I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 508 โจมตี!
“นายคิดว่าเขาคือนายหรือไง?” หลิงหลานเหลือบมองอย่างเย็นชา ลั่วล่างเสียใจทันที ‘ฮือๆๆ ลูกพี่รังเกียจที่เขาโง่แล้ว’
หลิงหลานเห็นทุกคนกินอิ่มแล้วก็พูดว่า “เดินทางต่อ!”
“ครับ ลูกพี่!” ทุกคนรีบตอบ กลัวว่าหากตัวเองเคลื่อนไหวชักช้า ก็จะโดนลูกพี่เหยียดหยามใส่ต่อจากลั่วล่าง…
ทั้งเจ็ดคนเคลื่อนพลอย่างรวดเร็วต่อ เซี่ยอี๋ขับหุ่นรบเร่งความเร็วเข้ามาใกล้ลั่วล่างอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเอ่ยในช่องส่วนตัวว่า “ลั่วล่าง เมื่อกี้นายเป็นห่วงอะไรน่ะ ลูกพี่กับเฉียวถิงต้องรู้ใจเรื่องแบบนี้กันเองอยู่แล้ว”
“ทุกคนทำเรื่องแต่ละอย่างโดยไม่สื่อสารกันเลย ฉันก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเลินเล่อ พลาดโอกาสดีที่พวกเราสร้างขึ้นไปอย่างเสียเปล่า” ลั่วล่างเอ่ยด้วยความน้อยใจ
เซี่ยอี๋เงียบอยู่เนิ่นนานถึงค่อยตอบกลับว่า “นายมุ่งความสนใจไปเป็นรองผู้บัญชาการหน่วยรบดีกว่านะ!” อย่างที่คิดไว้เลย ลั่วล่างร่างหลักเหมาะกับใช้กำลัง แต่ไม่ใช่คนที่เหมาะกับใช้สมอง
“นายก็คิดว่าฉันโง่เหรอ?” ลั่วล่างโมโหแล้ว เตรียมลับมีดในใจ ไอ้คนหน้าด้านที่อาศัยทีมของพวกเขาก็กล้าดูถูกเขาด้วยเหรอ?
“เปล่านะ!” เซี่ยอี๋ตอบอย่างเด็ดขาด เขาที่รู้สึกผิดก็รีบเอ่ยเสริมว่า “ฉันหมายความว่า นายจะแข่งขันกับใครก็ได้ แต่ห้ามแข่งกับลูกพี่เด็ดขาด ไม่งั้นนายจะรู้สึกหมดหวังในชีวิตเอาได้นะ… ดังนั้น นายเป็นรองผู้บัญชาการจะดีกว่า”
คำพูดของเซี่ยอี๋ทำให้ลั่วล่างเงียบไป หลายวินาทีให้หลังถึงค่อยแค่นเสียงเย็นทีหนึ่งอย่างงอนๆ หลังจากนั้นก็เร่งความเร็วพุ่งขึ้นหน้า เว้นระยะห่างจากเซี่ยอี๋ทันที การกระทำที่แสดงออกว่าฉันไม่รู้จักนายเช่นนี้ทำให้เซี่ยอี๋มึนงง ทำไมลั่วล่างถึงโมโหอีกแล้วล่ะ? เขาไม่ได้ล่วงเกินอีกฝ่ายเลยนะ?
