Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - บทที่ 133 รักมากจึงยากปฏิเสธ
บทที่ 133 รักมากจึงยากปฏิเสธ
Ink Stone_Romance
นายท่านใหญ่หนิงสีหน้าโศกเศร้าคับแค้นอยู่บ้าง
มองฝูงชนด้านนอกที่รอชมเรื่องสนุกอยู่
ลูกชายของเขากับเขาที่จริงล้วนคุ้นชินกับการมุงดูและเสียงเอะอะเช่นนี้ แต่เห็นฉากนี้แล้วใจโศกเศร้าคับแค้นเพิ่งเป็นครั้งแรก
นายท่านใหญ่หนิงรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมนัก
ลูกชายของเขาชอบแม่นางคนหนึ่ง สำหรับแม่นางคนนี้นี่ควรเป็นเรื่องมีเกียรติที่สุดแล้ว สำหรับชาวบ้านแล้ว อิจฉาริษยาชิงชิงความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นปกติ
แต่ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ควรเกิดกับลูกชายของเขา แต่เป็นแม่นางคนนั้นที่ถูกลูกชายต้องตา
ทำไมตอนนี้ทุกคนล้วนหยอกล้อเช่นนี้ ถึงขั้นยังมีคำพูดว่าไม่คู่ควรกับแม่นางอีกฝั่ง
ก็เพราะแม่นางคนนี้คือคุณหนูจวินรึ?
ก็เพราะตอนนั้นคุณหนูจวินไล่ตามคุณชายหนิงแต่ถูกรังเกียจ ตอนนี้คุณชายหนิงหันกลับมาวิ่งไว่ตามนางบ้างจึงควรถูกรังเกียจหรือ?
นี่รังแกคนไปหน่อยแล้วกระมัง
นายท่านใหญ่หนิงมองหอซุ่นเต๋อ หลังจากนั้นมองยายเฒ่าผู้สวมอาภรณ์งามลายมวลบุปผาคนหนึ่งเดินออกมายืนที่ประตู บนหน้ามีรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง
ก็รู้อยู่เชียวว่าเป็นลูกไม้ที่ยายเฒ่าคนนี้ทำ
ความโกรธของนายท่านใหญ่หนิงกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ก็รู้อยู่แล้วเชียวว่าวันนี้ตนเองคววรมา ลูกชายวิญญูชนผู้ถ่อมตัวคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของยายเฒ่าที่ตัดขาดญาติหกฝั่งคนนี้ได้อย่างไร
นางคงจะอาศัยโอกาสนี้หยามหมิ่นบุตรชายยกหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยกล่อมคุณหนูจวินคนนั้นให้จบการแต่งงานครั้งนี้เสีย ให้พวกเขาตระกูลหนิงกลายเป็นเรื่องตลกตั้งแต่หัวจรดหาง
เหอะ อย่าฝัน
“ในเมื่อนายหญิงผู้เฒ่าฟางมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งย่อมควรพบสักหน่อย” เขาเอ่ย กดหนิงอวิ๋นเจาไว้บนรถ “เจ้ารอก่อน”
พูดจบเลิกม่านลงรถไป
หนิงอวิ๋นเจาจะดึงไว้แต่ไร้ผล ได้แต่ปล่อยเขาไปข้างหน้า
“นายท่านใหญ่หนิงมาแล้ว!”
การปรากฏตัวของนายท่านใหญ่หนิงดึงความสนใจของผู้คนทันที พร้อมกับเสียงตะโกนนี้ คนทั้งหมดก็หันศีรษะมา
“เป็นนายท่านใหญ่หนิงจริงๆ!”
ในที่นั้นครึกครื้นเป็นแถบ สายตารวมอยู่บนตัวนายท่านใหญ่หนิง จากนั้นก็มองไปทางหลังร่างเขา
แต่หลังร่างเขามีเพียงเด็กรับใช้ตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“คุณชายหนิงเล่า?”
ในฝูงชนคำถามสับสนวุ่นวายดังขึ้น
นายท่านใหญ่หนิงสีหน้าไม่เปลี่ยนเดินผ่านฝูงชน ยืนอยู่หน้าหอซุ่นเต๋อ แย้มรอยยิ้มให้นายหญิงผู้เฒ่าฟาง
“นายหญิงผู้เฒ่าญาติรัก” เขาร้องเรียกอย่างกระตือรือร้น ประสานมือสูงคารวะทีหนึ่ง “ท่านมาได้ตามนัด ข้าดีใจเหลือเกินจริงๆ”
ที่แท้เป็นนายท่านใหญ่หนิงเชิญนายหญิงผู้เฒ่าฟางหรือ?
