I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 515 ลวนลามหรือว่าโดนลวนลาม! (1)
“นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!” รองประธานาธิบดีทำหน้าอึ้งทึ่งต่อบทสรุปนี้ ถึงแม้เขาไม่สามารถกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบที่โดดเด่นได้เพราะปัญหาเรื่องพรสวรรค์ แต่เขาที่เคยเรียนการควบคุมพื้นฐานมาก่อนยังคงรู้ดีว่า เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เยอะกว่าสามเท่า ทีมเจ็ดคนสามารถกำจัดหน่วยรบยี่สิบสี่คนได้ทั้งหมดโดยที่ไม่เสียใครไปสักคน นี่ย่อมเป็นปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน
หลิงเซียวห้อยมือขวาลงต่ำ ก่อนจะถูนิ้วมืออย่างรวดเร็ว ทว่ากลับเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มละไมว่า “ท่านรองประธานาธิบดี นี่ไม่เท่าไหร่หรอกครับ หน่วยรบเจ็ดคนนี้สามารถเอาชนะการต่อสู้นี้ได้ ความจริงแล้วส่วนใหญ่ยังเป็นเพราะโชคมากกว่า ถ้าเกิดมีอีกครั้ง จุดจบอาจจะแตกต่างกันมากๆ”
รองประธานาธิบดีได้ยินคำกล่าวก็รู้สึกสนใจมาก รีบถามหลิงเซียวว่าทำไมถึงคาดการณ์แบบนี้
หลิงเซียวเอ่ยว่า “ความจริงแล้ว ปัญหาใหญ่สุดของหน่วยรบยี่สิบสี่คนคือหัวหน้าทีมของพวกเขามีปัญหา” หลิงเซียวอธิบายความคิดเห็นของเขาออกมาทีละอย่าง “เริ่มแรกหัวหน้าทีมประเมินศัตรูต่ำไป ไม่เพียงแค่นั้น เขายังให้อารมณ์แบบนี้ส่งผลกระทบต่อลูกทีมใต้บังคับบัญชา นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมหุ่นรบของพวกเขาถึงโดนยิงร่วงไปเยอะมากในการโจมตีรอบแรกและจริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็คือประเด็นที่ส่งผลต่อสถานการณ์รบนี้ด้วย ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ดูแคลนศัตรู ระมัดระวังขึ้นอีกนิด ทีมเจ็ดคนนี้จะไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียว”
“เรื่องที่สอง สภาพจิตใจของลูกทีมยังไม่ผ่านเกณฑ์ พอเห็นอีกฝ่ายอาจเป็นหุ่นรบปรับแต่งก็มือไม้ลนลาน และทำให้คู่ต่อสู้ยิงหุ่นรบร่วงไปหลายตัว ลดช่องว่างเรื่องจำนวนหุ่นรบของทั้งสองฝ่าย”
“สุดท้าย ถึงมีหุ่นรบหลายตัวร่วมมือกันโจมตี แต่เพราะว่าเป็นหน่วยรบพันธมิตร ลูกทีมอยู่คนละโรงเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกันเอง ไม่สามารถมอบแผ่นหลังตัวเองให้อีกฝ่ายคุ้มครองได้เลย ร่วมมือแบบระแวดระวังกันเองอยู่บ้าง ถึงแม้พวกเขาดูเหมือนร่วมมือกันสองต่อหนึ่ง ถึงขนาดที่สามต่อหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมันเปลี่ยนเป็นแค่หนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น การที่หน่วยรบเจ็ดคนสามารถเอาชนะพวกเขาได้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก”
