I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 528 ทรยศ?
เขต G17
หลินเซียวปะทะกับเจี่ยงเส่าอวี่อย่างรุนแรงอีกหนึ่งกระบวนท่า เมื่อเขาเห็นหน่วยรบพันธมิตรที่นำโดยตัวเขาเองมาถึงกันแล้ว เขาก็พลันหัวเราะดังลั่นขึ้นมา “เจี่ยงเส่าอวี่ นายแพ้แล้ว”
เจี่ยงเส่าอวี่รวมถึงหุ่นรบสิบตัวนั้นโดนหน่วยหุ่นรบที่หลินเซียวพามาล้อมเอาไว้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด ก่อนจะกัดฟันกล่าวอย่างคับแค้นใจว่า “หลินเซียว นายคิดว่าแบบนี้ก็ทำให้ฉันยอมจำนนแต่โดยดีได้แล้วเหรอ? นายฝันไปเถอะ! ฝันไปเถอะ!”
เสียงคำว่าฝันไปเถอะสุดท้ายนั้น เจี่ยงเส่าอวี่ตวาดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาเอ่ยถามอย่างขุ่นเคืองว่า “หลินเซียว ในเมื่อเป็นพันธมิตรเหมือนกัน ทำไมนายถึงปฏิเสธที่จะเป็นพันธมิตรกับฉัน แล้วเลือกโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแทน? นายรู้ดีชัดๆ ว่า ผู้บัญชาการของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งในการต่อสู้ประจัญบานครั้งนี้ไม่ใช่เฉียวถิง แต่เป็นนักเรียนปีสองที่ไร้ชื่อเสียงคนนั้น…นายเชื่อมั่นในตัวนักเรียนปีสองคนหนึ่ง แต่ไม่ยอมเชื่อในตัวฉันเนี่ยนะ” ที่แท้เจี่ยงเส่าอวี่เคยไปหาหลินเซียวเพื่อพูดคุยเรื่องเป็นพันธมิตรกันในตอนเริ่มจับฉลากการต่อสู้ประจัญบานแล้ว แต่น่าเสียดายที่หลินเซียวปฏิเสธโดยที่ไม่ฟังเลยสักนิดเดียว
หลินเซียวได้ยินคำกล่าวก็แค่นหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน “หลังจากที่นายคิดชั่วๆ กับรุ่นน้องฉันแล้ว นายคิดว่าพวกเรายังมีโอกาสร่วมมือกันด้วยเหรอ? น่าขำจริงๆ”
“เพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้น่ะเหรอ? นายถึงยอมร่วมมือกับไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แล้วไม่ยอมร่วมมือกับฉัน?” เจี่ยงเส่าอวี่เดือดดาลแล้วจริงๆ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองกระทำผิดอะไร ความรักใคร่ชอบพอเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกหลักทำนองคลองธรรมของมนุษย์ เป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
“เรื่องเล็กๆ แค่นี้?” ดวงตาสองข้างของหลินเซียวพลันหรี่ขึ้นมา ก่อนจะฉายรัศมีแสงเย็นเยียบที่ดูอันตรายขึ้นมาแวบหนึ่ง “สมาชิกทุกคนที่เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบคือแขนขา[1]ของฉัน นายกล้าแตะพี่น้องของฉัน ยังจะหวังให้ฉันปล่อยวางความแค้นแล้วร่วมมือกับนายอีกเหรอ? นั่นถึงค่อยเรียกว่าฝันกลางวัน!”
