟยหงที่พ่ายแพ้เฉียวถิง ไม่นานก็ถูกยานลำเลียงที่รีบมาพาไปยังเขตพักผ่อน เขตรอบๆ ก็รู้ข่าวแค่ว่าหน่วยรบหนึ่งถูกคนลอบโจมตีจนพินาศย่อยยับ ส่ว วนใครเป็นคนทำนั้น กลับไม่มีใครรู้เลย หลังจากฐานที่มั่นโรงเรียนเฟยหงที่ตั้งอยู่ในเขต S รู้ข่าวนี้ ผู้บัญชาการก็โกรธจัดเต้นเร่าๆ สาบานว่าจะหาไอ้คนชั่วที่ลอบโจมตีนั้นให้ไ ได้ แล้วทรมานมันอย่างหนักสักยกถึงจะระบายความแค้นได้…
ภายในห้องสังเกตการณ์ เมื่อเห็นเฉียวถิงใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาที่อีกฝ่ายอยากร่วมมือด้วย เข้าไปใกล้หน่วยรบโรงเรียนเฟยหงที่แทบจะไม่ได้เตรียมการป้องกันตัว ก่อนจะลอบโจมตีอีกฝ่าย อย่างสมบูรณ์แบบ เอาชนะหน่วยรบยี่สิบสี่คนโดยที่จ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยหุ่นรบเสียหายแค่หนึ่งตัวเท่านั้น ทั่วทั้งห้องก็เปลี่ยนเป็นเงียบงัน
“เฉียวถิง เขา ทำแบบนี้ได้ยังไง?” ทันใดนั้นนายทหารคนหนึ่งก็เอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของคนที่ตัวเองคาดหวังไว้
“ลงมือใส่หน่วยรบจู่โจมเนี่ยนะ นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว” “มีหลายคนไม่พอใจต่อการกระทำของเฉียวถิงนิดหน่อย คิดว่านี่มันไม่สง่างามผ่าเผย
“เพื่อชัยชนะแล้ว ถึงกับไม่มีขีดจำกัดล่างเลย” ผู้คนทยอยเอ่ยประณาม
“ผมจำได้ว่ากฎของการต่อสู้ประจัญบาน นอกจากตัวเองแล้ว คนอื่นๆ เป็นคู่แข่ง เป็นศัตรูทั้งหมด ทำไมต้องมีขีดจำกัดล่างต่อศัตรูด้วยล่ะ?” มีคนไม่เห็นด้วย
“แต่จุดสำคัญของการต่อสู้ประจัญบานคือแย่งชิงอาณาเขต ไม่ใช่กำจัดคู่แข่งนะ” มีคนเอ่ยคัดค้านไม่ยอมรับ
“กำจัดคู่แข่งไม่ใช่เป็นการเตรียมตัวแย่งชิงอาณาเขตเหรอครับ? ไม่มีคู่ต่อสู้แล้ว ก็จะคว้าอาณาเขตพวกนั้นมาได้ตามใจชอบ เขาไม่ได้ละเมิดกฎการต่อสู้ประจัญบานนะ” ไม่นาน ห้องสังเกตการณ์ ก็แตกออกเป็นสองกลุ่ม ซึ่งก็คือคัดค้านและสนับสนุนวิธีการของเฉียวถิง ก่อนจะเริ่มโต้แย้งกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สุดท้ายไฟสงครามก็ลามมาถึงตัวหลิงเซียว ทั้งสองฝ่ายไม่อาจแย้งกันเองได้แล้วก็หันหน้าไปสอบถามนายพลหลิงเซียว ถามว่านายพลคิดเห็นอย่างไร
หลิงเซียวแย้มยิ้มตรงมุมปาก เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ผมรู้แค่ว่าบนสนามรบ มีเพียงความเป็นความตาย ไม่มีความดีความชั่วหรอกนะครับ”
ถ้าเกิดถกเรื่องความดีความเลวบนสนามรบ ก็คงเป็นเรื่องน่าขบขันสุดขีด มีเพียงเอาชีวิตรอดต่อไปได้เท่านั้น คุณถึงจะเป็นมนุษย์! ไม่อย่างนั้นต่อให้กลายเป็นสิ่งที่ด้อยกว่าหมูกว่าหมา า แต่ว่าตายก็ตายไปแล้ว ยังจะมีความหมายอะไรอีก? และจะมีใครสนใจอีก?