คนอื่นๆ ที่มุ่งหน้าอย่างร่วงเร็วไม่ได้สังเกตเห็นประกายไฟเล็กๆ ทางฝั่งนี้เลย ทุกคนบินไปได้อีกสิบกว่านาที เมื่อเข้าใกล้เขต M หลิงหลานพลันหยุดฉุกเฉินก่อนจะโบกมือที่หนึ่ง ทุกคนหยุดบินทันที แต่ละคนตั้งขบวนรบที่เหมาะกับการโจมตีและการป้องกันออกมาโดยให้หลิงหลานอยู่ตรงกลาง
ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากอีกทางด้านหนึ่งของป่าทึบ หุ่นรบจำนวนไม่น้อยพุ่งผ่านท่ามกลางป่าทึบอย่างว่องไว เข้ามาใกล้ทางฝั่งหลิงหลานมากขึ้นเรื่อยๆ
สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมขึ้นมา สถานการณ์เช่นนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายพุ่งมาหาพวกเขา
เรดาร์หุ่นรบสามารถตรวจจับวัตถุบินได้ในรัศมีสามกิโลเมตร โดยปกติแล้ว หากลูกทีมฝ่ายจู่โจมเจอหน่วยรบอื่นในบริเวณรอบๆ ขอเพียงไม่ใช่จุดหมายปลายทางของตัวเองก็จะใช้วิธีการหลีกเลี่ยงทั้งนั้น ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับพวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาหยุดนิ่งชั่วคราวก็จะเปลี่ยนทิศทางอย่างเข้าใจกันดี ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับตรงเข้ามา บ่งบอกชัดเจนว่ามาหาเรื่องพวกเขา
“เสี่ยวซื่อ ซูมเข้าไปใกล้ๆ!” สิ้นคำสั่งของหลิงหลาน ภาพที่อยู่ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรก็ถูกซูมเข้ามาบนหน้าจอหุ่นรบในชั่วพริบตา หน่วยหุ่นรบยี่สิบสี่คนกำลังบินเข้ามาหาพวกเขาอย่างฉับไว
เสี่ยวซื่อรู้ใจมาก เขาแสดงภาพตัดต่อตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกหุ่นรบเหล่านั้นขึ้นหน้าจอสองฝั่ง
“โรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักร แล้วก็โรงเรียนทหารชายที่สอง…” หลิงหลานขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย โรงเรียนทหารทั้งสองนี้ออกปฏิบัติการด้วยกันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
“ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกเรากับโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งที่เป็นพันธมิตรกันก่อนสงคราม โรงเรียนทหารชายที่สองเองก็หาพันธมิตรของพวกเขาได้แล้วเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเขายังเป็นพันธมิตรกับใครอีก” หลิงหลานประหลาดใจ อย่างที่คิดไว้เลย คนที่กลายเป็นผู้บัญชาการของโรงเรียนทหารระดับท็อปได้ไม่ใช่คนที่จัดการง่ายจริงๆ ด้วย
“อีกอย่าง พวกเขาเข้ามาเขต S ได้เร็วขนาดนี้ ดูท่าโรงเรียนทหารชายที่สองก็แบ่งกองกำลังหลังจากที่เข้าสู่แผนที่ใหญ่ ส่วนโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักร ถ้าฉันจำไม่ผิด ฐานที่มั่นของพวกเขาน่าจะเป็น M67 ไม่ถือว่าไกลจากเขต S มากนัก คนของโรงเรียนทหารชายที่สองน่าจะพักอยู่ในฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักร จากนั้นถึงค่อยออกปฏิบัติการด้วยกัน” หลิงหลานใคร่ครวญอย่างละเอียด คาดการณ์แผนการของอีกฝ่ายออกมาคร่าวๆ
