I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 504 ยืมมือคนอื่น?
คำพูดของหลิงเซียวทำให้ห้องสังเกตการณ์สงบลงโดยพลัน คนที่ดูถูกเฉียวถิงแต่เดิมรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที เนื่องจากนี่เป็นการต่อสู้ประจัญบานของโรงเรียนทหารสหพันธรัฐ พ พวกเขาเหล่านี้เลยไม่เห็นการต่อสู้ประจัญบานเป็นสงครามที่แท้จริง ดังนั้นถึงได้สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ จนลืมเลือนความโหดร้ายของสงครามจริง
หลิงเซียวเห็นทุกคนเข้าใจเรื่องนี้แล้วก็ยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นอีกครั้ง ก่อนจะทอดสายตามองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ นี่ทำให้บรรดาทหารในห้องสังเกตการณ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซาบซึ้งใจท ที่นายพลหลิงเซียวไว้หน้าพวกเขา
เวลานี้ หลิงเซียวกำลังคิดอยู่ว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาอยู่ที่มุมไหน ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่าลูกสาวที่กล้าหาญของเขาจะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในฐานที่มั่น… ดังนั้นพูดได้ว่า ค คนที่เข้าใจลูกมากที่สุดก็ยังคงเป็นพ่อแม่ของพวกเขา!
เฉียวถิงเอาชนะการต่อสู้มาได้แล้ว ขั้นต่อไปก็พาหน่วยรบอ้อมท้องฟ้าเขต P ไปยังอีกด้านหนึ่ง และใช้วิธีการเดียวกันจัดการหน่วยรบจู่โจมของโรงเรียนทหารหลายแห่งทางฝั่งนั้น…
การกระทำเหล่านี้ของเขาทำให้เขต P และเขต S เกิดความตื่นกลัว ข่าวเรื่องที่มีกองกำลังซุ่มโจมตีตรงจุดคาบเกี่ยวระหว่างเขต P กับเขต S เริ่มแพร่ไปไปในหมู่ฐานที่มั่นของทั้งสองเขตน นี้ หน่วยรบของฐานที่มั่นบางแห่งเริ่มตั้งทีมค้นหาเพื่อทำให้รอบๆ ตัวเองปลอดภัยสงบสุข เฉียวถิงเห็นสถานการณ์ตึงเครียดก็พาทีมถอยกลับไปที่เขต S9 รอให้ข่าวลดลงแล้วค่อยออกปฏิบัติ การอีกที
หน่วยหุ่นรบยี่สิบสี่คนกำลังบินต่ำช้าๆ พวกเขาเป็นหน่วยรบลาดตระเวนของฐานที่มั่นเขตใกล้เคียง เมื่อรู้ว่ามีคนลอบโจมตีและตรวจค้นรอบๆ บริเวณฐานที่มั่นอย่างระมัดระวัง พยายามหา เบาะแสบางอย่างที่หลงเหลือไว้ แต่พวกเขาตรวจค้นเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติอะไรเลย
พอเห็นด้านล่างมีพื้นที่ราบวงกลม รอบด้านล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า หัวหน้าของหนึ่งในหน่วยรบใช้เรดาร์ตรวจสอบรอบๆ บริเวณอย่างระมัดระวัง พบว่าทุกอย่างปกติดี ถึงค่อยเอ่ยกับห หัวหน้าของอีกทีมว่า “พี่หลัว พวกเราพักกันตรงนี้สักหน่อยดีไหม?” หน้าที่ลาดตระเวนที่ตึงเครียดสูงทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบรู้สึกว่าผลาญพลังงานไปเยอะมาก ต้องเติมพลังงานอยู่บ่อยๆ จ จนแทบจะต้องกินทุกๆ สองสามชั่วโมง
คนจากอีกหน่วยรบที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าทีมหลัวคล้ายกับมีความคิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นเลยกล่าวว่า “เอาสิ พี่หู” เขาค่อยๆ ขับหุ่นรบร่อนลงไปบนพื้นราบวงกลมนั้น
