Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 83
IA:เล่ม 3 บทที่ 23: สถานการณ์พลิกผัน (ตอนที่ 1)
มีเพียงสองทางเท่านั้นที่ทำให้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้
ทางแรก เสริมพลังให้ตัวเอง ทางเลือกที่สอง ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง
การเพิ่มพลังให้กับตัวเองคือพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนการทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลงก็เป็นแค่แผนสำรอง
ตอบได้ยากเหมือนกันว่าอย่างไหนสำคัญกว่า ที่แน่ๆคือ
สำหรับเขตตะวันออกแล้ว พวกที่มาจากเขตเหนือนั้นคืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่มาก คนของเขตเหนือส่วนใหญ่มักจะเป็นเอกเทศซึ่งกันและกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องมีความสามารถเฉพาะะตัวที่สูงเอาการ ถ้าชินยี่ไม่ได้พบฐานของพวกกลายพันธุ์สองฐานนั่น พวกเขตเหนือคงทิ้งห่างพวกเขาไปไกลโข
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นชินยี่ก็มั่นใจว่าพวกตะวันออกน่าจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขตเหนือได้ง่ายๆ
ความรู้สึกหลังจากที่ได้ฆ่าพรรคพวกของพวกเขาไปนั้นมันฝังลึกลงในจิตใจ
ถึงจะเป็นแบบนั้นเพราะพวกเขตใต้มันกลัวเขตตะวันตก และนั่นทำให้เขตตะวันออกควรจะกลัวพวกเขตใต้มากกว่าเขตเหนือ
ชินยี่มีเหตุผลที่ดีพอจะถือหางพวกตะวันตกและทางใต้ได้ ถ้าเกิดว่าพวกทางใต้โดนไล่ตีไปจนถึงปราการสุดท้าย พวกตะวันตกก็อาจจะรอดจากการถูกกวาดล้าง พวกตะวันออกเองก็อาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นและน่าจะไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งหมดได้เช่นกัน สรุปแล้วยังไงก็ วิน-วิน
แน่นอนว่ามันคือปัญหาที่แก้ได้ไม่ยาก พวกตะวันออกเข้าใจดี,เขตตะวันตกเองก็เห็นด้วย และพวกทางใต้เองก็คิดไม่ต่างกัน
หนุ่มอินเดียคนนั้นตะโกน “อย่าไปเชื่อมัน!”
“ก็ยังดีกว่าเชื่อแกล่ะวะ!” หนุ่มผิวขาวตะโกนกลับพร้อมปามีดบินสองเล่มเข้าเสียบร่างของชาวอินเดียคนนั้น
ในจังหวะเดียวกัน คู่หูผิวสีอย่างลีนาและเปาโลก็เข้าโจมตีพวกนักผจญภัยจากทางใต้สามคน
เมื่อทั้งสามคนนั้นได้มาร่วมทีมกันจึงแข็งแกร่งเอาเรื่องอยู่ ก่อนหน้านี้พวกเขาแกล้งทำเป็นตัวถ่วงเพื่อไม่ให้พวกตะวันตกนั้นได้ผลงานมากเกินไป แต่เมื่อมาถึงเหตุการณ์ของความเป็นความตายแบบนี้พวกเขาจึงเปลี่ยนรูปแบบกันทันที
พวกเวียดนามยังคงยืนนิ่งรับคมมีดนั้นด้วยกรงเล็บเหล็กของเขา แต่มีดนั่นมันเป็นแบบควบคุมได้ มันหมุนคว้างกลางอากาศแล้วจึงย้อนกลับไปที่มือของชายผิวขาว
เรน่ากับชายผิวสีกำลังมุ่งหน้าไป
ชายอินเดียคนนั้นตะโกนออกมาพร้อมทั้งปลดปล่อยไฟออกจากฝ่ามือของเขา
“สกิล: เพลิงนรกโลกันต์(ระดับ 3) – ปลดปล่อยเสาเพลิงในระยะ 20 เมตร ทำความเสียหาย 30 หน่วย; เป้าหมายที่อยู่ในระยะจะถูกไฟเผาทำความเสียหาย 5 หน่วยต่อวินาทีในระยะเวลา 6 วินาที ความสำคัญระดับ 22”
เรน่าที่ตกอยู่ในกลุ่มไฟนั่นก็ได้พยายามหนีออกมา แต่เสื้อผ้าของเธอนั้นถูกเผาเป็นเท่าถ่านไปแล้ว เธอสบถออกมาก่อนที่จะพยายามดับไฟ ใบหน้าของเธอแดงดั่งเปลงเพลิงพวกนั้น
แต่หนุ่มผิวสีคนนั้นกลับทำตรงกันข้าม เขาพุ่งเข้าไปในกองเพลิงโดยหวังให้ค่าสถานะของเขานั้นแบกรับความเสียหายเหล่านี้เอาไว้ เพียงชั่วอึดใจเขาก็มาถึงร่างของหนุ่มอินเดียคนนั้นและทั้งสองก็เผชิญหน้ากัน
ผัวะ!
