Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 96
IA:เล่ม 3 บทที่ 29 โชคชะตา (ตอนที่ 1)
เด็กหนุ่มถูกนำตัวกลับมา มันไม่ยากเท่าไหร่เลยที่จะตามตัวเขา
ชินยี่ยืนอยู่บนพื้นดินที่แห้งแล้งเงยหน้าขึ้นมองฟ้า โดยที่มีเหวินโหรวยืนอยู่ข้างๆเขา
เธอขอโทษ “ฉันถามเจ้าอ้วนแล้ว ช่วงสุดท้ายที่เขาอยู่กับเจอร์รี่ก็คือเมื่อคืน ฉันหละหลวมเกินไปหน่อยทั้งๆที่เจ้าอ้วนบอกให้ฉันระวังตัวมากกว่านี้”
“การประมาณคนอื่นต่ำเป็นเรื่องปกติ ฉันไม่แปลกใจหรอก ใครๆก็เคยพลาดมาก่อนทั้งนั้น เธออย่าไปคิดมากเลย”
เหวินโหรวกลอกตา “ทำไมฉันถึงรู้สึกนายไม่ค่อยพอใจกับฉันกันนะ?”
ชินยี่หัวเราะออกมา “ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ให้คิดซะว่าตอนนี้ทุกคนรอบตัวเธอตอนนี้แข็งแกร่งมากและระมัดระวังตัวตลอดเวลา ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกับเรามากๆ และถ้าคิดมากเกินไปก็จะขี้กังวลเกินไปแบบเจ้าอ้วน ถ้าเธอไปถึงจุดที่ต้องระแวงในตัวเด็กแล้วล่ะก็…นั่นแหละที่เรียกว่า โรคขี้ระแวง”
“ที่นายพูดมาก็ไม่ต่างกันเลยนะ” เหวินโหรวขำราวกับเด็ก
และอันเหวินก็โผล่เข้ามาหาพวกเธอ พร้อมกับยื่นลูกดอกคืนให้กับชินยี่ “เอาคืนไปเลย!
“หา?” ชินยี่ไม่เข้าใจ
“นายโกงฉันไป 500BP ยังไม่พอแถมที่อยู่ของพวกกลายพันธ์นี่นายก็หลอกฉันด้วย เรน่าไม่เจออะไรที่นั่นเลยเพราะว่ามันไม่มีอะไรที่นั่นไง เพราะฉะนั้นฉันคืนเจ้าลูกดอกนี่ให้นายแล้วก็คืนเงินฉันมาด้วย!” อันเหวินตะโกนด้วยความโกรธ
ชินยี่ตอบเสียงเบา “ฉันไม่มีที่อยู่ของพวกกลายพันธ์ซะหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีมันนะ”
“ที่ไหน?”
“จตุรัสไทม์สแควร์”
“ชัวร์ไหม?”
“ไม่แน่ใจ แต่ก็แน่ใจได้อยู่”
“ทำไม?”
“นั่นก็เพราะว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกน้องของแม็กนีโต้ แต่เป็นนักเรียนของชาร์ล เซเวียร์ ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมสตรอมถึงโผล่มาเจอเราตอนที่สู้กับแม็กนีโต้ แต่โชคยังดีที่การต่อสู้ที่ผ่านมาเขาไม่ได้โผล่มาด้วย ไม่งั้นเราน่าจะเป็นปัญหามากกว่านี้ ชาร์ลอยู่ที่ไทม์สแควร์และฉันไม่อยากจะให้เขามายุ่งเกี่ยวด้วยซักเท่าไหร่”
จากที่แผงข้อมูล ศาสตราจารย์เอ็กซ์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของพวกกลายพันธ์ เขากับนักเรียนของเขาจึงยังเป็นกลางอยู่ พวกนั้นน่าจะอยู่ภายใต้แม็กนีโต้ ชินยี่ไม่อยากจะสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งจนเกินไปอย่างชาร์ล เซเวียร์ หรือ ศาสตราจารย์เอ็กซ์หรอก
แต่ศาสตราจาราย์เอ็กซ์ก็เหมือนกับว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกลายพันธ์อยู่บ้าง ดังนั้นนักเรียนบางคนของเขาถึงไปอยู่กับฝั่งของแม็กนีโต้ และเมื่อเขารู้ถึงการมาของพวกนักผจญภัย ชาร์ลถึงเลือกที่จะแจ้งข่าวนี้กับแม็กนีโต้
“ถ้างั้นนายจะยอมแพ้เหรอ?”
