I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 507 คาดเดาใจกันเอง?
ในตอนที่หน่วยรบพันธมิตรโรงเรียนทหารมาหาเฉียวถิงที่เขต S9 เพื่อขอคำตอบ ตรงจุดที่หน่วยรบของโรงเรียนฉางคงถูกซุ่มโจมตีซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาออกไปสี่ห้ากิโลเมตร นี่ล้างความสงสัยของทุกคนที่มีต่อเฉียวถิงทันที ส่วนโรงเรียนทหารชายที่สามที่เพิ่งจะมาถึงเขต S9 ก็ถูกล่อลวงเข้าไปเพราะเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดท้ายของหัวหน้าทีมฉางคง ขณะที่สำรวจสถานที่เกิดเหตุก็โดนเฉียวถิงที่มาถึงทันเวลาจับได้คาหนังคาเขา…
แต่ละขั้นตอนถูกคำนวณไว้อย่างชาญฉลาดมาก และก็ทำให้โรงเรียนทหารชายที่สามไม่มีโอกาสอธิบาย พวกเขาทำได้เพียงแบกรับบาปนี้ไว้
หลังจากนั้นโรงเรียนทหารชายที่สามก็ตัดสินใจผิดพลาดอีกครั้ง นี่จำเป็นต้องพูดว่าเฉียวถิงจากไปในเวลาที่ชาญฉลาดมาก ถ้าเกิดเฉียวถิงอยู่ โรงเรียนทหารชายที่สามที่ไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียวก็คงไม่ต่อสู้จนถึงที่สุด ถ้าหากพวกเขายอมก้มหัว สถานการณ์นี้ก็อาจจะไม่พังจนถึงกับแก้ไม่ได้แล้ว แต่การจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของเฉียวถิงทำให้โรงเรียนทหารชายที่สามเห็นโอกาสรอดเล็กน้อย ในเมื่อมีโอกาส โรงเรียนทหารชายที่สามย่อมไม่มีทางยอมแพ้แต่โดยดี พวกเขาก็มีความหยิ่งทระนงของตัวเอง นี่ก็เลยก่อให้เกิดการต่อสู้ในภายหลัง
ฝั่งหนึ่งหลบหนี ฝั่งหนึ่งอยากรั้งไว้ ทั้งสองฝ่ายจึงทำการต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้เอง จนกระทั่งตอนนี้ ความเป็นจริงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายที่ได้รับความสูญเสียไม่มีโอกาสจับมือให้อภัยกันอีกต่อไป โรงเรียนทหารชายที่สามเองก็ไม่สามารถล้างความผิดที่ถูกใส่ร้ายของตัวเองได้ ทั้งสองฝ่ายย่อมต่อสู้กันจนฝั่งใดฝั่งหนึ่งย่อยยับ
สิ่งที่สุดยอดยิ่งกว่านั้นคือ สี่คนที่โชคดีหนีรอดไปได้จากโรงเรียนทหารชายที่สามได้พบเจอโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง แต่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งกลับปล่อยให้พวกเขาไปในช่วงเวลาสิ้นหวัง โรงเรียนทหารชายที่สามย่อมซาบซึ้งใจต่อโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมากๆ…
เหอซวี่หยางอดหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาไม่ได้ “เฉียวถิงจงใจซื้อใจ ทำให้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเปลี่ยนเป็นวางตัวอยู่เหนือข้อระหว่างพิพาทของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายไหนอยากตีสนิทกับโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งก็ต้องจ่ายด้วยผลประโยชน์ที่มากพอ ไม่นึกเลยว่า คนที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจะเป็นคนร้ายของเหตุการณ์ในครั้งนี้ น่าทึ่งจริงๆ”
หลิงเซียวได้ยินคำกล่าวก็ยิ้มน้อยๆ “เฉียวถิงควบคุมจังหวะการถอยและรุกได้ดีมาก เขาเป็นหัวหน้าทีมที่ยอดเยี่ยม!”
