I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 527 สถานการณ์ยากลำบาก!
หลี่อิงเจี๋ยที่มีนิสัยใจร้อนก็รอไม่ไหวแล้ว เขาออกคำสั่งใหม่ให้กับพวกลูกทีมอีกครั้ง “เช็คอุปกรณ์!”
หลังจากออกคำสั่งนี้ อารมณ์หงุดหงิดแต่เดิมบนดวงหน้าของหลี่อิงเจี๋ยก็หายไปฉับพลัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชาสุดขีด เขาตรวจสอบอุปกรณ์บนหุ่นรบอย่างจริงจัง โดยเฉพา าะโล่แสงกระจกที่ฉางซินหยวนเตรียมให้พวกเขาในตอนแรก พวกเขาที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดรู้แจ้งแก่ใจนานแล้วว่า ในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด พวกเขาสามารถใช้โล่ที่ทรงพลังนี้มาจู่โจมหน น่วยรบ แล้วใช้วิธีการระเบิดพลีชีพเก็บพวกมันได้
ทุกคนตรวจสอบอุปกรณ์อย่างใจเย็น ความจริงแล้วฟังก์ชั่นระเบิดตัวเองของหุ่นรบนี้ถูกถอดออกไปแล้ว แต่ออปติคัลคอมพิวเตอร์สามารถจำลองพลังงานระเบิดตัวเองได้ ดังนั้นพวกเขายังคงโจมตี ได้ผล
“หมายเลขหนึ่งตรวจสอบเสร็จแล้ว!”
“หมายเลขสองตรวจสอบเสร็จแล้ว!”
…ไม่นานสมาชิกทีมทั้งหมดก็ตรวจสอบเสร็จแล้ว หลี่อิงเจี๋ยสั่งการอย่างเฉียบขาด “ขึ้นฟ้า!”
เครื่องยนต์ไอพ่นส่งเสียงดังกระหึ่มทันที หุ่นรบลำเลียงที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดประมาณสิบตัวรวมถึงหุ่นรบระดับสูงสี่ห้าตัวค่อยๆ ทะยานขึ้นฟ้า เรื่องเดียวที่หลี่อิงเจี๋ยรู้สึกว่ าโชคดีคือ ความเร็วของหุ่นรบลำเลียงไม่ได้ช้าไปกว่าหุ่นรบระดับสูงเลย นี่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าใกล้คู่ต่อสู้ได้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
หานจี้จวินเห็นหลี่อิงเจี๋ยเตรียมพร้อมต่อสู้โดยที่ไม่สนใจใยดี เขาก็ขับหุ่นรบตามขึ้นไปอย่างจนปัญญา ในเมื่อพวกเพื่อนๆ อยากสู้ หานจี้จวินก็ไม่มีทางถอยหนีเหมือนกัน
“ผู้บัญชาการ มีหุ่นรบโผล่มาแล้ว” หุ่นรบกองหน้าที่รับหน้าที่สำรวจแนวหน้าสังเกตเห็นกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยเป็นคนแรก
เจี่ยงเส่าอวี่ประหลาดใจ เขาเห็นจุดสีแดงกระพริบขึ้นบนเรดาร์สิบห้าจุด ก็รีบซูมภาพทันที เมื่อเห็นหุ่นรบที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆ นานานั้น เขาก็อดเอ่ยด้วยความตกใจไม่ได้ “เชี่ย นั่นมันอะไรน่ะ?”
