I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 520 ยอมจำนน! (1)
เวลานี้ลูกทีมทุกคนเสร็จสิ้นการต่อสู้ของพวกเขาแล้ว ทุกคนมองไปทางฉีหลงด้วยใบหน้าโกรธเคือง เมื่อสักครู่นี้คนที่ทำเสียงเคลื่อนไหวค่อนข้างดังจนทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคน นนั้นตกใจก็คือฉีหลงนี่เอง เนื่องจากฉีหลงอยากจัดการคู่ต่อสู้ภายในหนึ่งนาที ผลจากการทุ่มสุดกำลังก็คือไม่สามารถกดเสียงเคลื่อนไหวให้ต่ำได้ นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ถูกอีก ฝ่ายจับได้
หลิงหลานเก็บชางฉยงกลับไปที่ช่องตรงหลัง จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “ฉีหลง หุ่นรบสองตัว นายใช้เวลาเท่าไหร่?”
ฉีหลงร่ำร้องในใจว่าซวยแล้ว เขาไม่กล้าปกปิดเลยตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “หนึ่งนาทีสิบเจ็ดวิ”
“กลับไปฝึกฝนในห้องส่วนตัวหนึ่งเดือน” หลิงหลานประกาศ
“ทำไมละ สิบเจ็ดวิก็แค่สิบเจ็ดวันนี่” ฉีหลงกระทืบเท้าแล้ว
“เตือนคู่ต่อสู้ ก็ต้องโดนลงโทษ” หลิงหลานเอ่ยอย่างเย็นชา เขาแทบจะทำให้แผนการทั้งหมดล้มเหลว ถ้าเกิดไม่ลงโทษฉีหลง ก็ทำผิดต่อหัวใจดวงน้อยๆ ของตัวเองที่ถูกทำให้ตกใจกลัวแล้ว
ฉีหลงได้ยินคำกล่าวก็ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรอีกทันที เขากลัวว่าหากตัวเองพูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค ลูกพี่จะเพิ่มบทลงโทษเป็นเท่าตัวอย่างไร้ความปรานี ผลลัพธ์แบบนี้ เขาเคยลิ้มลองต ตั้งแต่เด็กจนโตมาหลายครั้งแล้ว เขาที่เรียนรู้จากประสบการณ์แล้วย่อมไม่อยากให้หนึ่งเดือนเปลี่ยนเป็นสองเดือน หรือถึงขนาดสามเดือน นั่นถึงจะเรียกว่าโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมอย่างแท้จ จริง
หลังจากจัดการหน่วยรบหน่วยนี้แล้ว ทีมหลิงหลานก็ซ่อนตัวหุ่นรบอย่างระมัดระวังอีกครั้ง พวกเขามองไปทางเต็นท์พักผ่อนที่โรงเรียนทหารเจี้ยนเฉียวตั้งขึ้นมาชั่วคราวในตรงใจกลาง เดิ มทีคิดว่าฉีหลงทำเสียงดังจะทำให้คนด้านในรู้ตัว แต่พวกเขากลับพบว่า คนด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวเลย อาจเป็นเพราะระยะนี้ผ่อนคลายสงบสุข แถมยังมีการร่วมมือกันลาดตระเวนเฝ้าระวังที่ โรงเรียนทหารชายที่สองทำขึ้น ทำให้คนของโรงเรียนทหารเจี้ยนเฉียวชินชาไปแล้ว
“ด้านในมีคนทั้งหมดยี่สิบสองคน” ลั่วล่างที่เป็นกองหน้าสำรวจรีบเปิดใช้อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนโดยไม่ต้องให้หลิงหลานสั่ง ก่อนจะยืนยันจำนวนคนที่แน่ชัดในเต็นท์
“จ้าวจวิ้นสนับสนุน คนอื่นๆ ทำการต่อสู้มือเปล่า” หลิงหลานตัดสินใจในชั่วพริบตา เธอเปิดห้องคนขับแล้วทะยานลงมาเป็นคนแรก
คนอื่นๆ ทยอยกันทะยานลงมาสู่พื้นโดยที่ไม่อืดอาดชักช้าเลย จ้าวจวิ้นมองหลิงหลานพาฉีหลง ลั่วล่าง เซี่ยอี๋กับหลี่ซื่ออวี๋เข้าไปในเต็นท์ราวกับลิงที่ปราดเปรียว ในใจก็รู้สึก เสียใจมากว่าทำไมคนที่อยู่สนับสนุนถึงเป็นเขา เขาเองก็อยากไปสู้น้าา