เหอซวี่หยางเลิกคิ้วทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยแทรกว่า “ไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางแผนการนี้นะครับ? ดูถูกนักเรียนทหารปัจจุบันนี้ไม่ได้เลย”
หลิงเซียวตอบด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “ใครจะไปรู้ แต่จะต้องเป็นคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแน่นอน” หลิงเซียวกล่าวเรียบๆ ทว่ารอยยิ้มตรงมุมปากกลับกดลึกยิ่งขึ้น
“แต่ ท่านนายพลครับ ผมมีจุดหนึ่งที่คิดไม่ออก ทำไมในช่วงเวลาสุดท้ายคนของโรงเรียนทหารฉางคงถึงตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนั้นว่า ‘ฆาตกร’ คือโรงเรียนทหารชายที่สามครับ?” เหอซวี่หยางโยนคำถามที่เขาไม่เข้าใจออกมา
บรรดาทหารที่จับตามองหลิงเซียวกับเหอซวี่หยางมาตลอดได้ยินคำถามข้อนี้ของเหอซวี่หยางก็เหมือนกับถูกเรียกสติก็ไม่ปาน พวกเขาเอ่ยปากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้เช่นกัน จำเป็นต้องพูดว่า พวกหลิงหลานพิจารณารายละเอียดได้รอบคอบมาก ตราสัญลักษณ์ที่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาทั้งหมดถูกพวกเขาใช้วิธีการปกปิดไว้ ราวกับว่าตราตรงหน้าอกหุ่นรบถูกคนทาสีเข้ม ปกปิดตราไปได้เจ็ดแปดส่วน ดูไม่ออกว่าคืออะไร และก็ไม่สามารถทำให้คนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของพวกเขาจากสิ่งเหล่านี้ได้
หลิงเซียวไม่ตอบ แต่ปรายตามองเหอซวี่หยางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเท่านั้น เหอซวี่หยางเลิกล้มความตั้งใจทันที เขาที่เข้าใจหลิงเซียวเป็นอย่างดีรู้ว่า นี่หมายความว่าคำถามที่เขาถามฝ่าฝืนขอบเขตแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องนี้
เหอซวี่หยางลอบพึมพำในใจ “ดูท่าแบบนี้จะต้องเกี่ยวกับคุณชายหลานแน่ๆ เลย!” และก็มีเพียงคุณชายหลานเท่านั้นที่ทำให้ท่านนายพลระมัดระวังขนาดนี้
มีทหารเสนอความคิดแบบนี้ขึ้นมาท่ามกลางการแสดงความคิดเห็นว่า “โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นคนของโรงเรียนทหารชายที่สามในตอนที่เริ่มต้นคุยกัน ดังนั้นชั่วพริบตาที่ถูกจู่โจม เหยื่อที่โมโหก็เลยคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่าอีกฝ่ายเป็นโรงเรียนทหารชายที่สามหรือเปล่า?”
คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ พวกเขาเอ่ยคัดค้านว่า “คนที่เข้าร่วมการต่อสู้ประจัญบานได้ล้วนเป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่ ไม่มีทางโดนคำพูดแบบนี้ชักนำผิดๆ เด็ดขาด สาเหตุที่พวกเขามั่นใจแบบนี้จะต้องมีสิ่งที่ยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน...”