‘แขนขา? เป็นเสื้อผ้า[2]ไม่ใช่หรือไง!’ หานจี้จวินยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกขบขันที่หลินเซียวใช้วิธีโกหกทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดีมาหลอกตัวเองและคนอื่น
คำพูดไม่ไว้หน้าของหลินเซียวทำให้เจี่ยงเส่าอวี่หน้าแดงสลับเขียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่คิดมิดีมิร้ายโดยไม่ตั้งใจจะส่งผลใหญ่หลวงขนาดนี้ พันธมิตรที่เลือกไว้ในตอนแรกเลยปฏิเสธพวกเขาทันที ควรรู้เอาไว้ว่าในหลายสมัยก่อนหน้านี้ โรงเรียนทหารชายที่สองสามารถกดหัวโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเอาไว้ได้เสมอมาก็เป็นเพราะโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งเป็นกองกำลังพันธมิตรของพวกเขามาตลอด
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง นายถึงได้พุ่งเป้ามาที่ฉันตลอด ตอนการประลองหุ่นรบเดี่ยวก็เป็นแบบนี้ พอมาถึงการต่อสู้ประจัญบานก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน” เจี่ยงเส่าอวี่เข้าใจแล้วในที่สุด
“บอกนายอีกเรื่อง ฉันเป็นคนไปเสนอเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเอง และเพราะเรื่องนี้ โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของพวกเราถึงต้องจ่ายผลประโยชน์ออกไปจำนวมาก” หลินเซียวอธิบายความจริงอย่างเฉยชา “สาเหตุที่จ่ายค่าตอบแทนไปเยอะขนาดนี้ก็เพื่อให้ผู้บัญชาการหลิงรับปากเรื่องหนึ่ง”
“รับปากว่าอะไร?”
หลินเซียวยิ้มขึ้นมา “นั่นก็คือ จะต้องให้ฉันเป็นคนจัดการนาย”
หัวใจของเจี่ยงเส่าอวี่พลันหนักอึ้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ครั้งนี้เขาติดกับดักที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งกับโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งร่วมมือกันวางแผนแล้ว
“ที่แท้เฉียวถิงถูกส่งไปที่เขต S จนทำให้กำลังป้องกันฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งลดลง ก็เป็นแผนการที่พวกนายจงใจสร้างขึ้นมาสินะ!” เจี่ยงเส่าอวี่แค้นใจจนกัดฟันกรอด
“ใช่แล้ว ไม่งั้นเต่าอย่างนายจะคลานออกมาจากในกระดองเขต Q จนมาถึงที่นี่ได้ยังไง” หลินเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เป็นกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังนับถือความเด็ดเดี่ยวและโหดเหี้ยมของหลิงหลานตอนวางแผนการนี้ที่กล้าเอาฐานที่มั่นของตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อ ควรรู้เอาไว้ว่าขอเพียงพวกเขาทำพลาดสักจุด ฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งก็จะกลายเป็นสินสงครามของโรงเรียนทหารชายที่สอง
เวลานี้เอง เจี่ยงเส่าอวี่พลันหัวเราะขึ้นมา “วางแผนได้สมบูรณ์แบบมากจริงๆ แต่นายคิดว่าพวกนายไม่มีพลาดเลยสักนิดจริงๆ เหรอ?”
หลินเซียวได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไปทันใด “หมายความว่ายังไง?”
“ฉันก็หมายความว่า…โจมตีซะ!” ทันใดนั้นเจี่ยงเส่าอวี่ก็ออกคำสั่งโจมตี ผู้ควบคุมหุ่นรบสิบคนที่เขาพามายังไม่ทันได้ตอบสนอง หน่วยรบสองหน่วยจากในหน่วยรบพันธมิตรที่หลินเซียวพามาพลันทรยศ ควบคุมอาวุธขึ้นมาโจมตีใส่เพื่อนที่อยู่ข้างกาย