หลี่หลานเฟิงมองเงาหลังของพวกฉีหลงด้วยความอิจฉา เขาหวังจริงๆ ว่าคนที่ตามหลังหลิงหลานยังมีเขาด้วยอีกคน เขามองร่างกายพังๆ ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลของตัวเอง แล้วก็อดถอนหายใ ใจไม่ได้
พวกหลิงหลานไม่มีแรงกดดันอะไรเลยในการจัดการคนที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันอะไรยี่สิบสองคน แค่ฉีหลง ลั่วล่างกับเซี่ยอี๋สามคนโหดเหี้ยมจะตายแล้ว ซัดคนกลุ่มใหญ่สลบได้ในไม่กี่ วินาที นี่ทำให้หลี่ซื่ออวี๋ที่รู้สึกเคร่งเครียดเพิ่งจะอัดคู่ต่อสู้สลบไปหนึ่งคนและในขณะที่เตรียมตัวจัดการคนต่อไป เขาพบว่าไม่มีงานแล้วก็เซ่อซ่าไป เขาถึงค่อยสัมผัสได้อย่าง ลึกซึ้งว่า หน่วยรบที่เขาอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือว่าลูกทีมล้วนเป็นคนป่าเถื่อนทั้งนั้นเลย
หลิงหลานให้พวกลูกทีมล็อกคู่ต่อสู้ที่โดนซัดจนสลบเหล่านี้เข้าไปในหุ่นรบของพวกเขา จากนั้นก็ทำการสำรวจซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เมื่อยืนยันว่าไม่มีศัตรูใดๆ อีกแล้ว พวกเขาถึงค่อยถอน นหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเห็นอาหารร้อนๆ ที่โรงเรียนเจี้ยนเฉียวทำไว้ พวกเขาก็ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ถึงแม้สารอาหารเหลวจะมีรสชาติไม่เลวมากๆ ภายใต้การปรับแต่งของลูกพี่ แต่พวกเขากินติดต่อกันหลายมื้อ ก็รู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง โดยเฉพาะราชาพุงโตฉีหลง พอเห็นอาหารเหล่านี้ ดวงตาทั้งสองข้างก็ส่องแสงสีเขียว[1]
หลิงหลานอุ้มหลี่หลานเฟิงที่อยู่ในหุ่นรบลงมา ถึงแม้หลี่หลานเฟิงอยากเดินเอง แต่สายตาเย็นชาของหลิงหลานที่เหลือบมองมาทำให้หลี่หลานเฟิงไม่กล้าเอ่ยคำคัดค้านอีกต่อไป ฮือๆๆ สายตาเย็นชาของกระต่ายโหดเหี้ยมมากเลย!
แน่นอนว่าจ้าวจวิ้นยังคงเป็นหุ่นรบที่อยู่ป้องกันเฝ้าระวังอย่างน่าเศร้าใจ จ้าวจวิ้นซ่อนตัวอยู่ในหุ่นรบพลางกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ฮือๆๆ พวกนายรังแกคนใหม่แบบนี้ ไม่ละอายใจเล ลยเหรอ?
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญแล้ว หลิงหลานก็ให้ฉีหลงแทนที่จ้าวจวิ้น แล้วให้เขาลงจากหุ่นรบมาพักผ่อนเช่นกัน เมื่อจ้าวจวิ้นกินอาหารร้อนๆ ที่ห่างหายไปนานก็น้ำตานองหน้าทันที มีความ มสุขเหลือเกิน ในที่สุดเขากลับมามีชีวิตแล้ว
“แค่กๆๆ…” หลี่หลานเฟิงไอโขลกๆ อย่างควบคุมไม่อยู่ หลิงหลานมองไปทางหลี่ซื่ออวี๋ หลี่ซื่ออวี๋จับชีพจร ก่อนจะตอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่เป็นไร แค่อุณหภูมิในเต็นท์ต่ำกว่าห้อง คนขับ ร่างกายของหลี่หลานเฟิงเลยปรับตัวไม่ได้ไปชั่วขณะ”
“จะเข้าไปพักผ่อนในหุ่นรบไหม?” หลิงหลานถามด้วยความห่วงใย หลิงหลานเก็บเรื่องที่หลี่หลานเฟิงบาดเจ็บสาหัส มาใส่ในใจตลอด กลัวว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะแย่ลง
