I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 535 เหนือกว่า! (1)
นี่ก็คือผู้พิทักษ์ของเหวนรกอย่างนั้นหรือ?
หากมีคนอยู่ ย่อมจะต้องมีทางออกแน่นอน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงพุ่งออกไปยังสถานที่ที่คนผู้นั้นอยู่
ในตอนที่เปลวเพลิงแต่ละชั้นกระจายออกไป มู่เฉียนซีก็ค้นพบว่าร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก่อนหน้านี้ ได้หายไปแล้ว
พลังจิตวิญญาณของนางแพร่กระจายออกไป แต่นางก็สัมผัสได้ว่ารอบตัวนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย นางกล่าวว่า “มองผิดอย่างนั้นหรือ?”
นางไม่มีทางดูผิดไปอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีพยายามค้นหาคนที่ปรากฏตัวออกมาราวกับวิญญาณผู้นี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล นางจึงทำได้เพียงฝึกฝนต่อไป
“ถึงจะหารอยแยกของมิติไม่เจอ แต่หากมีใครบางคนอยู่ในนี้จริง ๆ บางทีเขาอาจจะรู้วิธีออกไปก็เป็นได้” สุ่ยจิงอิ๋งบอกกับมู่เฉียนซี
“เช่นนั้นก็ต้องหาเขาให้เจอ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
แม้ว่าเปลวเพลิงที่อยู่ที่นี่จะมีประโยชน์ต่อการขัดเกลาของนาง แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางกลัวว่าจิ่วเยี่ยจะเป็นห่วงนาง
เป้าหมายหลักในการมาที่เหวนรกแห่งนี้ของพวกเขาก็คือเอาชนะกิเลนแห่งนรก ฉะนั้นนางจะปล่อยให้จิ่วเยี่ยต่อสู้ตั้งแต่ยังไม่ทันหากิเลนแห่งนรกเจอไม่ได้ และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่ควา ามต้องการของนางเลย
มู่เฉียนซีพยายามค้นหาการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัวนางอย่างละเอียด นางเอ่ยปากว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง ท่านโปรดบอกวิธีออกไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ข้ารู้ว่าท่านจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน และข้าก็ไม่คิดจะให้ท่านต้องนำทางให้อย่างเปล่า ๆ ด้วย หากท่านมีคำขออะไรก็เสนอมาได้เลย เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์ของเหวนรกคนอื่น ๆ”
พลังจิตวิญญาณที่แพร่กระจายออกมานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นคนปกติคงจะไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นมาอาละวาดในอาณาเขตของตนเองแน่นอน แต่ทว่าอีกฝ่ายทำราวกับว่าไม่ได้ยินก็มิปา าน อีกทั้งยังไม่สนใจนางอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
“ซีเอ๋อร์ ช่างมันเถอะ พวกเราหาทางออกด้วยตนเองก็ได้” ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบขึ้น และสุ่ยจิงอิ๋งก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้ามู่เฉียนซี
ดวงตาที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำก็มิปานจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง”
นางจับมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ ทันใดนั้นพลังแห่งมิติอันแข็งแกร่งก็ดับเปลวเพลิงที่อยู่บริเวณโดยรอบไปจนสิ้น สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ข้าหาเจอ...”
“ถูกผนึกไปอีกแล้ว มีใครบางคนเข้ามายุ่ง!”
“ไสหัวออกมาได้แล้ว!” ร่างของสุ่ยจิงอิ๋งเต็มไปด้วยร่องรอยของความเดือดดาล
พรึ่บ!
เปลวเพลิงได้ลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง และมู่เฉียนซีก็ได้เห็นร่างเงาสีดำร่างนั้นอีกครั้ง
ทั่วทั้งร่างของเขาล้วนเป็นสีดำล้วน แม้จะเห็นชัด ๆ ว่าเขาอยู่ตรงหน้า แต่นางก็ยังคงมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ชัดเจนอยู่ดี
สุ่ยจิงอิ๋งผงะไปเล็กน้อย “เจ้า…”
แม้ว่าจะเป็นนางก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน
ผู้ที่สามารถใช้วิธีปกปิดจนถึงขนาดนี้ได้ คือผู้ใดกันแน่?
