Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 98
IA:เล่ม 3 บทที่ 30 การร่วมมือ (ตอนที่ 1)
เจอร์รี่แปลกใจที่ได้ยินแบบนั้นจากชินยี่
“นายหมายความว่าไง?”
“ตามที่นายได้ยินเลย ฉันเองก็ไม่ได้ชอบสถานการณ์แบบนี้พอๆกับนาย และถ้าเป็นไปได้ฉันก็จะอยากจะหยุดมัน”
“นายกำลังจะบอกว่า นายจะเป็นคนหยุดทุกอย่างนี้ใช่ไหม!” เขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ชินยี่ส่ายหัว “ไม่ใช่ ฉันแค่จะเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง”
“ยังไง?”
“ภารกิจของฉันคือฆกำจัดพวกกลายพันธ์ และไม่สามารถยกเลิกได้ แต่ฉันสามารถเลือกได้ว่าจะฆ่าใครได้เพื่อที่จะทำตามเป้าหมาย” เขาพูดอย่างระมัดระวัง
“นายจะทำยังไงล่ะ?”
“ฉันจะแยกพวกมันออกมา พวกกลายพันธ์บางคนก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้แต่บางคนไม่ หลายๆคนที่เมื่อค้นพบพลังของตัวเองแล้วก็มักจะใช้มันในการทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ พลังคือสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้มนุษย์นั้นหลงผิด ถ้าคนเราเลือกที่จะใช้พลังเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายส่วนตัวโดยไม่สนสิ่งอื่นใด มันก็จะก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างมนุษย์และพวกกลายพันธ์ได้ และเพราะมันเป็นแบบนั้นแหละพวกมนุษย์ถึงได้เกลียดพวกกลายพันธุ์มากจนทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ 12 และเป็นต้นเหตุของสงครามนี้… และมันมีพวกกลายพันธุ์ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้อยู่ และแน่นอนว่าฉันสามารถฆ่าพวกมันได้โดยที่ฉันไม่รู้สึกผิด”
“แล้วนายจะแยกระหว่างพวกที่ดีกับพวกที่เลวได้ยังไง?”
“ทำไม่ได้หรอก การที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ แม็กนีโต้ต้องเกณฑ์พวกกลายพันธุ์มารวมตัวกัน เขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะดีหรือเลว แน่นอนว่ามันทำให้แผนของฉันลำบากขึ้นเยอะ เพราะฉันไม่สามารถคนที่ฆ่าหรือไม่ฆ่าออกจากกันไม่ได้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนทำได้…”
พูดจบชินยี่ก็มองไปที่เจอร์รี่ “นายทำได้ใช่ไหมเจอร์รี่? ฉันต้องการให้นายช่วยแยกระหว่างคนที่ดีหรือเลวให้หน่อย”
“ฉันเหรอ?” เด็กหนุ่มมองไปที่ชินยี่
“ใช่! นายนั่นแหละ” ชินยี่พยักหน้า “นายคือนักเรียนของศาสตราจารย์เอ็กซ์ นายมีพลังที่คุยกันผ่านจิตได้เหมือนกับเขา นายสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของพวกกลายพันธุ์”
ได้ยินแบบนั้นเด็กชายถึงกับหน้าถอดสี
ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่มีพลังที่ว่า แต่ชินยี่ก็ยังสามารถยืนยันในสิ่งที่เขาสงสัยได้อยู่
“เจอร์รี่ ลาเชียส พวกกลายพันธุ์ระดับ 3 พลังจิตที่มี 1.ด้านการสั่งการ 2.ด้านการสื่อสาร”
เด็กผู้มีพลังจิตถึงสองชนิด และเป็นถึงระดับ 3 ชินยี่ไม่รู้หรอกว่าความสามารถด้านการสื่อสารของเขาเป็นยังไงเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่เคยใช้มันให้เขาเห็น
แต่นั่นคือสิ่งที่ชินยี่สนใจ
พลังแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นพลังทางจิตใจก็ไม่ปาน พลังนี้ทำให้เด็กคนนี้สามารถสื่อสารกับพวกสัตว์ได้ และถ้าเด็กคนนี้สามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ ก็ไม่มีปัญหากับการสื่อสารในจิตใจของมนุษย์แน่ๆ
และเมื่อชินยี่นึกขึ้นได้แบบนั้น มันก็ได้ทำให้เขาคิดไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะต้องช่วยเขาได้
“นายบอกไว้ว่าจะฆ่าพวกที่เลวและปล่อยพวกที่ไม่เกี่ยวข้องกันไป นั่นหมายความว่านายไม่สามารถขัดขืนภารกิจของนายได้แต่นายสามารถเลือกวิธีที่จะทำภารกิจได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันยังบอกได้อีกนะว่า จะมีใครคนอื่นเข้ามาฆ่าพวกกลายพันธุ์แบบนายอีก เป็นคนที่มีภารกิจแบบเดียวกันกับฉันซะด้วย”
