Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 87
IA:เล่ม 3 บทที่ 25 เร่งเสริมกำลังพล (ตอนที่ 1)
26 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มภารกิจ
ชินยี่ขับรถเบนซ์ด้วยความรวดเร็วพลางเปิดวิทยุสื่อสารไปด้วย
“เหวินโหรว สถานการณ์เป็นไงบ้าง?”
“แย่มากๆ! น่าจะต้านได้อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น” แต่คนที่ตอบกลับมาคือฮงหลาน “พวกเรากำลังโดนล้อมจากทุกทางไม่มีทางหนีเลย”
“ยื้อไว้อีก 10 นาทีได้ไหมฉันกำลังจะถึงแล้ว”
“นายอยู่ไหนแล้ว”
“เพิ่งออกจากแมนฮัตตัน”
“งั้นนายคงมาไม่ถึงทันเวลาหรอก”
“เชื่อมั่นในสหายพวกแกหน่อยสิ”
“นายวางแผนจะผ่านนิวยอร์กแบบเมื่อวานไหม?”
“ไม่ล่ะ รอบนี้ฉันมีแผนอื่น” ชินยี่บอกก่อนจะตัดการสื่อสารทิ้งไป
ข้างหลังเขามีกลุ่มนักผจญภัยอีกสองกลุ่มกำลังตามมา กลุ่มแรกเป็นของเรน่าและอีกกลุ่มของอันเหวินในรถของพวกเขาเอง และพวกเขาก็เห็นว่ารถเบนซ์คันข้างหน้าเลี้ยวตัดลงบันไดไปข้างล่าง
“เขาทำบ้าอะไรน่ะ?” อันเหวินร้องออกมา “นั่นไม่ใช่ทางไปถนน198ซักหน่อย”
เรน่าที่เห็นแบบนั้นเองก็แปลกใจเช่นกัน แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็เข้าใจ
ทางที่ชินยี่ขับลงไปคือสถานีรถไฟใต้ดินแมนฮัตตัน
“หมอนั่นจะเลือกจะใช้บริการรถไฟใต้ดินหรือไงเนี่ย!” เรน่าตะโกนโหวกเหวก
“บ้าไปแล้วรีไง? หมอนั่นขับรถมาเพื่อนั่งรถไฟใต้ดินเนี่ยนะ!” เลคตะโกนบ้าง
“ถึงจะบ้าแต่ก็จริง แต่นี่คือทางที่เร็วที่สุดที่จะไปถนน 198 แล้วล่ะ หมอนี่มันฉลาดไม่เบา ฉันมั่นใจเลยว่านี่เป็นแผนพุ่งผ่านนิวยอร์คตามที่วางไว้เมื่อวาน”
“ไอ้บ้าบิ่นเอ้ย! สมองเขาทำจากอะไรวะเนี่ย?” สามนักผจญภัยตะวันตกตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
และเรน่ากับอันเหวินเองก็รีบขับรถลงทางใต้ดินที่เป็นบันไดทำมุม 45องศา ลงตามมาเขามายังทางใต้ดิน
เพราะนิวยอร์คในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นอยู่ในช่วงสงครามและทำให้พวก MTR ต้องเข้าควบคุมระบบการขนส่งเกือบทั้งหมดของประเทศและนั่นทำให้แทบไม่มีผู้โดยสารในทางใต้ดินแห่งนี้เลย
ชินยี่ขับผ่านทะลุบูธขายตั๋วเข้ามายังชานชาลาและหยุดรถเพื่อรอรถไฟใต้ดินที่กำลังจะมา โดยที่มีผู้คนกำลังมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว
เด็กหญิงคนนึงกำมือแม่ของเธอไว้ ดวงตาของเธอเบิกโตมองไปที่ชินยี่ “คุณรีบมากเลยเหรอคะ?”
แม่ของเธอตกใจมากจนต้องรีบเอามือปิดปากลูกสาวเธอเอาไว้
ชินยี่ถอดแว่นดำออกและยิ้มให้กับเธอ “มันคือการแข่งกับเวลาน่ะหนูน้อย”
รถของเรน่าเองก็ขับมาจอดข้างๆรถเบนซ์ของเขา เธอลดกระจกลงและพูดกับชินยี่ “นายคิดจะทำอะไรเนี่ย? เล่นขับรถลงมาข้างล่างแบบนี้?”
“ฉันต้องรีบไปให้เร็วที่สุด และไม่อยากจะลงเดินหลังจากไปถึงอีกสถานีล่ะนะ” ชินยี่ตอบกลับพลางใส่แว่นดำกลับตามเดิม
“แล้วนายจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
“ก็คงต้องใช้กำลังนิดหน่อย” ชินยี่ตอบกลับ
ในที่สุดรถไฟใต้ดินของเขตตะวันออกก็เข้าเทียบชานชาลาพร้อมกับเสียงอันดังก้อง
ชินยี่ตะบึงรถของเขาทะลุเข้าประตูรถไฟไป เขายิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อไล่ผู้โดยสารคนอื่นลงจากรถให้หมด และรถของเขาก็พุ่งเข้าไปจอดแทนที่นั่งและเสาเหล็กข้างใน
เลคที่เห็นภาพนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว “นี่เรน่าคราวหลังอย่าลืมเตือนฉันนะว่าหมอนี่มันไม่ใช่คนปกติทั่วไป”
“คิดว่าคงไม่ต้องหรอก เพราะเดี๋ยวเราก็จะบ้าตามเขาเหมือนกัน” เรน่าเหยียบคันเร่งพารถของตัวเองเข้าไปข้างในรถไฟโดยที่มีอันเหวินตามมาติดๆ
ผู้โดยสารคนอื่นๆได้แต่มองหน้ากันเอง ไม่มีใครกล้าเข้าไปซักคน
ชินยี่พูดกับแม่ของเด็กน้อย “เอ้า เข้ามาสิมีที่ว่างอีกตั้งเยอะแยะ”
แม่ของเด็กส่ายหัวด้วยความกลัว “ม่ะ ไม่เป็นไรเราไม่รีบค่ะ”
ชินยี่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
เจ้าหน้าที่รถไฟประกาศออกเสียงตามสายด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? รถเราโดนพวกกลายพันธุ์โจมตีเหรอ?”