“ไม่ต้องหรอก ถ้าเกิดปรับตัวเรื่องอุณหภูมิที่แตกต่างกันนี้ไม่ได้ ต่อไปฉันจะไปสนามรบได้ยังไง? ที่นั่นไม่มีเงื่อนไขเหมือนในตอนนี้หรอกนะ” หลี่หลานเฟิงยกถ้วยซุปในมือขึ้นมา เวลาน นี้ได้ดื่มซุปร้อนๆ สักคำ ก็รู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่างกายและจิตใจ
หลิงหลานไม่ได้คัดค้าน ก็เหมือนกับที่หลี่หลานเฟิงพูด ตอนนี้เป็นแค่การต่อสู้ประจัญบานของศึกประลองหุ่นรบ เป็นเพียงการจำลองสภาพแวดล้อมบางอย่างของสนามรบเท่านั้น ความจริงแล้วทร รัพยากรหรืออะไรก็ตามล้วนจัดเตรียมไว้อย่างพร้อมพรั่ง ไม่อาจนับว่าเป็นความลำบากอย่างแท้จริงได้เลย ถ้าเกิดตอนนี้ทนไม่ไหว เช่นนั้นหลี่หลานเฟิงก็ไม่สามารถไปสนามรบที่แท้จริงได้แล้ว ว
หลี่หลานเฟิงดื่มซุปร้อนหนึ่งชามแล้วก็รู้สึกว่าสบายขึ้นมากแล้ว เขาถึงค่อยหยิบแผนที่ออกมากางบนพื้น จากนั้นก็ชี้ไปยังตำแหน่งฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองพลางพูดว่า “ห หัวหน้า โรงเรียนทหารชายที่สองอยู่ตรงนี้ ห่างจากพวกเราประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดกิโลเมตร อิงจากความเร็วของหุ่นรบระดับสูง สามารถไปถึงได้ประมาณเจ็ดนาที ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกคร รึ่งหนึ่งจนกว่าการต่อสู้ประจัญบานจะสิ้นสุดลง หรือก็คือเกือบสามสิบหกชั่วโมง ฉันแนะนำว่าพวกเราอยู่ดักซุ่มที่นี่ รอจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย ตอนที่กองกำลังป้องกันของโรงเรียนทหารชายท ที่สองต่ำสุด ค่อยทำการโจมตี”
“หมายความว่ายังไง?” หลิงหลานเอ่ยถามอย่างเรียบนิ่ง
“รอเจี่ยงเส่าอวี่ไปแล้ว ก็เป็นเวลาลงมือของพวกเรา” หลี่หลานเฟิงเอ่ยอย่างแน่วแน่
มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปรายตามองหลี่หลานเฟิง “นายมั่นใจว่าเจี่ยงเส่าอวี่จะออกจากฐานที่มั่นขนาดนี้เชียว”
“ฉันเคยศึกษาเรื่องเจี่ยงเส่าอวี่มาอย่างดี เขาเป็นคนแข็งกร้าวและชอบอวดความสามารถ เขาจะยอมทิ้งเรื่องการบุกโจมตีและนั่งรักษาการณ์อยู่ในฐานที่มั่นดีๆ ได้ยังไง?” มุมปากของหล ลี่หลานเฟิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ “สุดท้ายเขาจะต้องพาทีมออกไปสู้แน่นอน”
“นายคิดว่าเขาจะเคลื่อนไหวเมื่อไหร่” แววตาของหลิงหลานเผยความชื่นชม การคาดการณ์ของหลี่หลานเฟิงก็เหมือนกับที่เธอคาดการณ์ไว้ หลิงหลานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังก็อดเพิ่ม ความยากให้หลี่หลานเฟิงนิดหน่อยไม่ได้ อยากรู้ว่าหลี่หลานเฟิงจะคาดคะเนช่วงเวลาเคลื่อนไหวของเจี่ยงเส่าอวี่ได้หรือเปล่า
“สิบสองชั่วโมงให้หลัง ฉันคิดว่าเจี่ยงเส่าอวี่จะใช้วันสุดท้าย หรือก็คือยี่สิบสี่ชั่วโมงสุดท้ายออกไปสู้ที่เขต S กับเขต P” หลี่หลานเฟิงตอบกลับอย่างแน่วแน่
