Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ตอนที่ 48 พวกเขาปกป้องเอง
กองทหารชิงซาน
หน้าประตูเมืองชาวบ้านที่เข็นรถ ขี่ม้า ยกครอบครัวมามองไปทางธงใหญ่ผืนนี้
กองทหารชิงซานพวกเขารู้จัก พวกเขาเคยเห็นความน่าเกรงขามของทหารเหล่านั้นกับตา แล้วก็เคยได้ยินวีรกรรมหาญกล้าสังหารศัตรูที่แดนเหนือของพวกเขา ไม่ใช่แค่ป่าวประกาศในราชสำนัก ที่มากกว่าคือหัวถนนท้ายซอย ขอทานเหล่านั้น ผู้อพยพจากแดนเหนือเหล่านั้นเล่าลืออ้าปากชมเป็นเสียงเดียว
ชาวจินได้ยินชื่อของพวกเขา เห็นธงของพวกเขาจะหนีไม่สู้
นี่ไม่ใช่คำคุยโวจากความว่างเปล่า นี่คือสิ่งที่พิสูจน์มาจากสงครามนองเลือดหลายหน
ไม่ต้องพูดถึงในหัวใจชาวบ้านแดนเหนือ ต่อให้เป็นในหัวใจทหารทั้งหลายของแดนเหนือ มีกองทหารชิงซานอยู่ ย่อมหมายความว่าศึกนี้ชนะแน่
หากกองทหารชิงซานอยู่ ถ้าเช่นนั้นเมืองนี่ก็ปกป้องไว้ได้จริงๆ
ชาวบ้านทั้งหลายอดไม่ได้มีกำลังใจขึ้นมา
“แต่ กองทหารชิงซานไม่ใช่กลับไปแดนเหนือแล้วหรือ?” มีคนเอ่ยถามเสียงดัง
นี่ทำให้ผู้คนได้สติกลับมา
ถูกต้องแล้ว กองทหารชิงซานกลับแดนเหนือไปแล้ว ต่อให้ตอนนี้เชิญพวกเขากลับมา พวกเขาติดปีกก็บินมาไม่ได้
“ไม่ใช่กองทหารชิงซานทั้งหมดที่กลับไปแดนเหนือ” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย
ไม่ใช่ทั้งหมด? ยังมีใครอีก?
ชาวบ้านทั้งหลายตะลึง หลังร่างเสียงฝีเท้าลอยมา ไม่เหมือนกับเสียงเอะอะของทุกคนที่วิ่งหนีพุ่งชน เสียงฝีเท้านี้พร้อมเพรียงเป็นหนึ่ง แม้จำนวนคนไม่ได้มากนัก แต่ได้ยินแล้วสั่นสะเทือนเป็นพิเศษ
เสียงฝีเท้าเช่นนี้ ตอนนั้นที่กองทหารชิงซานเข้าเมืองพวกเขาก็เคยได้ยิน
กองทหารชิงซานอยู่จริงหรือ?
ชาวบ้านทั้งหลายมองไปด้านหลังด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
ท่ามกลางฝูงชนที่ออกันเต็มไปหมด คนกลุ่มหนึ่งมาถึงอีก แต่ก็แค่ยี่สิบสามสิบคน เสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นประชาชนชาวบ้านธรรมดา นอกจากนี้ล้วนเป็นผู้เฒ่าเด็กสตรี มองแวบเดียวไม่แตกต่างอันใดกับชาวบ้านที่ต้องการหนีออกจากเมือง แต่พวกเขากลับไม่ได้หวาดหวั่นพรูมาอย่างกระจัดกระจาย ทว่าเรียงแถวเป็นระเบียบ เสียงฝีเท้าเป็นระเบียบนั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาส่งออกมา
หมายความว่าอย่างไร?
กองทหารชิงซาน?
พวกเขาหรือ?
พวกนี้คือกองทหารชิงซานหรือ? เป็นครอบครัวของกองทหารชิงซานกระมัง?
ชาวบ้านทั้งหลายอดไม่ได้สีหน้าตะลึง
ล้อเล่นหรือ?