“ตอนนี้พวกเขาพุ่งเข้ามาโดยที่ไม่กลัวเลยเพราะคิดว่ามีคนหนุนหลังแบบนี้ จะต้องสังเกตเห็นแล้วแน่ๆ ว่าพวกเราเป็นแค่หน่วยรบเจ็ดคน พวกเขาคิดว่าจัดการพวกเราได้สบายๆ แน่นอน...ดูท่า คนที่มาจะมีเจตนาไม่ดี เพราะคนที่มีเจตนาดีเขาไม่มากันหรอก!” มุมปากของหลิงหลานเผยรอยยิ้มหยันออกมา ไม่คาดคิดว่าเธอจะโดนคนอื่นเห็นว่าเป็นกระดูกอ่อนเคี้ยวง่าย
“เตรียมตัวโจมตีระยะไกล!” หลิงหลานออกคำสั่งโจมตีทันที
ขบวนรบที่ตอนแรกให้จ้าวจวิ้นอยู่ด้านหน้าสุดเกิดการเปลี่ยนแปลงในพริบตา จ้าวจวิ้นย้ายไปทางด้านข้าง เปลี่ยนจากกองหน้าเป็นปีกซ้าย ส่วนเซี่ยอี๋กับหลี่หลานเฟิงที่เดิมทีอยู่แนวหลังก็ขึ้นหน้าโดยพลัน ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของทีม กลายเป็นกองหน้าคู่ หลี่ซื่ออวี๋ที่อยู่ตรงกลางค่อนไปทางแนวหลังก็พุ่งไปที่ทางขวา กลายเป็นปีกขวาของหน่วยรบ ส่วนฉีหลงกับลั่วล่างที่อยู่แนวหลังก็แยกกันไปอยู่ที่สองฝั่ง กลายเป็นปีกรองของจ้าวจวิ้นกับหลี่ซื่ออวี๋
ตำแหน่งของหลิงหลานไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้อยู่ตรงกลางขบวนรบ เวลานี้ก็ยังอยู่ตรงกลาง เพียงแต่ตรงกลางนี้อยู่ตรงกลางค่อนไปทางด้านหลัง กลายเป็นกองหลังเพียงหนึ่งเดียวของขบวนรบนี้ ขบวนรบปรากฏเป็นรูปพัด พวกฉีหลงหกคนยืนเป็นครึ่งวงกลม แยกกันจับจ้องไปบนทิศทางที่แต่ละคนรับผิดชอบ ส่วนหลิงหลานก็อยู่ตรงกลางวงของครึ่งวงกลมนี้
การที่ใช้ขบวนรบนี้เป็นเพราะขบวนรบของฝ่ายตรงข้ามบนเรดาร์ก็เป็นรูปพัดเช่นกัน พวกเขาจำเป็นต้องใช้ขบวนรบแบบเดียวกันมาป้องกันทุกมุมที่อาจจะโดนโจมตีได้
“ฮ่าๆ ตั๊กแตนน้อยเจ็ดตัวนั้นกลัวแล้วหรือเปล่านะ?” เมื่อเห็นเป้าหมายที่พวกเขาจ้องไว้หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน หนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่สองก็อดเอ่ยด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
“ก็ไม่แน่นะ บางทีพวกเขาอาจคิดว่าเป็นพันธมิตรก็ได้” ผู้ควบคุมหุ่นรบของโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักรไม่ได้คิดอีกฝ่ายในทางเลวร้ายเกินไป
“จากข่าวที่ได้ยินมา โรงเรียนบางส่วนของเขต S กับเขต P ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราต้องเข้าไปในพื้นที่โดยเร็วที่สุด ไม่งั้นรอจนผู้บัญชาการพวกเขามา เราก็ไม่มีโอกาสแตะเขต S กับเขต P แล้ว” ผู้ควบคุมหุ่นรบอีกคนของโรงเรียนทหารชายที่สองเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