หลิงหลานเงียบไปสักพัก เจี่ยงเส่าอวี่เป็นคนใจร้อน…เมื่อเขารู้ว่าเขต S กับเขต P เกิดเรื่อง เขาจะอดทนจนถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงสุดท้ายได้จริงๆ เหรอ? แต่การเคลื่อนไหวหลังจากนี้สิบส สองชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้ ก็จะไม่มีอันตรายต่อพวกเขาเลย การคาดการณ์ของหลี่หลานเฟิงยังคงแม่นยำมาก พอคิดถึงตรงนี้ หลิงหลานก็พยักหน้ากล่าวว่า “งั้นก็ออกปฏ ฏิบัติการอีกสิบสองชั่วโมงให้หลังละกัน”
ลั่วล่างเห็นหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงตัดสินใจเรื่องเวลาออกเคลื่อนไหว รู้ว่าพวกเขามีเวลาพักผ่อนสิบสองชั่วโมงก็ดีใจทันที เขามองเครื่องรับวิทยุในเต็นท์ ก่อนจะหยิบเครื่องส่งสัญ ญญาณออกจากในกระเป๋าพลางยิ้มระรื่น “งั้นฉันเปลี่ยนฐานที่มั่นนี้เป็นของพวกเราก่อนนะ”
ร่างของเขาเพิ่งจะขยับก็ได้ยินอาวุธลับโจมตีทางด้านหลัง ลั่วล่างก็หลบอย่างปราดเปรียว แล้วคว้าอาวุธลับที่บินมา ซึ่งก็คือหม้อเหล็กใบใหญ่ เขากระโดดขึ้นมาทันที “ร้อน! ร้อน! ! ร้อน!” หม้อเหล็กใบใหญ่ถูกย้ายกลับไปกลับมาระหว่างมือสองข้างของเขา ไม่ใช่ไม่อยากทิ้งลงพื้น แต่ลั่วล่างสัมผัสได้ถึงข้อมูลที่ส่งมาจากสายตาราวกับมีดน้ำแข็งของหลิงหลาน ถ้าเกิด ดกล้าทิ้ง นายตายแน่
ภายใต้สถานการณเช่นนี้ ลั่วล่างคิดว่าต่อให้ร้อนอีกแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าทิ้งลงไปง่ายๆ แล้ว ทำได้เพียงสลับมือไปมาเพื่อกอบกู้มือสองข้างที่ใกล้จะถูกลวกแล้ว
ในที่สุดหม้อเหล็กใบใหญ่ก็ไม่ร้อนแล้ว ลั่วล่างถึงค่อยวางหม้อเหล็กเบาๆ ดวงตาเล็กๆ เหลือมองไปที่หลิงหลานอย่างโศกเศร้า” ลูกพี่ ทำไมถึงโยนหม้อเหล็กใหญ่ๆ มาที่ฉันล่ะ” หม้อเห หล็กใบใหญ่ที่โหดเหี้ยมเมื่อสักครู่นั่น ที่แท้หลิงหลานก็เป็นคนเตะเข้ามา
“เปิดใช้บุคลิกเยือกเย็นสุดขีด” หลิงหลานกวาดตามองเขาอย่างเย็นชา อย่างที่คิดไว้จริงๆ ลั่วล่างบุคลิกหลักปรากฏตัวในเวลาธรรมดาจะดีกว่า
“หาฉันมีธุระอะไร?” ลั่วล่างเชื่อฟังมาก หลิงหลานเพิ่งพูดจบ เขาก็เปิดใช้บุคลิกเย็นชาสุดขีดแล้ว
“เหลือสติปัญญาให้บุคลิกหลักบ้าง” หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉยชา
แววตาของบุคลิกเย็นชาสุดขีดไหววูบ เผยร่องรอยความหวาดกลัวออกมา เขาคิดไม่ถึงว่าลูกพี่ของบุคลิกหลักจะรู้ความลับของพรสวรรค์นี้
“ครั้งหน้าฉันไม่อยากเห็นลั่วล่างโง่เง่าอีก” หลิงหลานยื่นนิ้วมือออกไปชี้บุคลิกเย็นชาสุดขีด “อย่าพยายามยั่วโมโหฉัน ตอนนั้นฉันแค่เอาชนะพวกนาย ก็เพราะอยากเพิ่มความแข็งแกร่งให ห้ลั่วล่าง ไม่ใช่ให้พวกนายมาปอกลอกความสามารถของบุคลิกหลัก” สิ้นคำพูดของหลิงหลาน เธอก็โจมตีเข้าไปด้วยการจู่โจมทางจิตอย่างรุนแรงสายหนึ่ง บุคลิกเย็นชาสุดขีดตัวสั่นเทา สีหน้า าซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างไม่ได้เยือกเย็นอีกต่อไป มันปรากฏความกลัวขึ้นราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
—————–
[1] หมายถึง ปรารถนา ต้องการ ละโมบโลภมาก