I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 93 ปีศาจที่ฟื้นคืนชีพในใจ!
หลิงหลานสังเกตอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ก่อนจะพบว่าผู้ร้ายที่คุมชาวบ้านเหล่านี้มีแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลิงหลานคาดว่าผู้ร้ายกลุ่มนี้ไม่น่าจะแค่มีคนพวกนี้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ชายฉกรรจ์หลายร้อยคนของหมู่บ้านนี้จะถูกจับโดยละม่อม ภายในหมู่บ้านน่าจะมีคนมากกว่านี้
ความจริงแล้วการสังหารสิบเจ็ดคนนี้ไม่ได้ยากเลย สิ่งที่ยากก็คือจะฆ่ายังไงให้หมดก่อนที่พวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องตัวประกัน
หลิงหลานครุ่นคิดสักพักก่อนจะแอบหลบกลับไปยังจุดที่พวกเด็กหนุ่มซ่อนตัวอยู่ และบอกสถานการณ์ที่หน้าหมู่บ้านให้พวกเขาฟัง
ในตอนที่ทุกคนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ถึงขนาดที่มีคนเสนอให้หลบหนีไปกันก่อนนั้น เด็กหนุ่มก็เสนอความคิดเห็นคัดค้านอีกครั้ง เขาคิดว่าต้องกลับไปช่วยญาติพี่น้องของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เสียแรงที่เกิดมาเป็นคน
ความดื้อรั้นและเร่าร้อนของเด็กหนุ่มทำให้คนอื่นๆ หวั่นไหว ทุกคนตัดสินใจจะไปที่หน้าหมู่บ้านช่วยเหลือผู้คน แน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้ดี ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของหลิงหลานก็ไร้ประโยชน์ สายตาของทุกคนอดเพ่งมองไปที่ตัวหลิงหลานไม่ได้ มีเพียงแววตาของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเสียใจ บางทีตอนแรกเขาแค่มีเจตนาดีชวนหลิงหลานที่อยู่ตัวคนเดียวไปพักที่หมู่บ้านพวกเขา กลายเป็นสมาชิกของพวกเขาไม่ต้องเร่ร่อนอีกต่อไป แต่ไม่นึกเลยว่าจะทำให้หลิงหลานตกอยู่ในวิกฤติอีกครั้ง
เดิมทีหลิงหลานก็อยากให้คนพวกนี้ร่วมมือกันดึงดูดคนคุมตรงหน้าหมู่บ้านออกไป ดังนั้นเธอเลยไม่ได้ปฏิเสธ และบอกแผนการของเธอออกไป
บางทีทุกคนอาจจะมีสิ่งที่ตัวเองอยากจะปกป้อง ถึงแม้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่แผนการของหลิงหลานจะทำให้คนเหล่านี้สละชีวิต ทว่าตอนนี้ไม่มีใครสักคนถอยหนี หรือทำการคัดค้าน พวกเขาทำตามแผนการของหลิงหลานด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
หลิงหลานเห็นคนเหล่านี้ทำหน้ามีชีวิตชีวาแตกต่างจากตอนแรกไปโดยสิ้นเชิง เธอก็ตระหนักได้ชัดเจนว่า ไม่ว่ามนุษย์จะมีนิสัยเลวร้ายนับไม่ถ้วน แต่เพื่อปกป้องของบางอย่างที่ตัวเองไม่อาจตัดใจทิ้งได้ การเลือกของพวกเขาเป็นไปได้สูงว่าจะทำให้คนตกตะลึง เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ พวกเขาไม่ได้เห็นแก่ตัวเหมือนกับในตอนแรกอีกต่อไป