สถานการณ์อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา การต่อสู้ประจัญบานในครั้งนี้ก่อตั้งพันธมิตรระหว่างโรงเรียนต่างๆ ขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ ถ้าเกิดให้เขต S กับเขต P รวมกลุ่มเป็นพันธมิตรเดียวกันได้สำเร็จ ก่อตั้งกำลังรบที่น่าสะพรึงกลัวได้ คนที่มาจากนอกพื้นที่ทั้งสองเขตอย่างพวกเขาคิดจะแบ่งส่วนก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าเขต P ถึงจะเป็นเขตที่มีมูลค่าอย่างแท้จริง มันแทบจะมีฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารครึ่งหนึ่ง นี่ถึงเป็นขุมทรัพย์อันไร้ที่สิ้นสุดในการได้รับคะแนนมหาศาล ต่อให้โรงเรียนทหารชายที่สองมีเวลามากมายในการกวาดล้างเขต Q กับเขต M แต่คะแนนที่ได้ทั้งหมดก็เท่ากับคะแนนที่ได้จากมุมเล็กๆ ของเขต P เท่านั้น
นี่ก็คือสาเหตุที่พวกเขารีบร้อนเข้ามาที่เขต S โรงเรียนทหารชายที่สองจำเป็นต้องอยู่ในเขต S กับเขต P สอดเท้าเข้าไปในตอนที่โรงเรียนต่างๆ ร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน เพื่อที่ต่อไปพวกเขาจะได้สร้างเงื่อนไขดีๆ ในการเข้าสู่เขต P ได้อย่างเปิดเผย
“ต้องจัดการเจ็ดคนนี้จริงๆ เหรอ? บางทีพวกเราน่าจะไปหาพวกเขาแล้วทำความเข้าใจสถานการณ์สักหน่อยนะ” ผู้ควบคุมหุ่นรบคนหนึ่งจากโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักรไม่เห็นด้วยที่จะบุ่มบ่ามเปิดฉากการต่อสู้โดยที่ไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด
“นายว่า หน่วยรบที่ไม่ครบสิบสองคนแบบนี้จะมีพันธมิตรคนไหนต้องการ พวกเขาถูกกำหนดให้กลายเป็นรางวัลสงครามแล้ว” หัวหน้าทีมหน่วยรบของโรงเรียนทหารชายที่สองได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันขึ้นมาทันที
คำพูดนี้ทำให้คนอื่นๆ เห็นด้วย ความจริงแล้วการที่พวกเขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะลงมือกับทีมเจ็ดคนนี้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
บางทีอาจเป็นเพราะหน่วยรบพันธมิตรของโรงเรียนทหารชายที่สองกับโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักรนี้มีจำนวนคนได้เปรียบมากเกินไป พวกเขาเลยผ่อนคลายความระมัดระวัง และก็ประมาทขึ้นมา ถึงแม้ขบวนรบของฝ่ายตรงข้ามบนเรดาร์จะเป็นรูปแบบทั้งรุกและรับ แต่ยังไม่มีใครคาดคิดว่า หน่วยรบเจ็ดคนจะทำการบุกโจมตีก่อนโดยไม่กลัวตายภายใต้สถานการณ์ที่กำลังรบแตกต่างกันมากขนาดนี้
หน่วยรบยี่สิบสี่คนเข้าสู่ขอบเขตการโจมตีระยะไกล หลิงหลานไม่ได้ออกคำสั่งยิง เธอรู้ดีว่าขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ฉีกหน้ากัน การโจมตีครั้งแรกคือจุดสำคัญที่สุด ซึ่งเป้าหมายของหลิงหลางก็คือต้องโจมตีหุ่นรบเจ็ดตัวของอีกฝ่ายจนร่วงในการโจมตีครั้งแรก ลดความห่างชั้นเรื่องจำนวนหุ่นรบของฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้น เธอจำเป็นต้องรอจนกระทั่งถึงตำแหน่งโจมตีที่เหมาะสมมากที่สุด….
ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของหลิงหลานเริ่มเต้นกระหน่ำขึ้นมา ครั้งนี้ หากคำนวณพลาดเพียงนิดเดียว ทั้งเจ็ดคนในทีมก็จะประสบกับหายนะ ไม่เพียงพวกเขาจะโดนขับไล่ออกจากการต่อสู้ประจัญบาน ยังส่งผลต่อโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอีกด้วย
หลิงหลานล้วงเข้าไปในกระเป๋าตัวเองก่อนจะบีบของในกระเป๋าที่สามารถตัดสินชะตาของทั้งทีมได้ เธอกัดฟันทันที ในเมื่อหลังชนฝาแล้ว เช่นนั้นเธอก็ไม่อาจลังเลได้แล้ว
แววตาของหลิงหลานเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในพริบตา เธอปล่อยไอเย็นออกมาทั่วทั้งร่าง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะห้องคนขับมีอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ เกรงว่าเธอคงแช่แข็งห้องคนขับขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อเปิดใช้งานพันธะน้ำแข็งก็ทำให้หลิงหลานเยือกเย็นลงมาก ไม่มีความหวั่นไหวในใจอีกต่อไป
การรอคอยเป็นเรื่องที่ยากจะทานทน เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ หน้าผากของหลิงหลานก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของหลิงหลานไปตามคิ้ว สันจมูก แล้วไหลลงมาที่คอเสื้อของเธอ ชุดป้องกันบนตัวของหลิงหลานเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออย่างรวดเร็ว โชคดีที่ชุดป้องกันมีฟังก์ชั่นอบแห้งอัตโนมัติ มันจึงอบเหงื่อจนแห้งอย่างรวดเร็ว…
หลิงหลานที่ทุ่มสมาธิใจจดใจจ่อเข้าสู่โลกลี้ลับอีกครั้ง หุ่นรบสามตัวจากในหมู่หุ่นรบที่เดิมทีบินมาอย่างรวดเร็วพวกนั้นพลันเชื่องช้าลง การเคลื่อนไหวแต่ละท่วงท่าล้วนชัดเจนอย่างยิ่ง ในสมองของหลิงหลานปรากฏความเร็วในการขับของอีกฝ่าย จนถึงขนาดที่สามารถคาดการณ์จุดเชื่อมจังหวะการขับของอีกฝ่ายออกมาได้
“จุดอ่อน! จุดอ่อน! จุดอ่อน!” ดวงตาสองข้างของหลิงหลานมองเห็นโอกาสยิงสามอันที่หุ่นรบสามตัวนั้นมอบให้เธอได้อย่างชัดเจน นี่คือพรสวรรค์รู้แจ้งเห็นจริง มันสำแดงอานุภาพขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ประสิทธิภาพของมันปรากฏขึ้นบนหุ่นรบทั้งสามตัว…
“A3 A4 A5 ให้ฉันรับผิดชอบ!” หลิงหลานเพิ่งออกคำสั่งนี้ลงมา เธอก็เห็นปากกระบอกปืนของหลี่หลานเฟิง เซี่ยอี๋และหลี่ซื่ออวี๋ที่เดิมรับผิดชอบหุ่นรบสามตัวนี้เบี่ยงออกไปเล็กน้อย
“A6”
“A7”
“A8”
ทั้งสามคนบอกหุ่นรบที่ตัวเองต้องการโจมตีออกมาคนละตัว เพื่อเตือนคนอื่นๆ ว่าอย่าโจมตีทับกัน
“ฉันเอา B8” จ้าวจวิ้นเห็นว่าเขาไม่มีส่วนแบ่งในศัตรูแถวแรกแล้ว ก็เลยวางเป้าหมายไว้ที่ด้านหลังโดยไม่ลังเล
“โจมตี!” ในที่สุดหลิงหลานก็ออกคำสั่งโจมตีแล้ว
จากนั้นก็เห็นปืนลำแสงในมือทั้งเจ็ดคนยิงออกมาพร้อมกัน ปากกระบอกปืนของหลิงหลานสั่นไหวในพริบตา ก่อนจะเห็นลำแสงสายหนึ่งสาดออกไป หลังจากที่มันออกจากปากกระบอกปืนก็แยกออกเป็นลำแสงสามสายอย่างไร้ที่มาที่ไป บินไปหาหุ่นรบสามตัวจากในนั้น
ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น อันที่จริงหลิงหลานยิงออกไปสี่นัดในชั่วพริบตา เพียงแต่เนื่องจากความเร็วไวมากเกินไป ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเหมือนกับลำแสงสายหนึ่งแยกออกเป็นลำแสงสามสาย…
ฉากอันน่าพิศวงนี้ทำให้หุ่นรบสามตัวที่โดนโจมตีรับมือไม่ทัน ไม่สิ ควรพูดว่าการโจมตีของพวกหลิงหลานเจ็ดคนอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา พอโดนโจมตีอย่างกะทันหันก็ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสหลบหลีกเลย
——————-