Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ตอนที่ 64 อยากถามว่าเจ้าต้องการหรือไม่
เรื่องเกี่ยวกับไหวอ๋องและตำแหน่งรัชทายาทถูกทางการกดลงไปด้วยการจับคนว่างงานกลุ่มหนี่งไปโดยอ้างว่าสร้างความสับสนแก่ประชาชนหวังไม่ดี
แต่ดังเช่นเด็กน้อยขบถ เรื่องที่ยิ่งไม่ให้ทำก็ยิ่งจะทำ ฉากหน้าไม่มีใครกล้าพูดถกเรื่องนี้ แต่ลับๆ คุยถกกันยิ่งมาก
จุดนี้ทางการราชสำนักรู้แต่ก็จนปัญญาอยู่บ้าง ที่จริงขุนนางทั้งหลายลับหลังก็คุยถกเรื่องนี้ไม่หยุดตลอดเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่จริงก็เป็นเรื่องที่ควรคุยถกกันแล้ว
ฮ่องเต้มีโอรสห้าพระองค์ นอกจากสองคนเล็กสุดไม่เอามาคิด โอรสสามพระองค์อายุก็ล้วนสั่งสอนในฐานะองค์รัชทายาทได้แล้ว
องค์ชายสามคนต่างก็มีผู้สนับสนุนอยู่ลับๆ
แต่ตอนนี้อยู่ดีๆ กลับมีไหวอ๋องคนหนึ่งโผล่มาอีก
“เรื่องนี้พูดไม่ง่ายอยู่บ้างแล้วจริงๆ”
ขุนนางคนหนึ่งส่ายศีรษะเอ่ยเสีงเบา
ประโยคนี้ออกจากปาก เขาก็ตะลึงอีกหน
ทำไมเขาบอกว่าพูดไม่ง่าย?
หรือเขาไม่ควรยืนยันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องพิจารณาหรือ?
หรือในใจเขาเอาไหวอ๋องมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกองค์รัชทายาทแล้ว
นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาคิดเช่นนี้?
หรือเพราะไหวอ๋องที่ไม่ได้พูดถึงมาเนิ่นนานปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนใหม่อีกหน ทำให้เขาคิดถึงอดีตองค์รัชทายาทในอดีต นึกขึ้นได้ว่าไหวอ๋องคนนี้เดิมทีก็ควรมีฐานะเป็นองค์รัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
หรือเพราะเห็นเด็กน้อยคนนั้นแบกรับสายเลือดร้อนระอุของลูกหลานราชวงศ์ ยืดอกก้าวออกมาในยามที่เมืองหลวงวิกฤต
เด็กที่หายไปนานแล้วคนนั้นไม่ได้เสื่อมสลายแห้งเหี่ยวดั่งต้นหญ้าอ่อนแอที่ไม่ได้พบดวงตะวัน ตรงกันข้ามไม่รู้เนื้อรู้ตัวกลับเติบใหญ่แข็งแรงเช่นนี้
นี่คือไหวอ๋องสินะ นี่คือเลือดเนื้อที่เหลืออยู่ของอดีตองค์รัชทายาท นี่คือคนที่อดีตฮ่องเต้ชอบที่สุด ยังเคยเลียนแบบถังเกาจงแต่งตั้งว่าที่องค์รัชทายาทล่วงหน้าเชียวนะ
หากแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาทจริงๆ ที่จริงก็ไม่นับว่าผิดธรรมเนียม
เรื่องนี้สิ่งเดียวที่ผิดธรรมเนียมแหกกฎก็คือคุณหนูจวินคนนั้น ไม่ควรเป็นนางเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา
หากเป็นขุนนางทั้งหลายในราชสำนักเอ่ย จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่?
ขุนนางความคิดแล่นผ่านก็ตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกหน
ไม่ ไม่ นี่จะสำเร็จราบรื่นได้อย่างไร? มีฮ่องเต้พระองค์ไหนยินดียกตำแหน่งฮ่องเต้ให้คนอื่น ไม่ใช่ลูกชายของตนเอง ถ้าเช่นนั้นเขาเป็นฮ่องเต้นี่จะเพื่ออะไรเล่า? ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นหรือ? บ้าบอเกินไปแล้ว
คนเป็นขุนนางคนไหนจะไปยั่วโมโหฮ่องเต้เช่นนี้?
แต่ก็ไม่แน่ ที่ผ่านมามีขุนนางมากมายใช้การขัดประสงค์ของโอรสสวรรค์เป็นโอกาสแสดงความมีคุณธรรม
เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ไม่เคยมีใครทำ นอกจากนี้เคยได้ผลตอบแทนมากมาย
ครั้งนี้จะมีขุนนางในใจเตรียมก่อการอยู่หรือไม่?
เรื่องเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทำไมเขามีความคิดแปลกประหลาดมากเช่นนี้โผล่ออกมา
นอกจากเขา ขุนนางคนอื่นเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่?