มู่เฉียนซีมั่นใจว่า เจ้าหมอนี่ไม่มีทางใช่ผู้พิทักษ์ของเหวนรกอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นนายท่านที่ผู้พิทักษ์เหล่านั้นเคยกล่าวเอาไว้มากกว่า
นอกจากกิเลนแห่งนรก ท่านผู้นั้นก็คือการมีอยู่ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเหวนรกแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านช่วยบอกวิธีออกไปจากที่นี่ให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่?”
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “เอาชนะข้า ก็สามารถออกไปได้”
น้ำเสียงของเขานิ่งสงบไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แต่การเอาชนะเขา…
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าคนผู้นี้ลึกเกินจะหยั่งถึง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ง่ายอยู่แล้ว
ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน และห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ สุ่ยจิงอิ๋งจึงกล่าวว่า “ไม่มีอันตราย”
เปลวเพลิงนี้ได้ช่วยมู่เฉียนซีปลดปล่อยพลังวิญญาณที่ปีศาจเหวนรกตนนั้นผนึกเอาไว้ออกมา เมื่อนางสามารถใช้พลังวิญญาณได้แล้ว ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่สามารถต่อสู้กับเปลวเพลิงระดับนั้ นได้ก็ระเบิดออกมาทันที
“ถึงพลังวิญญาณของข้าจะกลับมาแล้ว แต่ข้าก็น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ดี” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง
“หากไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ” และเขาก็หันหลังกลับทันที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะหายไป หากเขาหายไปอีกครั้งนางก็กลัวว่านางจะหาเขาไม่เจอ ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมาและกวาดออกไปทันที
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“แม้รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ข้าก็อยากจะลองดูสักครั้ง อย่างไรเสียข้าก็ไม่สามารถติดอยู่ในนี้ตลอดไปได้” มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว
นางเห็นว่ามิติที่อยู่รอบตัวคนผู้นี้บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที เขาสามารถหลบการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป และโจมตีอีกครั้ง…
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังธาตุวายุไล่ตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เขาพึมพำว่า “ลมหรือ?”
“นอกจากนี้ยังมีน้ำ!” มู่เฉียนซีกล่าว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี ฉะนั้นการใช้พลังธาตุอัคคีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่า
เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป มู่เฉียนซีจึงหมุนเวียนพลังธาตุวารีและใช้ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
หลังจากนั้นพลังธาตุวารีที่แข็งแกร่งก็ได้ระงับเปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบเอาไว้ และมันก็ทำให้ร่างเงาสีดำที่อยู่เบื้องหน้าต้องผงะไปเล็กน้อย นอกจากนี้ปฏิกิริยาของเขาก็ดูช้าลงมากอี กด้วย
พรึ่บ!
เขาเกือบจะโดนมังกรวารีโจมตี แต่ร่างของเขายังสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
“ทักษะโลหิตเจ็ดชั้น!” มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลายครั้งเพื่อหวังจะเข้าใกล้เขา หลังจากนั้นก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง
ตูมมม โครมมม!
ในระหว่างที่ทั้งสองคนไม่รู้ทันได้รู้ตัว พวกเขาก็ต่อสู้กันมานับรอบไม่ถ้วนแล้ว มู่เฉียนซีได้ใช้ทักษะวิญญาณนานาชนิดผสมผสานกัน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสัมผัสแม้แต่ชาย ยเสื้อของร่างเงาสีดำนั้นได้เลย
สุ่ยจิงอิ๋งที่เฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง กวาดตามองไปที่คนผู้นั้นอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก
นางกล่าวว่า “เขายังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่เลย ความสามารถเช่นนี้เว้นแต่หนึ่งในพวกเราสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก”
“เหตุใดเขาถึงเสนอข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมา นี่เขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่นะ?”
มู่เฉียนซีไม่ยอมแพ้ แม้ว่าพลังวิญญาณของนางจะถูกผลาญไปจนหมดก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะว่านางได้รับประโยชน์มากมายจากการต่อสู้กับคนผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่นางใช้พลังธาตุอัคคี เหล่านั้น
นางต้องกินยาเข้าไปขวดแล้วขวดเล่า แต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนว่าจะไม่เสียพลังวิญญาณไปเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มันช่างน่าโมโหจริง ๆ!