พื้นที่ราบวงกลมใหญ่มาก หุ่นรบยี่สิบสี่ตัวร่อนลงมา โดยไม่ได้ดูเบียดเสียดเลยสักนิดเดียว ทั้งสองทีมตั้งเป็นขบวนสี่เหลี่ยมชัดเจนสองขบวนยึดครองกันคนละฝั่ง ส่วนหัวหน้าทีมสองคน นกลับอยู่ด้านหน้าสุดของแต่ละทีม ตั้งขบวนเป็นมุมแหลม ยึดครองตำแหน่งใจกลางวง ขบวนรบแบบนี้มีไว้เพื่อการป้องกัน และก็เป็นขบวนรบที่ง่ายต่อการสื่อสาร
หน่วยรบทั้งสองนี้มาจากโรงเรียนคนละแห่ง ถึงแม้จะร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อค้นหาคนลอบโจมตีลึกลับนั้น แต่ว่าต่างฝ่ายต่างยังคงระแวดระวังกันเอง ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าจู่ๆ อีกฝ่าย จะแตกหักแล้วลงมืออย่างอำมหิตหรือเปล่า
หลังจากที่ทั้งสองทีมร่อนลงพื้นก็ทำการพักผ่อน พวกลูกทีมทยอยกันทำเวลากินอาหารชดเชยพลังงานที่เสียไป การต่อสู้ประจัญบานเปิดฉากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าวินาทีถัดไปจะเกิดการต่อสู้หรือเ เปล่า พวกเขาจำเป็นต้องฉกฉวยเวลาทุกนาที
“พี่หลัว นายว่าใครเป็นคนลงมือใส่หน่วยรบจู่โจมของโรงเรียนพวกนั้นกันแน่?” หัวหน้าทีมหูเคี้ยวเสบียงกรังไปพลาง สอบถามหัวหน้าทีมหลัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไปพลาง
หัวหน้าทีมหลัวตอบว่า “ฉันสำรวจพื้นที่ที่โรงเรียนทหารชิวหลินถูกซุ่มโจมตีแล้ว พื้นที่นั้นเป็นเขตไร้ผู้คน ไม่มีฐานที่มั่นของสักโรงเรียนเลย…” เขาชะงักไป ใบหน้าเผยความเคร่ง งขรึมออกมา “ฉันเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คนซุ่มโจมตีคือหน่วยรบจู่โจม”
“ซี้ด!” หัวหน้าทีมหูสูดลมหายใจยะเยือก ไม่อยากจะเชื่อเลย “เป็นไปไม่ได้ ใครมันกล้าทำแบบนี้? นี่มันยั่วโมโหทุกคนเลยนะ”
หัวหน้าทีมหลัวสีหน้าคล้ำขึ้นเล็กน้อย “ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันไม่คิดไม่ออกว่า นอกจากหน่วยรบจู่โจมที่วิ่งออกมาได้ไกลแล้ว หน่วยรบอื่นไม่มีทางออกไปไกลจากฐาน นที่มั่นมากนักแน่นอน”
หัวหน้าทีมหูขยับริมฝีปาก เปลี่ยนจากความตกตะลึงในตอนแรกมาเป็นใจเย็นลง เขาเองก็คิดว่าที่หัวหน้าทีมหลัวพูดมามีเหตุผลมาก การที่สามารถลอบสังหารได้สำเร็จอย่างรวดเร็วโดยที่แทบ บไม่ให้คนตั้งตัว บางทีเขาใช้ประโยชน์จากกรอบความคิดที่ฝังแน่นว่าหน่วยรบจู่โจมจะไม่โจมตีใส่หน่วยรบจู่โจม ถึงได้ลอบสังหารสำเร็จภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมการป้องกัน
“ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็ต้องหาตัวฆาตกรโดยเร็วที่สุด ไม่งั้น ถ้าให้เขาซุ่มโจมตีอยู่รอบๆ พวกเรา มีความเป็นไปได้สูงว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นเรา” หัวหน้าทีมหูกล่าวคำพูดนี้จบก็ตกต ตะลึงในใจ เขามองไปทางหัวหน้าทีมหลัวที่อยู่ตรงข้าม จะเป็นอีกฝ่ายหรือเปล่านะ?