ฉากการเข่นฆ่าพวกเดียวกันนี้ทำให้พวกหานจี้จวินหน้าเปลี่ยนสีทันที และก็ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบสิบคนของเจี่ยงเส่าอวี่ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่นึกเลยว่าพวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์รบกลับมาได้ในสถานการณ์ที่อับจนเช่นนี้ พวกเขาตื่นเต้นจนอยากจะชูมือสองข้างสูงๆ แล้วตะโกนให้เจี่ยงเส่าอวี่ว่า ‘ผู้บัญชาการยิ่งใหญ่เกรียงไกร’
แต่พวกเขาตื่นเต้นยินดีในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น วินาทีถัดมาหัวใจของพวกเขาก็เย็นเยียบอีกครั้ง เดิมทีคิดว่าการโจมตีอย่างไม่คาดฝันนี้จะประสบผลสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่ามันกลับใช้การไม่ได้หมดเลย
ที่แท้คนของหน่วยรบหลินเซียวเหมือนกับเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว พวกเขาโจมตีใส่คู่ต่อสู้ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฝ่ายลอบโจมตียึดครองความได้เปรียบมาไม่ได้เลย พวกเขาถึงขนาดยังโดนฝ่ายตรงข้ามโจมตีกลับโดยไม่คาดฝัน จนสูญเสียหุ่นรบไปหลายตัวทันที สถานการณ์ที่เดิมทีสามารถพลิกกลับมาได้เปรียบกลับถูกคนของหลินเซียวควบคุมไว้อีกครั้ง
“นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเป็นคนของฉัน?” เจี่ยงเส่าอวี่ตะโกนเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เดิมทีฉันไม่ได้สังเกตหรอกนะ ถึงยังไงพวกเขาก็ร่วมมือกับโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งของเรามานานมากแล้ว เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนพี่น้อง แต่ใจคนเรามักจะแปรเปลี่ยน โดยเฉพาะหลังจากที่ร่วมมือกับโรงเรียนของพวกเรามาหลายสมัย สองโรงเรียนที่ฉันพามานี้ก็เคลื่อนไหวตามพวกนายมาหลายสมัยแล้ว…” หลินเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน “พวกฉันไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนั้นพวกนายมีข้อตกลงส่วนตัวกันหรือเปล่า โชคดีที่ผู้บัญชาการหลิงเตือนฉันตอนเริ่มต้นการต่อสู้ประจัญบาน ดังนั้น ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ฉันดูเหมือนนั่งรักษาการณ์ในฐานที่มั่น แต่ความจริงแล้วฉันคอยสืบเบื้องลึกของกองกำลังพันธมิตรพวกนี้มาตลอด อยากดูว่าโรงเรียนไหนหักหลังพวกเราแล้วหันไปหาพวกนายกันแน่ ยังดีที่สถานการณ์ไม่ถือว่าเลวร้าย โรงเรียนที่ทรยศไม่เยอะนัก นอกจากสองโรงเรียนนี้ที่ยืนยันแน่ชัดแล้ว ยังมีโรงเรียนที่น่าสงสัยอีกแห่ง ฉันเลยส่งไปทางโรงเรียนทหารชายที่สาม ให้เฉียวถิงช่วยฉันจับตามอง ต่อให้เป็นคนของนายจริงๆ ก็ไม่สามารเล่นลูกไม้อะไรภายใต้สายตาของเฉียวถิงได้”
หานจี้จวินกับคนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนได้ยินคำพูดของหลินเซียว ก็รู้สึกภาคภูมิใจและอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาโดยธรรมชาติ ที่แท้ผู้บัญชาการของพวกเขาเตรียมการไว้มากมายอยู่เบื้องหลัง
เจี่ยงเส่าอวี่แทบจะบันดาลโทสะ กลายเป็นว่าทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของฝ่ายตรงข้ามหมดเลย แต่เขาดันคิดว่าตัวเองเหนือว่า ยังคงนึกว่าทุกอย่างอยู่ในแผนการของเขา
ขณะทีพวกหานจี้จวินคิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมหมดแล้ว หานจี้จวินก็ได้รับรายงานล่าสุด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด ก่อนจะรีบรายงานให้หลินเซียวว่า “ผู้บัญชาการหลิน เมื่อกี้เพิ่งจะได้รับข่าวมาว่า มีหน่วยรบโผล่ขึ้นมาอีกเจ็ดหน่วยที่เขต G13”
หลินเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “รู้ไหมว่าเป็นโรงเรียนอะไร?”
