I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 510 วิกฤติ!
อีกทางด้านหนึ่ง จ้าวจวิ้นขวาง B5 กับ C6 ไว้ หลี่หลานเฟิงขวาง B7 กับ C7 พวกฉีหลงสี่คนเองก็ต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่ตัวเองเลือกไว้
หัวหน้าทีมโรงเรียนทหารชายที่สองเห็นอีกฝ่ายขัดขวาง C3 กับ C5 ไว้ก็โกรธเกรี้ยวทันที นี่คิดจะเมินเขาเหรอ? เขาเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “พวกนายไป ฉันจัดการเขาเอง” กล่าวจบก็ขับห หุ่นรบพุ่งไปหาหลิงหลาน เตรียมตัวที่จะสร้างความอับอายให้เจ้าเด็กหยิ่งยโสที่ดูถูกคนอื่นนี้
C4 ที่หยิ่งทระนงไม่ยอมร่วมมือกับคนอื่นเพื่อจัดการศัตรูคนเดียว ในฐานะผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของโรงเรียนทหารชายที่สอง เขาคิดว่านอกจากสามผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ ราชาที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษไม่กี่คนที่อยู่จุดสูงสุดของการทะลวงขีดจำกัดหรือว่ากำลังจะทะลวงขีดจำกัดแล้ว เช่น ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด ของโรงเรียนทหารชายที่สามคนนั้น หรือว่าจ้าวจวิ้นที่เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาแต่จำเป็นต้องใช้หุ่นรบระดับพิเศษ คนอื่นๆ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่ไร้ชื่อเสียงตรงหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน
C3 กับ C5 เข้าใจนิสัยของ C4 ดี รู้ว่าเขาไม่ยินยอมให้พวกเขาลงมือ ดังนั้น เมื่อเห็น C4 พุ่งเข้าไปกำลังจะประชิดตัวต่อสู้กับอีกฝ่าย พวกเขาก็ขับหุ่นรบบินไปทางด้านซ้ายและด้าน ขวาของหลิงหลานโดยไม่ลังเล พวกเขาเตรียมตัวอ้อมผ่านไปอีกครั้ง ครั้งแรกพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเลยโดนคนซัดกลับมาด้วยความเลินเล่อ คราวนี้พวกเขาตั้งสมาธิจดจ่อทุ่มสุดกำลัง เชื่อว่า าจะต้องผ่านคู่ต่อสู้ได้สำเร็จแน่นอน แล้วเข้าร่วมสนามต่อสู้นั้น
‘ตูม!’ หลิงหลานยกดาบยักษ์ในมือขึ้นมา ใช้ดาบสกัดกั้นการโจมตีของ C4 แต่เหมือนกับไม่ได้คาดการณ์พละกำลังของฝ่ายตรงข้ามให้ดี ทำให้หุ่นรบเอนไปทางด้านหลังอย่างควบคุมไม่อยู่…
C4 เห็นแบบนั้นก็ดีอกดีใจ ขณะที่อยากโจมตีต่อเพื่อตัดสินผลการรบที่แน่ชัด เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลสายหนึ่งส่งมาจากตรงส่วนท้องของหุ่นรบ หุ่นรบกระเด็นออกไปทางด้านหลังอ อย่างไม่อาจควบคุม…
การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้ C4 รู้สึกว่าเลือดลมตรงหน้าอกปั่นป่วน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะห้องคนขับมีอุปกรณ์ป้องกัน และคุณสมบัติร่างกายของเขาอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดสุดขีดละก็ อ อาศัยแค่การโจมตีทีเดียวนี้ก็เพียงพอทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ การโจมตีนี้ก็ทำให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หุ่นรบตัดสินว่าหุ่นรบได้รับความเสียหายร้ายแรง พลั งรบลดลงไป 30%