“ใช่”
“งั้นก็เอาลูกดอกนี่กลับไปเซ่!” อันเหวินร้อง
ชินยี่เห็นท่าทางของเธอก็เลยพูดจากวนประสาทกลับไป “เธอไม่รู้เหรอว่าสินค้านี้ซื้อแล้วไม่รับคืนน่ะ?”
“ไม่สนโว้ย นายหลอกฉันนะ”
ได้ยินแบบนั้นชินยี่ก็เปลี่ยนสีหน้า “เธอนี่มันเป็นผู้หญิงที่โคตรน่ารำคาญแท้ อย่าลืมสิว่าเธอต้องจ่ายฉันหลังจากกลับไปจากโลกนี้แล้ว ก่อนที่ฉันมาจะโลกนี้ฉันก็ยืมเงินเขามาเหมือนกันแหละ และก็ต้องคืนเขาเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าถ้าให้ยืมมาแล้วจะได้คืนไหม ถ้าเกิดว่าคนที่ยืมดันตายในภารกิจนี้ก็ขาดทุน พูดง่ายๆก็คือฉันต้องคุ้มกันเธอให้รอดจนกลับไปได้ก่อนเพื่อที่จะให้เธอจ่ายเงินคืนฉันได้ ดังนั้น 500BP ที่เธอจ่ายไปก็เพื่อให้ได้สุดยอดบอดี้การ์ดอย่างฉัน คุ้มไหมล่ะ? แต่ว่าน่าเสียดายที่เธอไม่รู้เรื่องการจัดการเงินซักเท่าไหร่ เธอไม่สามารถคำนวนเรื่องกำไรได้ดีเพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องราคาที่อยู่ตรงหน้า คนที่ไม่สนคุณค่าของสิ่งที่จ่ายไปแต่ไม่สนใจว่าได้ซื้ออะไรมาบ้างน่ะไม่ควรที่จะเป็นเพื่อนกับใครทั้งนั้นแหละ… งั้นถ้าเธอไม่ต้องการลูกดอกนี่แล้วก็ยกเลิกข้อตกลงเลยละกัน”
เมื่อชินยี่พูดจบเขาก็เก็บลูกดอกและยกเลิกสัญญาไป
อันเหวินตะลึง ทั้งๆที่เธอถูกโกงไปตั้ง 500BP แต่ทำไมพอชินยี่พูดแล้วมันดูเหมือนกับว่าเธอได้กำไรซะงั้น
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?
เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน
ถึงในใจของเธอจะไม่ค่อยสนใจมากเรื่องที่ต้องให้ 500BP กับชินยี่ เพราะยังไงซะเขาก็เคยช่วยเธอมาก่อนเงินแค่นั้นก็ไม่น่าจะน้อยเกินไปสำหรับการตอบแทนนี่นา
การทดแทนคุณมันก็เรื่องหนึ่ง และการหลอกมันก็อีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
อันเหวินรับไม่ได้ที่ต้องจ่ายเงินที่โดนโกงให้กับชินยี่ แต่หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นมันแสดงได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้กับพวกเธอ ในจังหวะนี้อันเหวินงงไปหมดแล้ว
เหวินโหรวเดินมาข้างๆแล้วมองเธอด้วยสายตาน่าสมเพชและกระซิบ “ไม่มีใครกลัวหรอกว่าจะมีเพื่อนเยอะแยะ ยิ่งในโลกที่มีแต่การฆ่าฟันกันแบบนี้ ชินยี่ต้องการเพื่อนที่เก่งกาจแบบเธอนะเพราะว่ามันข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายเลยนะ เขาคิดทบทวนมาดีแล้วแหละว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าลึกๆแล้วเธอเป็นคนที่เชื่อถือได้ไหมนะ ดังนั้นการที่เขาทำสัญญาแบบนี้มันก็ไม่เสียหายทั้งสองฝ่ายจริงไหมล่ะ? แถมเธอยังไม่ต้องผ่านการทดสอบลับๆจากเขาด้วย ถ้าเกิดเธอต้องการความช่วยเหลือล่ะก็เราก็พร้อมเสมอเพราะยังไงเราก็เป็นชาวจีนเหมือนกัน ถือว่าเป็นบริการพิเศษก็แล้วกันนะ”
_______
เมื่อชินยี่กลับมาที่โรงแรม เจอร์รี่ก็นั่งขดตัวเองอยุ่ที่มุมห้อง
ชินยี่มองไปที่เขาที่กำลังมีอาการตื่นตระหนก และพูดกับเอาอย่างอ่อนโยน “อย่ากลัวเลย ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก”
เจอร์รี่ส่ายหัว “ฉันไม่กลัวหรอก”
ชินยี่ประหลาดใจนิดนึงกับคำตอบนั่น
จากดวงตาของเขาก็มีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง เขาเช็ดน้ำตาก่อนจะมองชินยี่ “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนายต้องการจะฆ่าพวกเรา ทำไมมนุษย์ถึงอยู่ร่วมกับพวกกลายพันธ์ไม่ได้ล่ะ? พวกเราทำอะไรผิด? เพราะว่าแค่เราประหลาดนายถึงจะฆ่าเราเหรอ?”
ชินยี่ถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”
“นายหมายความว่าไง?” เจอร์รี่ตกใจ
“ฉันบอกว่านั่นไม่ใช่ความผิดของนาย”
“ทำไมนายถึง…”
“ถ้านายถามว่าทำไมฉันถึงฆ่าพวกกลายพันธุ์ล่ะก็ ฉันก็ตอบได้เพียงแค่ว่ามันเป็นเพราะโชคชะตาเท่านั้นแหละ ฉันบอกนายมากกว่านี้ไม่ได้หรอก แต่ฉันบอกได้เลยว่าสิ่งที่ฉันทำมันก็ไม่ถูกเหมือนกัน บางอย่างในชีวิตเราต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่ามันผิดแต่เราก็ต้องทำ”
เด็กหนุ่มมองชินยี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดว่า การฆ่าพวกกลายพันธ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เขาไมได้พูดถึงความแตกต่างของพวกกลายพันธ์ที่มีลึกซึ้งถึงระดับพันธุกรรม การมีอยู่ของพวกกลายพันธ์นั้นสั่นคลอนความปลอดภัยของคนปกติ เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกไป
แต่ในเวลาเดียวกันชินยี่เองก็ไม่ได้ท่าทีว่าจะหยุดการกระทำนี้
และเจอร์รี่ก็พูดขึ้น “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีโชคชะตาไหนที่ไม่อาจขัดขืนได้”
“อย่าพูดอะไรโง่ๆน่าไอ้หนู คำพูดสวยหรูนั่นก็แค่เอาไว้หลอกคนทั่วไปเท่านั้นแหละ ทุกคนมีโชคชะตาของตัวเองและไม่ใช่ว่าทุกคนจะต่อต้านมันได้ ยกตัวอย่างเช่น นายเลือกเกิดไม่ได้ นายเป็นพวกกลายพันธ์ และโชคชะตาสำหรับพวกเราคือเกิดมาเพื่อกำจัดพวกนาย เพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกได้ว่าจะฆ่าหรือปล่อยใครไป”
———————————————