หัวหน้าทีมหูก็เตรียมป้องกันตัวขึ้นมาอย่างลับๆ เขานึกไม่ถึงว่าพอคำพูดนี้ของเขาออกมา หัวหน้าหลัวที่อยู่ตรงข้ามก็เตรียมป้องกันตัวขึ้นมาพร้อมกัน ก็เหมือนกับที่หัวหน้าทีมหูพู ดไว้ ไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรคือใคร เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าหน่วยรบที่ร่วมมือกันชั่วคราวตรงหน้านี้อาจจะเป็นฆาตกรคนนั้นได้เหมือนกัน
ขณะที่หัวหน้าทีมหูเตรียมป้องกันตัว ก็เอ่ยสอบถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่หลัว บอกฉันที นายคิดว่าหน่วยรบจู่โจมของโรงเรียนไหนมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้มากที่สุด?”
คำพูดนี้ของหัวหน้าทีมหูทำให้หัวหน้าทีมหลัวตะลึงงัน ก่อนจะวางใจลงไม่น้อย โรงเรียนทหารอู่เฟิงที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนทหารเจ๋อหลี่ของพวกเขาเป็นโรงเรียนที่จัดอยู่อันดับ 20 00 กว่า ไม่มีความกล้าทำเรื่องนี้จริงๆ เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความไม่ไว้วางใจของอีกฝ่ายเหมือนกัน ก่อนจะฉุกใจขึ้นมาได้แล้วกล่าวว่า “ต่อให้เป็นการลอบโจมตี หน่วยรบจู่โจมที่สามารถกำ ำจัดโรงเรียนทหารชิวหลินที่จัดอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกได้ ความสามารถต้องไม่อ่อนด้อยแน่นอน ถ้าเกิดไม่ใช่โรงเรียนในห้าสิบอันดับแรกก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้เลย”
เมื่อคำพูดของหัวหน้าทีมหลัวออกมา หัวหน้าทีมหูคนนั้นก็ตระหนักได้ฉับพลัน ความระแวดระวังลดลงไปนิดหน่อยทันที เขารีบแสดงความคิดเห็นออกมา “ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
พอเห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับความคิดเห็นของตัวเอง หัวหน้าทีมหลัวก็ตื่นเต้น เขากล่าวต่อว่า “อันที่จริง ฉันเอนเอียงไปทางโรงเรียนสิบอันดับแรกมากกว่า ไม่ ไม่สิ น่าจะเป็นสี่อันดับแรก กา ารต่อสู้ประจัญบานแต่ละปี โรงเรียนที่ต่อสู้แย่งชิงกันดุเดือดมากที่สุดคือสี่โรงเรียนนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยนะ” หัวหน้าทีมหูไม่เชื่อนิดหน่อย
“พอถูกกดดันหนัก เลยอาจยอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจนก็ได้นะ” หัวหน้าทีมหลัวเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน
แววตาของหัวหน้าทีมหูเปล่งประกายทันใด “นายมีผู้ต้องสงสัยแล้วเหรอ?”
