I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 534 แรงกดดัน! (2)
โชคดีที่เกาจิ้นอวิ๋นได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้ เขาจะเสียสมาธิสักนิดไม่ได้เด็ดขาด
เกาจิ้นอวิ๋นที่ใจเย็นลงแล้วไม่สามารถรับรู้ถึงรสชาติของชัยชนะนี้ได้เลย เขาเปลี่ยนตลับพลังงานของดาบแสงในมืออย่างว่องไว ขณะเดียวกันก็ลอบขอบคุณหน่วยพลาธิการ
ควรรู้เอาไว้ว่าตลับพลังงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยพลาธิการใช้เวลาตั้งใจคัดเลือกออกมาเป็นพิเศษจากในตลับพลังงานหลายล้านชิ้น พลังงานแต่ละก้อนใกล้เคียงกับค่าสูงสุดที่สามารถไปถ ถึงได้ในทฤษฎี เป็นเพราะแบบนี้เอง เขาถึงสามารถมีพลังงานมากกว่าคู่ต่อสู้นิดหน่อย และยืนหยัดได้จนถึงตอนสุดท้ายจนคว้าชัยชนะมาไว้ในมือ
จุดเล็กๆ ตัดสินผลแพ้ชนะ! ทันใดนั้นเกาจิ้นอวิ๋นก็นึกถึงตอนที่ลูกพี่หลานเตรียมอาวุธยุโทปกรณ์เหล่านี้ เขาเน้นย้ำเรื่องนี้กับหน่วยพลาธิการเป็นพิเศษ เวลานี้เกาจิ้นอวิ๋นมั่นใจ เต็มเปี่ยมว่า มีลูกพี่ที่คิดรอบด้านแบบนี้ พวกเขาจะพ่ายแพ้ที่นี่ได้อย่างไร?
เกาจิ้นอวิ๋นโชคดีอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่เขาจัดการคู่ต่อสู้ก็ยังสามารถปกป้องตัวเองไว้ได้ แต่ลูกทีมคนอื่นๆ ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม เสียงคำรามอย่างเดือดดาลในช่องสื่อ อสารนั้นเรียกสติของพวกลูกทีมที่โดนกดดัน และก็กระตุ้นหัวใจที่ไม่ยอมศิโรราบของพวกเขา ในเมื่อถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องพ่ายแพ้ออกจากสนามรบ เช่นนั้นพวกเขาก็จะพ่ายแพ้อย่างไร้ค่าไ ไม่ได้เด็ดขาด
ลูกทีมที่รู้ดีว่าไม่มีโอกาสแล้ว สุดท้ายพวกเขาล้วนเลือกการโจมตีแบบพลีชีพ—ระเบิดตัวเอง! (การติดตั้งระเบิดตัวเองของกระต่อสู้ประจัญบานเป็นของจำลอง เมื่อกดปุ่มระเบิดตัวเอง ออปต ติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบสองตัวที่ต่อสู้กันจะจำลองพลังงานจริงของการระเบิดตัวเองออกมาจากตำแหน่งระยะห่างและมุมองศา หลังจากนั้นก็ทำการตัดสินครั้งสุดท้ายออกมา ไม่ได้ปรากฏโศกนาฎ ฎกรรมระเบิดตัวเองออกมาจริงๆ)
เมื่อหุ่นรบลำเลียงพลาธิการเลือกระเบิดตัวเองตัวแล้วตัวเล่านำพาผู้ควบคุมหุ่นรบสี่ห้าคนของฝ่ายตรงข้ามไปด้วย เวลานี้ลูกทีมของหน่วยรบอื่นก็สะเทือนใจแล้ว กระทั่งหน่วยลำเลียงพล ลาธิการก็แสดงฝีมือออกมาอย่างกล้าหาญขนาดนี้ พวกเขาที่เป็นลูกทีมหน่วยรบที่แท้จริงจะแพ้เพื่อนร่วมทีมเหล่านี้ได้อย่างไร?
