Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 89
IA:เล่ม 3 บทที่ 25 เร่งเสริมกำลังพล (ตอนที่ 2)
“งั้นถ้าเกิดว่าเราต้องเจอกับตาลุงโหดร้ายใช้งานคนผิดวิธีเก่ง แต่ดันเป็นคนใจกว่างแถมยังเป็นหัวอีก สิ่งที่เราทำได้ก็คือ?”
“ก้มหน้าก้มตาทำงานไปโดยห้ามปริปากบ่นยังไงล่ะ”
ทั้งสองจ้องกันซักพักก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยที่เจ้าของรถนั่งงงไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น
“นายนี่มองโลกในแง่ดีจังเลยนะ”
“จงมองโลกในแง่ดี และอย่าคิดว่าโลกนี้มีแต่สิ่งเลวร้าย”
“คำคมของใครน่ะ?”
“ฉันเอง”
เรน่าขำหนักกว่าเดิม “ฉันชักจะเริ่มชอบนายแล้วสิ หลังจากที่เข้าใจได้ว่านายเป็นคนยังไง”
“โฮ่? เร็วขนาดนั้นเลย?” ชินยี่ขำ
“แน่นอน” เธอตอบกลับ “นายเป็นคนที่สามารถหัวเราะเยาะให้กับความตายได้ ถ้านายไม่ฆ่าคนมาเยอะแยะปานนี้ก็คงตายแทนพวกเขาไปแล้ว… นายคงผ่านเรื่องราวมามากมายเลยสินะ”
ชินยี่เงียบไปซักพัก ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วถ้าฉันเป็นทั้งคู่ล่ะ?”
“ถ้างั้นนายก็คงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเมืองกระหายเลือดแล้วล่ะ… ที่ชะตากำหนดให้ต้องแข็งแกร่งขึ้น” เรน่าตอบกลับแบบนั้นทำให้บรรยากาศรอบข้างเขาเปลี่ยนไปทันที
รถไฟกำลังจะถึงที่หมายแล้ว
เรน่ายิ้มอย่างน่าฉงนให้กับชินยี่ก่อนที่จะกลับไปที่รถของเธอ
ชินยี่พยักหน้าให้โดยที่อันเหวินกำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
หลังจากที่รถไฟจอดที่ชานชาลารถทั้งสามก็รีบออกตัวขึ้นไปยังจุดหมายด้วยความรวดเร็ว
_______
ถนน198 ตกอยู่ในความโกลาหลเพราะการโจมตีจากพวกกลายพันธุ์
มันสามารถต่อสู้กับรัฐบาลของสหรัฐฯได้ แต่มันเองก็ยังต้องปกป้องเมืองหลวงของมันอยู่
หญิงกลายพันธุ์คนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาสายตาของเธอมองลงมายังท้องถนนที่มีการปะทะกันด้วยสายตาเย็นชา ผมสีขาวยาวของเธอทำให้เธอได้รับฉายา “สตรอม” โอโรโระ มุนโร
คนที่ยืนข้างเธอคือชายสองคน
หนึ่งในนั้นชายวัยกลางคนไว้ทรงผมประหลาดและมีหนวดเฟิ้ม เขาคือหนึ่งในตัวละครจากเรื่องเอ็กซ์เมน “วูฟเวอรีน” โลแกน
เขาถือซิการ์ใหญ่ในมือมองลงไปที่การต่อสู้ด้านล่างเช่นกัน เสียงทุ่มลึกของเขาพูดขึ้น “พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา”
พวกนักผจญภัยได้เปิดฉากโจมตีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พวกกลายพันธุ์ไม่ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่แล้วพวกเขาก็พบว่าการโจมตีรอบนี้แตกต่างจากหลายๆครั้งที่ผ่านมา
เมื่อก่อนรัฐบาลสหรัฐฯได้ทำการโจมตีพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว โดยพวกเขาส่งทหารเข้ามาล้อมไว้และใช้อาวุธที่ทำจากพลาสติก แถมก่อนที่จะทำการต่อสู้พวกเขายังเคลียร์ประชาชนรอบๆออกไปด้วย