“ซีเอ๋อร์!” และหลังจากที่พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีหมดไปอย่างสมบูรณ์ มันก็ทำให้นางยากที่จะยืนต่อไปได้ ฉะนั้นสุ่ยจิงอิ๋งจึงรีบเข้าไปพยุงมู่เฉียนซีทันที
ในตอนที่ดวงตาอันอ่อนโยนคู่นั้นจ้องมองไปยังร่างเงาสีดำมันก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที นางกล่าวว่า “ความสามารถของซีเอ๋อร์ในตอนนี้ยากที่จะเอาชนะเจ้าได้ หากเจ้าไม่ต้องการป ปล่อยซีเอ๋อร์ไปก็พูดมาตามตรงเถอะ เพราะขอเพียงข้าต้องการ ข้าก็สามารถพาซีเอ๋อร์ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อยู่ดี”
“สุ่ยจิงอิ๋ง ตอนนี้เจ้าอ่อนแอมาก หากเจ้าฝืนใช้พลัง เจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ได้” เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าคือใครกัน?”
“ข้าเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก” และร่างเงาสีดำนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวเลย เขา…”
คนผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง และไม่มีจิตสังหารอีกด้วย เพียงแต่เขามีความสนใจในพลังธาตุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพลังวิญญาณธาตุวารี
“เมื่อไรที่ข้าฟื้นตัวแล้ว ค่อยไปสู้อีกครั้งเถอะ! ข้ารู้ว่าท่านต้องได้ยินข้าแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าว
ร่างเงาสีดำปรากฏตัวขึ้นมาราวกับวิญญาณก็มิปาน เขากล่าวว่า “ครั้งนี้ เจ้าใช้แค่พลังธาตุอัคคีโจมตีข้าก็แล้วกัน!”
“ตกลง!”
เขาไม่เคยโจมตีเลยสักครั้ง แต่ทว่าคราวนี้เขากลับโจมตีมู่เฉียนซี และใช้พลังธาตุอัคคี…
อันตราย แม้ว่าจะไม่มีจิตสังหาร แต่เนื่องจากว่าพลังธาตุอัคคีของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ มันย่อมต้องอันตรายมากอยู่แล้ว
“เพลิงนภาพิฆาต!”
ตูมม โครมมม!
มู่เฉียนซีพยายามหลบหลีกอย่างสุดความสามารถ แต่กลับไม่สามารถหลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งในตอนที่เปลวเพลิงนั้นกำลังจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังส่วนใหญ่ของพวกมันก็ถูกลบออกไป แ และเหลือไว้เพียงพลังส่วนน้อยที่ร่างกายของนางสามารถสกัดกั้นได้ ฉะนั้นนางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
ตึงง!
มู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายสิบก้าว
นางพุ่งทะยานเข้าไปอีกครั้ง และเมื่อกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวัดแกว่ง เปลวเพลิงที่ระเบิดออกมาจึงแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
“ไม่พอ! เรื่องการฝึกฝนทักษะวิญญาณของเจ้ในที่สุดการต่อสู้ของเขต G13 ก็ปิดม่านลงเมื่อมู่เส่าอวี่ดึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนหนึ่งร่วงลงไปด้วยท่ามกลางการระเบิดตัวเอง เวลานี้ ทั่วทั้งเขต G13 กลายเป็นผืนเศษซากพังเสียหายแล้ว บนพื้นมีต้นไม้ถูกถอนขึ้นมานับไม่ถ้วน กระสุนปืนใหญ่ที่ตกลงไปด้านในโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วจุดไฟเผากิ่งไม้หญ้าแห้งที่ติดไฟง่าย ควันไฟตลบอบอวล ควันหนาทึบจนแทบจะปกคลุมเขต G13 ทั้งหมด
ตรงบริเวณที่มีเปลวไฟลุกโชนสามารถมองเห็นหุ่นรบที่ตกลงมานับไม่ถ้วนอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน เมื่อมองจากบนท้องฟ้าลงมา หุ่นรบเหล่านี้แทบจะครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่เขต G13 เห็น นได้ว่าสงครามครั้งนี้รุนแรงถึงระดับไหน