“โรงเรียนสี่อันดับแรกที่อยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุดมีโรงเรียนไหนบ้าง?” หัวหน้าทีมหลัวไม่ตอบแต่ถามกลับ
หัวหน้าทีมหูเอ่ยอย่างคล่องแคล่วว่า “เขต P47 ตอนนี้ยืนยันว่าเป็นฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง เขต S9 สงสัยว่าเป็นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เขต S33 แน่ใจแล้วว่าเป็น นฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สาม ตอนนี้ยังไม่รู้ฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง อาจจะไม่ได้อยู่ในสองเขตนี้ก็ได้”
“ไม่นึกเลยว่าสามในสี่อันดับแรกจะเบียดอยู่ด้วยกันหมดเลย พวกเราโชคร้ายจริงๆ ดันจับได้เขตสงครามที่แข่งขันกันดุเดือดที่สุด” หัวหน้าทีมหลัวถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่า าอย่าให้โรงเรียนสามแห่งนี้ร่วมมือกัน แล้วกวาดล้างโรงเรียนอย่างพวกเขาให้ตกรอบก่อน...
หลังจากถอนหายใจแล้ว หัวหน้าทีมหลัวก็บอกคำตอบของเขาออกมาว่า “คนที่ลอบโจมตีจะต้องเป็นหนึ่งในสามโรงเรียนแน่ๆ ฉันคิดว่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งกับโรงเรียนทหารชายที่สามมีความ มเป็นไปได้มากที่สุด”
“ทำไมล่ะ?”
“โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งถูกโรงเรียนทหารชายที่สองกดให้อยู่ที่สองมาเจ็ดสมัยแล้ว พวกเขาต้องอยากเอาความรุ่งโรจน์ในตอนนั้นกลับคืนมาแน่นอน พวกเขาอยู่ภายใต้ความกดดันหนัก จะใช้วิธี การแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย” หัวหน้าทีมหลัวบอกความคิดของเขาออกมา “โรงเรียนทหารชายที่สามก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกเขาอยู่อันดับสี่ตลอดกาลก็ต้องอยากเงยหน้าอ้าปาก อยู่แล้ว อีกอย่างพอทำแบบนี้ คนที่จะโดนสงสัยเป็นคนแรกก็คือโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ตำแหน่งของพวกเขาทำเรื่องนี้ง่ายกว่าโรงเรียนทหารชายที่สามมาก”
“นายหมายความว่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้มากกว่าเหรอ?” หัวหน้าทีมหูเอ่ยด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่เหมือนกัน มีความเป็นไปได้สูงว่าโรงเรียนทหารชายที่สามอาจจะโยนความผิดให้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งรับไป” หัวหน้าทีมหลัวเอ่ยด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “เป็นไปได้เหมือนกันว่า โรงเรียน นทหารสหศึกษาที่หนึ่งอาจจะลอบส่งทีมเข้ามา”
“ฉันต้องรีบกลับไปบอกเรื่องนี้ให้ผู้บัญชาการ” หัวหน้าทีมหูตัดสินใจทันที ไม่ว่าโรงเรียนไหนทำ ก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับโรงเรียนที่อยู่อันดับกลางค่อนไปทางต่ำอย่างพวกเขา เขาจะต้องร รีบไปหาวิธีแก้ไขโดยเร็วที่สุด
“อื้อ ฉันเองก็ต้องไปบอกเรื่องพวกนี้ให้ผู้บัญชาการเหมือนกัน ถ้าเกิดอยากต้านทานโรงเรียนสามแห่งนี้ โรงเรียนทหารอย่างพวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกัน” หัวหน้าทีมหลัวเอ่ยเตือน
