I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 529 พรสวรรค์!
“พวกเราต่างรู้ว่า ดูจากความคืบหน้าแบบนี้ ต่อให้หลิงหลานกำจัดโรงเรียนทหารชายที่สองออกไปจากสนามได้สำเร็จในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด แต่พวกกองกำลังพันธมิตรของโรงเรียนทหารชายที่ สองยังคงบุกยึดฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง และกำจัดพวกเขาออกจากสนามได้สำเร็จอยู่ดี” หลิงเซียวบอกความจริงออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา นี่ก็คือสาเหตุที่เขากังวลใจ
เหอซวี่หยางเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก การคาดการณ์ของหลิงเซียวเหมือนกับการคาดการณ์ของเขาเช่นกัน เขามอง ไปทางหลินเซียวที่กำลังต่อสู้ในเขต G17 ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ตอนนี้ได้แ แต่หวังว่ากองกำลังพันธมิตรของคุณชายหลานจะเก่งกาจสักหน่อย”
“พันธมิตร? อาจจะพึ่งพาไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายจะแทงข้างหลังนายเมื่อไหร่” หลิงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
สีหน้าของเหอซวี่หยางเปลี่ยนไปนิดหน่อย “คุณหมายถึงโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งอาจจะทรยศได้เหรอครับ”
หลิงเซียวส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันแค่บอกว่า ถ้าพึ่งภูเขา ภูเขาถล่ม พึ่งน้ำ สายน้ำไหล พึ่งคน คนก็วิ่งหนีหาย ไม่สู้พึ่งพาตัวเอง ปลอดภัยและน่ าเชื่อถือมากกว่า!”
เหอซวี่หยางพยักหน้าเงียบๆ คำพูดประโยคนี้สมเหตุสมผลมาก เพียงแต่จะจัดการวิกฤตินี้โดยอาศัยแค่คนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้จริงๆ เหรอ?
……
เขต Q
เวลานี้หลิงหลานกำลังพาลูกทีมห้าคนวิ่งตะบึงไปยังฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองอย่างเงียบเชียบ
เนื่องจากหลี่หลานเฟิงบาดเจ็บสาหัส บวกกับต้องมีสักคนอยู่เฝ้าปกป้องหุ่นรบ ดังนั้นเขาเลยโดนหลิงหลานทิ้งไว้ ผลลัพธ์นี้ทำให้หลี่หลานเฟิงเสียใจมาก รสชาติการโดนทิ้งนี้ทำให้ เขากระหายพลังมากยิ่งขึ้น
พวกหลิงหลานหกคนลอบเข้ามาในฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองตั้งอยู่ในเขตเนินเขาที่มีป่าไม้บดบังแรงลม เมื่อมองจ จากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ไม่มีอะไรเลยนอกจากต้นไม้สูงต่ำ แต่เมื่อมองจากด้านบนลงไปด้านล่างกลับดูรู้เรื่องได้ในครั้งเดียว สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านล่างรวมถึงบนฟ้าไ ได้ชัดเจนมาก นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขต Q ถึงป้องกันง่ายบุกและโจมตียาก หากคิดจะลอบโจมตีก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ได้แต่อาศัยการฝืนบุกเข้าตีเข้าไปทีละนิด ตรงเข้าไปยังพื้นที ใจกลางเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อหุ่นรบเช่นนี้ สำหรับพวกหลิงหลานที่ทิ้งหุ่นรบและบุกเข้ามาด้วยตัวเองแล้ว มันกลับไม่เป็นเช่นนี้ พุ่มไม้หนาทึบใต้ต้นไ ไม้เป็นสถานที่ซ่อนตัวหลบสายตาที่ดีมาก