หลิงหลานพาพวกเขามาถึงจุดซ่อนตัวตรงแอ่งเขาหน้าหมู่บ้าน ส่วนเธอก็ลอบพุ่งไปที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะคลานบนพื้นอย่างเงียบเชียบ โชคดีที่ตอนนี้หลิงหลานเป็นเด็กตัวเล็ก ถึงแม้ว่าหน้าหมู่บ้านจะไม่มีของกำบังมากนัก แต่ว่าก้อนหินบางก้อนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ก็ยังบดบังร่างกายของหลิงหลานได้เกือบหมด
หลิงหลานหันไปทางแอ่งเขาทำสัญญาณมือบอกให้เริ่มได้
จากนั้นก็เห็นคนพวกนั้นพลันลุกขึ้นมา ชูท่อนไม้และก้อนหินในมือที่หามาจากที่ต่างๆ ก่อนจะพุ่งออกมา
“ไอ้ระยำ! ฉันจะฆ่าพวกแก!” ทุกคนต่างตะโกนร่วมกัน
การเคลื่อนไหวของทางนี้ได้ทำให้พวกคนที่อยู่หน้าหมู่บ้านตกใจตื่น เมื่อพวกเขาเห็นคนพวกนี้ถือของเส็งเคร็งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ทยอยกันหัวเราะยกใหญ่ขึ้นมา ถึงขนาดที่มีความตื่นเต้นยินดีที่เหยื่อส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู
ผู้หญิงคนแก่หลายคนที่ถูกมัดอยู่ตรงนั้นก็ร้องเสียงดังด้วยความตื่นตระหนกว่า “รีบวิ่งไป อย่าเข้ามา!” ตอนนี้สามารถ หนีไปได้กี่คนก็หนีไปเท่านั้นเถอะ
ในหมู่สิบเจ็ดคนนั้นมีหัวหน้ากลุ่มเล็กอยู่คนหนึ่ง เขาส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างกายประมาณสิบคนออกไปจับคนที่รนหาที่ตายเหล่านั้นกลับมา
หลิงหลานสงบนิ่งมองชายสิบคนผ่านข้างกายเธอและพุ่งไปที่แอ่งเขา ส่วนพวกเด็กหนุ่มก็กลัวหัวหดหันหลังวิ่งหนีไปท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของญาติพี่น้อง การกระทำของพวกเขาย่อมกระตุ้นให้ชายสิบคนที่ไล่ตามมาหัวเราะลั่น
เจ็ดคนที่เหลือไม่ได้หยุดเกมเข่นฆ่าของพวกเขา หัวหน้าให้ลูกน้องหนึ่งในนั้นจับผู้หญิงที่ตะโกนบอกให้คนอื่นวิ่งหนีออกมา แต่คราวนี้คนที่พวกเขาเลือกสังหารไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น หากแต่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุประมาณสามสี่ขวบที่กำลังกอดเธอแน่นขณะอยู่บนตัวเธอ
ลูกน้องอีกสองคนออกมาฉุดเด็กหญิงคนนั้นจากบนตัวมารดาของเธออย่างป่าเถื่อน ไม่สนใจเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเด็กหญิงตัวน้อยเลยสักนิดเดียว พวกเขารัดสองมือของเธอไว้แน่น เตรียมแขวนเธอไปบนต้นไม้สักต้นที่อยู่หน้าหมู่บ้าน และบนต้นไม้นั้นก็แขวนคนในหมู่บ้านมากมายที่ถูกฆ่าตายไว้เต็มไปหมดแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นเห็นแล้วก็คลุ้มคลั่งไปโดยสิ้นเชิง เธอกระโจนเข้ามาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าสองมือจะถูกมัดไว้ด้านหลัง แต่เธอก็กัดข้อมือของลูกน้องหนึ่งนั้นอย่างดุดัน พยายามให้เขาปล่อยลูกสาวของตัวเอง เพื่อให้ลูกสาวของเธอมีโอกาสรอด ต่อให้ต้องสละชีวิตเธอก็ไม่เสียดายแล้ว ผู้หญิงคนนั้นแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ของมารดาออกมาอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจของหลิงหลานตึงแน่น รู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