บนท้องฟ้า มีหุ่นรบระดับพิเศษลอยอยู่กลางอากาศสามตัว เมื่อพวกเขาเห็นหุ่นรบด้านล่างที่ถูกไล่ออกจากสนามนับไม่ถ้วน ในใจก็อดลอบยินดีไม่ได้ที่ตัวเองไม่ใช่หนึ่งในหุ่นรบที่อยู่ด ด้านล่างพวกนั้น
พวกเขาไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ว่าบินไปยังเขต G17 ซึ่งเป็นเป้าหมายของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เอง ผู้ควบคุมหุ่นรบคนหนึ่งของโรงเรียนทหารชายที่สองซึ่งเฝ้าชมการต่อสู้ของหลินเซียวกับเจี่ยงเส่าอวี่พลัน ขับหุ่นรบบินไปยังบริเวณใจกลางของฐานที่มั่น
ฉากที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้คนที่เฝ้าจับตามองพวกเขาตกตะลึง ขณะที่กำลังคิดจะขับหุ่นรบทำการขัดขวาง คนของโรงเรียนทหารชายที่สองรวมถึงหน่วยรบพันธมิตรก็โจมตีขัดขวางอย่างบ้าคลั่ง ทำ ำให้พวกเขาได้แต่เบิกตามองหุ่นรบตัวนั้นออกไปจากวงล้อมของพวกเขา
“อย่าหวังเลย!” หลินเซียวที่กำลังต่อสู้กับเจี่ยงเส่าอวี่เห็นฉากนี้ก็กระโดดถอยหลังทันที เขาชูปืนลำแสงบนมือซ้ายขึ้นมา ก่อนจะยิงลำแสงสายหนึ่งไปยังหุ่นรบตัวนั้น
ลำแสงยิงใส่หลังของหุ่นรบตัวนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้เองก็มีลำแสงอีกสายปรากฏขึ้นมา และสกัดกั้นการโจมตีของหลินเซียวไว้ได้ทันเวลา
“เจี่ยงเส่าอวี่!” หลินเซียวกัดฟันกรอด ถ้าเกิดโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งถูกยึดฐานที่มั่นได้จริงๆ ละก็ พันธมิตรอย่างเขาคนนี้ยังมีหน้าอะไรไปเจอหลิงหลานอีก?
“โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งไม่มีคนแล้ว ตราบใดที่ฉันรั้งนายไว้ก็ไม่มีคนช่วยโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้แล้ว ต่อให้พวกนายสามคนเป็นพันธมิตรกันแล้วมันยังไง อันดับหนึ่งยังคงเป็นข ของโรงเรียนทหารชายที่สองของพวกเรา หลินเซียว ต่อไปนายหาคนร่วมมือที่ถูกต้องหน่อยดีกว่านะ ฮ่าๆๆ!” เจี่ยงเส่าอวี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความลำพองใจ เขาเหมือนกับมองเห็นฉากที่ตั วเองขึ้นสู่อันดับสูงสุดแล้ว
เนื่องจากระดับหุ่นรบของหานจี้จวินค่อนข้างต่ำ (ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง) ดังนั้นเขาเลยอยู่ไกลจากสนามรบของเขต G17 มาโดยตลอด ไม่ว่าคนที่เจี่ยงเส่าอวี่หรือว่าหลินเซียวพามาล้วน นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ ถ้าเขาไป ไม่เพียงช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แถมยังต้องกังวลว่าจะโดนคนของเจี่ยงเส่าอวี่ลอบโจมตีด้วย
เวลานี้เขาเห็นหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่สองตัวหนึ่งฝ่าวงล้อมออกมา ก็รู้สึกกังวลใจมากทันที เขาพุ่งเข้าไปโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว พยายามขัดขวางฝ่ายตรงข้ามไว้ ให้คนของ งโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งตามมาทัน
น่าเสียดายที่เป้าหมายของผู้ควบคุมหุ่นรบคนนี้ชัดเจนมาก เขาจะให้หานจี้จวินถ่วงเวลาเขาไว้ได้อย่างไร เขาอ้อมผ่านจากข้างกายหานจี้จวินอย่างสบายๆ หานจี้จวินทำได้เพียงเบิกตา มองหุ่นรบตัวนั้นแล่นห่างออกไปเรื่อยๆ