หลิงหลานเปิดใช้งานเขตแดนแล้ว ไอเย็นเยียบสายหนึ่งปกคลุมพุ่มไม้ที่บดบังร่างของพวกเขาไว้ ต่อให้หุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับพลังงานความร้อน พวกเขาก็ตรวจไม่เจออะ ะไร มีเพียงสัมผัสที่นี่ด้วยตัวเองเท่านั้น อาจจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแตกต่างออกไป แต่นี่เป็นไปไม่ได้เลย ไม่มีใครยอมไม่ใช้หุ่นรบแล้วออกมาสำรวจรอบนอกฐานที่มั่นด้วยร่างกายของตั วเอง
หลังจากที่ซ่อนตัวรอให้หน่วยหุ่นรบลาดตระเวนจากไป หลิงหลานกะดูแล้วว่าอีกฝ่ายบินออกไปจากรัศมีหนึ่งพันเมตรของเครื่องตรวจจับความร้อนแล้ว เธอถึงค่อยพาพวกลูกทีมพุ่งออกมาจาก กพุ่มไม้ แล้วลักลอบมุ่งขึ้นหน้าต่อไป
หลิงหลานหลบซ่อนตัวมาตลอดทางเช่นนี้เอง ถึงแม้จะเสียเวลาไปไม่น้อย แต่ว่าสามชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดพวกเธอก็เข้าใกล้ตำแหน่งใจกลางของฐานที่มั่นโรงเรียนทหารชายที่สองแล้ว
หลิงหลานโบกมือไปทางด้านหลัง พวกลูกทีมต่างหาที่หลบซ่อนของตัวเองอย่างรู้ใจกันดี หลิงหลานมาถึงวงในสุดของป่าทึบราวกับแมวแสนรู้ก็ไม่ปาน
หลิงหลานไม่ได้ชะโงกหัวออกมา เธอเพียงแต่เปิดใช้พลังจิต อัดควบพลังจิตออกเป็นเส้นเล็กๆ หลายเส้น จากนั้นก็สำรวจเข้าไปในตำแหน่งใจกลางอย่างเงียบเชียบ
ตำแหน่งใจกลางคือพื้นที่ราบผืนใหญ่ นี่ไม่ต่างจากที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้ เรื่องเดียวที่ทำให้หลิงหลานรู้สึกเสียดายคือพื้นที่ราบนี้ราบเรียบมากเกินไป ไม่มีพุ่มไม้เลยสักนิดเดียว ว หากคิดจะลอบเข้าไปได้สำเร็จภายใต้การตรวจตราทั่วทั้งพื้นที่ของหุ่นรบมากมาย แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่มีหวังเลย นอกเสียจากรอคอยให้ฟ้ามืด บางทีอาจจะยังพอมีโอกาสนิดหน่อย แต่ตอนน นี้ท้องฟ้าเพิ่งสว่างได้ไม่นาน จำเป็นต้องรออีกหกเจ็ดชั่วโมง ราตรีที่มืดมิดถึงจะย่างกรายลงมาอีกครั้ง
น่าเสียดายที่หลิงหลานไม่มีเวลามากนัก เสี่ยวซื่อถ่ายทอดสดสถานการณ์ตึงเครียดของเขต G17 แล้ว ถ้าเกิดอยากคลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากนี้ เธอจำเป็นต้องยึดฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารช ชายที่สองโดยเร็วที่สุด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามออกไปสนาม แบบนี้ถึงจะลดแรงกดดันให้เขต G17 ได้