“จากสามเรื่องนี้ ขอเพียงชดเชยข้อไหนได้สักข้อ ผลลัพธ์ของการต่อสู้รอบนี้ก็คงแตกต่างออกไปแล้ว” หลิงเซียวเผยความเสียดายออกมา “ดังนั้นถึงพูดว่า หน่วยรบเจ็ดคนโชคดีมาก เหตุผลต่างๆ ทำให้เกิดชัยชนะในครั้งนี้ ถ้าเกิดคนที่พวกเขาเจอคือทีมจากโรงเรียนทหารเดียว ผลก็คงไม่เป็นแบบนี้แล้ว”
คำพูดของหลิงเซียวทำให้ทุกคนพยักหน้าเงียบๆ หลิงเซียวเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เขาลอบปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ในที่สุดเขาก็ลดผลกระทบของเรื่องนี้ลงได้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ลูกสาวสุดที่รักของเขาคนนี้ถ้าเกิดไม่ทำอะไรเลย ก็จะมาทำเรื่องสั่นสะเทือนฟ้าดิน ตอนเข้าโรงเรียนทหารก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ ต่อให้เขาเป็นหลิงเซียวก็เอาไม่อยู่เหมือนกันนะ
คำอธิบายที่เรียบง่ายชัดเจนของหลิงเซียวทำให้หัวใจที่ปั่นป่วนของรองประธานาธิบดีสงบลงนิดหน่อย หลิงเซียวเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่ายุติธรรม ไม่พูดจามั่วซั่ว สิ่งที่เขาพูดไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ดังนั้น เขาเลยพยักหน้าติดต่อกันและกล่าวว่า “ฉันเองเดาว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะโชค ไม่งั้นก็…” น่ากลัวเกินไปแล้ว เหมือนกับเห็นหลิงเซียวอีกคนเลย
หลิงเซียวยิ้มแต่ไม่พูดจา ตอนนี้เขาทำได้เพียงยืนยันผลักความสามารถของหลิงหลานไปที่ดวง หวังแค่ว่าภาพลักษณ์เที่ยงธรรมที่เขาพยายามสร้างออกมาในหลายปีมานี้จะทำให้เหตุผลของเขาน่าเชื่อถือมากขึ้น
ถึงแม้หลิงเซียวจะพูดกดความสามารถของทีมหลิงหลานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ความจริงแล้ว ส่วนลึกในใจเขาอยากจะบอกกับทุกคนด้วยความภาคภูมิใจว่า ‘หัวหน้านำทีมคนนั้นคือลูกสาวของเขา เป็นลูกสาวของเขานะ…มีลูกสาวแบบนี้ ชีวิตในชาตินี้ของเขาคุ้มค่ามากแล้ว’
แววตาของตัวแทนกองทัพต่างๆ ที่อยู่ด้านข้างดูคลุมเครือยากแก่การเข้าใจ มีคนไม่น้อยลอบสั่งผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ให้ไปตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของทีมเจ็ดคนนี้มา พวกเขาย่อมเชื่อในสิ่งที่หลิงเซียวพูดมา แต่ว่าโชคก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง การที่สามารถสร้างตัวอย่างการรบดั้งเดิมโดยใช้น้อยชนะมากนี้ออกมาได้ เจ็ดคนนี้ย่อมเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือใครแน่นอน ความจริงแล้วพวกเขาล้วนมีภารกิจที่เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบ นั่นก็คือพยายามขุดอัจฉริยะที่สามารถสร้างได้ออกมาอย่างสุดความสามารถ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของพวกเขา
มีตัวแทนของกองทัพไม่น้อยมองนายพลหลิงเซียวที่สงบนิ่งใจเย็นอยู่ตรงด้านหน้าสุดด้วยความหวาดหวั่น หวังจริงๆ ว่าผลงานของคนเหล่านี้จะไม่เข้าตาของเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะไปแย่งชิงกับไอดอลของทหารทั้งหมดคนนี้เลย ระยะนี้พวกเขาเข้าใจเสน่ห์อันรุนแรงของไอดอลอย่างลึกซึ้งแล้ว เวลาเมล็ดพันธุ์โดดเด่นบางส่วนในกองทัพพวกเขาพูดถึงหลิงเซียวก็จะทำหน้าชื่นชมนับถือ เชื่อว่าถ้าเกิดหลิงเซียวทำการสับเปลี่ยนจัดสรรทั้งกองทัพ จะต้องมีคนไม่น้อยในกองทัพตอบรับคำร้องย้ายไปกองทัพของหลิงเซียวอย่างแน่นอน
โชคดีที่หลิงเซียวเป็นคนเที่ยงตรง ไม่เคยคิดจะใช้วิธีการแบบนี้ พวกเขาอดดีใจไม่ได้
บางทีคำพูดของหลิงเซียวส่งผลกระทบต่อการตัดสินของคณะกรรมการเช่นกัน คณะกรรมการย้อนดูแล้วก็วิเคราะห์ซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายก็ทำการตัดสินเหมือนหลิงเซียว คิดว่าผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี้เกิดจากปัจจัยที่บังเอิญมากๆ และก็โชคดีมากๆ สรุปคือ สิ่งที่พวกเขาวิเคราะห์ออกมาจากในรายละเอียดต่างๆ ยังนับว่าสมเหตุสมผลและอ้างอิงได้เยอะมาก
หลิงเซียวไม่ได้อ่านหลักฐานอ้างอิงตามทฤษฎีเหล่านี้อย่างละเอียด ตราบใดที่คณะกรรมการยอมรับคำพูดของเขา เขาไม่สนใจเลยว่าจะใช้เหตุผลอะไรไปยืนยันเรื่องนี้
……
ขณะเดียวกัน หลิงหลานเห็นหลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างราบรื่นแล้ว วินาทีถัดมาเธอก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายหลี่หลานเฟิง ก่อนจะประคองหลี่หลานเฟิงที่เหนื่อยล้าจนไม่สามารถควบคุมหุ่นรบและปล่อยให้หุ่นรบร่วงลงมาได้พอดี
“นายเป็นยังไงบ้าง?” หลิงหลานขมวดคิ้วถาม เสียงดูเย็นชาขึ้นกว่าปกติ
หลี่หลานเฟิงรู้ว่าหลิงหลานโมโหแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกมีความสุขมากๆ เขาไอโขลกๆ ขึ้นมาอย่างรุนแรง ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยตอบกลับอย่างยากลำบากว่า “ไม่ตายหรอก”
“นายป่วนมากเกินไปแล้วนะ” ถึงแม้หลิงหลานจะโมโห แต่นี่เป็นการตัดสินใจของหลี่หลานเฟิง หลิงหลานไม่สามารถขัดขวางเส้นทางก้าวหน้าของเขาได้
หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางมองหลิงหลาน ในที่สุดก็รู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ข้างกายนี้ไม่ได้อยู่ห่างไกลสุดขีดอีกต่อไป หลี่หลานเฟิงที่ใช้พลังกายและพลังจิตจนหมดก็หมดสติไปท่ามกลางความพึงพอใจเช่นนี้เอง
สีหน้าของหลิงหลานเปลี่ยนไป เธอที่ใช้พลังจิตตรวจสอบสภาพของหลี่หลานเฟิงมาตลอดสังเกตเห็นสภาพนี้ทันที เธอรีบตะโกนว่า “หลี่ซื่อวี๋ รีบเข้ามาช่วยคนเร็วเข้า!”