แต่ในครั้งนี้มันต่างกันออกไป พวกที่บุกมาไม่ได้ใส่ใจเรื่องของประชาชนคนอื่นเลยแม้แต่น้อย ถึงจะมีจำนวนที่น้อยกว่าแต่ก็ทรงพลัง
เมื่อเช่นกันที่พวกกลายพันธุ์ต่อสู้โดยใช้คุณภาพมากกว่าเน้นจำนวน แต่ตอนนี้มันกลับกัน พวกที่รุกรานนั้นมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่ดีกว่ามาก
สำหรับพวกกลายพันุ์แล้วความกลัวคือสิ่งที่สุดยอด
ในที่สุดพวกเขาก็หาโอกาสจับพวกนักผจญภัยไว้ได้บางส่วน บางทีอาจจะใช้รีดข้อมูลสำคัญได้
“พวกมันไม่เหมือนพวกเรา สไตล์การต่อสู้มันพลิกแพลงต่อเวลา ความแข็งแกร่งของร่างกายเองก็ดีกว่าพวกเราบางคนเสียอีก” ชายหนุ่มข้างวูฟเวอรีนพูด เขาคือ ไอซ์แมน บ็อบบี้
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่ทหารจากทางการนะ เหมือนจะเป็นผู้มาเยือนจากต่างแดนมากกว่า” สตรอมบอก “ชาร์ล พูดถูก”
ดูเหมือนว่าพวกเอ็กซ์เมนจะไม่ได้แคร์เรื่องที่พวกกลายพันธุ์ตายซักเท่าไหร่ ทั้งสามคนไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้อยู่แล้วพวกเขาพยายามหาต้นกำเนิดของพวกนักผจญภัยมากกว่า
เพราะว่าที่จริงแล้วทั้งสามคนนี้ไม่ใช่สหายของพวกกลายพันธุ์อยู่แล้ว
หลังจากที่พวกเขารอกันนานเกินพอ วูฟเวอรีนก็เริ่มมองไปรอบๆ
ที่ตึกฝั่งตรงข้ามพวกเขามีชายสวมหน้ากากเหล็กอยู่ ตัวเขายืนตรงดั่งเสาสายตาเยือกเย็นจ้องมองไปที่การต่อสู้เบื้องล่าง
“ใครกันล่ะนั่น? หน้าตาแปลกๆนะ” วูฟเวอรีนถาม
“เขาใส่หน้ากากอยู่ นายจะเห็นหน้าเขาได้ไงโลแกน?” สตรอมตอบ “เขาถูกเรียกว่า เจเคน แฮก คู่หูคนสำคัญของแม็กนีโต้ เขาคือฆาตกรที่วิสคอนซินและยังเป็นผู้ก่อการร้ายที่เมืองดีทรอยด์อีก จำนวนคนที่ถูกฆ่าจากการกระทำของเขานั้นมากกว่าพวกกลายพันธุ์ที่นี่ทั้งหมดเสียอีก เขาคือฆาตกรโรคจิตที่แท้จริงเลยแหละและไม่คิดว่าแม็กนีโต้จะส่งเขามาที่นี่ด้วย ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะรังควานจิตใจเขามากเลยทีเดียว”
“เขาทำอะไรได้?”
“มนุษย์เหล็กไหล ผสมด้วยความเย็นชาของจิตใจทำให้เขากลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่น่ากลัว”
“นั่นเหมือนโคโลซัสเลยนะ” บ็อบบี้แทรก
“แต่แตกต่างกันอยู่” สตรอมตอบ
เจเคนเงยหน้าขึ้นมองไปที่สตรอมดวงตาที่เยือกเย็นภายใต้หน้ากากนั่นผสานไปด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว เขากระโดดลงไปร่างกายของพุ่งตรงดิ่งไปสู่พื้นดั่งลูกธนู
“ระวังด้วย!” ทหารตะโกนเตือนทุกคน
และเจเคนก็ร่วงลงมาทับหัวของเขาแหลกอย่างง่ายดายราวกับเหยียบลูกแตงโม แต่ยังไม่จบงานของเขาหลังจากที่เดินเหยียบซากของทหารคนนั้นแรงกระแทกจากการที่ตกลงมาได้สร้างรอยแตกขนาดใหญ่ราวกับอุกกาบาตตกใส่
ฮงหลานเหวี่ยงขวานเข้าโจมตีเขา แต่เจเคนก็ยกมือขึ้นป้องกันมัน
แคร้ง!