“เขต G2…ฉันยังคงทำพลาดอยู่ดีสินะ” หลิงหลานลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ตัวประกอบที่เธอมองข้ามและไม่ใส่ใจในตอนแรก เวลานี้กลับกลายเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญที่สุดที่สามาถพลิกสถานการณ์ รบได้ทั้งหมด อย่างที่คิดไว้เลย เธอไม่อาจดูถูกคู่ต่อสู้ใดๆ ก็ตามที่อาจจะก่อภัยอันตรายแอบแฝงให้ตัวเองได้เลย
หลิงหลานข่มกลั้นความหงุดหงิดไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ นี่เป็นบทเรียน บทเรียนนี้อาจจะถึงขนาดทำให้หลิงหลานต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส แต่ก็เพราะความผิดพลาดในวันนี้ ทำให้ว วันข้างหน้าหลิงหลานเลยไม่ดูถูกผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาซึ่งดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยสักนิดเดียวและอ่อนแอจนทำให้ผู้คนมองข้ามอีกต่อไป
หลังจากที่สำรวจภูมิประเทศจนเข้าใจดีแล้ว หลิงหลานก็ถอยกลับมาอยู่ท่ามกลางลูกทีมอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีของที่ปกปิดได้ แถมยังมีหุ่นรบตรวจตราด้านในหกตัว เข้าใกล้เต็นท์ด้านในสุดไม่ได้เลย” หลิงหลานใช้สัญญาณมือบอกสถานการณ์ปัจจุบันให้พวกลูกทีม
“ตอนนี้จะเอายังไงดี? รอให้ฟ้ามืดเหรอ?” จ้าวจวิ้นใช้สัญญาณมือสอบถาม พวกเขาไม่มีอุปกรณ์โกงสารพัดนึกอย่างเสี่ยวซื่อ ย่อมไม่รู้ว่าตอนนี้เขต G17 ฐานที่มั่นของตัวเองกำลังเจอวิกฤ ฤติหนัก
“รอไม่ได้แล้ว ฉันได้ข่าวว่าเจี่ยงเส่าอวี่กำลังพาคนของโรงเรียนทหารชายที่สองบุกโจมตีเขต G17 อยู่” หลิงหลานบอกข่าวนี้ให้กับพวกลูกทีม สีหน้าของเหล่าลูกทีมเปลี่ยนไปโดยพลัน ไ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
“ต้องบุกโจมตีโดยเร็วที่สุด พวกเราต้องยึดฐานที่มั่นของโรงเรียนทหารชายที่สองก่อนพวกเขาให้ได้” ฉีหลงทำสัญญาณมือให้บุกจู่โจมอย่างอำมหิต
ห้าคนที่เหลือก็ทำสัญญาณมือแบบเดียวกัน ทุกคนต่างแนะนำให้บุกโจมตีเดี๋ยวนี้เลย
หลิงหลานเงียบไป ถ้าเกิดอยู่ในหุ่นรบ เธอคงฝืนบุกโจมตีโดยไม่สนใจอะไรแล้ว ถึงอย่างไรก็มีหุ่นรบป้องกัน ต่อให้โดนโจมตีก็ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ตอนนี้พวกเธอมาแต่ตัวเท่านั้น ถ้า าเกิดเปิดเผยร่องรอยแล้วโดนหุ่นรบโจมตีละก็ พวกเธออาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิต นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลิงหลานอยากเห็น
หลิงหลานใคร่ครวญอย่างจริงจังอยู่หลายนาที ก่อนจะคิดวิธีออกมาหลายอย่าง แต่ก็ถูกเธอปัดตกไปทีละอัน เธอกลัดกลุ้มใจมาก ไม่มีวิธีการที่เหมาะสมมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีพลาดเลย
เธอมองไปทางหลี่ซื่ออวี๋ แล้วใช้สัญญาณมือถามว่า “มียารุนแรงอะไรที่สามารถทะลวงการป้องกันของห้องคนขับหุ่นรบ แล้วกล่อมประสาทให้ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านในหมดสติไหม?”