ไหวอ๋องที่ถูกกดมาหลายปีฉับพลันก็ปรากฏตัวโดดเด่นเช่นนี้ รัศมีแสงยากบดบังแล้ว
ถ้าเช่นนั้นไหวอ๋องที่เป็นจุดศูนย์ร่วมของเรื่องราว คิดอย่างไร?
ก่อเรื่องจนเป็นที่ฮือฮาเช่นนี้ เขารู้หรือไม่รู้?
ประตูใหญ่วังไหวอ๋องยังคงปิดสนิท แต่กลับไม่คล้ายกำแพงทองแดงปราการเหล็กไม่มีใครเข้าใกล้เช่นนั้นอย่างก่อนหน้านี้
ราชรถของเสียนอ๋องหยุดอยู่หน้าประตูเด่นชัด
“ปกป้องประตูเมืองอยู่หลายวันปานนั้น อย่างไรก็ยังเป็นเด็กเล็กคนหนึ่ง ไม่รู้ร่างกายไม่สบายหรือไม่” เสียนอ๋องยืนอยู่ที่ประตู เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
คนที่เฝ้าประตูยังคงเป็นองครักษ์เสื้อแพรดังเดิม แต่กลับประหนึ่งไม่อยู่ ไม่ขวางแล้วก็ไม่ต้อนรับ
คนของเสียนอ๋องผลักประตูเปิดเองตรงๆ เสียนอ๋องก็เดินอาดๆ เข้าไปแล้ว
วังไหวอ๋องเหมือนเช่นวันวาน ขันทีนางกำนัลยิ่งตัวสั่นระริก
เมืองหลวงเฝ้าระวัง วังไหวอ๋องตรงกันข้ามประตูกลับเปิดกว้าง ข่าวคราวบนถนนทยอยมาถึง
“ไหวอ๋องต้องการเป็นองค์รัชทายาท..”
ขันทีคนหนึ่งสีหน้าซีดขาวเอ่ยเสียงสั่น
“คราวนี้จบสิ้นแล้ว”
พวกเขาเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวง คนที่ข้องเกี่ยวล้วนเป็นพระญาติเชื้อพระวงศ์ ไม่มีใครเข้าใจว่าการต่อสู้ที่ห้อมล้อมอำนาจจักรพรรดิโหดร้ายมากเพียงไรยิ่งกว่าพวกเขาแล้ว
บรรดาองค์ชายที่ฮ่องเต้ให้กำเนิดผู้ที่หลังร่างมีพระสนมผู้เป็นมารดาและพระญาติรวมถึงขุนนางทรงอำนาจ สนับสนุน ต่อสู้กันในที่ลับในที่แจ้งเพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาทยังยากเย็น
ท่านอ๋องที่ไร้บิดาไร้มารดาหายไปจากสายตาหลายปีตัวตนกระอักกระอ่วนโผล่ออกมาจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายเองหรือ?
“พวกเจ้ายังจำอี้อ๋องได้ไหม?” ขันทีอีกคนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น “ตอนนั้นก็เพราะไท่จงเอ่ยประโยคหนึ่งว่ารอเจ้าเป็นฮ่องเต้ค่อยพระราชทานรางวัลจึงไม่อาจไม่ใช้ความตายแสดงเจตนารมณ์หลบเลี่ยงข้อสงสัย”
ขันทีทั้งหลายด้านข้างสีหน้ายิ่งไม่น่าดูแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นพูดเช่นนี้ตอนนี้สิ่งที่ไหวอ๋องควรทำก็คือให้ความตายพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้คิดหมายตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ?”
สำหรับสายเลือดอันชอบธรรมแล้ว นี่เป็นวิธีที่สมธรรมเนียมที่สุด พิสูจน์คุณธรรมสูงส่งได้ที่สุด
“ถ้าเช่นนั้นนี่คุณหนูจวินกำลังบีบไหวอ๋องให้ตายหรือ?”
……………………………………….
……………………………………….
“คุณหนูจวินเป็นคนเสนอให้ข้าเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”
ในห้องไหวอ๋องเอ่ยถาม
เสียนอ๋องที่เดินเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดีอดไม่ได้หยุดยืน
ใช่แล้ว คุณหนูจวินกระทำครั้งนี้ ประหนึ่งดาบเล่มหนึ่งฉับพลันฟันลงมาจริงๆ ไม่มีเตรียมบอกล่วงหน้าสักนิด ทำให้คนทั้งหมดล้วนรับมือไม่ทัน
เสียนอ๋องถอนหายใจในใจ
ครานี้ไม่ใช่แค่จับฮ่องเต้ใส่กองไฟย่าง ไหวอ๋องไยไม่ใช่เช่นนี้ด้วย
“ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นความคิดของคุณหนูจวินเอง พวกเราล้วนไม่รู้ องค์ชายโกรธบ้างหรือไม่?” บัณฑิตกู้เอ่ย
ไหวอ๋องส่ายศีรษะ
“ในเมื่อคุณหนูจวินเป็นคนเสนอ” เขาเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นข้าไม่โกรธ”
ถึงกับเชื่อใจคุณหนูจวินคนนี้เช่นนี้เชียว?