เทคนิคหุ่นรบสร้างขึ้นเอง—กระต่ายทะยานฟ้า! นี่คือท่ากระต่ายทะยานฟ้าซึ่งเป็นเทคนิคหุ่นรบที่หลิงหลานดัดแปลงมาจากการใช้ท่ากระต่ายทะยานฟ้าที่เป็นทักษะต่อสู้มือเปล่าของมิติกา ารเรียนรู้ อานุภาพทรงพลังกว่าการโจมตีด้วยลูกเตะทั่วไปสามเท่า และก็มีเพียงอานุภาพแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้หุ่นรบเกิดความเสียหายได้ กระบวนท่านี้ควรเป็นเทคนิคหุ่นรบที่ตั้งด้วย ชื่อของหลิงหลานอย่างแท้จริง…
อันที่จริงหลิงหลานไม่ได้ล้มลงไปจริงๆ ขณะที่เธอเอนไปทางด้านหลัง มือขวาก็กุมดาบยักษ์แทงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ตัวดาบที่สูงสิบกว่าเมตรเสียบเข้าไปครึ่งหนึ่งทันที หลิงหลานอ อาศัยแรงค้ำจุนของดาบยักษ์เล่มนี้ ตั้งร่างหุ่นรบขึ้นมาให้ตรงอีกครั้ง ก่อนจะเบี่ยงกายโดยพลัน สองมือกุมด้ามดาบยักษ์ไว้ สองขาหมุนขึ้นไปบนฟ้าโดยอาศัยดาบยักษ์เป็นจุดค้ำจุน น ตวัดขาไปทางด้านขวาของตัวเองอย่างหนักหน่วง
เสียง ‘ตูม!’ ดังสนั่น C5 หรือก็คือหัวหน้าหน่วยรบโรงเรียนทหารป้องกันราชอาณาจักรที่อ้อมไปทางด้านขวาโดนลูกเตะที่มาอย่างกะทันหันนี้ของหลิงหลานเตะกลับไปอย่างรุนแรง ท่วงท่าขอ องหลิงหลานไม่ได้เปลี่ยนแปลง หลังจากที่อ้อมเป็นครึ่งวงกลมอย่างรวดเร็วโดยใช้ดาบยักษ์เป็นจุดศูนย์กลางแล้ว หุ่นรนพลันเหมือนกับสูญเสียการควบคุมก็ไม่ปาน สลัดตัวออกไปทางด้านซ้ายข ของเธออย่างฉับไว พริบตาเดียว หุ่นรบก็มาถึงเส้นทางที่ C3 พยายามอ้อมผ่านไป
‘ตูม!’ บทสรุปของ C3 ก็ไม่ต่างจาก C4 กับ C5 โดนหลิงหลานเตะด้านข้างกลับไปเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนแทบจะร่วงลงพื้นพร้อมกันในจุดเดียวกัน
ขณะเดียวกัน หลิงหลานอาศัยแรงเตะ C3 ตีลังกาทีหนึ่ง หุ่นรบร่วงลงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง เธอเดินมาที่ดาบยักษ์ของตัวเองช้าๆ ก่อนจะกุมด้ามดาบแล้วยกขึ้นมาฉับพลัน ดาบยักษ์ถูกเธอด ดึงออกจากพื้นดิน
เวลานี้สามคนจากหน่วยรบพันธมิตรที่ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วตั้งท่าป้องกันออกมาแล้ว และมองหุ่นรบระดับพิเศษที่ไม่ได้อยู่ในสายตาตรงหน้านี้อย่างระมัดระวัง ลักษณะภายนอกของหุ่นรบต ตัวนี้เหมือนกับพวกเขา ล้วนเป็นหุ่นรบที่ใช้สำหรับโรงเรียนทหารโดยเฉพาะ ภายในศึกประลองหุ่นรบที่แทบจะเป็นหุ่นรบระดับพิเศษมากกว่าครึ่งนี้ มันธรรมดาจนทำให้ผู้คนมองข้ามจริงๆ
แต่ก็เป็นหุ่นรบระดับพิเศษธรรมดาแบบนี้ที่เอาชนะพวกเขาสามคนในระหว่างหนึ่งกระบวนท่า ถึงแม้พวกเขาสามคนจะไม่ได้ร่วมมือกันโจมตี โดนอีกฝ่ายเอาชนะไปทีละคน แต่รสชาติพ่ายแพ้ในกระบว วนท่าเดียวทำให้พวกเขาอึดอัดใจมาก โดยเฉพาะ C4 กับ C5 ที่เป็นหัวหน้าของหน่วยรบโรงเรียนทหาร รู้สึกอัปยศอดสูอย่างล้ำลึกเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ไร้ชื่อเสี ยงเรียงนามนี้