ไม่ใช่คุณชายสิบหนิงนัดคุณหนูจวินรึ?
มองผู้อาวุโสสองคนหน้าเหลาสุรา บรรดาชาวบ้านผิดหวังอยู่เล็กน้อย
แน่นอนนี่ไม่ใช่ปัญหาอะไร เรื่องแต่งงานของชายหญิง พูดจาสู่ขอหมั้นหมาย บัญชาของบิดามารดา ตระกูลหนิงตระกูลฟางสองครอบครัวนี้พบหน้ากันถึงเป็นเรื่องปกติทั้งสมเหตุผล เพียงแต่อย่างไรก็น่าสนุกน้อยกว่าความรักลึกซึ้งของหนุ่มสาวอยู่บ้างก็เท่านั้น
ส่วนนายหญิงผู้เฒ่าฟางยิ้นเย็น
ก็ว่าแล้วตระกูลหนิงนี่เจ้าเล่ห์ทั้งไร้ยางอาย ทั้งคิดถึงผลประโยชน์ทั้งคิดถึงหน้าตา ยังดีนางยืนยันจะมาด้วย ไม่เช่นนั้นเจวินเจินเจินใยไม่ใช่ถูกนายท่านใหญ่หนิงผู้นี้หลอกแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไร คุณชายสิบหนิงก็เป็นคนนัดด้วยตนเอง พวกเราอย่างไรก็ต้องมาพบสักหน่อย” นางเน้นเสียงหนักเอ่ย
คุณชายสิบหนิงนัดด้วยตนเอง?
บรรดาชาวบ้านได้ยินก็งุงงงอยู่บ้างแล้ว ถ้าอย่างนั้นที่แท้ใครนัด? คนที่นัดที่แท้เป็นใคร?
นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว
“ครอบครัวเดียวกันอย่าได้พูดจาเป็นคนอื่น“ เขาเอ่ย ก้าวเดินไปด้านในหอซุ่นเต๋อ “นายหญิงผู้เฒ่าญาติรัก พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันเถิด”
บัณฑิตช่างไร้ยางอายจริงๆ นายหญิงผู้เฒ่ามองรถม้าที่นิ่งสงบจอดอยู่นอกฝูงชนคันนั้น
เพื่อพบหน้าคุณหนูจวินจวินตามลำพัง ถึงกับไม่เสียดายให้บิดาของเขามารั้งตนไว้
นายหญิงผู้เฒ่าฟางหัวเราะหยันทีหนึ่ง
“ใช่แล้ว คิดไม่ถึงว่านายท่านใหญ่หนิงท่านจะมาด้วยตนเอง พบหน้าท่านสักครั้งไม่ง่ายเลยจริงๆ” นางว่า
ตอนนั้นจวินเจินเจินเพิ่งมาถึงหยางเฉิงพูดเรื่องแต่งาน ไม่ต้องพูดถึงนายท่านใหญ่หนิงเลย พบหน้านายหญิงใหญ่หนิงสักครั้งยังยาก
พูดเรื่องเก่ารึ? นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่ะฮ่ะแล้ว
“เช่นกันเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พบนายหญิงผู้เฒ่าฟางท่านเลย” เขาว่า
พวกเราตอนนั้นปฏิเสธไม่ยอมรับสัญญาหมั้นมีความผิด ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าตระกูลฟางตอนนั้นก็ไม่สนใจใยดีการแต่งงานของคุณหนูจวินเหมือนกันแหละ เสียดสีว่าพวกเราก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อม ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็เหมือนกัน
ทุกคนว่าพี่ใหญ่อย่าว่าพี่รอง ใครก็ดูถูกใครไม่ได้ ในใจใครล้วนรู้ว่าใครคิดอะไร
บรรยากาศนี้ไม่ถูกต้องนะ ชาวบ้านที่มุงดูถลึงตาเขย่งเท้ามอง ทำไมเหมือนทั้งสองคนล้วนมีเพลิงโทสะ?
ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ชาวบ้านที่มุงดูพลันประหนึ่งถูกดาบตัด แหวกออกเป็นทางเส้นหนึ่ง
บุรุษผู้หนึ่งเดินอาดๆ ออกมาจากฝูงชน หลังร่างบุรุษสี่คนติดตาม
เมื่อพวกเขาขยับเดิน ฝูงชนที่เอะอะก็ประหนึ่งถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งสาดเงียบเสียงไป
“คนมากปานนี้เชียว?” จินสือปาแสร้งเอ่ยถามประหลาดใจ “วันนี้กิจการของหอซุ่นเต๋อแห่งนี้ดีปานนี้?”