ดังนั้นก็เห็นว่าไม่มีหุ่นรบที่ต่อสู้อีกต่อไป พวกเขาทยอยกันเดินตามรอยเท้าของหน่วยพลาธิการ หุ่นรบร่วงลงพื้นไปทีละตัว ผู้ควบคุมหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแต่ละคนที่ไปจ จากที่นี่ สุดท้ายล้วนพาสินสงครามจากไปด้วย
บนพื้น ฉางซินหยวนกำลังพาช่างพัฒนาเก้าคนจ้องมองสถานการณ์รบบนฟ้าของเขต G13
เขาเห็นเพื่อนร่วมทีมที่คุ้นเคยร่วงลงมาคนแล้วคนเล่า ก่อนหน้าที่จะตกลงมา พวกเขากอดคู่ต่อสู้ไว้อย่างโหดเหี้ยมแล้วกดปุ่มระเบิดตัวเอง เลือดเดือดพล่านในใจเขาเริ่มปั่นป่วนขึ้น มา เวลานี้เขาเองก็อยากไปรบบนฟ้าเหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่เขาก็จะทำเหมือนเพื่อนร่วมทีม ต่อให้ระเบิดตัวเองก็จะกัดเนื้อของฝ่ายตรงข้ามไปด้วย…เขานึกถึงฉาก กก่อนหน้านี้ที่ลูกพี่หลานพาทีมไปต่อสู้กับหน่วยรบของเฉียวถิง พวกเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ใช้กระบวนท่านี้ ลากผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาลงจากม้า
จำนวนของทั้งสองฝ่ายกำลังลดน้อยลง แต่ถึงอย่างไรผู้ควบคุมหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามกลับเยอะกว่าพวกเขาเกือบเท่าตัว ถึงแม้พวกลูกทีมของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แต่พวกเขายังคงไม่สามารถชดเชยความห่างชั้นนี้ได้
“หัวหน้า สถานการณ์ไม่เอื้อต่อพวกเรามากขึ้นไปทุกทีแล้ว” หนึ่งในลูกทีมเอ่ยเตือนฉางซินหยวนอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้หุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่กำลังต่อสู้อยู่มีแค่สิบสอง งสิบสามตัวเท่านั้น แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับมีอยู่ประมาณยี่สิบตัว ฝ่ายตรงข้ามย่อมได้เปรียบเรื่องจำนวนอย่างแน่นอน
“นายว่าพวกเราควรทำยังไงดี? คนที่ต่อสู้ได้ถูกส่งออกไปหมดแล้ว ยกเว้นกลุ่มของพวกเรา” ฉางซินหยวนเอ่ยพลางถอนหายใจ
ถึงแม้ฉางซินหยวนจะเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงได้สำเร็จตอนเข้าสู่ปีใหม่ภายใต้การเคี่ยวกรำของลูกพี่หลาน แต่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เหลืออยู่บนสนามรบในตอนสุดท้ายล้วนเป็น นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษชั้นยอด ต่อให้พวกเขาขึ้นไปช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องเป็นห่วงว่าจะยิ่งเพิ่มความวุ่นวาย ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมทีมของตัวเองแทนหรือเปล่า
ดูท่าต่อไปยังต้องพยายามเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบอีก!
ฉางซินหยวนรับรู้ถึงความขมขื่นที่ตัวเองไร้ความสามารถอีกครั้ง อันที่จริงฉางซินหยวนก้าวหน้าเร็วมากแล้ว จากขั้นกลางของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลาง เข้าสู่ขั้นกลางของผู้ควบคุมหุ่นรบ บระดับสูงได้ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เทียบกับหน่วยรบอื่นแล้ว ความเร็วของเขาย่อมเทียบได้กับผู้ควบคุมหุ่นรบที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้น เพียงแต่คนของหน่วยรบหลิงหลานล้วนเป็นพวกผิ ดปกติ ถึงได้ทำให้เขาเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองไม่ได้ก้าวหน้าขึ้น และถ่วงขาของทีม
ดังนั้นหลังจากที่ศึกประลองหุ่นรบครั้งนี้สิ้นสุดลง ก็มีมาโซคิสต์สองคนปรากฏตัวขึ้นในหน่วยรบของหลิงหลาน หนึ่งคือหลี่หลานเฟิงที่มุ่งมั่นว่าอยากแข็งแกร่งขึ้น และอีกคนก็คือ อฉางซินหยวนที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงหมื่นปี