เสียงเหล็กกระทบกันสนั่นประกายไฟเกิดขึ้นที่แขนของเจเคน ฮงหลานเองก็ตกใจปนประหลาดใจ อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาตัวเขาและกระแทกเข้าใส่ร่างของฮงหลาน
การกระแทกนั้นรุนแรงราวกับโดนกระแทกด้วยรถบรรทุก ฮงหลานกระเด็นออกไปไกลมากเจเคนหมุนแขนทำลายเสาหนึ่งต้นให้กระแทกฮงหลานกระเด็นไกลออกไปอีก
ฮงหลานร่วงลงบนพื้นและพบว่าพลังชีวิตของเขานั้นเหลือแค่เพียงครึ่งเดียวทั้งๆที่แค่โดนโจมตีเพียงสองครั้งเท่านั้น
เขาตะโกนอย่างหวั่นเกรง “หมอนี่แข็งแกร่งมาก!”
เหวินโหรวรีบวิ่งเข้าไปและใช้แส้ของเธอไปรัดรอบตัวเจเคนเพื่อที่จะเหวี่ยงเขาออกไป แต่เธอกลับไม่สามารถขยับร่างของเขาได้แม้แต่เพียงนิดเดียว
เจเคนหันไปมองเหวินโหรวและหัวเราะ “เธอไม่รู้เหรอว่าฉันหนักขนาดไหน”
เขาจับแส้และใช้มันดึงเหวินโหรวให้เข้ามาตัวเขาและเตรียมง้างแขนโจมตี แต่เหวินโหรวไหวตัวทันเธอรีบปล่อยมือจากแส้และยอมโดนแรงเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ เธอตีลังกากลางอากาศและลงมาบนพื้นอย่างนิ่มนวล เจเคนรีบพุ่งเข้าหาเธอทันที
“หยุดเขาไว้!” ฮงหลานตะโกนออกมา
ทหารหลายคนรีบวิ่งเข้ามาระดมยิงปืนใส่เขาแต่ไม่เป็นผล ร่างกายของเขาแข็งดั่งเหล็กไหลจนรับลูกกระสุนไว้ได้ เจเคนไม่ได้คิดจะหลบมันเลยด้วยซ้ำแต่เลือกที่จะพุ่งเข้าใส่ร่างของทหารสามคนทันที ความรู้สึกเดียวกันกับฮงหลานกระดูกของพวกเขาแตกทั่วร่างแต่ดวงตาของเจเคนยังคงจ้องไปที่เหวินโหรว
งานอดิเรกของเขาก็คือทรมาณหญิงสาวจนตาย
ในจังหวะที่เหวินโหรวกำลังถูกเจเคนเพ่งเล็งอยู่ก็ได้มีรถพุ่งทะลุกำแพงออกมาเหนือหัวของเธอและชนเข้ากับร่างของเจเคน
สำหรับเขาแล้วแค่นี้ถือว่าเบาเหมือนขนนกมาสะกิดเขาเอง ต่อให้เป็นรถถังพุ่งเข้าชนเขาก็ไม่ระคายเคืองอะไรทั้งนั้น
แต่สถานการณ์ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป
เขารู้สึกได้ว่าร่างของเขาเบาหวิว ความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนกำลังไหลผ่านทั่วร่างของเขา
ทัศนวิสัยของเขาเต็มไปด้วยเลือดและไม่สามารถเพ่งสมาธิไว้ได้
เขาเพิ่งพบว่าตัวเขาเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และร่วงลงกับพื้น พร้อมกับเห็นรอยยิ้มของชายคนที่นั่งอยู่ในรถ
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็น ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกรถวิ่งทับบดขยี้หัวของเขาจนแตกกระจายย้อมพื้นที่ตรงนั้นให้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดของเขา
—————————————-