มิติการเรียนรู้ที่น่าชิงชัง ทำไมต้องให้เธอเห็นฉากแบบนี้ด้วย หลิงหลานแทบจะไม่สามารถสงบใจลงได้ เธอแทบอยากจะพุ่งออกไปฆ่าไอ้ระยำพวกนี้ให้หมด
แต่ว่าการทรมานอันแสนโรคจิตของหมายเลขห้าก็ไม่ได้ทรมานอย่างเปล่าประโยชน์ จิตใจของหลิงหลามไม่ได้หวั่นไหวเพราะฉากนี้ ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น สองมือของหลิงหลานก็บีบอาวุธในมือไว้แน่น ราวกับแทบจะบีบมันจนแตกก็ไม่ปาน
ความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าการกระทำของตัวเองไร้ประโยชน์ สุดท้ายลูกสาวของเธอยังคงหนีความตายได้ยากอยู่ดี แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ กัดข้อมือของผู้ร้ายคนนั้นเอาไว้แน่นๆ
ต่อให้ศีรษะของเธอถูกกำปั้นของชายคนนั้นต่อยอย่างรุนแรง ต่อให้เลือดสดๆ อาบท่วมหน้าของเธอ ต่อให้มีความเป็นไปได้สูงว่าวินาทีต่อมาเธอก็จะตาย แต่เธอก็ไม่คลายปากตั้งแต่ต้นจนจบ เนื่องจากเธอรู้ดีว่า เมื่อเธอคลายปากแล้ว ลูกสาวของเธอก็จะสูญสิ้นชีวิตจริงๆ และเธอไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเองตายตรงหน้าเธอเป็นอันขาด
เด็กหญิงตัวน้อยเห็นมารดาถูกอัดจนเลือดเต็มศีรษะ เธอที่เป็นเด็กเล็กๆ ก็ได้แต่ร้องได้ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงและกล่าวว่า “แม่ แม่คะ…”
สภาพอเนจอนาถของผู้ร้ายคนนั้นทำให้คนอื่นหัวเราะลั่นขึ้นมา พวกเขาไม่มีน้ำใจไมตรีของสหายอะไรเลย ไม่มีคนคิดจะเข้าไปช่วยเขาให้หลุดออกจากการกัดอย่างรุนแรงของผู้หญิงคนนั้น แม้กระทั่งหัวหน้าก็หัวเราะเฮฮา เห็นเพื่อนขายขี้หน้าก็เป็นความสนุกของพวกเขาเช่นกัน
หลิงหลานฉวยโอกาสพุ่งไปที่ด้านหลังพวกเขา เปิดเผยเขี้ยวของเธอออกมาฉับพลัน
“ฉันฆ่าผู้หญิงจนเบื่อแล้ว บางทีเจ้าลูกกระต่ายน้อยพวกนี้อาจจะทำให้ฉันตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยก็ได้” หัวหน้าส่งสัญญาณให้อีกคนมัดเด็กหญิงคนนั้นไว้ให้ดี
ตอนนี้เองหลิงหลานก็กระโจนเข้าไปฉับพลัน ในขณะเดียวกัน ขาก็เตะก้อนหินเล็กๆ ให้กระเด็นออกไปซัดใส่ผู้ร้ายที่เตรียมตัวจะแขวนเด็กผู้หญิง ส่วนหลิงหลานก็พุ่งไปยังคนเลวที่กำลังทุบตีมารดาของเด็กหญิงอย่างรุนแรง
เสียงพุ่งตัวอันหนักหน่วงดังขึ้น ศีรษะของผู้ร้ายที่มัดเด็กหญิงตัวน้อยถูกหินก้อนนี้ซัดใส่จนทะลุ ของเหลวสีแดงขาวสาดออกมาสายหนึ่ง ของเหลวส่วนหนึ่งอาบไปบนร่างของเด็กหญิงตัวน้อย
หลิงหลานพุ่งตรงไปหาวายร้ายคนนั้น แสงเย็นเยียบส่องวาบ ลำคอของผู้ร้ายคนนั้นถูกปาดออก เลือดอุ่นๆ สาดออกมาราดใส่ศีรษะของมารดาคนนั้น ผสมผสานไปกับเลือดของเธอ