หลี่ซื่ออวี๋ถลึงตาใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะใช้มือทำท่าทางบอกว่า “ถ้าเกิดมียาแบบนี้ ยังต้องการผู้ควบคุมหุ่นรบไปทำซากอะไร ฉันทิ้งจรวดยากล่อมประสาทลูกเดียว ก็สามารถควบค คุมสถานการณ์รบทั้งหมดได้แล้ว”
ใช่ เธอคิดเพ้อเจ้อไปแล้ว! หลิงหลานนึกขึ้นได้อีกว่าพรสวรรค์บางอย่างสามารถให้ประสิทธิผลแบบนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่นการสะกดจิตอะไรทำนองนี้ เธอมองไปรอบๆ ก่อนพบว่าพรสวรรค์ของลูกท ทีมล้วนไม่ใช่ประเภทนี้เลย ท้ายที่สุดสายตาของเธอก็ทอดมองมาบนตัวจ้าวจวิ้น หมอนี่เป็นคนที่เข้าร่วมกลุ่มหลังสุด เธอยังไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายปลุกพรสวรรค์อะไร ดังนั้นเธอเลย ยเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้คาดหวังนัก “จ้าวจวิ้น พรสวรรค์ที่นายปลุกขึ้นมาคืออะไร?” คนที่สามารถกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษได้ล้วนปลุกพรสวรรค์ได้แทบทุกคน
ดวงหน้าของจ้าวจวิ้นแข็งทื่อฉับพลัน เขาเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะใช้มือส่งสัญญาณบอกอย่างหดหู่ใจว่า “เสียงแห่งความเสื่อมโทรม!”
ทุกคนอุดปากของตัวเองทันใด ก่อนจะรีบกลั้นเสียงหัวเราะที่กำลังจะพุ่งออกมาให้กลับเข้าไป นึกไม่ถึงเลยว่าจ้าวจวิ้นที่ดูเหมือนชายหยาบกระด้างจะปลุกพรสวรรค์ที่ชดช้อยงดงามขนาดนี้ นี่มันน่าตลกเกินไปแล้ว
จ้าวจวิ้นถลึงตาใส่พวกเขาด้วยความอับอายจนโกรธเกรี้ยว เขารู้ว่าพอคนพวกนี้รู้พรสวรรค์ของเขาแล้วก็จะล้อเลียนเขา ดังนั้นเขาถึงได้เมินคำถามนี้อย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจตอนที่ เข้าร่วมหน่วยรบ
“เสียงแห่งความเสื่อมโทรม!” ดวงตาของหลิงหลานกลับเปล่งประกาย นี่เป็นพรสวรรค์ที่ทำขึ้นเพื่อสถานการณ์ยากลำบากนี้โดยเฉพาะเลย หรือว่าเธอเป็นนางเอกที่สวรรค์โปรดปราณจริงๆ แค่ถามไ ไปงั้นๆ ก็ได้วิธีการแก้ปัญหาออกมาแล้ว
หลิงหลานรีบใช้พลังจิตของเธอบอกจ้าวจวิ้นถึงวิธีการที่เธอคิดขึ้นได้เพราะว่ามีเสียงแห่งความเสื่อมโทรม
เมื่อใช้พลังจิตสนทนา ต่อให้อยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ไม่ได้ยินเสียงพูดคุย ตราบใดที่รอบๆ บริเวณไม่มีคนที่มีพลังจิตเหนือกว่าหลิงหลาน ก็จะไม่มีคนจับสังเกตคลื่นปั่นป่วนทางจิตพวกนี้เลย วิธีการสนทนาแบบนี้จึงปลอดภัยอย่างมากในเวลานี้และสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวจวิ้นทำหน้าขมขื่น เขาฟังไปด้วยพยักหน้าไปด้วย สุดท้ายเขาก็สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วหลับตาเปิดใช้พรสวรรค์ของตัวเอง
ทันทีที่เปิดใช้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ไม่รู้จักสายหนึ่งกำลังพยายามเข้าลึกไปในสมองของเขา จ้าวจวิ้นไม่ได้ตื่นตระหนก เขารู้ว่านี่เป็นพลังจิตของลูกพี่หลาน เขาปล่อยวางก การป้องกันทั้งหมด และร่วมมืออย่างแข็งขันเพื่อให้พลังจิตของหลิงหลานเข้าไปในสมองของเขา