หานจี้จวินจะยอมแพ้ตรงนี้ได้อย่างไร เขากัดฟันไล่ตามไป คนของหลินเซียวก็อยากไล่ตามไปแต่กลับโดนคนของเจี่ยงเส่าอวี่พยายามขัดขวางอย่างสุดชีวิต เมื่อขาดหุ่นรบไปหนึ่งตัวก็ทำให้ คนของเจี่ยงเส่าอวี่สามารถต้านทานคนของหลินเซียวได้ นี่ก็เป็นแผนการที่เจี่ยงเส่าอวี่ใคร่ครวญอย่างหนักมานานมากถึงค่อยตัดสินได้ เวลานี้ดูเหมือนเขาจะทำสำเร็จแล้ว
ตอนนี้เอง ในเขตใจกลางฐานที่มั่น หน่วยรบของฉางซินหยวนกำลังทำการเตรียมพร้อมครั้งสุดท้ายสำหรับการต่อสู้
“หัวหน้า ตรงทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีหุ่นรบสามตัวเข้ามาในเขตใจกลางแล้ว! ยืนยืนแล้วว่าเป็นพันธมิตรของฝ่ายบุกโจมตี” ลูกทีมที่รับผิดชอบเฝ้าตรวจตราบนท้องฟ้าเห็นจุดสีแดงปรากฏขึ้นบ บนเรดาร์หุ่นรบสามจุด ก็รีบรายงานฉางซินหยวนทันที
ฉางซินหยวนกำลังจะออกคำสั่ง ก็ได้ยินลูกทีมที่เฝ้าตรวจตราตะโกนว่า “หัวหน้า ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีหุ่นรบโผล่มาหนึ่งตัวด้วย”
“ซูมเข้าไปใกล้ๆ ระบุให้ที่ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู” ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นบริเวณที่เจี่ยงเส่าอวี่กับหลินเซียวต่อสู้กัน
ลูกทีมรีบซูมภาพทันที ก่อนจะมองเห็นตราสัญลักษณ์ตรงหน้าอกของอีกฝ่ายได้ชัดเจน “เป็นโรงเรียนทหารชายที่สอง!” เพิ่งจะสิ้นคำพูด ลูกทีมคนนั้นก็ตะโกนต่อว่า “มีอีกตัว เป็น…เสนาธิ การ!”
ฉางซินหยวนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ดูท่าหุ่นรบตัวนี้จะฝ่าวงล้อมออกมาแล้ว แม่งเอ๊ย อย่าเพิ่งไปสนเขา มาจัดการหุ่นรบสามตัวตรงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้กันก่อน ลูกทีมทุกคน ออกปฏ ฏิบัติการ!” การโจมตีนี้เห็นผลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ฉางซินหยวนย่อมเลือกหุ่นรบระดับพิเศษสามตัวอยู่แล้ว
“ได้ หัวหน้า!” ภายในเขตใจกลาง หุ่นรบหกตัวกำลังตั้งกระบอกปืนใหญ่ในมือ พอได้ยินคำสั่งของฉางซินหยวนก็ทยอยกันเคลื่อนไหว พวกเขาขับหุ่นรบมาตรงตำแหน่งที่วาดไว้บนพิมพ์เขียว แ และเล็งกระบอกปืนใหญ่ขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางองศาที่ระบุไว้บนพิมพ์เขียว
ตอนนี้เอง ลูกทีมที่รับหน้าที่เฝ้าตรวจตราก็มีเหงื่อไหลลงมาจากบนหน้าผากอย่างควบคุมไม่อยู่ จะโจมตีประสบผลสำเร็จได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพิกัดที่เขาเฝ้าตรวจตราว่าแม่นยำหรือเปล่า แ และออกคำสั่งโจมตีได้ทันเวลาหรือเปล่า
“พิกัด xx.xx เตรียมตัว!” พอเห็นอีกฝ่ายเข้าสู่พิกัดที่เตรียมตัวโจมตี เขาก็เอ่ยสั่งการทันที
นิ้วมือของผู้ควบคุมหุ่นรบหกตัวเตรียมกดปุ่มยิงไว้ รอคอยเสียงคำว่ายิงในตอนสุดท้าย ก็จะเหนี่ยวไกปืน ยิงปืนใหญ่ที่เตรียมไว้นานแล้ว
“ยิง!” เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่พิกัดโจมตี ลูกทีมก็ส่งเสียงตะโกน ลูกทีมหกคนเหนี่ยวไกปืนโดยไม่ลังเล…
จรวดหกลูกพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะบินไปตามเส้นทางองศาที่วางแผนไว้ และตอนนี้เอง หุ่นรบสามตัวที่ไม่รู้เรื่องนี้เลยก็เข้าสู่เส้นทางการโจมตีของจรวดหกลูกนี้พอดี ดูเหมือนกับหุ่นรบ บสามตัวพุ่งชนเข้ากับจรวดเองก็ไม่ปาน
หุ่นรบสามตัวเพิ่งจะบินมาถึงสถานที่แห่งนี้ ออปติคัลคอมพิวเตอร์ก็ส่งเสียงแจ้งเตือนอย่างรุนแรงว่า “หลบ! หลบ! หลบ!”