ชินยี่บอกด้วยความจริงใจ เขาคิดว่ามันก็แฟร์ที่สุดแล้วที่เขาจะสามารถให้ข้อมูลกับเด็กคนนี้เพื่อกล่อมใจเขา
ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่อตัวเองหรือว่าเพื่อพวกกลายพันธุ์ แต่ถ้าเกิดว่าเจอร์รี่ยินดีที่จะช่วยพวกเขาในการค้นหาล่ะก็มันคงรวดเร็วและดีกว่าวีน่าเสียอีก
มันจึงควรค่าแก่การลอง
ชินยี่ไม่กังวลถึงเรื่องศีลธรรมในจิตใจของพวกกลายพันธุ์ในเมืองนิวยอร์คอยู่แล้ว เพราะอย่างที่เขาบอกไปแล้วว่าพลังเหนือมนุษย์นั้นมันสามารถทำให้คนดีกลายเป็นคนเลวได้โดยไม่ต้องคำนึงอะไรเลย
ถ้าจะให้นับจำนวนของพวกที่ใช้พลังในทางที่ผิดในดงผู้ใช้พลังแบบนั้นมันก็คงจะเป็นไปได้ยาก
และในความเป็นจริงนั้นจะมีพวกที่ใช้พลังทำเรื่องผิดกฎหมายและโดนตั้งโทษประหารอย่างเจเคน แฮก ที่โดนโทษประหารเกิน 100 กระทงไปแล้ว
ตราบใดที่เจอร์รี่ยินดีที่จะช่วยเขา การตามหาพวกตัวร้ายในดงคนปกตินั้นก็คงจะไม่ยากอะไร สิ่งที่เขาจะต้องกังวลต่อจากนี้ก็คือการที่เขาจะฆ่าพวกนั้นยังไงมากกว่า
ในจังหวะเดียวกันเจอร์รี่ก็มองมาที่ชินยี่ และชินยี่ก็ยิ้มให้เขา
สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป
เขามองชินยี่พร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า “นายหลอกฉัน! นายมันขี้โกหก! นายหลอกฉันมาสองครั้งแล้วคิดว่าฉันจะเชื่อใจนายได้เหรอ? นายก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก นายแค่จะหลอกใช้ฉันเพื่อตามหาพวกกลายพันธุ์คนอื่น! อย่าคิดว่าฉันจะช่วยนายเลย นายไม่ได้มาเพื่อช่วยฉันอยู่แล้ว!”
“เจอร์รี่นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ ฟังกันก่อน ถ้านายไม่เชื่อใจฉัน นายก็ใช้พลังอ่านใจฉันดูเลยสิ…”
“ฉันอ่านจิตใจของคนที่เก่งกว่าฉันไม่ได้หรอก! และต่อให้ทำได้ฉันก็ไม่เชื่อนาย!” เด็กหนุ่มตะโกนและปฏิเสธคำพูดของชินยี่
ชินยี่มองเขาซักพักก่อนจะถอนหายใจและเดินออกจากห้องไป
ข้างนอกห้องนั่นเหวินโหรวกำลังยืนกอดอกหลังพิงกำแพงอยู่ เธอหัวเราะเมื่อเห็นเขาเดินออกมา
ชินยี่ประหลาดใจและถาม “เธอได้ยินเหรอ?”
เหวินโหรวเป็นคนขี้เล่น เธอทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ “ฉันมีพลังในการฟังที่ดีกว่าคนทั่วไปก็จริง แต่ฉันก็ไม่ค่อยใช้มันหรอก เพราะฉันคิดว่าโลกนี้มันน่ารำคาญเกินไป แต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าบางทีมันก็ทำให้ฉันล่วงรู้ข้อมูลดีๆบางอย่างได้น่ะ”
ชินยี่ยิ้มแห้งๆออกมา “นี่ไม่ใช่ความลับหรอก มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ แต่เธอดันได้ยินตอนที่ฉันผิดหวังซะเต็มเปาเลยนะ ฉันคิดว่ารอบนี้มนุษยชาติจะต้องสูญพันธ์เพราะการไม่เชื่อใจของเด็กคนเดียวแน่ๆ แต่มันก็น่าแปลกนะตอนฉันหลอกเขาฉันดันทำได้สำเร็จ แต่พอฉันบอกความจริงเขากลับไม่เชื่อซะงั้น”
เหวินโหรวตอบ “นั่นเพราะว่านายไม่ได้ต้องการจะหลอกเขาไง นายไม่ได้คิดว่าเขาเป็นศัตรู”
“หา?” ชินยี่ทำหน้างง
เหวินโหรววางมือของเธอบนไหล่ของเขา “นายจำไม่ได้เหรอว่าเวลาเจรจากับคนอื่นน่ะ เราต้องสร้างความเชื่อใจจากเขาก่อน แต่นี่นายเล่นหลอกเขาไปตั้งสองครั้งเพราะนายระแวงในท่าทีของเขาและยกขึ้นเป็นสิ่งแรกที่ต้องคิดเตรียมรับมือ แต่ตอนนี้มันกลับกันนายไม่ได้สนใจเขาเลย เพราะนายไม่ได้คิดว่าเขาเป็นศัตรู นายเสนอแผนที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย นายจึงไม่เห็นเขาเป็นศัตรู แต่นายก็ไมได้ใส่ใจอีกด้านหนึ่งของความรู้สึกเขา”
ชินยี่ประหลาดใจพลางลูบคางตัวเองแล้วคิดทบทวน “เธอพูดถูก ไม่ใช่ว่าการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปคือข้อผิดพลาด แต่ที่ผิดจริงๆก็คือการที่ไม่คิดว่าเขาคือศัตรู”
“ทีนี้นายรู้รึยังว่าต้องทำยังไง?”
“แน่นอน บอกตามตรงเลยว่าไม่ยากเกินความสามารถฉันแน่” ชินยี่หัวเราะออกมา
—————————————————-