ทั้งคู่แลกหมัดใส่กัน
“สกิล: ทลายเกราะ (ระดับ 3) – ทำการโจมตีปกติพร้อมสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 30 หน่วยใส่เป้าหมาย พร้อมทั้งลดพลังป้องกันเป้าหมาย ความสำคัญระดับ 14”
“สกิล: พันธนาการ – ทำความเสียหายปกติใส่เป้าหมาย; มีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้ถูกพันธนาการเป็นเวลา 3 – 20 วินาที ทำให้เป้าหมายไม่สามารถขยับได้”
พวกเขาแลกหมัดใส่กันเลือดสีแดงพุ่งกระจายออกมา พวกทางใต้พลังป้องกันลดลงเหลือ 0 แต่เขารู้ถึงเอฟเฟคของชายผิวสีคนนี้และได้ถอยออกมาทันที หนุ่มผิวสีพยายามที่จะไล่ตามเขาไปแต่เพิ่งจะระลึกได้ว่าเขานั้นถูกจำกัดการเคลื่อนที่ไว้อยู่
ทั้งสามคนร่วมเดินทางด้วยกันมานาน พวกเขาคิดว่าการที่จ้องล้มศัตรูทีละคนย่อมเป็นผลดีกว่า ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรได้การล้มอีกฝ่ายได้แม้เพียงคนเดียวก็ช่วยโอกาสในการหนีได้แล้ว โดยเฉพาะหนุ่มผิวสีนั่นด้วยความห้าวหาญระดับนั้นทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายหลัก
ในขณะที่ทุกคนกำลังเข้าโจมตีไปตามๆกัน หนุ่มอินเดียก็ได้ยกแขนขึ้นและทำการร่ายกำแพงไฟขึ้นมาตัดทางพวกนักผจญภัยตะวันตก
“กำแพงเพลิง (ระดับ 2) – สร้างกำแพงไฟขนาด 8×8 ขึ้นมา สร้างความเสียหาย 18 หน่วยต่อวินาทีใส่ทุกคนที่สัมผัสกับสกิลนี้เป็นระยะเวลา 10 วินาที และทำความเสียหายธาตุไฟ 5 หน่วยต่อวินาทีเป็นเวลา 3 วินาทีหลังจากที่เป้าหมายออกจากรัศมีของสกิลนี้ไปแล้ว ระดับความสำคัญ 20”
ชายอินเดียคนนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถในการควบคุมไฟได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามกำแพงไฟนี้ไม่ใช่ความสามารถที่ใช้ในการโจมตีเขาใช้มันในการตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้เพื่อสร้างความได้เปรียบ ในเวลาสิบวินาทีสามคนนั้นน่าจะจัดการชายผิวสีคนนี้ได้
“ช่วยเขาสิ!” เรน่าตะโกน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า” ชินยี่ขำ
เมื่อเห็นว่าชายผิวสีถูกขังอยู่ในนั้น ชินยี่ก็หยิบปืนพกขึ้นมา ประเด็นคือปืนของเขาดันบรรจุกระสุนควันเอาไว้ทำให้เขาต้องเสียเวลาเปลี่ยนมันใหม่
‘แม่งเอ้ยถ้าฉันกลับไปที่เมืองกระหายเลือดได้นะ ฉันจะไปซื้อตัวสั่งการเปลี่ยนกระสุนปืนด้วยเสียง’ ชินยี่คิดในใจ