เพราะครั้งนั้นรักษาโรคของเขาจนหายดีหรือ? เด็กน้อยมักจะยึดติดเป็นลูกนกอยู่บ้าง
เสียนอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย มองผ่านประตูหน้าต่างที่เปิดกว้างเข้าไปด้านใน เห็นไหวอ๋องกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือคล้ายกำลังเขียนอักษร บัณฑิตกู้ยืนหันหลังให้ประตูอยู่ ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้
“ถ้าเช่นนั้นท่านกลัวหรือไม่?” บัณฑิตกู้เอ่ยถาม
ไหวอ๋องวางพู่กันในมือลง สีหน้าติดจะเคร่งขรึมอยู่บ้างเช่นกัน แต่ความเคร่งขรึมของเด็กน้อยอย่างไรก็ยากเลี่ยงทำให้คนรู้สึกขบขันอยู่บ้าง
“กลัวสิ่งใด?” เขาเอ่ยถาม
“กลัวผู้อื่นว่ากล่าวว่าองค์ชายอยากเป็นองค์รัชทายาท กลัวองค์ชายเป็นรัชทายาท” บัณฑิตกู้เอ่ย
สองประโยคฟังแล้วเป็นความหมายเดียวกัน แต่ที่จริงไม่ใช่
ไหวอ๋องมองเขา สีหน้าจริงจัง คิดนิดหนึ่ง
“ทำไมต้องกลัว?” เขาเอ่ย “ข้าไม่กลัวหรอก”
บัณฑิตกู้มองเขาไม่เอ่ยวาจา
ไหวอ๋องกระโดดลงมาจากบนเก้าอี้ มือไพล่หลังท่าทางเหมือนผู้ใหญ่เดินสองก้าว
“ข้าเป็นองค์รัชทายาทให้ดีก็ไม่กลัวผู้อื่นว่ากล่าวแล้ว” เขาเอ่ยต่อ สีหน้าจริงใจ
บัณฑิตกู้หัวเราะฮ่าฮ่า
เสียนอ๋องที่ยืนอยู่นอกประตูก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง
เรื่องนี้ไม่ได้ควรคิดเช่นนี้กระมัง?
“องค์ชาย อยากเป็นองค์รัชทายาทไหม?”
บัณฑิตกู้หุบยิ้มแล้วเอ่ยถาม
คำถามนี้ถามออกมาประหนึ่งดาบเล่มหนึ่งฟันลงมาตรงๆ เด็ดขาดดุดัน
เสียนอ๋องที่ยืนอยู่นอกประตูอดเคร่งเครียดไม่ได้
วังไหวอ๋องนี่ไม่มีเจ้านาย ไม่มีการเฝ้าระวัง นอกจากประตูใหญ่บานนั้น ทุกสิ่งล้วนเปิดโล่งไร้อุปสรรค
เขาเดินมาตลอดทางล้วนไม่ต้องให้ข้ารับใช้แจ้งล่วงหน้า
อาจารย์สอนหนังสือคนหนึ่งถามคำถามที่คนมากมายล้วนไม่กล้าและไม่อาจถามข้อหนึ่งออกมาเช่นนี้ ไม่กลัวถูกคนได้ยินเล่าลือออกไปสักนิดจริงๆ หรือ?
เขาอยากอ้าปากห้าม แต่ไหวอ๋องเอ่ยปากก่อนแล้ว
“ข้าอยาก” เขาเอ่ยเสียงใสกังวาน
เสียนอ๋องมองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ในห้อง เขาสีหน้านิ่งสงบ ท่วงท่าผึ่งผาย
ก็ยกมือรับดาบที่ฟันลงมาเช่นนี้ เด็ดชาดฉับไวตรงไปตรงมา
เขาเอ่ยออกจากปากแล้ว
เขาเอ่ยแล้ว
เขาอยากเป็นองค์รัชทายาท
เขามีสิ่งใดไม่อยาก เขามีสิ่งใดไม่อาจตอบ เขาไม่จำเป็นต้องขลาดกลัวหลบเลี่ยง เขาก็เป็นลูกหลานแซ่ฉู่ บิดาของเขาเคยเป็นองค์รัชทายาท เขาเดิมทีก็ควรเป็นว่าที่องค์รัชทายาท
เจ้ากล้าถาม เขาก็กล้าตอบ
เสียนอ๋องมองทั้งสองคนในห้องแล้วหมุนตัวออกไป
เขาตอบแล้ว หากมีคนไม่อยาก ถ้าเช่นนั้นก็เอ่ยปากบอกมาเถอะ
เขากล้าบอกว่าอยาก ก็ดูซิว่าเจ้ากล้าหรือไม่กล้าบอกว่าไม่
ก็ง่ายดายเช่นนี้