“โรงเรียนทหารเฟยอี้ โรงเรียนทหารเฉิงกวง โรงเรียนทหารเหอเหมี่ยว…” หานจี้จวินเปิดเผยชื่อโรงเรียนทหารออกมาสี่ห้าแห่ง โรงเรียนทหารเหล่านี้ล้วนเป็นโรงเรียนทหารที่อยู่อันดับค่อนข้างต่ำ ไม่อยู่ในสายตามากๆ พวกหลินเซียวเลยไม่ได้สนใจพวกเขา แต่ก็เป็นเพราะโรงเรียนทหารที่ไม่ได้รับความสนใจเหล่านี้รวมกลุ่มกันตั้งเป็นหน่วยรบพันธมิตรเจ็ดหน่วย ถึงทำให้พวกหลินเซียวได้รับแรงกดดันที่หนักอึ้งสุดขีด
เจี่ยงเส่าอวี่ได้ยินคำกล่าว ความคิดพลันแล่นวาบขึ้นมา เขานึกถึงคำพูดของเสนาธิการจูเก่อก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เสนาธิการจูเก่อบอกว่า ถ้าหากเขาถูกขัดขวางตอนบุกโจมตีโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ก็จะมีความช่วยเหลือบางอย่างมาช่วยเขา ตอนนั้นเขาลำพองใจมาก คิดว่าอาศัยหน่วยรบหกหน่วยในมือก็สามารถยึดฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้อย่างราบรื่น ก็เลยไม่ได้สนใจคำพูดนี้ ตอนนี้ ดูเหมือนว่า ความช่วยเหลือนั้นน่าจะหมายถึงคนเหล่านี้
“ผู้บัญชาการ บางครั้งมดตัวเล็กๆ ทหารตัวกระจ้อยร่อยที่ไม่อยู่ในสายตาก็กลายเป็นหมากสำคัญที่ตัดสินผลแพ้ชนะในตอนสุดท้ายได้ อย่าดูถูกพวกเขาเชียวนะ!” คำพูดของเสนาธิการจูเก่อเมื่อตอนนั้นกลับมาดังก้องในหูของเขา เวลานี้เจี่ยงเส่าอวี่รู้สึกซาบซึ้งใจต่อเสนาธิการของเขาอย่างยิ่ง บางทีเขาสามารถอาศัยความช่วยเหลือพวกนี้มาพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้!
ความมั่นใจของเจี่ยงเส่าอวี่ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วกล่าวว่า “หลินเซียว ไม่ใช่มีแต่พวกนายที่วางแผนการเป็นเท่านั้นหรอกนะ พวกฉันเองก็มีเหมือนกัน!”
แววตาของหลินเซียวเย็นเยียบ เขาสั่งการอย่างเฉียบขาดว่า “โจมตี!” ไม่ว่าหน่วยรบเจ็ดหน่วยนั้นจะเป็นกำลังเสริมของเจี่ยงเส่าอวี่หรือไม่ ขอเพียงเอาชนะพวกเจี่ยงเส่าอวี่ที่นี่ และไล่พวกเขาออกไปจากสนามต่อสู้ เช่นนั้นต่อให้กำลังเสริมพวกนี้มาถึงแล้ว พวกเขาก็มาโดยที่ไม่มีวันหวนกลับ
ทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้ดี รวมถึงเจี่ยงเส่าอวี่ด้วย เขาย่อมไม่มีทางยอมพ่ายแพ้ในช่วงเวลาที่มีความหวังว่าจะหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติได้ ดังนั้นเขาเลยตะโกนเสียงดังว่า “ต้านรับไว้ เดี๋ยวกำลังเสริมก็มาถึงแล้ว ยืนหยัดจนถึงที่สุด ชัยชนะก็จะเป็นของพวกเรา เกียรติยศก็จะเป็นของพวกเรา”
คนของเจี่ยงเส่าอวี่ทยอยกันชูอาวุธขึ้นมา ต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ข้างๆ อย่างสุดชีวิต ไม่มีใครยอมจำนนแต่โดยดี ไม่มีใครยอมให้ชัยชนะแก่อีกฝ่าย การต่อสู้เปลี่ยนเป็นรุนแรงโหดเหี้ยม มีหุ่นรบร่วงหล่นพ่ายแพ้ออกจากสนามทุกๆ นาที
……
เขต G13