“พวกเขาเป็นครอบครัวของกองทหารชิงซานจริงๆ” คุณหนูจวินมองผู้คน สายตาในที่สุดก็จับอยู่บนร่างพวกหนิงเหยียนแม่ทัพและขุนนางบนประตูเมือง “แต่ที่บอกว่าพวกเขาคือกองทหารชิงซาน ไม่ใช่ล้อเล่น”
ครั้งนั้นที่ชาวเขาชิงซานจัดทัพวิ่งไปแดนเหนือ เพราะรู้ว่าไปครั้งนี้ไม่ใช่ปราบกองโจรง่ายดายเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้แต่เลือกทหารฝีมือดีรวมถึงสตรีส่วนหนึ่งไป ส่วนผู้เฒ่าเด็กน้อยสตรีส่วนใหญ่โดยเฉพาะเด็กๆ ล้วนทิ้งไว้ที่เขาจางชิงซาน ต่อมาก็ติดตามน้าเซียวมายังเมืองหลวง
บ้านที่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วซื้อให้พวกเขาตั้งอยู่ในตรอกเส้นหนึ่งในเมืองหลวง พวกเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายถ่อมตัว เดิมทีอยู่ที่เขาจางชิงซานเพาะปลูกล่าสัตว์ ตอนนี้มาถึงเมืองหลวงก็ไม่ได้ขลาดกลัว ด้วยการจัดการของน้าเซียว แม้พวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทองอาหาร แต่ก็เริ่มทำกิจการเล็กๆ เลี้ยงชีวิต เหมือนชาวบ้านตัวน้อยในเมืองคนอื่นๆ
สตรีทั้งหลายบางคนอยู่ที่บ้านทำอาหารนานาชนิด พวกเด็กๆ หิ้วตะกร้าเร่ขายของบนถนน ผู้เฒ่าอายุมากบางคนช่วยผู้คนซ่อมแซมเครื่องเหล็กชนิดต่างๆ บนถนน บางคนไปทำงานที่ร้านช่างตีเหล็ก เพราะการซ่อมแซมที่พิถีพิถันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือการสร้างอาวุธจึงหยัดยืนมั่นคงอย่างรวดเร็วยิ่ง ไม่มีคนรังเกียจที่พวกเขาอายุมากเจ็บป่วยอ่อนแอ
พวกเขาก็กลมกลืนกับเมืองหลวงเช่นนี้ หากไม่เพราะสำเนียง คนมากมายล้วนจะคิดว่าพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงมาตลอด
อยู่ที่ใดก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น สิ่งนี้เรียกว่าการซ่อนเร้นอันแนบเนียน คำที่อาจารย์เคยพูด คุณหนูจวินเห็นกับตาตนเองแล้วจากตัวของชาวเขาจางชิงซานเหล่านี้
ทว่าถึงแม้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ก็ไม่ได้ลืมเลือนตัวตนของตนเอง ยามทำนาฝึกทหาร ในร้านช่างตีเหล็กก็ยังคงฝึก เด็กๆ เลี้ยงวัวดายหญ้าฝึกวิชายุทธ์ สอดแนมลอบเฝ้ายาม ระหว่างที่เดินบนถนนตรอกซอกซอยในเหลาสุราโรงน้ำชาก็วิ่งกระโดดย้ายไม้โยนทิ้ง
“พวกเขาไม่ใช่แค่ครอบครัว” สายตาของคุณหนูจวินมองไปยังผู้คนของเขาจางชิงซานที่ยืนเรียงแถวอยู่ข้างใต้ประตูเมืองอีกหน “พวกเขาก็คือกองทหารชิงซาน”
คำพูดแม้เอ่ยเช่นนี้ แต่…แม่ทัพทั้งหลายของกรมทหารม้าห้าเมืองมองดูผู้เฒ่าเด็กสตรีที่ยืนตรงอยู่ตรงหน้า สีหน้าสับสน แต่ร่างกายนี่แล้วยังคนเท่านี้ จะต้านทหารม้าแข็งแกร่งของชาวจินได้อย่างไร
“พวกเรายังมีอาวุธอีก” คุณหนูจวินเอ่ย
ได้ยินคำนี้ของนาง ชาวบ้านทั้งหลายไม่มีปฏิกิริยาอันใด แต่แม่ทัพนายทหารทั้งหลายรอบด้านดวงตาล้วนเป็นประกายแล้ว
กองทหารชิงซานทำไมปราบราบทุกทิศทำให้คนได้ยินก็เสียขวัญ? พวกเขาทำศึกกล้าหาญจริงแท้ กองทหารอื่นกำลังพลกองหนึ่งถูกสังหารห้าคนก็พังทลายได้แล้ว แต่พวกเขาต่อให้เหลือแค่สามคน ขบวนแถวก็ไม่แตก อีกประการก็คือรถยิงกระสุนและกระสุนหินที่พวกเขาใช้ ไม่เหมือนกับกระสุนหินที่โยนไปทับม้าตายทำลายรถแตกที่ผู้อื่นมักใช้ กระสุนหินของพวกเขาโยนเข้าไปก็ระเบิดแถบหนึ่งปลิว ยังมีหอกบินที่เล่มเดียวเสียบทะลุสิบคน พุ่งเข้าไปในกำแพงเมืองหนาได้อันน่าตะลึงนั่นอีก
กรมกลาโหมย่อมหวังว่าจะสร้างสิ่งเหล่านี้ได้จำนวนมาก แต่กองทหารชิงซานบอกว่าอันตรายเกินไป สร้างกระสุนหินอันตราย ใช้กระสุนหินก็อันตราย ไม่ระวังปุบตรงกันข้ามกลับทำร้ายตนเอง กองทหารอื่นยังไม่ใช้ชั่วคราวจะดีกว่า สรุปคือปฏิเสธจะมอบสูตรอาวุธให้มาตลอด
คิดไม่ถึงว่ากองทหารชิงซานยังทิ้งอาวุธเหล่านี้ไว้ในมืองด้วย ถ้าเช่นนั้นก็มีหวังจริงๆ แล้ว
“ประตูเมืองแห่งหนึ่งรถยิงกระสุนหนึ่งคัน” คุณหนูจวินเอ่ย
มากปานนี้เชียว!
ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแน่นอนแล้ว
แม่ทัพทั้งหลายสีหน้าเริงร่า ฉับพลันรู้สึกว่าชาวจินบุกมาก็ไม่มีสิ่งใดน่ากลัว
มีนายทหารทั้งหลายวาดมือวาดไม้เล่าความร้ายกาจของรถยิงกระสุนให้ชาวบ้านฟังด้วย ได้ยินแล้วชาวบ้านทั้งหลายก็ตกอกตกใจ มีอาวุธช่วย ทุกคนมองกองทหารชิงซานที่เป็นผู้เฒ่าเด็กสตรีเหล่านี้อีกหนก็รู้สึกไม่ขัดตามากแล้ว
หน้าประตูเมืองเสียงถกเถียงแผ่วเบาดังขึ้น บรรยากาศผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
“แน่นอนที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเราคนไม่น้อย” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ
ชาวบ้านทั้งหลายมองไปหานาง แล้วมองดูแม่ทัพนายทหารเหล่านี้อีกหน
กรมทหารม้าห้าเมืองนายทหารในมือมีราวหลายร้อยนายกระมัง วังหลวงด้านนั้นยังมีทหารองครักษ์อีกหลายร้อยนาย
“ยังมีเจ้าพนักงานในกรมอีก” คุณหนูจวินเอ่ย
นั่นนับดูแล้วก็แค่พันกว่าคน เทียบไม่ได้กับทหารม้าชาวจินหลายหมื่นที่กำลังจะมาถึงนอกเมือง
“ไม่ พวกเราคนมากกว่า” คุณหนูจวินเอ่ย สายตามองไปทางชาวบ้านเบื้องหน้า “ยังมีพวกเจ้าไง”
พวกเรา?
ชาวบ้านทั้งหลายตกใจสะดุ้งโหยง ถอยหลังพร้อมเพรียง
“พวกเจ้ามีแสนหลายหมื่นคน” คุณหนูจวินก้าวมาข้างหน้าเอ่ยขึ้น “พวกเราคนมากเช่นนี้ ไหนเลยต้องกลัวทหารจินไม่กี่หมื่นของพวกเขา”
ชาวบ้านทั้งหลายยิ้มขมขื่น
“คุณหนูจวิน ท่านอย่าล้อเล่นสิ พวกเราจะเทียบกับทหารจินได้อย่างไร“
“พวกเรารบไม่เป็นหรอกนะ”
พวกเขาเอ่ยวุ่นวาย
“ข้าสอนพวกเจ้าได้” คุณหนูจวินเอ่ย “ข้าสอนพวกเจ้ารบได้”
นางเอ่ยพลางชี้กองทหารชิงซานที่ยืนอยู่ตรงนี้
“พวกเจ้ารู้ไหมว่ากองทหารชิงซานที่แท้จริงเริ่มแรกมีกี่คน?”