พวกเขามองไปที่ตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกของอีกฝ่ายตามจิตใต้สำนึก ซึ่งตรงนั้นคล้ายกับเปื้อนอะไรบางอย่าง ลวดลายเลยดูลางเรือน ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน อาจเป็นการเปื้อนโดย ยไม่ได้ตั้งใจ และก็อาจเป็นการจงใจทำเหมือนกัน สรุปคือ พวกเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ชั่วขณะว่าหน่วยรบเจ็ดคนนี้มาจากโรงเรียนใด
แต่นี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาจากการตัดสินความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของฝ่ายตรงข้ามเก่งกาจมาก พวกเขาถูกซัดกลับมาติดต่อกันสองครั้ง ซึ่งครั้งหน นึ่งยังเป็นผลหลังจากที่ทุกคนตั้งสมาธิใจจดใจจ่อแล้วด้วย นี่พิสูจน์ว่าความสามารถด้านการต่อสู้ระยะประชิดของอีกฝ่ายเหนือกว่าพวกเขาแล้ว หากต้องการเอาชนะอีกฝ่าย ย่อมไม่สามารถทำได้ โดยอาศัยแค่คนเดียว…
C4 ทำสัญญาณมืออย่างเงียบเชียบให้ C3 กับ C5 นี่หมายความว่าให้ร่วมมือกันโจมตี C3 กับ C5 พยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว ท่าทีของคู่ต่อสู้ชัดเจนมาก หากคิดจะผ่านเขา ก็ต้องเอาชนะเขา าให้ได้
C4 กลายเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราว เขามองฝ่ายตรงข้ามแล้วข่มกลั้นความอัปยศในใจ ตะโกนเสียงดังว่า “โจมตี!”
ทั้งสามคนกระจายตัวออกทันที แล้วพุ่งไปหาหลิงหลานพร้อมกันจากทางด้านหน้า ด้านซ้ายและด้านขวา
มุมปากของหลิงหลานมีรอยยิ้มหยัน สิ่งที่เธอไม่กลัวมากที่สุดก็คือการโดนคนอื่นล้อมโจมตี ถ้าเกิดพวกเขาให้สักคนมาพัวพันเธอ ส่วนอีกสองคนแยกย้ายกันวิ่งอ้อมเป็นวงกลมใหญ่ๆ จาก กสองฝั่งสิ นั่นถึงทำให้เธอปวดหัว การตัดสินใจเช่นนี้ของอีกฝ่ายตรงใจเธอพอดี
‘ปัง! ปัง! ปัง!…’ ทั้งสามคนปะทะอาวุธกัน หลิงหลานต้านรับไปพลางถอยไปพลาง ต้านการโจมตีของทั้งสามไปทีละคน เมื่อทั้งสามคนเห็นว่าการโจมตีประสานได้ผลก็ดีใจยกใหญ่ พวกเขายิ่งโจ จมตีใส่หลิงหลานอย่างบ้าคลั่ง
หลิงหลานโดนพวกเขาสามคนข่มไปชั่วขณะ ได้แต่ป้องกันตั้งรับเท่านั้น ไม่สามารถบุกโจมตีได้ แต่ขณะเดียวกัน ทั้งสามคนก็โดนหลิงหลานพัวพัน ไม่มีโอกาสออกห่างจากหลิงหลานสักก้าว
และตอนนี้ สนามรบด้านหลังหลิงหลานก็เกิดการจับเข่นฆ่าโรมรันกันอยู่หกคู่
สถานการณ์ของลั่วล่างดีมากที่สุดในหมู่หกคนในทีม เขาที่มีความสามารถด้านการควบคุมเหนือกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อยยึดครองความได้เปรียบกดคู่ต่อสู้จนถึงที่สุด ทว่าหากต้องการเปลี่ยนจากควา ามได้เปรียบมาเป็นชัยชนะในระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น ความอดทนของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เมื่อรู้ว่าความสามารถของตัวเองเทียบคู่ต่อสู้ไม่ได้ เขาก็ทำการป้องกันเต็มก กำลัง คู่ต่อสู้รู้ดีว่าพวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวน ตราบใดที่อดทนจนกระทั่งเพื่อนร่วมทีมล้มคู่ต่อสู้แล้วเข้ามาร่วมโจมตีกับเขาได้ ชัยชนะยังคงเป็นของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีเป้าหมายชัดเจนไม่กระทำบุ่มบ่ามหุนหัน ถ้าลั่วล่างไม่ผลาญพลังของอีกฝ่ายจนทนรับแรงกดดันจากการโจมตีของเขาไม่ไหวและพ่ายแพ้ไป เช่นนั้นเขาก็ต้องหา าโอกาสสังหารทิ้งในการโจมตีเดียว เอาชนะคู่ต่อสู้โดยสิ้นเชิง
และลั่วล่างเลือกข้อสอง เนื่องจากสถานการณ์ของบางคนในทีมดูท่าจะไม่ดีมากๆ แล้ว…ลั่วล่างรอได้ แต่เพื่อนร่วมทีมรอไม่ได้แล้ว
แววตาของลั่วล่างเย็นเยียบในชั่วพริบตา บุคลิกเยือกเย็นสุดขีดที่เหมาะกับการขับหุ่นรบมากที่สุดปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบงันในระหว่างที่เปลี่ยนความคิด
สถานการณ์ของเซี่ยอี๋ก็ไม่เลวมากๆ เหมือนกัน อีกฝ่ายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง ความสามารถในการควบคุมของทั้งสองใกล้เคียงกัน เซี่ยอี๋ด้อยกว่าคู่ต่อสู้ในเรื่องประสบการณ์เท่านั น ซึ่งเรื่องนี้ก็ปรากฏขึ้นในตอนเริ่มต้นการต่อสู้ เมื่อการต่อสู้เริ่มต้น เซี่ยอี๋ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เซี่ยอี๋ที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วก็พลิกสถานการณ์กลับมาทัดเทียมก กันได้ในเวลาไม่นาน
การฝึกฝนโหมดนรกของหลิงหลานแสดงอานุภาพของมันออกมาในที่สุด คนที่สามารถยืนหยัดอยู่ภายใต้การโจมตีโหมกระหน่ำทารุณอย่างบ้าคลั่งของหลิงหลานจะสิ้นท่าภายใต้การโจมตีกดดันสูงของฝ ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร?
เซี่ยอี๋ประคับประคองจนผ่านพ้นการปรับตัวไม่ได้ในตอนแรกแล้ว เขาก็ค่อยๆ แสดงความสามารถของตัวเองออกมา ยิ่งเวลาผ่านไป การต่อสู้ของเขายิ่งสบายมากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ของเขาได้เปร รียบมากขึ้นไปทุกที จนกระทั่งตอนนี้เอง เซี่ยอี๋ก็ยึดครองความได้เปรียบรางๆ กลายเป็นสมาชิกทีมแค่สองคนของหน่วยรบหลิงหลานที่ได้เปรียบ
นอกจากลั่วล่างกับเซี่ยอี๋แล้ว สถานการณ์ของอีกสี่คนในทีมไม่ค่อยดีนัก ฉีหลงโดนฝ่ายตรงข้ามโจมตีกดดันมาตลอดเนื่องจากหุ่นรบถ่วงความสามารถไว้ แต่ความสามารถด้านการควบคุมรวมถึงขอ อบเขตสายตาของฉีหลงไปถึงระดับพิเศษแล้ว บวกกับเขาชินกับการโจมตีในรูปแบบบดขยี้กดดันของหลิงหลาน ถึงแม้ตอนนี้เขาดูเหมือนเรือลำน้อยที่เดินทางฝ่าฟันคลื่นมรสุมที่สามารถถูกบดขยี ทำลายได้ในเวลาต่อมา แต่ความจริงแล้วฉีหลงกลับเป็นคนที่เจอเหตุการณ์ร้ายแรงแต่ว่าแคล้วคลาดปลอดภัยมากที่สุดในหมู่ไม่กี่คน ฝ่ายตรงข้ามอยากเอาชนะเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดน นั้น
ในใจหลิงหลาน ฉีหลงเป็นคนที่เธอไว้วางใจมากที่สุดในหมู่สมาชิกหน่วยรบทั้งหมดมาโดยตลอด หากอธิบายตามคำพูดของหลิงหลาน ต่อให้โยนฉีหลงไปในภูเขาป่าแห้งแล้งทุรกันดานทะเลทรายหร รือสถานการณ์ที่อับจนหนทาง หมอนี่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างแข็งแกร่งมั่นคงได้