และเมื่อเขาลงมาก็เห็นภาพของรถไฟเขาที่มีรถสามคันจอดอยู่ข้างใน
“เดี๋ยวนะ ตาฉันไม่ได้ฝาดใช่ไหม?” เขากรีดร้องออกมมา
ชินยี่เล็งปืนไปที่เขาและพูดเสียงเย็นชา “ไปขับรถซะ”
“ไม่ได้หรอก คุณทำรถไฟเสียหายและมัน…”
เสียงแหวกลมของกระสุนพุ่งผ่านหูของเขาไป
“ฉันบอกให้…ไปขับรถ” ชินยี่ยังคงสีหน้าเดิม ทำให้เขาต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
รถไฟใต้ดินวิ่งตรงไปตามเส้นทางด้วยความเร็วคงที่ และด้วยการที่ชินยี่เอารถเข้ามามันทำให้ระบบไฟฟ้าของรถไฟเสียหาย หลอดไฟด้านบนกระพริบตลอดเวลา
ในระหว่างที่รอชินยี่เอาขาพาดออกมาจากหน้าต่างรถของเขาพลางดูดบุหรี่และหลับตาลง
และเรน่าก็กระโดดลงมาจากหน้าต่างด้านบนมาอยู่บนรถเบนซ์ของเขา
“ขอด้วยสิ” เธอพูด
“ไม่ล่ะ นานๆทีฉันถึงจะสูบ บุหรี่มวนนี้ฉันเองก็สูบมันมาหลายวันแล้ว” ชินยี่ตอบกลับและมองไปที่เจ้าของรถที่นั่งอยู่ด้านหลัง “เฮ้ย แกมีบุหรี่ไหมแบ่งให้หล่อนหน่อยดิ๊”
เจ้าของรถโยนซองมัลโบโร่ให้ชินยี่ “แกปล้นรถฉันแล้วยังจะเอาบุหรี่ไปอีกนะ!”
“เดี๋ยวคืนให้น่า สัญญาเลย”
“ถึงเวลานั้นรถฉันก็กลายเป็นเศษเหล็กวิ่งได้ไปแล้วล่ะโว้ย!” เจ้าของรถร้องออกมา
เรน่ามองชินยี่ด้วยความประหลาดใจ “นี่นายปล้นรถเขามาแล้วยังพ่วงเจ้าของมาอย่างนี้ทุกครั้งเหรอ?”
“ก็เอาไว้เวลาต้องคืนรถไง” ชินยี่ตอบ
“ดูแล้วนายน่าจะไม่เป็นคนแบบนั้นเลยนะ” เรน่าพูด “ฆ่าเขาทิ้งไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ?”
“เธอก็เห็นนี่ว่าฉันไม่ชอบฆ่าคน มันแค่เป็นส่วนหนึ่งของงานเท่านั้นเอง”
“งานเหรอ?” เรน่าเลิกคิ้วขึน “นี่นายมองทุกอย่างในโลกนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานงั้นเหรอ?”
“มุมมองแบบนี้มันทำให้ฉันยังคงมีสติในการจัดการปัญหาทุกอย่างน่ะ เธอจะมองว่ามันเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงก็ได้แต่มันก็แลกมากับค่าตอบแทนที่พอๆกันแหละ เกือบทุกคนบนโลกเองก็ต้องการวันพักผ่อนเหมือนกันใช่ไหมล่ะไม่มากก็น้อย ในขณะเดียวกันดูพวกเราสิแค่ทำงานครั้งเดียวต่อวันก็ได้พักยาวๆจนกว่าจะมีงานเข้าอีกครั้งหนึ่ง”
“ฉันไม่เคยมองในด้านนั้นเลย แต่บางทีนายอาจจะคิดถูกก็ได้นะ พูดถึงด้านงานอันตรายงานของเราอาจจะไม่เสี่ยงตายเท่าพวกทหารในสงครามและสิ่งที่พวกเขาได้รับหลังจากภารกิจนั้นก็ใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาต้องเสี่ยงอีก ถ้าเรายังเป็นทหารรับจ้างอยู่ พวกเราก็คงเป็นทหารรับจ้างที่ราคาโคตรแพงเลยล่ะ มองจากมุมนี้เราเทียบพวกเขาไม่ได้เลย แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือที่เมืองกระหายเลือดนั้นไม่เห็นด้วยกับงานของพวกเรา กลายเป็นว่าเราต้องให้ความร่วมมือแบบถูกบังคับไปเนี่ยสิ”
“ที่ประเทศจีนก็มีตัวอย่างแบบนั้นเยอะแยะไป”
“ยกตัวอย่างเช่น?”
“รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง” ชินยี่ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
——————————-