ดวงหน้าของหัวหน้าทีมหูฉายแววครุ่นคิด บางทีนี่อาจเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการต่อกรกับโรงเรียนทหารสามแห่งนั้น หัวหน้าทีมหูเดินไปตามความคิดของหัวหน้าทีมหลัวโดยไม่รู้ตัว หั วหน้าทีมหลัวเห็นอีกฝ่ายไม่พูดจา รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งกดลึกลง
หัวหน้าทีมทั้งสองคนอยากรายงานให้ผู้บัญชาการโดยเร็วที่สุด เลยไม่สามารถพักผ่อนทานอาหารอย่างสบายใจได้อีก พวกเขาพาลูกทีมออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้าไปยังฐานที่มั่น
รอจนกระทั่งพวกเขาบินออกจากขอบเขตพื้นที่แห่งนี้ ก็เห็นกองดินขนาดใหญ่ด้านหลังต้นไม้สูงเสียดฟ้าที่อยู่พื้นที่รอบๆ บริเวณพลันขยับเขยื้อน ชั้นหิมะหนาๆ แตกออกทันทีเผยให้เห็นแผ่ นโลหะสีดำสนิทที่อยู่ข้างใน
ทันใดนั้นโลหะสีดำทะมึนก็ตั้งขึ้นมาฉับพลัน หิมะสีขาวทยอยร่วงลงสู่พื้น มันเผยโฉมเดิมออกมา เป็นหุ่นรบระดับพิเศษตัวหนึ่งนี่เอง
เมื่อทางฝั่งนี้มีการเคลื่อนไหว บริเวณอื่นๆ ที่เงียบสงัดซ่อนเร้นแต่เดิมก็มีการเคลื่อนไหวตาม หุ่นรบหกตัวที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่สี่แห่งก็มารวมกลุ่มกันที่เบื้องหน้าหุ่นรบตัว วนี้อย่างรวดเร็ว
“ลูกพี่ จะเคลื่อนไหวแล้วเหรอ?” ฉีหลงเอ่ยอย่างตื่นเต้น เขานอนคว่ำอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เขาใกล้จะนอนคว่ำจนเซ่อไปแล้ว
“อื้อ!” นิ้วโป้งข้างขวาของหลิงหลานถูกับนิ้วชี้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ตอนที่เธอกำลังใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง “หลี่หลานเฟิง เฉียวถิงอาจจะกำลังโดนเปิดโปงแล้ว ว นายคิดวิธีแก้ไขได้หรือเปล่า?” หากถูกเปิดโปงเร็วเกินก็จะส่งผลกระทบต่อแผนการถัดไปของหลิงหลาน นี่เป็นสิ่งที่หลิงหลานไม่ยอมเด็ดขาด
หลี่หลานเฟิงได้ยินคำกล่าวก็ใจกระตุก ก่อนจะรีบเอ่ยว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
หลิงหลานบอกบทสนทนาระหว่างหัวหน้าหน่วยรบทั้งสองที่เสี่ยวซื่อแอบตัดต่อมาเมื่อสักครู่นี้ให้กับหลี่หลานเฟิง
แววตาของหลี่หลานเฟิงส่องประกายวาบทันใด แล้วกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “โยนความผิดให้คนอื่น!”
“โรงเรียนทหารชายที่สาม!” หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงพูดคำตอบออกมาพร้อมกัน มุมปากของหลิงหลานอดยกยิ้มขึ้นไม่ได้ หลี่หลานเฟิงคิดเหมือนกับเธอไม่มีผิด
“นายวางแผนเลย!” ในเมื่อหลี่หลานเฟิงต้องการตำแหน่งเสนาธิการของหน่วยรบ เธอก็จะให้โอกาสเขา
“ได้ หัวหน้า!” หลี่หลานเฟินตอบด้วยความตื่นเต้นยินดี นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานปล่อยให้เขาวางแผนเพียงลำพังในระหว่างออกปฏิบัติการ ที่ผ่านมาหลิงหลานจะตัดสินใจวางแผนด้วยตัวเอง ง แล้วค่อยให้เขากับหานจี้จวินทำการเสริมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
หลี่หลานเฟิงรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่หลิงหลานมอบให้เขา เขาซาบซึ้งใจและลอบกำหมัดทีหนึ่ง ‘ต้องแสดงผลงานดีๆ ให้ได้ จะทำให้กระต่ายที่ไว้ใจและสนับสนุนเขาผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด ส สู้เขานะ หลี่หลานเฟิง!’