สีหน้าของผู้ร้ายดูตื่นตะลึง เขาตายไปโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมลำคอของเขาถึงมีของเหลวสาดออกมา…เขาล้มลงไปช้าๆ ด้วยกันกับมารดาคนนั้น
หลิงหลานสังหารผู้ร้ายคนนั้นในชั่วพริบตาแล้วก็ไม่ได้หยุดฝีเท้า ตอนที่ผู้ร้ายคนอื่นๆ ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองนั้น เธอก็ปล่อยพละกำลังและความเร็วสูงสุดออกมา
คนที่เหลืออยู่มองไม่เห็นอะไรเลย บางทีคนที่มีสายตาเฉียบแหลมอาจจะมองเห็นเงาสายหนึ่งที่ผ่านวูบไป กระพริบตาทีเดียวหลิงหลานก็กำจัดสี่คนไปได้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าเล็กผู้นำที่เหลืออยู่คนนั้นในชั่วพริบตา
หัวหน้ากลุ่มเล็กเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้ว่าคราวนี้พวกเขาชนเข้ากับแผ่นเหล็กแล้ว เขาควรจะตะโกนเสียงดังทันทีเพื่อให้ยอดฝีมือในหมู่บ้านรีบเข้ามา…
หัวหน้ากันคอของตัวเองตามจิตใต้สำนึก สายตาที่เฉียบคมกว่าผู้ร้ายทั่วไปทำให้เขามองเห็นลูกน้องของเขาต่างเสียชีวิต ภายใต้การปาดคอในกระบวนท่าเดียว
เขาคิดว่า ขอเพียงป้องกันไว้สักพัก ขอเพียงเขาสามารถตะโกนออกมา ก็สามารถบอกลูกพี่ที่อยู่ด้านในว่าศัตรูมาแล้ว…บางทีเขาอาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม ความฝันนั้นสวยงาม ส่วนความเป็นจริงกลับโหดร้าย หลิงหลานจะให้เขามีโอกาสแบบนี้ได้ยังไง? ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ใช้เหยื่อล่อดึงดูดลูกน้องกลุ่มใหญ่ของเขาไปหรอก เธอไม่อยากให้พวกเขามีโอกาสแจ้งเพื่อนในหมู่บ้าน
พริบตาที่หัวหน้าคิดจะตะโกนดังลั่น เขาก็พลันรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของตัวเองคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างแทงทะลุมา ต่อจากนั้นก็เป็นลำคอของเขา เนื่องจากความเร็วอันน่ากลัวทำให้เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาคิดว่าเขาจะเจ็บ แต่จนกระทั่งเขาตายแล้วก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลย
มีดทหารสามคมของหลิงหลานเสียบเข้าไปในลำคอของฝ่ายโดยไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย ปิดผนึกเสียงที่อีกฝ่ายอยากตะโกนดังลั่นไว้ตรงลำคอของเขา เธอถึงขนาดได้ยินเสียงแค่กเบาๆ ดังมาจากส่วนลึกของลำคออีกฝ่าย
“พวกนายไม่มีโอกาสแล้ว” หลิงหลานพูดประโยคอย่างเย็นชา ดึงมีดทหารในมืออกมา หัวหน้าเบิกตาโตก้มหน้าลงพื้น ความจริงก่อนที่หลิงหลานจะชักมีดทหารออกมา อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว
หลิงหลานไม่ได้ลังเลเลย เธอพุ่งไปที่แอ่งเขาข้างนอกหน้าหมู่บ้านฉับพลัน เธอยังจำได้ว่าตรงนั้นยังมีคนรอคอยความช่วยเหลือของเธอ ยังมีผู้ร้ายอีกสิบคนรอให้เธอไปจัดการ