อู่จย่ง หานอวี้ มู่เส่าอวี่รวมถึงหน่วยรบผสมที่ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มหุ่นรบอื่นๆ อีกสองหน่วยทำการต่อสู้กับหน่วยรบเจ็ดหน่วยที่มุ่งหน้ามาแล้ว แต่สถานการณ์ไม่เอื้อต่อพวกอู่จย่งมาก หลังจากที่ต่อสู้ติดต่อกัน ถึงแม้พวกเขาจัดการผู้ควบคุมหุ่นรบที่เจี่ยงเส่าอวี่แบ่งกำลังออกมาป้องกันพวกนั้นได้หมดแล้ว แต่พวกอู่จย่งก็จ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยเหมือนกัน หน่วยรบทุกหน่วยล้วนเสียสมาชิกไปไม่มากก็น้อย ดังนั้นถึงพวกเขาจะดูเหมือนต่างกันแค่สองหน่วยรบ แต่ความจริงแล้วกลับมีจำนวนคนห่างกันสามหน่วยรบ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างมหาศาล ผู้ควบคุมหุ่นรบหลายคนถึงขนาดมีศัตรูสองคน
สถานการณ์ของเขต G13 ท่าไม่ดีแล้ว แต่ในเขต G17 พวกหลินเซียวกลับยึดความได้เปรียบไว้อย่างมั่นคง หานจี้จวินรู้ว่าสถานการณ์รบของเขต G17 กำลังตึงเครียด ก็เลยส่งกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยที่ไม่สามารถสอดเข้าไปในการต่อสู้ให้ไปสนับสนุนพวกเขา
เหตุการณ์พลิกผันหลายตลบของทางฝั่งฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งทำให้คนในห้องสังเกตการณ์ดูด้วยความสนใจอย่างมาก พวกเขาคอยพูดซ้ำๆ ว่าไม่สามารถดูถูกนักเรียนสมัยนี้ได้แล้ว กลยุทธ์และการคิดคำนวณชุดนี้ทำให้ทหารผ่านศึกที่รบรากับศัตรูมานานอย่างพวกเขาชมดูด้วยความตื่นตาตื่นใจมาก มีแผนการมากมายที่กระทั่งพวกเขาก็ดูไม่ออก ต่อให้พวกเขาขึ้นไปรบด้วยตัวเองก็อาจจะติดกับได้เหมือนกัน
หลิงเซียวเอนหลังพิงเก้าอี้ ดูเหมือนกับไม่สนใจฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเลย มีเพียงเหอซวี่หยางเท่านั้นที่รู้ว่านายพลหลิงเซียวรู้สึกกังวลใจ เขาวางมือขวาบนพนักแขน แล้วเคาะมันอย่างไร้เสียง นี่เป็นท่วงท่าตอนที่นายพลหลิงเซียวกำลังครุ่นคิด
“ท่านนายพล ไม่เป็นไรหรอกครับ ทางฝั่งคุณชายหลานดำเนินไปอย่างราบรื่นมากเลย” เหอซวี่หยางเอ่ยปลอบใจเสียงเบา
หลิงเซียวชายตามองเหอซวี่หยางแวบหนึ่ง เหอซวี่อยางพลันใจกระตุก เขาคิดไม่ถึงว่านายพลหลิงเซียวที่อ่อนโยนมาตลอดก็มีแววตาที่เย็นชาแบบนี้ด้วย
“เสนาธิการเหอ อยู่ในสนามรบ การใช้อารมณ์มาตัดสินเป็นเรื่องที่เหลือทนมากที่สุด ทุกอย่างล้วนต้องยึดตามความเป็นจริง” หลิงเซียวเอ่ยเรียบๆ ทำให้เหอซวี่หยางลอบละอายใจ เมื่อครู่นี้เขากลัวว่านายพลหลิงเซียวจะเป็นกังวล ก็เลยพูดจาเหลวไหลโดยที่ไม่มีมูลความจริงอะไรเลย ทำให้สถานะหัวหน้าเสนาธิการของเขาแปดเปื้อนจริงๆ
“ขออภัยด้วยครับ ท่านนายพล!” เหอซวี่หยางสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยยอมรับผิด
—————————
[1] อุปมาถึง พี่น้อง
[2] อุปมาถึง ลูกเมีย มาจากคำพูดของเล่าปี่ที่ว่า ‘พี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า เสื้อผ้าขาดยังพอเย็บได้ แขนขาขาดไม่อาจต่อได้’ หมายถึงพี่น้องตายไปก็หามาแทนไม่ได้ แต่ถ้าลูกเมียตายไปยังหาใหม่ได้