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมทรมานตัวเองอย่างบ้าคลั่งของทั้งคู่ก็กระตุ้นให้ลูกทีมคนอื่นๆ รู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นเลยชักนำให้เกิดกระแสนิยมฝึกฝนรอบใหม่ พวกลูกทีมของหลิงหลานเกาะกลุ่ม กันก้าวหน้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางบรรยากาศแข่งขันไล่ตามเพื่อนร่วมทีม นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมของหลิงหลานนำหน้าหน่วยรบอื่นมาตลอด ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไว้พูดกันทีหลัง ไม่เอ่ยท ที่นี่ชั่วคราว
การย้อนถามของฉางซินหยวนทำให้พวกลูกทีมพูดไม่ออกทันที ถึงแม้พวกเขาเก่งกาจด้านการปรับแต่ง แต่ในด้านการควบคุมหุ่นรบแล้ว พวกเขาไม่อาจเทียบบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบที่กำลังต่อสู้พว วกนั้นได้เลย ดังนั้นพวกเขาเลยได้แต่มองด้วยความร้อนใจ แต่ว่าทำอะไรไม่ได้
“แล้วจะให้พวกเราเบิกตามองฐานที่มั่นโดนไอ้สารเลวพวกนี้ยึดหรือไง?” ลูกทีมคนหนึ่งตบศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด เขาที่คิดมาตลอดว่าขอเพียงตั้งใจศึกษาการปรับแต่งก็พอแล้ว แต่ต ตอนนี้เขากลับเสียใจว่าทำไมถึงไม่ใช้เวลาฝึกฝนการควบคุมหุ่นรบให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาก็สามารถขึ้นไปบนสนามรบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรดาเพื่อนร่วมรบได้แล้ว…
การต่อสู้ในวันนี้ทำให้จิตใจของบรรดาช่างพัฒนาที่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาวิจัยเหล่านี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ หลังจากกลับไปพวกเขาก็ฝึกฝนการควบคุมหุ่นรบอย่างหนัก ทำให้คนเหล ล่านี้กลายเป็นช่างพัฒนาของสนามรบอย่างเหนือความคาดหมาย และเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจเนื้อแท้ของการต่อสู้อย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาเลยคิดค้นพัฒนาอาวุธกับหุ่นรบปรับแต่งที่แข ข็งแกร่งใช้สู้ได้จริงออกมานับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขากลายเป็นช่างพัฒนาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอนาคตของสหพันธรัฐ ผลงานของพวกเขาทำให้ทหารนับไม่ถ้วนคลั่งไคล้ไล่ตาม
ฉางซินหยวนมองท้องฟ้าเบนเขต G13 อย่างเงียบงัน ทันใดนั้นเขาก็กดปุ่มช่องสื่อสารของหานจี้จวิ้น “เสนาธิการ เขต G13 ทางฉันมีหุ่นรบสิบสองตัว ฝ่ายศัตรูมีหุ่นรบสิบแปดตัว!”
พอได้ยินข่าวนี้ หานจี้จวินก็ขมวดคิ้วแน่น เขาเงียบไปครู่หนึ่งถึงค่อยตอบกลับว่า “ฉันรู้แล้ว” จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “พวกนายถอยกลับไปที่ฐานที่มั่นละกัน” หุ่นรบของพวกฉางซ ซินหยวนมีระดับไม่สูงทั้งนั้นเลย พวกเขาเข้าไปก็เป็นการส่งอาหารไปให้อีกฝ่าย
“หน่วยรบช่างพัฒนาของพวกเราขอต่อสู้!” ฉางซินหยวนไม่รับคำสั่ง หากแต่ยื่นคำขอของเขาออกมา
“ไม่ได้ ภารกิจของพวกนายคือการปรับแต่ง ไม่ใช่ต่อสู้!” หานจี้จวินปฏิเสธโดยไม่ขบคิดเลย
“พอลูกทีมต่อสู้ทั้งหมดของเราถูกไล่ออกไปจากสนามแล้ว ช่างพัฒนาที่เหลืออยู่อย่างพวกเราจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?” ฉางซินหยวนย้อนถามด้วยความสะเทือนใจ “อย่าลืมสิว่าถึงพวกเราจะเป็นช่างพ พัฒนา แต่เวลาเดียวกัน พวกเราก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบนะ!”