หลิงหลานเพิ่งจะออกจากหน้าหมู่บ้านไปได้ไม่ไกลก็มองเห็นกลุ่มผู้ร้ายที่ไล่ตามพวกเด็กหนุ่มคนนั้น ช่วงเวลาที่หลิงหลานโจมตีผู้ร้ายเจ็ดคนตรงหน้าหมู่บ้านนั้นสั้นมาก คนเหล่านี้ยังไล่ตามออกไปไม่ไกลมากนัก
ตอนนี้หลิงหลานไม่ได้หวั่นเกรงอะไรอีกแล้ว ผู้ร้ายสิบคนที่เหลืออยู่นี้ถูกหลิงหลานจัดการได้อย่างสบายๆ และพวกชาวบ้านที่เป็นเหยื่อล่อก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร มีเพียงคนเดียวที่เท้าแพลงขณะที่วิ่งหนีไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่อะไร ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง
พวกเด็กหนุ่มตามหลิงหลานถึงหน้าหมู่บ้าน ช่วยเหลือพวกชาวบ้านที่ถูกมัดไว้ตรงหน้าหมู่บ้าน หลังจากที่สอบถามไปสักพักก็รู้ว่าหมู่บ้านเจอกับการปล้นชิงสังหารของโจรร้ายที่อยู่ใกล้เคียง พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านที่ถูกจับเป็นกลุ่มแรก และในหมู่บ้านยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก
หลิงหลานกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง หลิงหลานเพียงแต่กำชับเด็กหนุ่มให้พาชาวบ้านพวกนี้ไปหาสถานที่ซ่อนตัวก่อน ส่วนเธอก็จะเข้าไปสำรวจในหมู่บ้าน
หลิงหลานพุ่งเข้าไปในหมู่บ้านท่ามกลางแววตาตื้นตันใจของผู้คน เธอไม่ได้ทำเพื่อชาวบ้านพวกนี้ หากแต่ทำเพื่อความโหดเหี้ยมในใจ นั่นก็คือเธออยากสังหารเดรัจฉานที่ไร้ความเป็นคนพวกนั้นให้หมด แน่นอนว่าเธอเองก็ดีใจเหมือนกันที่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างราบรื่น
หลิงหลานไม่มีความคิดที่เรียกว่าผู้กอบกู้ เธอแค่ไม่อยากให้โลกนี้มีเดรัจฉานที่ไร้ความเป็นคนแบบนี้อยู่ บางทีประวัติศาสตร์เรื่องการรุกรานจีนที่ทำให้ประชาชนในยุคปัจจุบันเจ็บปวดเคียดแค้นเมื่อชาติที่แล้ว บาดแผลที่ซ่อนลึกอยู่ในใจอาจจะยังคงอยู่บนตัวลูกหลานเยี่ยนหวง[1]มาตลอด ดังนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ก็อดระเบิดออกมาไม่ได้
“ฉันก็คือฉัน ใช้ชีวิตทำตามหัวใจเท่านั้น” หลิงหลานลืมเลือนภารกิจไปชั่วคราว เธอคิดแค่ว่าจะระเบิดอารมณ์ความคลุ้มคลั่งอย่างเปิดเผยเท่านั้น ปลดปล่อยปีศาจที่ถูกเธอขังไว้ในใจของเธอออกมา
ใช่แล้ว ตัวเธอที่เคยสูญเสียการควบคุมภายใต้การทรมานอันแสนโรคจิตของหมายเลขห้าก็คือปีศาจที่สังหารผู้คนราวกับถางหญ้า ทว่าการเผชิญหน้ากับเดรัจฉานที่ห่มหนังมนุษย์ช่างเหมาะกับให้ปีศาจในใจเธอฟื้นคืนชีพเหลือเกิน
แววตาของหลิงหลานปรากฏร่องรอยความบ้าคลั่งออกมาอย่างช้าๆ เพียงแต่ความบ้าคลั่งนี้ถูกสำรวมไว้อย่างยิ่ง เป็นความเยือกเย็นจากความบ้าคลั่งกล้าหาญถึงขีดสุดอย่างคาดไม่ถึง
……………………………….
[1] อุปมาถึง ประชาชนชาวจีน