“มีแค่ไม่ถึงสี่สิบคน สี่สิบคนนี้ร้ายกาจอีกเท่าใดก็ไม่อาจสร้างกองทหารชิงซานที่ทำให้ชาวจินได้ยินชื่อก็เสียขวัญกองหนึ่งขึ้นมาได้”
“ที่กองทหารชิงซานตั้งกองทัพขึ้นได้ ก็เพราะคนแต่ละคนๆ ที่มายังกองทหารชิงซานกลายเป็นกล้าหาญอย่างยิ่งผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ กองกำลังถึงยิ่งแข็งแกร่งใหญ่โตขึ้นทุกที”
“ดังนั้นพวกเจ้าก็ทำได้ เชิญเข้าร่วมกับพวกเรา เชิญเข้าร่วมกับกองทหารชิงซานตั้งรับการโจมตีของชาวจินปกป้องเมืองหลวง”
“ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าตั้งทัพสังหารศัตรู พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องตั้งทัพสังหารศัตรู พวกเรามีกำแพงเมืองให้พึ่งพิง มีกำแพงสูงกำแพงหนา ข้าต้องการเพียงทุกคนอย่าตระหนกอย่าได้วุ่นวาย ช่วยส่งต่ออาวุธ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเท่านั้น”
ทำเรื่องเหล่านี้หรือ นั่นก็ได้นะ
ชาวบ้านทั้งหลายเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า
“สิ่งที่ข้าต้องการ เมืองหลวงต้องการ หรือพวกเราทุกคนต้องการก็คือร่วมแรงร่วมใจรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว” คุณหนูจวินเอ่ยอีกหน “ขอทุกคนจงเชื่อข้า ข้าจะนำกองทหารชิงซาน นำทหารทั้งหมดปกป้องเมือง และขอให้ทุกคนช่วยเหลือข้า ปกป้องเมืองหลวงแห่งนี้ด้วยกันกับพวกเรา เวลานี้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่พึ่งได้ก็คือเมืองแห่งนี้ แล้วก็มีเพียงเมืองแห่งนี้ที่ปกป้องพวกเราได้ พวกเราจำต้องรักษาไว้ พวกเราจำต้องช่วยตนเอง”
หน้าประตูเมืองเงียบไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นในฝูงชนพลันมีเสียงหนึ่งตะโกนโพล่งขึ้นมา
“มารดา เอาเว้ย” มีบุรุษตะโกนเสียงดัง ขว้างห่อผ้าในมือลงบนพื้น “ออกไปก็ตาย ข้าไม่อยากตาย ถ้าเช่นนั้นก็สู้สุดชีวิตกับชาวจิน”
มีคนหนึ่งนำ ก็มีคนอื่นตะโกนตามด้วย บรรยากาศในที่นั้นกลายเป็นฮึกเหิม
หนิงเหยียนที่เงียบงันอยู่ด้านข้างตลอดพลันก้าวออกมายืน
“นอกจากนี้ขอให้ทุกคนวางใจ ยังมีคนจะมาช่วยพวกเรา ทหารแดนเหนือรู้ข่าวชาวจินจู่โจมกะทันหันแล้ว พวกเขากำลังเร่งไล่ตามมาสุดชีวิต” เขาเอ่ยเสียงเข้ม “สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือ ปกป้องเมืองหลวงแห่งนี้ไว้ไม่กี่วัน รอพวกเขาเร่งมาถึง ชาวจินมากอีกเท่าใด คนที่เข้ามารอบด้านเมืองหลวงก็มากกว่ากำลังพลของพวกเราไม่ได้ ที่นี่ คือต้าโจวของพวกเรา ที่นี่ ทุกที่ล้วนเป็นคนต้าโจวของพวกเรา คนต้าโจวของพวกเรา สังหารโจรชั่ว ผู้ใดก็ทำได้”
คุณหนูจวินยกมือเล็กน้อย
“สังหารโจรชั่ว! ผู้ใดก็ทำได้!” ผู้เฒ่าเด็กสตรีของกองทหารชิงซานตะโกนเสียงพร้อมเพรียง
แม่ทัพและขุนนางทั้งหลายด้านนี้ก็ชูมือทันที ทหารทั้งหลายด้านหลังก็ชูอาวุธขึ้นสูง
“สังหารโจรชั่ว! ผู้ใดก็ทำได้!” พวกเขาตะโกนเสียงดัง
สังหารโจรชั่ว ผู้ใดก็ทำได้!
สังหารโจรชั่ว เพื่อทุกคน!
ไม่ผิด ทุกคนทำได้ เพื่อทุกคน
ชาวบ้านทั้งหลายหน้าประตูเมืองเริ่มพากันตะโกนเสียงดัง ไม่เหมือนกับความหวาดหวั่นสิ้นหวังก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เสียงเอะอะยิ่งใหญ่ประหนึ่งดวงไฟ แผ่ลามจากประตูเมืองเข้าไปในเมือง ม้วนตลบทั้งเมืองหลวง