“หัวหน้า นั่นเป็นหุ่นรบลำเลียง” มีลูกทีมจำได้
“ดูท่าในฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะไม่มีหุ่นรบแล้วจริงๆ ถึงได้ส่งหุ่นรบลำเลียงขึ้นมา” หนึ่งในคนของหน่วยรบพันธมิตรเห็นหุ่นรบเหล่านี้ก็ประหลาดใจแกมยินดีมาก
เจี่ยงเส่าอวี่เห็นดังนั้น แววตาก็ฉายความอำมหิตขึ้นมแวบหนึ่ง “เก็บหุ่นรบขยะพวกนี้เป็นดอกเบี้ยก่อน!” เขาพุ่งข้ามคนอื่นๆ ไปหาหน่วยรบจับฉ่ายของหลี่อิงเจี๋ยเป็นคนแรก
ขณะที่เห็นทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะปะทะกัน ก็มีลำแสงสายหนึ่งทะลวงผ่านลงมาจากท้องฟ้ายามราตรี ยิงตรงเข้าใส่เจี่ยงเส่าอวี่
เจี่ยงเส่าอวี่สัมผัสได้ถึงวิกฤติอย่างรุนแรงสายหนึ่งในชั่วพริบตา เขาทำการตอบสนองโดยขับหุ่นรบหลบหลีกทันที ลำแสงเฉียดผ่านหุ่นรบของเจี่ยงเส่าอวี่ แต่ว่าต่อให้เป็นแค่การเฉียดผ ผ่าน พลังงานโล่แสงบนหุ่นรบของเจี่ยงเส่าอวี่ก็ลดลงไปหนึ่งในสามแล้ว
เจี่ยงเส่าอวี่หันหน้ากลับไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเห็นหุ่นรบตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเขาอย่างไร้ที่มาที่ไป เขาคุ้นกับสีสันรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นรบจนไม่อาจคุ้นไปม มากกว่านี้แล้ว มันคือหุ่นรบไพ่ราชาที่อยู่ระดับเดียวกับเขานี่เอง หรือว่าเฉียวถิงมาถึงแล้ว?
ความคิดแรกของเจี่ยงเส่าอวี่คือเรื่องนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธมันทันที เนื่องจากเขารู้ดีว่า หุ่นรบไพ่ราชาตัวนี้ไม่ใช่หุ่นรบระยะไกลที่เฉียวถิงใช้ตามปกติ หากแต่เป็นหุ่นรบแบบผสม. …
ดวงตาของเจี่ยงเส่าอวี่แดงฉานขึ้นมาโดยพลัน เขารู้แล้วว่าหุ่นรบตัวนี้คือใคร มันเป็นของหลินเซียว คนที่เอาชนะเขาได้ในรอบรองชนะเลิศและเข้าสู่รอบตัดสินในการประลองหุ่นรบเด ดี่ยว
“หลินเซียว ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่” เจี่ยงเส่าอวี่กัดฟันกล่าว ทำไมหลินเซียวถึงคอยทำลายแผนการของเขามาตลอด? ตอนการประลองหุ่นรบเดี่ยวก็ทำแบบนี้ ตอนนี้เขาบุกโจมตีฐานที่มั่นขอ องโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
“นายไม่รู้หรือไงว่า โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของพวกเราเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ในเมื่อนายโจมตีใส่ฐานที่มั่นของโรงเรียนพันธมิตรเรา ฉันก็ต้องเข้ามาช่วยปกป้อ องฐานที่มั่นอยู่แล้ว” หลินเซียวตอบกลับอย่างเฉยชา
พอกล่าวจบ หลินเซียวก็หันหน้ามองไปที่หานจี้จวิน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงขออภัยว่า “ขอโทษทีที่ฉันมาสาย ปล่อยให้พวกนายคอยนานแล้ว”
“ไม่สายเลย มาถึงพอดี” หานจี้จวินตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง ราวกับว่าฉากที่รอคอยด้วยความร้อนใจจนเหงื่อเย็นๆ เต็มศีรษะเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“นี่เป็นแผนการที่นายวางไว้สินะ” หลินเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม ถึงแม้เขาจะวิ่งตะบึงมาตลอดทางหลังจากที่ได้รับข่าว แต่ถ้าเกิดไม่มีแผนการของพวกหานจี้จวินจัดการถ่วงเวลาไว้ เ เกรงว่าพอเขามาถึงก็คงสายไปแล้ว
