I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 518 แทรกซึม! (1)
ทีมของหลิงหลานอดทนรอคอยหน่วยรบนั้นเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าของพวกเขาดูผ่อนคลายมาก ทว่าลับๆ แล้วกลับเตรียมการป้องกันอย่างเคร่งเครียด หลิงหลานบอกเรื่องที่มีหุ่นรบนับไม่ถ้วนดักซุ่มอยู่รอบๆ ให้ลูกทีมแล้ว พวกลูกทีมต่างรู้ว่าวิกฤติอยู่ตรงหน้า
หน่วยรบผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสิบสองคนนั้นเพิ่งจะเข้ามาใกล้ๆ หัวหน้าที่นำทีมก็เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “ทำไมพวกนายถึงมีคนอยู่แค่นี้?” ในที่แห่งนี้ หน่วยรบจำนวนน้อยที่สุดก็คือหน่วยรบสิบสองคน หลิงหลานมีแค่หุ่นรบหกตัว ดังนั้นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกพิกล
หลิงหลานตอบอย่างใจเย็นว่า “เจอหน่วยรบดักซุ่มโดยไม่คาดคิด หลังจากที่เราต่อสู้ครั้งใหญ่แล้ว ถึงแม้จะชนะ แต่ก็จ่ายค่าตอบแทนเป็นลูกทีมหลายคนด้วยเหมือนกัน” หลิงหลานใช้พลังจิตระดับหนึ่งกับคำพูดประโยคนี้ เพื่อเพิ่มแรงโน้มน้าวของเธอให้แข็งแกร่งขึ้น
จำเป็นต้องพูดว่า วิธีการเพิ่มแรงโน้มน้าวด้วยพลังจิตเช่นนี้ของหลิงหลานปลอดภัยกว่าการใช้พลังจิตให้ส่งผลกระทบต่ออีกฝ่ายโดยตรง มันไม่ได้ลบล้างความสงสัยทันทีจนทำให้คนอื่นๆ รู้สึกว่ากะทันหันไป หากแต่ค่อยๆ ลดทอนความสงสัยของอีกฝ่าย จนท้ายที่สุดก็ปล่อยพวกเขาจากไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ที่นี่มีคนเยอะมากเกินไปจริงๆ หลิงหลานไม่มั่นใจว่าพลังจิตของตัวเองจะสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคนได้ เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสงสัยของผู้ชมที่อยู่ด้านข้าง เธอได้แต่ระวังแล้วระวังอีก ต่อให้รู้ว่าพูดกับฝ่ายตรงข้ามเพิ่มไม่กี่ประโยคก็อาจจะเพิ่มวิกฤติในการถูกเปิดโปงได้ แต่หลิงหลานจำเป็นต้องรับความเสี่ยงนี้
อย่างที่คิดไว้เลย คำตอบของหลิงหลานทำให้หัวหน้าทีมคนนั้นลดความสงสัยลงไปไม่น้อย ความจริงแล้ว เขาก็แค่แปลกใจเท่านั้นว่าทำไมถึงมีหน่วยรบพิการแบบนี้อยู่ตรงจุดชายแดนคาบเกี่ยวระหว่างเขต Q กับเขต M ควรรู้เอาไว้ว่าหน่วยลาดตระเวนรอบๆ ล้วนเป็นสมาชิกเต็มจำนวน นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเรียกให้หลิงหลานหยุด แต่ไม่ได้สงสัยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู
เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหลาน หัวหน้าทีมคนนั้นก็ตกใจ เขารีบเอ่ยถามว่า “ตำแหน่งไหน? เจอโรงเรียนไหนอีก?”
หลิงหลานตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ขออภัยที่ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าตำแหน่งอะไรจนกว่าจะได้รายงานผู้บัญชาการก่อน ในเมื่อจริงๆ แล้วฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าศัตรูคือใคร!”
คำตอบของหลิงหลานทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธเกรี้ยวในใจ แต่คำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานกลับไม่มีปัญหา โดยปกติเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าต้องรายงานผู้บัญชาการของตัวเองก่อนทันที แล้วค่อยให้ผู้บัญชาการของตัวเองตัดสินใจว่าจะบอกโรงเรียนพันธมิตรหรือไม่ คำถามของเขาข้ามเส้นเกินไปจริงๆ
“ฮ่าๆ สมกับเป็นโรงเรียนทหารชายที่สองจริงๆ เคร่งครัดวินัยมาก” หัวหน้าทีมคนนั้นเอ่ยอย่างคั่งแค้นใจ รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า “แต่ทุกคนเป็นพันธมิตรกับ ก็ควรแบ่งข้อมูลบางอย่างกันใช่ไหมล่ะ”
หลิงหลานลังเลอยู่สักพัก ราวกับกำลังใคร่ครวญอย่างลำบากใจ ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยตอบกลับว่า “ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกทุกคนนะ แต่ฉันไม่รู้แน่ชัดจริงๆ ว่าอีกฝ่ายมาจากโรงเรียนไหน พวกเราเจอหน่วยรบน่าสงสัยตรงชายแดนเขต S กับเขต M พวกเขาปกปิดสถานะตัวเอง พอพวกเราเข้าไปสอบถาม จู่ๆ พวกเขาก็โจมตีเรากะทันหัน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะแบบนี้ หน่วยรบของพวกเราก็คงไม่เสียคนไปเยอะขนาดนี้หรอก” หลิงหลานกัดฟันตอบ
หัวหน้าทีมมองหุ่นรบห้าตัวที่ตามหลังหลิงหลานมา เกราะหุ้มด้านนอกของหุ่นรบระดับพิเศษสองตัวเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย หุ่นรบระดับสูงสามตัวก็ชำรุดนิดหน่อยเหมือนกัน ดวงตาสองข้างของเขามีฉายแววดูถูกออกมาแวบหนึ่ง และก็มีแค่หน่วยรบต่ำกว่ามาตรฐานแบบนี้เท่านั้นถึงจะโดนอีกฝ่ายลอบโจมตีได้สำเร็จ ถ้าเกิดเป็นหน่วยรบของเขา ไม่มีทาง สูญเสียหุ่นรบไปสักตัวแน่นอน และทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางกลับไปได้…
เขาที่ดูถูกหลิงหลานก็ไม่มีความสนใจสอบถามอะไรต่ออีก ส่วนหน่วยรบที่เข้ามาในชายแดนนั้น คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นหน่วยรบของเขต S ระยะนี้หน่วยรบของเขต S ทำการสำรวจเขต M อยู่หลายครั้ง ไม่เพียงทีมตรงหน้าที่เจอ ทีมพันธมิตรอื่นๆ ก็เจอไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งแพ้ชนะกันไปทั้งสองฝ่าย
ดังนั้นเขาก็เลยพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกนายกลับฐานที่มั่นรายงานให้หัวหน้าพันธมิตรเจี่ยงแล้ว”
“ขอบคุณมากที่เข้าใจ!” หลิงหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นทำสัญญาณมือจากไปให้อีกฝ่าย แล้วพาพวกลูกทีมรีบบินไปยังเขต Q เนื่องจากถูกหน่วยรบสังเกตเห็นแล้ว และผ่านจุดที่โจ่งแจ้ง หลิงหลานก็ไม่กล้าซ่อนตัวแล้วเหมือนกัน เธอบินไปยังฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองอย่างเปิดเผยตลอดทาง
เมื่อเห็นหน่วยรบของหลิงหลานหายตัวไปแล้ว หนึ่งในลูกทีมของหน่วยรบนั้นค่อยเอ่ยถามว่า “หัวหน้า นายไม่เตือนอีกฝ่ายหน่อยหรือไง? พวกเขากลับไปแบบนี้ คงจบไม่สวยแน่นอน” ตอนที่พวกเขาเข้ามาก็ได้รับคำสั่งใหม่ นั่นก็คือห้ามหน่วยรบทั้งหมดเข้าใกล้ฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง
“นี่เป็นเรื่องภายในโรงเรียนทหารชายที่สอง เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?” หัวหน้าทีมยิ้มหยัน ทีมพิการนั่นไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้ แล้วเขาจะเตือนอีกฝ่ายทำไม? อีกอย่าง เจี่ยงเส่าอวี่หมอนั่นคิดเพ้อเจ้อว่าควบคุมพันธมิตรไว้ได้ทั้งหมด? ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะยินยอมหรือเปล่า เขามีความสุขมากๆ ที่จะได้เห็นความไม่สงบภายในโรงเรียนทหารชายที่สอง ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่คนนั้นไม่มีแรงมาจัดการพวกเขา
หัวหน้าทีมรู้ดีว่า ถึงแม้พวกเขาเป็นกองกำลังพันธมิตร แต่ต่างฝ่ายต่างยังกอดความระแวดระวังไว้ กลัวว่าจะโดนพันธมิตรแทงข้างหลัง เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่องอะไรออกมา ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสัญญาของวิญญูชน
หัวหน้าทีมคนนี้ไม่คาดคิดว่า ความใจแคบของเขาและการระแวดระวังของเขาจะช่วยเหลือหลิงหลาน จำเป็นต้องพูดว่าถึงแม้เจี่ยงเส่าอวี่จะรวมเขต Q กับเขต M เข้าด้วยกันในฉากหน้า แต่ความจริงแล้วหน่วยรบพันธมิตรต่างๆ ล้วนมีแผนการของแต่ละคน ไม่ได้ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ เพราะสาเหตุนี้เองก็เลยทำให้แมลงตัวเล็กๆ อย่างหลิงหลานลักลอบเข้ามาที่ใจกลางได้สำเร็จ และซ่อนตัวรอโจมตีถึงแก่ชีวิตให้กับโรงเรียนทหารชายที่สอง
หลิงหลานวิ่งตะบึงมาตลอดทาง ในที่สุดเมื่อหลุดพ้นจากวงล้อมนั้นแล้ว เธอถึงค่อยปาดเหงื่อเย็นๆ ช่วงเวลาเมื่อตะกี้เป็นช่วงเวลาอันตรายมากที่สุดเท่าที่หลิงหลานแทรกซึมเข้ามาตลอดทาง แต่ว่ากลับผ่านพ้นไปได้ง่ายๆ อย่างเหนือความคาดหมาย หลิงหลานดีใจมาก แต่ก็นึกกลัวภายหลังไม่หยุดเหมือนกัน
“หัวหน้า พวกเราอยู่ไม่ห่างจากฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองแล้ว” หลี่หลานเฟิงที่นั่งอยู่ในหุ่นรบของหลิงหลานคอยมองแผนที่ระบุเส้นทางมาตลอด เมื่อพบว่าอยู่ใกล้กับเป้าหมายมากแล้วก็เอ่ยเตือนหลิงหลาน
“หลานเฟิง นายว่าพวกเราจะทำยังไงต่อไปดี?” หลิงหลานหันหน้าไปถาม ในเมื่อตั้งใจอบรมบ่มเพาะหลี่หลานเฟิงหลิงหลานก็หาโอกาสให้หลี่หลานเฟิงได้แสดงความสามารถออกมาบ่อยๆ
“เราต้องหาสถานที่พักผ่อนก่อนสักหน่อย” หลี่หลานเฟิงกล่าว “พวกเราอยู่ในห้องหุ่นรบติดต่อกันมาสิบแปดชั่วโมง ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันหมดแล้ว”
หลิงหลานผงกศีรษะบ่งบอกว่าเห็นด้วย “ไม่ผิด นายมีอะไรแนะนำก็พูดออกมาได้หมดเลยนะ”
หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางกล่าวว่า “คำแนะนำของฉันคือ บุกยึดฐานที่มั่นของโรงเรียนที่อ่อนแอสักแห่งให้กลายเป็นฐานที่มั่นของเราในเขต Q ตรงๆ ไปเลย”
“ทำไมไม่ให้ฉันหาเขตไร้ผู้คนที่อยู่ห่างไกลสักที่เป็นพื้นที่พักผ่อนของพวกเราล่ะ?” หลิงหลานเอ่ยถาม
“สถานการณ์ของเขต Q ไม่แน่ชัด ไม่มีใครรู้ว่าเขตไร้ผู้คนที่ดูเหมือนไร้ผู้คนบนแผนที่จะมีคนอยู่หรือเปล่า ต่อให้ไม่มีคน จู่ๆ มีหน่วยรบปรากฏตัวขึ้นมา นี่ก็ฉุกละหุกมากเหมือนกัน ไม่สู้บุกยึดฐานที่มั่นสักแห่งเงียบๆ สร้างเงาดำใต้แสงตะเกียงดีกว่า” หลี่หลานเฟิงบอกเหตุผลของเขาออกมา
หลิงหลานพึงพอใจแล้ว เธอใช้นิ้วมือเคาะแผงควบคุมของตัวเอง แล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “นายเลือกโรงเรียนไหน?”