อีกด้านหนึ่งของช่องสื่อสาร หานจี้จวินเงียบกริบ ผ่านไปหลายวินาที ถึงค่อยมีเสียงทุ้มต่ำของหานจี้จวินดังมาว่า “เข้าใจแล้ว!”
“หัวหน้า พวกเราออกไปรบได้แล้วใช่มั้ย?” ลูกทีมช่างพัฒนาคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตื่นเต้นยินดีเอาไว้
ฉางซินหยวนยิ้มขึ้นมา “ใช่แล้ว! เสนาธิการอนุญาตให้พวกเราไป ‘ตาย’ แล้ว” ฉางซินหยวนบอกความจริง เขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง ลูกทีมใต้บังคับบัญชาของเขาอ่อนด้อยกว่าเขาอยู่บ้าง ง ถึงขนาดที่มีคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลาง และก็เป็นคนที่มีระดับหุ่นรบต่ำสุดของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบในครั้งนี้
“ฮ่าๆ โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของพวกเราไม่มีคนขี้ขลาด!” ลูกทีมคนหนึ่งเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
“ถึงความสามารถของพวกเราจะแย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะทำได้แค่เบิกตามองหรือว่าไปตายจริงๆ” ฉางซินหยวนส่งพิมพ์เขียวที่เขาทำเสร็จเมื่อสักครู่นี้ให้กับพวกลูกทีม บนนั นมีข้อมูลอย่างละเอียดรวมถึงเส้นทางองศาต่างๆ
คนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่ชินกับการดูพิมพ์เขียว มองพิมพ์เขียวนี้ครั้งเดียว ดวงตาก็เปล่งประกายทันที หนึ่งในนั้นเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “หัวหน้า นายเก่งเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่า จะคำนวณของพวกนี้ออกมาได้ คราวนี้ ไม่แน่ว่าบางทีพวกเราอาจจะสร้างผลงานก็ได้นะ”
เวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของฉางซินหยวนส่องสว่าง เมื่อสักครู่นี้ตอนที่เขาดูการต่อสู้ของเขต G13 ก็ไม่ได้ดูไปอย่างเปล่าประโยชน์ คนพวกนี้ใจกล้าบุกโจมตีฐานที่มั่นของพวกเขา เขาจ จะต้องให้บทเรียนสั่งสอนอีกฝ่ายแน่นอน
……
เขต G17
หลินเซียวกับเจี่ยงเส่าอวี่ต่อสู้กันจนยากจะแยกออกจากกัน ทั้งสองคนล้วนรู้ว่าพวกเขาคือจุดสำคัญที่สุดของสถานการณ์รบในครั้งนี้ พวกเขาเลยไม่กล้าหย่อนยาน บวกกับความสามารถของทั้ งคู่สูสีกัน และคุ้นเคยกับวิธีการต่อสู้ของกันและกัน จึงไม่มีใครทำอะไรใครได้ไปชั่วขณะ
แต่คนที่พวกเขาพามากลับหยุดสู้แล้ว ไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆ ก็เป็นมิตรกัน หากแต่ทั้งสองฝ่ายแทบจะย่อยยับไปด้วยกันแล้ว ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ยังโชคดีรอดอยู่ล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาท ที่ไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้อีกทำได้เพียงจับตาดูกันและกัน และอดทนรอคอยผู้บัญชาการของทั้งสองฝ่ายตัดสินผลแพ้ชนะ
หานจี้จวินวางสายฉางซินหยวนแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกหนักอึ้งมาก เมื่อครู่นี้เขาจำเป็นต้องเห็นด้วยกับคำขอของฉางซินหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าทีมของฉางซินหยวนเป็นทีมส่งตัวเองไป ‘ตาย ’ ในมือเขาไม่มีหน่วยรบไหนที่สามารถส่งไปได้อีกแล้ว ทำให้หานจี้จวินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภรรยาแสนฉลาดที่ไม่มีข้าวให้หุง ต่อให้ในใจมีแผนการอีกแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
‘ถ้าเกิดลูกพี่อยู่ก็ดีสิ!’ หานจี้จวินที่ถูกความพ่ายแพ้กดดันจนทรุด เวลานี้เขานึกถึงหลิงหลานขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่