เวลานี้ หลินเซียวอดลอบนับถือหลิงหลานขึ้นมาไม่ได้ นี่ต้องมีความเชื่อใจและความกล้ามากแค่ไหนถึงสามารถฝากความปลอดภัยทั้งหมดของฐานที่มั่นให้กับพวกผู้ควบคุมหุ่นรบที่ไม่อยู่ใ ในสายตาเหล่านี้? แต่คนพวกนี้ก็แสดงฝีมือออกได้อย่างโดดเด่นมาก กระทั่งเขาก็อดอิจฉาหลิงหลานไม่ได้ที่มีลูกน้องมากความสามารถ
การสนทนาระหว่างหลินเซียวกับหานจี้จวินที่เหมือนกับว่าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยได้กระตุ้นโทสะของเจี่ยงเส่าอวี่โดยสิ้นเชิง จากนั้นก็ได้ยินเจี่ยงเส่าอวี่ตะคอกด้วยความโกรธว่า “ระยำ!” วินาทีถัดมา เขาก็ยกดาบยักษ์ขึ้นแล้วฟันไปที่หลินเซียว
หลินเซียวเห็นแบบนั้น มุมปากก็เผยรอยยิ้มจางๆ สาเหตุที่เขาเมินเจี่ยงเส่าอวี่ก็เพื่อยั่วโมโหอีกฝ่าย พูดตามความเป็นจริง ความสามารถในการรบระยะประชิดของเจี่ยงเส่าอวี่แข็งแกร่งมาก กจริงๆ ถึงแม้หลินเซียวมั่นใจในการต่อสู้ระยะประชิดของตัวเองมากเหมือนกัน แต่เมื่อหุ่นรบระยะประชิดอยู่ในการต่อสู้ระยะประชิดก็จะมีความได้เปรียบในตัวของมัน ถ้าเกิดให้เจี่ยงเส่า าอวี่ใจเย็นอีก หลินเซียวก็ไม่กล้ายืนยันว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือเปล่า
หลินเซียวเป็นคนที่เก่งด้านการวางแผนใส่จิตใจ ดังนั้นเขาเลยวางกับดักตั้งแต่เริ่มแรก แสดงท่าทีอย่างเป็นธรรมชาติจนทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ติดกับโดยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
หลินเซียวชักดาบยักษ์ลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วต่อสู้กับเจี่ยงเส่าอวี่อย่างดุเดือด ทั้งสองคนเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา มีความสามารถในการควบคุมระยะประชิดที่สูงมาก พวกเขาต่อสู้กัน สักพักอย่างยากจะตัดสินผลแพ้ชนะ…
หุ่นรบสิบตัวที่ติดตามเจี่ยงเส่าอวี่เห็นหลินเซียวมาเพียงลำพังก็ผุดความคิดขึ้นมา พวกเขาอยากช่วยเจี่ยงเส่าอวี่ ขณะที่กำลังคิดว่าจะแอบยิงลำแสงลอบโจมตีก่อกวนอย่างเงียบเชียบนั้น น ก็มีหุ่นรบจำนวนมากปรากฏขึ้นบนเรดาร์อีกครั้ง ที่แท้หลินเซียวไม่เพียงมาด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันเขาก็พากองกำลังขุมใหม่มาไม่น้อย มีหน่วยรบของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง และก็ม มีหน่วยรบจากโรงเรียนพันธมิตรอีกหลายแห่งด้วย
นี่ทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม หลังจากผ่านไปประมาณหลายสิบวินาที หุ่นรบเหล่านั้นก็มาถึงที่นี่ นี่ทำให้หุ่นรบสิบตัวนั้นยิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน
สถานการณ์ดีต่อโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมาก ขณะที่คนในห้องสังเกตการณ์ล้วนคิดว่าโรงเรียนทหารชายที่สองจะพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงแล้ว สีหน้าของหลิงซียวที่คงรอยยิ้มมาตลอดกลับเริ่มเคร ร่งขรึมขึ้นมา ไม่เพียงแค่เขาที่เป็นแบบนี้ เหอซวี่หยางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน
“ท่านนายพล ผมรู้ว่าที่นี่จะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ยังไงผมก็คิดไม่ออกว่า โรงเรียนทหารชายที่สองจะอาศัยอะไรมาพลิกสถานการณ์ได้กันแน่” เหอซวี่หยางมีสายตาแหลมคม เขาดูออกว่าท่าทาง งโกรธเกรี้ยวของเจี่ยงเส่าอวี่เป็นการแสร้งทำ ไม่เช่นนั้นแต่ละกระบวนท่าจะประณีตหมดจดขนาดนี้ได้อย่างไร
“พันธมิตรไม่ได้มีแค่ข้างกายเขา” หลิงเซียวเอ่ยเตือนอย่างนุ่มนวล
เหอซวี่หยางตระหนักได้ฉับพลัน ที่แท้อันตรายก็อยู่ตรงนี้
“ฮะ ทำไมเขต G2 ถึงส่งหน่วยรบออกมาล่ะ พวกเขาเตรียมจะทำอะไร” ขณะที่ความสนใจของทุกคนอยู่ที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เขตที่ไม่เตะตาจนทำให้ผู้คนมองข้ามกลับออกมาจากกระดองของพวกเข ขาอย่างเหนือความคาดหมาย หน่วยรบเจ็ดหน่วยคืบคลานออกมาอย่างเงียบเชียบ
“ทิศทาง…เขต G10+ ยืนยันครั้งสุดท้าย เขต G17!” ไม่นานหลังจากติดตามการมุ่งหน้าของพวกเขา ในที่สุดห้องสังเกตการณ์ก็วิเคราะห์จุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขาออกมาได้
“พวกเขาเป็นกองกำลังพันธมิตรของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเหรอ?” มีคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวนะ ขยายภาพของพวกเขาที” ทันใดนั้นก็มีคงสังเกตเห็นจุดน่าสงสัย เลยให้เจ้าหน้าที่ขยายภาพหน่วยรบเจ็ดหน่วยนั้นทันที
ในที่สุดหน่วยรบเหล่านั้นก็ขึ้นบนหน้าจอใหญ่ เมื่อขยายถึงตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกของพวกเขา ทุกคนก็ตระหนักถึงปัญหาได้แล้วในท้ายที่สุด หน่วยรบเจ็ดหน่วยนี้ไม่ได้มาจากโรงเรียนทหา ารแห่งเดียว แต่เป็นหน่วยรบพันธมิตร
“เขต G2 มีหน่วยรบพันธมิตรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” มีคนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
โรงเรียนทหารในเขต G2 ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก ทุกคนเลยมองข้ามพวกเขาไป ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ามีพันธมิตรก่อตั้งขึ้นมาได้สำเร็จภายใต้จมูกของพวกเขา
“ไม่รู้ว่ากองกำลังพันธมิตรกลุ่มนี้คิดจะทำอะไร จะเกี่ยวข้องกับโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหรือเปล่า…” ทุกคนรู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสลักซับซ้อนจนยากจะระบุได้แน่ชัด และพวกเขาก็ดูไม่เข้าใจแล้วเหมือนกัน
“ท่านนายพล ดูเหมือนว่าคนที่มาจะไม่ประสงค์ดีนะครับ” เหอซวี่หยางแอบพูดกับหลิงเซียว
หลิงเซียวผงกศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า “ใช่ ถ้าเกิดพวกเขายืนอยู่ฝ่ายโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งตั้งแต่แรก ตอนที่เจี่ยงเส่าอวี่บุกเข้ามา ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิดเดีย ยว ตอนนี้ดูท่าพวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับทางเจี่ยงเส่าอวี่” หลิงเซียวลูบนิ้วมือ นึกไม่ถึงว่าฐานที่มั่นของลูกสาวเขายังคงเจอเภทภัยหนักหน่วงจริงๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะอดทนผ่านวิกฤติไ ได้สักครั้ง เกรงว่าจะมีวิกฤติที่สองมาอีกแล้ว….
และตอนนี้ผ่านไปสิบสองชั่วโมงแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว ค่ำคืนสีขาวย่างกรายลงมาอีกครั้ง….