คำพูดนี้ของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก คำถามเมื่อสักครู่นี้ของหลิงหลานเป็นการทดสอบเขาอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านด่านแล้ว ในใจหลี่หลานเฟิงเต็มไปด้วยความยินดี เขาชี้ไปยังเขตหนึ่งบนแผนที่โดยไม่ลังเล และกล่าวว่า “ที่นี่แหละ”
“โรงเรียนทหารเจี้ยนเฉียวเหรอ?” หลิงหลานมองเห็นเขตที่หลี่หลานเฟิงเลือกชัดเจนแล้ว มุมปากของเธอก็โค้งขึ้นเล็กน้อย “ไม่เลวจริงๆ”
โรงเรียนทหารเจี้ยนเฉียวจัดอยู่ในอันดับกลางค่อนไปทางต่ำจากโรงเรียนทหารทั้งหมด เขาไม่ใช่กองกำลังพันธมิตรที่อ่อนด้อยที่สุดในเขต Q ซึ่งอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางต่ำเหมือนกัน ไม่ได้รับความสำคัญจากโรงเรียนพันธมิตร และก็ไม่ได้ทำให้กองกำลังพันธมิตรเป็นห่วงว่าจะพลาดพลั้งไปอยู่ตลอดเวลาจนต้องเฝ้าดูอย่างไม่วางตาเนื่องจากอ่อนด้อยมากที่สุด…ถ้าเกิดสามารถจัดการฐานที่มั่นของพวกเขาได้เงียบๆ สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่โดนกองกำลังพันธมิตรคนอื่นๆ จับได้ในระยะหนึ่ง เป้าหมายที่หลี่หลานเฟิงเลือกนี้ดูเหมือนผ่านการไตร่ตรองมาอย่างลึกซึ้งแล้ว
เมื่อได้รับการเห็นชอบจากหลิงหลาน มุมปากของหลี่หลานเฟิงก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
ในเมื่อมีการตัดสินใจแล้ว หลิงหลานก็พาคนอื่นๆ เปลี่ยนเส้นทางไปอย่างเงียบงัน บินไปหาโรงเรียนทหารเจี้ยนเฉียวที่อยู่ห่างจากโรงเรียนทหารชายที่สองหลายร้อยเมตร และเวลานี้ ม่านราตรีก็คืบคลานลงมา และเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนสิบหกชั่วโมงแล้ว
ผู้บัญชาการที่อยู่เฝ้ารักษาฐานที่มั่นของโรงเรียนเจี้ยนเฉียวกำลังมีโทสะลุกโชนในใจ เขาคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงเส่าอวี่จะไร้เหตุผลขนาดนี้ บังคับให้กองกำลังพันธมิตรทั้งหมดส่งกำลังรบ 80% ของฐานที่มั่นเข้าร่วมงานลาดตระเวนทั่วทั้งเขต M กับเขต Q พอเห็นว่ามีหน่วยรบแค่สิบสองคนสองหน่วยอยู่ในฐานที่มั่น รวมถึงสมาชิกฝ่ายพลาธิการจำนวนหนึ่ง และคิดว่าในฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองมีกำลังรบป้องกันเกินห้าชั้น รวมถึงเจี่ยงเส่าอวี่นั่งรักษาการณ์อยู่ในนั้นด้วยตัวเองแล้ว ในใจเขาก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นมา
มีแค่โรงเรียนทหารชายที่สองเท่านั้นที่สำคัญหรือไง? ฐานที่มั่นของโรงเรียนพันธมิตรอย่างพวกเขาก็เป็นลูกเลี้ยงที่จะโยนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้? ผู้บัญชาการคิดด้วยความคับแค้นใจ ถ้าเกิดตอนนี้มีหน่วยรบแทรกซึมเข้ามา ต่อให้มีแค่หน่วยรบสิบสองคน สำหรับโรงเรียนเจี้ยนเฉียวอย่างพวกเขาแล้วก็เป็นการโจมตีทำลายล้างเหมือนกัน ความสามารถของโรงเรียนพวกเขาไม่แข็งแกร่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมหน่วยรบผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสิบสองคนขึ้นมาได้ และก็โดนเจี่ยงเส่าอวี่ลากไปแล้ว เหลือเพียงขุนพลอ่อนแลสองทีมในปัจจุบัน…ซึ่งแต่ละหน่วยรบมีผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสี่คนเท่านั้น คนอื่นๆ ล้วนเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง
ผู้บัญชาการยิ่งมองก็ยิ่งปวดใจ เขาเชื่อว่ายกเว้นแต่ไม่มีหน่วยรบศัตรูลักลอบเข้ามาแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่มีความสามารถตอบโต้กลับเลย หน่วยรบจู่โจมเหล่านั้นล้วนเป็นพวกคนที่โหดร้ายป่าเถื่อน
ช่วงเวลากลางวันผ่านพ้นไปท่ามกลางความกังวลและโกรธเกรี้ยวของผู้บัญชาการเช่นนี้ เมื่อเห็นค่ำคืนย่างกรายลงมา ผู้บัญชาการก็สั่งให้สมาชิกพลาธิการเปิดอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เขาทำฐานที่มั่นให้สว่างไสวมากๆ เหมือนกับช่วงเวลากลางวันก็ไม่ปานเพื่อรับประกันความปลอดภัย แต่ว่าก็เป็นเพราะแบบนี้เอง อุปกรณ์ให้แสงสว่างที่นำมาจึงถูกใช้ในนี้ทั้งหมด ไม่มีอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่เพียงพอจะให้หน่วยรบซึ่งปฏิบัติการอยู่ตรงมุมต่างๆ ของฐานที่มั่น หน่วยรบทั้งสองทีมล้วนหดตัวอยู่ตำแหน่งใจกลางฐานที่มั่น ไม่ได้ตั้งการคนเฝ้าระวังรอบนอกอะไรเลย แน่นอนว่าอาศัยกำลังรบของพวกเขาที่เฝ้าปกป้องฐานที่มั่นในตอนนี้ก็แบ่งคนออกไปทำเรื่องพวกนี้ได้ไม่มากเท่าไหร่เหมือนกัน
—————-