“จ้าวจวิ้น เสียงแห่งความเสื่อมโทรมของนายมีแนวโน้มไปทางความสามารถอะไร?” เสียงของหลิงหลานดังขึ้นในห้วงสติของจ้าวจวิ้น
จ้าวจวิ้นใช้สติตอบกลับว่า “มันไม่เหมือนกับสายลุ่มหลงของหลี่อินเฟย เสียงของฉันทำให้คนรู้สึกอืดอาดเชื่องช้าลง”
“นี่เป็นความสามารถที่ดี”
“ดีตรงไหน ตอนขับหุ่นรบก็ใช้มันไม่ได้ และก็ไม่มีการเติบโตอะไรด้วย” จ้าวจวิ้นเอ่ยด้วยความเสียดาย ตอนแรกที่ปลุกพรสวรรค์ เขาคาดหวังมากว่าจะปลุกพรสวรรค์ที่เหมาะกับหุ่นรบ ไม่น นึกเลยว่าผลออกมากลับเป็นเจ้านี่ ทำให้เขาผิดหวังมาก สุดท้ายก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลยว่าพรสวรรค์ของเขาคืออะไร ต่อให้เป็นหลี่หลานเฟิงก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะลูกพี่หล ลานถาม เขาไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด ความจริงแล้วจ้าวจวิ้นอิจฉาพรสวรรค์สัญชาตญาณสัตว์ป่าของฉีหลงมากที่สุด นี่เป็นพรสวรรค์ที่สร้างขึ้นเพื่อผู้ควบคุมหุ่นรบโดยเฉพาะอย่างแท้จริง
หลิงหลานแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ทำให้หัวใจของจ้าวจวิ้นหดเกร็งโดยพลัน ความรู้สึกอับอายเพราะพรสวรรค์นี้หายวับไปในพริบตา เนื่องจากพลังจิตของหลิงหลานอยู่ในสมองของจ้าวจวิ้น จ้ าวจวิ้นเลยสัมผัสได้ชัดเจนว่าตอนนี้หลิงหลานไม่พอใจแล้ว
“ไม่มีพรสวรรค์ที่ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเสียงแห่งความเสื่อมโทรมที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นสายความบันเทิงก็เหมือนกัน” เสียงเย็นเยียบกระจ่างใสของหลิงหลานดังขึ้นในห้วงสติของจ้าวจวิ น
“หมายความว่ายังไงที่ใช้ในการขับหุ่นรบไม่ได้? อันที่จริงฉันไม่เข้าใจมาตลอดเลยที่ตอนนี้สหพันธรัฐจัดหมวดหมู่พรสวรรค์เป็น สายบันเทิง สายพลาธิการ สายสนับสนุน สายปัญญา สายทักษะร่าง งกายของสัตว์ป่า…ในสายตาของฉัน ไม่ว่าพรสวรรค์อะไรก็สามารถใช้ในการขับหุ่นรบได้” หลิงหลานเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว
ทฤษฎีนี้ไม่เพียงเป็นความคิดของเธอเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นบรรทัดฐานของมิติการเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน ในมิติการเรียนรู้มีแบ่งเพียงความแตกต่างเกี่ยวกับระดับพรสวรรค์เท่านั้น ไม่มี แบ่งว่ามีประโยชน์กับไร้ประโยชน์
คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาของจ้าวจวิ้นโชนแสงขึ้นโดยพลัน เขาเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นว่า “ลูกพี่หลาน นายหมายความว่าเสียงแห่งความเสื่อมโทรมของฉันก็ใช้ในการควบคุมหุ่นรบได้ด้วยเ เหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” หลิงหลานถามกลับ
“ใช้ยังไง ลูกพี่หลานรีบบอกฉันเร็วเข้า” จ้าวจวิ้นเอ่ยอย่างร้อนใจ
“ตอนนายขับหุ่นรบก็เปิดใช้พรสวรรค์ไปพร้อมกัน ให้เสียงของนายส่งผลกระทบต่อศัตรู ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเหนื่อย นายเคยคิดความเป็นไปได้ข้อนี้บ้างไหม?” หลิงหลานถามกลับอีกครั้ง
—————–