กล่าวจบ หลิงหลานก็ควบคุมหุ่นรบให้วางหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงลงบนพื้น เธอรีบเปิดประตูห้องคนขับของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วรีบทะยานตัวลงมาที่ห้องคนขับของหลี่หลานเฟิง หลิงหลานหาล็อกรหัสผ่านของประตูห้องเจอแล้วก็กรอกรหัสปลดล็อกชุดใหญ่ลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงแกรก ห้องคนขับของหลี่หลานเฟิงถูกเปิดออกแล้ว
หลิงหลานสอดตัวเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล เธอเห็นแผงควบคุมสีแดงเลือดเป็นสิ่งแรก สีหน้าก็เปลี่ยนไป เธอเบนสายตาไปยังหลี่หลานเฟิงที่อยู่บนที่นั่ง ก่อนจะพบว่าหลี่หลานเฟิงหลับตาสนิท ลมหายใจเริ่มอ่อนช้าลง หลิงหลานตกใจมาก เธอรีบปลดเข็มขัดนิรภัยของหลี่หลานเฟิง ก่อนจะอุ้มหลี่หลานเฟิงออกมาจากในห้องคนขับ…
หลี่ซื่ออวี๋นำกล่องยาเข้ามาแล้ว พอเห็นหลี่หลานเฟิงหมดสติไม่ยอมตื่นในอ้อมแขนของหลิงหลาน เขาก็ตกใจจนหน้าถอดสีเช่นเดียวกัน เขาขึ้นหน้าไปทันทีก่อนจะกุมข้อมือข้างขวาของหลี่หลานเฟิงไว้ แล้วจับชีพจร เมื่อพบว่าชีพจรกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
เขารีบนำยารักษาฉุกเฉินออกมาจากในกล่องยา แยกริมฝีปากของหลี่หลานเฟิงออก อยากจะกรอกยาเข้าไป บางทีหลี่หลานเฟิงอาจจะเจ็บปวดมากเกินไป เขาเลยกัดฟันแน่นมาก กรอกยาลงไปไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง
“ใช้เข็มฉีดยาสิ!” หลิงหลานเห็นแบบนั้นก็เอ่ยเตือนอย่างใจเย็น
หลี่ซื่ออวี๋รีบหันหน้ากลับไป นิ้วโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว เตรียมเข็มฉีดยาฉุกเฉินเสร็จในพริบตาเดียว ส่วนหลิงหลานก็ถอดชุดป้องกันของหลี่หลานเฟิงออกในเวลาเดียวกัน ก่อนจะพบว่าด้านในถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง มองไม่เห็นกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ดีเลย เลือดและเนื้อที่ฉีกขาดทำให้ผู้คนตื่นตระหนก และทำให้คิ้วของหลิงหลานอดขมวดแน่นขึ้นมาไม่ได้
หลี่ซื่ออวี๋หยิบกระบอกเข็มฉีดยา นิ้วชี้มือซ้ายกดลงไปบนแขนของหลี่หลานเฟิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเข็มฉีดยาก็แทงเข้าไปในเส้นเลือดอย่างแม่นยำ ยารักษาฉุกเฉินถูกฉีดเข้าไปในร่างกายหลี่หลานเฟิง ไม่นาน ชีพจรกับลมหายใจที่เดิมทีแทบจะหายไปของหลี่หลานเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมีแรงขึ้นมา นี่ทำให้หลี่ซื่ออวี๋กับหลิงหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
หลี่ซื่ออวี๋เห็นหลี่หลานเฟิงไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้วก็ค่อยหยิบอุปกรณ์ตรวจเสริมออกมาแล้วเริ่มตรวจสภาพร่างกายของหลี่หลานเฟิงอย่างจริงจัง เมื่อพบว่าสถานการณ์ของหลี่หลานเฟิงเลวร้ายมาก กล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกายอยู่ในสภาพพัง ก็ได้แต่ให้พักผ่อนฟื้นตัว พูดอีกอย่างก็คือ หลี่หลานเฟิงไม่สามารถทำการสู้ต่อได้อีกแล้ว