“แต่ว่ามันคืออะไรกันแน่นั้น มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ได้” ทุกคนอยากหาเหตุผล แต่ก็ล้มเหลว นี่ทำให้พวกเขาหวังว่าจะได้รู้ความจริงมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ทุกคนพยายามทุ่มเทความคิดอยากหาคำตอบนั้น หลิงเซียวที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับตกถ้วนชาร้อนที่อยู่ข้างมือขึ้นมาอย่างสบายอกสบายใจ เขาจิบหนึ่งคำเบาๆ คล้ายกับไม่แยแสเรื่องที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่เลย
ความจริงแล้ว ในห้องสังเกตการณ์มีเพียงหลิงเซียวคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร
‘หลานเอ๋อร์น่าจะใช้พลังจิตตอนที่จัดการหัวหน้าทีมฉางคง บอกอีกฝ่ายเป็นนัยๆ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดคิดว่าเห็นเรื่องจริง…’ ไม่นึกเลยว่าพลังจิตกับการควบคุมหุ่นรบของหลิงหลานจะประสานกันอย่างลงตัว นี่ทำให้หลิงเซียวประหลาดใจแกมยินดีมาก แถมความผิดพลาดนั้นเป็นความจงใจอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีเวลาพูดว่า ‘ฆาตกรที่แท้จริง’ นั้นออกมา
‘แผนการกับทักษะไม่เลวทั้งนั้นเลย ใช้งานได้พอเหมาะพอดีเหมือนกัน เทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว หลานเอ๋อร์เรียนรู้ที่จะใช้ไม้อ่อนและไม้แข็งแล้ว ไม่ได้หลับหูหลับตาดึงดันอีกต่อไป เธอแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!’ หลิงเซียวรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก อยากบอกทั้งโลกว่า หลิงหลานเป็นลูกสาวของเขา…
ลูกสาว…ความอิ่มอกอิ่มใจของหลิงเซียวถูกกวาดหายไปทันทีก่อนจะใจเย็นลง ในใจมีความรู้สึกขมขื่นผุดขึ้นมา เพื่อทำให้ลูกสาวสบายใจและไม่ให้โดนคนอื่นค้นพบ ตอนนี้เขาเลยไม่สามารถประกาศความสัมพันธ์ของเขากับหลิงหลานสู่ภายนอกได้ เขาจำเป็นต้องอดทนไว้ ยังเหลือสามปี ผ่านไปอีกสามปี ลูกสาวสุดที่รักของเขาก็จะปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งโลก ยืนอยู่ข้างกายเขาได้อย่างเปิดเผย
……
และตอนนี้เอง พวกหลิงหลานเจ็ดคนเข้าลึกไปในเขต S แล้ว ลั่วล่างมีความสงสัยอยู่เต็มไปหมด ในที่สุดพออยู่ระหว่างการพักผ่อน เขาสอบถามหลิงหลานว่า “ลูกพี่พวกเราจะไปแบบนี้เหรอ?” บอกว่าจะช่วยพวกเฉียวถิงจัดการปัญหาเรื่องถูกเปิดโปงไม่ใช่เหรอ? จัดการแค่หน่วยรบโรงเรียนฉางคงก็จบเรื่องแล้ว?
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ปรายตามองเข้าไปอย่างเย็นชา “นายคิดว่าต้องทำอะไรอีกล่ะ?”
ลั่วล่างเกาศีรษะ เขาคิดหาเหตุผลไม่ออก แต่ว่าทำแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ดูยังไงก็คิดว่ายังไม่พอ
เมื่อเห็นสีหน้าของลั่วล่างยังเต็มไปด้วยความสงสัย หลี่หลานเฟิงก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริง พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมายเลย เฉียวถิงต้องการแค่โอกาสเท่านั้น และการที่พวกเราจัดการโรงเรียนฉางคงก็เป็นการมอบโอกาสให้เขา เฉียวถิงไม่มีทางพลาดแน่นอน” ถึงแม้เขาจะหวาดกลัวและระแวดระวังเฉียวถิงมาก แต่หลี่หลานเฟิงจำเป็นต้องยอมรับว่า ความสามารถของเฉียวถิงไม่ว่าจะเป็นด้านพลังรบหรือว่ากลยุทธ์ล้วนเก่งมากจริงๆ
ลั่วล่างยังคงไม่เข้าใจอยู่บ้าง หลิงหลานหยุดหลี่หลานเฟิงที่ตั้งใจจะอธิบายให้ละเอียด ก่อนจะทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคว่า “เฉียวถิงรู้ว่าจะใช้ประโยชน์เรื่องนี้ยังไง คนที่กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มของเหลยถิงได้ ไม่ใช่คนโง่หรอกนะ”
“เราไม่เคยบอกเฉียวถิงเลยนะ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าจะต้องใช้ประโยชน์ยังไง?” ลั่วล่างยังคงกังวล วิธีการคาดเดาใจกันเองแบบนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอ?
——————