พวกหลิงหลานเจ็ดคนที่พักผ่อนกันดีแล้วก็เคลื่อนไหวในที่สุด ทุกคนเข้าไปในหุ่นรบของตัวเอง ก่อนจะขับหุ่นรบออกจากฐานที่มั่นของโรงเรียนเจี้ยนเฉียวอย่างช้าๆ และบินไปยังฐานที่ม มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง
หลิงหลานไม่ได้หลบซ่อนตัว หากแต่พาลูกทีมบินไปอย่างเปิดเผยตลอดทาง ระหว่างทางพวกเธอไม่เห็นหน่วยรบลาดตระเวนมากนัก มีเพียงหน่วยรบไม่กี่หน่วยที่อยู่กระจัดกระจายกัน แตกต่างกับส สิบสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดินจริงๆ
หลิงหลานรู้ว่านี่เป็นเพราะอะไร เสี่ยวซื่อบอกสาเหตุให้เธอฟังนานแล้วว่า เจี่ยงเส่าอวี่รวบรวมหน่วยรบพันธมิตรนับไม่ถ้วนแล้วแบ่งกองกำลังออกเป็นหลายทาง ทางหนึ่งคือเขาเป็นคน นำทีมไปบุกโจมตีโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ส่วนอีกทางก็ไปล้อมโจมตีโรงเรียนทหารชายที่สาม เพราะเหตุนี้เอง เฉียวถิงเลยถูกรั้งอยู่ในโรงเรียนทหารชายที่สาม ไม่สามารถกลับไปป้องกันฐ ฐานที่มั่นได้
หน่วยรบลาดตระเวนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรมากนักเนื่องจากทั่วทั้งเขต Q เปลี่ยนเป็นโหรงเหรงว่างเปล่า พอเห็นพวกหลิงหลานก็ไม่สนใจสอบถามพวกเขาว่ากำลังจะไปที่ไหน กำลังเตรียมทำอะไร ถึงอย่างไรตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกนั้นก็เป็นตัวแทนสถานะของพวกหลิงหลานแล้ว และไม่ไกลจากพวกเขาก็เป็นฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สอง พวกเขาไม่คิดจะไปยั่วโทสะคนของโรงเรียน ทหารชายที่สองเหมือนกัน
ควรพูดว่า หน่วยรบลาดตระเวนที่นี่ดูเหมือนไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาคิดว่าฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองอยู่ที่นี่ ย่อมไม่มีทางเกิดปัญหาใดๆ
นี่ทำให้พวกหลิงหลานเดิมทางราบรื่นอย่างน่าแปลกใจ เมื่อเหลืออีกแค่สิบกิโลเมตรสุดท้าย ทันใดนั้นหลิงหลานก็ออกคำสั่งที่ทำให้สมาชิกทีมตื่นตกใจ นั่นก็คือหลิงหลานตัดสินใจทิ้ง งหุ่นรบ และเตรียมตัวเดินลอบเข้าไปในโรงเรียนทหารชายที่สอง
ถึงแม้หลิงหลานมีอาวุธสารพัดนึกอย่างเสี่ยวซื่อที่สามารถทำให้เรดาร์ของหุ่นรบฝ่ายตรงข้ามใช้การไม่ได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงตอนที่หลิงหลานขับหุ่นรบเข้าไปไม่ได้ถูกเห ห็นกับตา ก็จะมองไม่เห็นร่องรอยจากบนเรดาร์เลยสักนิดเดียว แต่ว่าภายใต้สถานการณ์ที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของชีวิตได้แบบนี้ หลิงหลานอยากทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จโดยใช้ค ความสามารถของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ใช้เสี่ยวซื่อ และหุ่นรบก็ไม่ได้ติดตั้งเครื่องรบกวน เมื่อเข้าไปใกล้ฐานที่มั่นจะต้องโดนผู้ควบคุมหุ่นรบที่อยู่เฝ้ารักษาฐานที่มั่นจับได้แน่นอน เวลานั้นหากคิดจะเข้าไปในฐาน ที่มั่นก็ต้องฝืนบุกโจมตีแล้ว
ถ้าเกิดมีหลิงหลานแค่คนเดียว ก็ฝืนบุกโจมตีได้เหมือนกัน ถ้าเกิดต้านรับไม่ไหว อาศัยความสามารถของเธอก็สามารถหนีพ้นได้อย่างปลอดภัย แต่พอพาลูกทีมมาด้วยนั้นไม่เหมือนกัน เมื่อ ตกอยู่ในวงล้อม พวกเขาอาจจะหนีรอดออกมาไม่ได้
หลิงหลานเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ในเมื่อเธอพาพวกลูกทีมออกมาบุกตะลุยโจมตีศัตรู เธอก็อยากพาลูกทีมเห็นบทสรุปของการต่อสู้ประจัญบานด้วยรอยยิ้มโดยที่ไม่ขาดใครไปสักคน