หลังจากที่หลี่ซื่ออวีรู้อาการบาดเจ็บของหลี่หลานเฟิงอย่างแน่ชัดแล้ว เขาถึงค่อยฉีดยาที่สามารถรักษาหลี่หลานเฟิงเข้าไปในร่างกายของหลี่หลานเฟิงทีละเข็มอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลังจากที่รอให้สภาพมั่นคงแล้วก็ค่อยบอกสถานการณ์ให้หลิงหลาน
“นายมีความมั่นใจว่ารักษาหลี่หลานเฟิงได้ด้วยยาที่พวกเราเตรียมมาในตอนนี้ไหม?” หลิงหลานฟังสถานการณ์แล้วก็ครุ่นคิดเล็กน้อย หลังจากนั้นก้เอ่ยถามหลี่ซื่ออวี๋
“ได้ แต่ว่าในช่วงฟื้นฟู หลี่หลานเฟิงจะขับหุ่นรบอีกไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นแรงสะท้อนของหุ่นรบจะทำลายกล้ามเนื้อของหลี่หลานเฟิงจนพังอีก เวลานั้นก็ควบคุมลำบากแล้ว” หลี่ซื่ออวี๋มีความมั่นใจในตัวเองมาก แต่ก็พูดความกังวลของเขาออกมา จากนั้นเขาก็เอ่ยแนะนำว่า “ความจริงวิธีการดีที่สุดก็คือส่งหลี่หลานเฟิงไปที่เขตหลังสงคราม ให้ทีมรักษาของงานประลองทำการรักษาเต็มรูปแบบ ถ้าเกิดรักษาควบคู่ไปกับแคปซูลรักษา ก็สามารถรักษาให้หายดีได้ในสองสามวันเท่านั้น”
หลิงหลานเงียบไป ผ่านไปไม่กี่วินาทีถึงค่อยได้ยินหลิงหลานเอ่ยถามว่า “หมายความว่าถ้าเกิดนายรักษา ก็จะไม่ได้ใช้เวลาแค่สองสามวันใช่ไหม?”
หลี่ซื่ออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น “ไม่มีการรักษาที่ปิดสนิทปลอดเชื้อเต็มรูปแบบของแคปซูลรักษา ต่อให้ยาของฉันดีอีกสักแค่ไหนก็ไม่สามารแสดงฤทธิ์ยาออกมาได้เต็มที่ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้อใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ถึงจะรักษาจนหายดี แต่อากาศนี่…” เขาขมวดคิ้วมองอากาศเย็นเฉียบและผืนหิมะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทว่าตอนนี้เข้าสู่หน้าร้อนแล้ว ร้อนจนทำให้รู้สึกว่าลมหายใจสามารถไหม้ขึ้นมาได้ อากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงแบบนี้ไม่เหมาะกับรักษาคนป่วยจริงๆ
“ยืดเวลารักษาแล้วจะเกิดผลตกค้างอะไรที่ไม่สามารถชดเชยได้ต่อร่างกายของหลี่หลานเฟิงหรือเปล่า?” หลิงหลานมองหลี่หลานเฟิงอย่างจริงจัง เธอต้องถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน
“ไม่มีแน่นอน” หลี่ซื่ออวี๋ตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว
หลิงหลานได้รับคำตอบที่เธอต้องการแล้วก็ให้หลี่ซื่ออวี๋พันผ้าพันแผลตรงที่หลี่หลานเฟิงบาดเจ็บ ความเร็วของหลี่ซื่ออวี๋ไวมาก ไม่กี่นาทีก็พันผ้าพันแผลทั่วทั้งตัวหลี่หลานเฟิงจนเสร็จ
เมื่อเห็นว่ารักษาเสร็จแล้ว หลิงหลานก็เดินเข้ามาอุ้มหลี่หลานเฟิงที่ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพหลับลึกขึ้น เธอมองไปยังหลี่ซื่ออวี๋ที่ตอนนี้กำลังจัดกล่องยา จากนั้นก็ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “นายกับหลี่หลานเฟิงขับหุ่นรบแบบผสม งั้นนายก็มาขับหุ่นรบระดับพิเศษของหลี่หลานเฟิงละกัน”
คำพูดนี้ทำให้หลี่ซื่ออวี๋ตะลึงงัน เขาเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วมองไปที่หลิงหลาน เขามองเห็นสีหน้าของหลิงหลานไม่ชัดเนื่องจากย้อนแสง รู้สึกได้เพียงแววาตาคมกริบของหลิงหลานที่กำลังจ้องมองเขา ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างหนัก
————————