พวกเขากำลังคิดจะขับหุ่นรบหลบหลีกจรวด แต่พบว่าพวกเขาไม่มีสถานที่ให้หลบได้เลย จรวดหกลูกปิดตายเส้นทางที่พวกเขาสามารถหลบได้ทั้งหมดแล้ว จรวดหกลูกโจมตีใส่หุ่นรบสามตัวอย่างร รวดเร็ว ก่อนจะระเบิดดังตูม โค่นหุ่นรบสามตัวนี้ลงทันที
“Yes!” พอเห็นว่าโจมตีสำเร็จ ทุกคนก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“หลบ!” ฉางซินหยวนตะโกนดังลั่น ที่แท้ตอนที่พวกเขายิงจรวดสำเร็จ หุ่นรบที่มาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้สังเกตเห็นหุ่นรบหกตัวบนพื้น เขาก็ยิงปืนลำแสง
บางทีอาจเป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามกะทันหันมากเกินไป หุ่นรบสองตัวเลยถูกยิงอย่างรวดเร็วก่อนจะพ่ายแพ้ออกจากสนาม ฉางซินหยวนเร่งเครื่องย ยนต์ไอพ่นฉับพลัน แล้วขับหุ่นรบพุ่งไปหาอีกฝ่าย…
หุ่นรบตัวนั้นกำลังคิดจะโจมตีต่อ พอเห็นหุ่นรบระดับสูงตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย เขาก็แค่นเสียงเย็น ขับหุ่นรบชนเข้าไปตรงๆ โดยไม่หลบหลีกเลยสักนิดเดียว
ความแข็งแกร่งทนทานของหุ่นรบระดับพิเศษไม่ใช่สิ่งที่หุ่นรบระดับสูงสามารถเทียบได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหลบหรือไม่ คนที่ได้เปรียบล้วนเป็นฝ่ายเขา เพียงแต่เขากลับคำนวณพลาดไปแล้ว บาง งทีหุ่นรบระดับสูงตัวอื่นอาจจะแข็งแกร่งทนทานสู้หุ่นรบระดับพิเศษไม่ได้ แต่หุ่นรบของฉางซินหยวนกลับเป็นข้อยกเว้น เขาปรับแต่งหุ่นรบของตัวเองให้กลายเป็นกระดองเต่าที่แข็งแรงทน นทานเพื่อรับรองความปลอดภัยของเขาบนสนามรบ ต่อให้เขาชนกับหุ่นรบระดับพิเศษ ฉางซินหยวนก็มั่นใจว่าเขาจะไม่แพ้ให้กับอีกฝ่าย
ความมั่นใจแบบนี้เองที่ทำให้ฉางซินหยวนชนเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งตอนที่อัดกระแทกกัน ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนนั้นถึงเชื่อว่า ที่แท้อีกฝ่ายชนเขาอย่างไม่กลัว วตายจริงๆ
เสียงตูมดังสนั่น หุ่นรบสองตัวกระแทกกันอย่างรุนแรง! ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคิดว่าหุ่นรบของอีกฝ่ายจะได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะ เหตุนี้แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่า หุ่น รบของฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีความเสียหายเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม หุ่นรบของเขากลับได้รับความเสียหายหนักมากขึ้นตรงบริเวณที่พังเสียหายแต่เดิมเพราะการชนในครั้งนี้
—————–าไม่มีปัญหา แต่เป็นเพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่เคยสอนเจ้าให้ดี เจ้าจึงไม่สามารถใช้เปลวเพลิงในการต่อสู้จริงได้”