หลังจากบรรจุกระสุนใหม่แล้ว ปืนพกในมือซ้ายของเขายิงกระสุนรักษาให้กับชายผิวสี ในขณะที่มือข้างขวาของเขาสาดกระสุนไปยังศัตรูทั้งสามคนนั่น
พวกตะวันออกอีกสองคนรีบวิ่งเข้าไปมีเพียงแค่นักผจญภัยหญิงเท่านั้นที่คอยปกป้องมนุษย์กลายพันธุ์
ชินยี่ทำการเรียกทหารขึ้นมาช่วยแล้วจึงยิงต่อ
พวกเขารวมอำนาจการยิงไปที่สามคนนั่น แน่นอนว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับสามคนนั้นก็คือปืนวิญญาณโลกันต์ (Spirit Flame Gun)ปืนที่มีคุณสมบัติในการยิงทะลุการป้องกันกระสุนทุกรูปแบบ กระสุนแต่ละนัดที่ออกมาสามารถสร้างความเสียหายที่รุนแรงได้ ถึงอย่างนั้นกระสุนของมันเองก็ไม่มีจำกัด แถมความเสียหายธาตุที่พ่วงมาจากกระสุนนั่นก็ทำให้เป็นที่น่ารำคาญสำหรับเป้าหมายด้วย
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว การล้มชายผิวสีกลายเป็นเรื่องที่ยากในทันที หนุ่มอินเดียจึงตะโกน “ไปเลย!”
ทั้งสามคนรีบถอยกลับออกมาทันที
“แกน่าจะลองนอนหยอกน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลของเราซะบ้างนะ” ชินยี่พูดอย่างเย็นชาก่อนจะสาดกระสุนเพลิงออกไปสามนัดใส่ทั้งสามคนนั้น
ทั้งสามแน่นอนว่าไม่ได้เกรงกลัวกระสุนเม็ดน้อยๆนั่นเลยจนกระทั่งมันพุ่งถึงตัวพวกเขา ร่างของพวกเขาราวกับถูกดูดพลังชีวิตไปเลย
อำนาจทำลายล้างของมันน่ากลัวเกินไป!
“อ๊าก!” หนุ่มอินเดียเป็นคนแรกที่ตะโกนและล้มลงไป
ในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆมา เขาเคยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเกือบตายมาแล้ว แต่ตราบใดที่เขายังวิ่งก้าวขาวิ่งต่อไปเขาก็อาจจะรอดออกจากสถานการณ์เฉียดตายเช่นนี้ได้ เขาไม่คิดแม้แต่จะใช้ยาฟื้นฟูด้วยซ้ำ เพราะในเมืองกระหายเลือดนั้นยาฟื้นฟูมีราคาที่แพงมาก
แต่เขาไม่ได้คาดคิดไว้ว่าพลังทำลายล้างของกระสุนปืนนี้จะสร้างความเสียหายได้เกือบถึง 100 หน่วยขนาดนี้ มันทำให้เขาสิ้นฤทธิ์ในทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถยิงปืนที่มีพลังทำลายล้างขนาดนั้นได้
นักผจญภัยที่มีกรงเล็บเหล็กเองก็เหลือเลือดไม่ถึงหลัก 100 แถมยังไม่ได้ใช้ยาฟื้นฟูอีกทำให้เขาถูกกระสุนของชินยี่สังหารอย่างง่ายดาย
————————–