จ้าวจวิ้นดูเหมือนกินแรงนิดหน่อยเนื่องจากต้องจัดการกับผู้ควบคุมหุ่นรบสองคนที่มีระดับการควบคุมไปถึงขั้นสูงสุดของระดับพิเศษแล้ว ขณะที่เขาแบ่งสมาธิรับมือก็โดนฝ่ายตรงข้ามโจมตีใส ส่ไม่หยุด หุ่นรบได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรจ้าวจวิ้นก็ไปถึงระดับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว ถึงแม้เขาจะโดนโจมตีโดยไม่ระวังหลายครั้ง แต่เขาก็หลบจุดสำคัญได้ กา ารโจมตีหลายครั้งล้วนเฉียดผ่านเท่านั้น ความเสียหายตรงผิวชั้นนอกแบบนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรต่อหุ่นรบเลย พลังรบของหุ่นรบก็ไม่ได้ลดลงเช่นกัน
เมื่อผ่านการต่อสู้ไปได้ระยะหนึ่ง จ้าวจวิ้นก็ปรับตัวเข้ากับการโจมตีร่วมมือของทั้งสองคนได้แล้ว ถึงแม้สถานการณ์ไม่ดีนัก เขาโดนทั้งสองคนร่วมมือกดดันเอาไว้ หากต้องการโต้กลับใน นระยะเวลาสั้นๆ ย่อมไม่มีทางทำได้ แต่อีกฝ่ายอยากเอาชนะเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากและดูไม่ได้ แต่ในที่สุดจ้าวจวิ้นก็ทำภารกิจของหลิงหลานได้สำเร็จ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษขั้นสุดยอดสองคนถูกเขาถ่วงไว้ได้แล้ว
คนที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายอย่างแท้จริงคือพี่น้องตระกูลหลี่ ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซื่ออวี๋หรือว่าหลี่หลานเฟิง เวลานี้ต่างตกอยู่ในวิกฤติแล้ว
หลี่หลานเฟิงรับมือหุ่นรบสองตัว หนึ่งเป็นผู้ควบคุมหุ่นระดับพิเศษ อีกคนเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง ดูจากภายนอกเหมือนกับยังไม่นับว่าเลวร้ายมากเกินไป ถึงแม้หลี่หลานเฟิงจะรับม มือลำบากเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามสองคนร่วมมือกันโจมตีจนเขาโดนทั้งคู่กดดันเหมือนกับจ้าวจวิ้น แต่ความสามารถในการควบคุมหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงกลับตรงข้ามกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ คน นอื่นโน้มเอียงไปทางความสามารถด้านการบุกโจมตี แต่ความสามารถของหลี่หลานเฟิงกลับเก่งในด้านป้องกันระดับสุดยอด
นี่อาจเกี่ยวข้องกับพลังจิตของหลี่หลานเฟิง เขามักจะจับจุดสกัดกั้นที่ดีที่สุดของการโจมตีของอีกฝ่ายได้ ดังนั้นหลี่หลานเฟิงจึงต้านรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทุกครั้ง หุ่นรบ บของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายเหมือนกับจ้าวจวิ้น แต่พวกสมาชิกทีมที่รู้จุดอ่อนของหลี่หลานเฟิงเป็นอย่างดีต่างรู้ว่าหลี่หลานเฟิงทนการต่อสู้ได้ไม่นาน...
อันที่จริงสมาชิกทีมได้ยินเสียงหอบหายใจแรงๆ ดังครั้งแล้วครั้งเล่าจากในช่องสื่อสารทีม ยืนยันว่าพลังกายของหลี่หลานเฟิงเริ่มแย่ลง เกรงว่าหลี่หลานเฟิงจะประคับประคองไว้ได้ไม่ นานแล้ว