องครักษ์เสื้อแพรมาแล้ว
ครั้งก่อนที่ลั่วเหมยเซวียนก็ปรากฏตัว ครั้งนี้ก็ปรากฏตัวอีก นี่อย่างไรก็ไม่ใช่บังเอิญกระมัง
หน้าหอซุ่นเต๋อเงียบไปหมด
“ใต้เท้าจิน” นายท่านใหญ่หนิงยิ้ม ประสานมือคารวะจินสือปา “บังเอิญจริงๆ วันนี้มีธุระถูกพวกเราเหมาแล้ว”
พูดจบมองนายหญิงผู้เฒ่าฟางทีหนึ่ง
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่มีทางเป็นฝ่ายไม่เกรงใจปานนี้กับองครักษ์เสื้อแพรเด็ดขาด แต่ไร้หนทาง ใครให้องครักษ์เสื้อแพรตอนนี้มีแค้นกับคุณหนูจวินกันเล่า มีแค้นกับคุณหนูจวินก็คือมีแค้นกับพวกเขาตระกูลหนิง
เขาก็ปกป้องคนของตนเช่นนี้
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองยังไม่มองเขา
“วันนี้ที่นี่มีธุระ พวกท่านไปสถานที่อื่นเถิด” นางว่า
บัณฑิตช่างเกรงอกเกรงใจจอมปลอม
มีอะไรให้เกรงใจ อยู่ที่เมืองหลวงถูกองครักษ์เสื้อแพรรังแกจนเป็นเช่นนั้น ยังต้องเกรงใจพวกเขาอีกรึ? กล้ามาอยู่ต่อหน้า ข้าก็กล้าเอาราชโองการฟาดหน้าพวกเขา
จินสือปาเลิกคิ้ว บัณฑิตจากกันสามวันต้องมองใหม่จริงๆ หัวหน้าครอบครัวของสองครอบครัว หนึ่งพ่อค้าผู้เป็นมิตร หนึ่งขุนนางผู้เป็นมิตรอยู่ดีๆ ก็ไม่เกรงใจเช่นนี้กับเขาแล้ว
นี่ล้วนเป็นเพราะคุณหนูจวินคนนั้นสินะ
คุณหนูจวินเป็นถึงคนของใต้เท้าลู่ พวกเจ้าสองตระกูลนั่งลงเรียกญาติอย่างโน้นญาติอย่างนี้คุยเรื่องแต่งงาน ฝันไปจริงๆ
สายตาของจินสือปามองเข้าไปด้านใน
“หรือคุณหนูจวินอยู่ที่นี่?” เขาหัวเราะฮ่ะฮ่ะเอย ไม่ได้สนใจความไม่เกรงใจของทั้งสองคนนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญแล้ว ข้าพอดีไม่สบายนิดหน่อย เชิญคุณหนูจวินดูสักนิด”
พูดจบก็ยกเท้าก้าวเข้าไป
“เจ้า…” นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายท่านใหญ่หนิงล้วนจะขวาง
แต่บุรุษสี่คนนั้นก้าวเข้ามาแล้ว เบียดพวกเขาเข้าไปในหอซุ่นเต๋อง่ายดายดั่งยกฝ่ามือ มุ่งไปที่ห้องห้องหนึ่งทันที
เห็นได้ว่าพวกเขาสอดส่องมาก่อนแล้ว รู้ว่าคุณหนูจวินอยู่ที่ห้องไหน
นายหญิงผู้เฒ่าฟางกระทืบเท้าจะตามไป กลับเห็นคนไม่กี่คนที่เข้าไปในห้องนั้นออกมาแล้ว
“คุณหนูจวินเล่า?” จินสือปาขมวดคิ้วเอ่ยถาม
นายหญิงผู้เฒ่าฟางได้ยินก็งงไปครู่หนึ่ง มองลอดประตูห้องที่เปิดอยู่เห็นด้านในว่างเปล่าไม่มีคน
คุณหนูจวินเล่า? เมื่อครู่ยังนั่งดื่มชาอยู่ด้านในอยู่เลย?
และในเวลาเดียวกันนี้รถม้าของนายท่านใหญ่หนิงที่จอดอยู่ด้านนอกก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเลิกเปิด
“คุณชายหนิงก็ไม่อยู่” เขาเอ่ย
มองดูรถม้าที่ว่างเปล่า สีหน้าของนายท่านใหญ่หนิงก็อึ้งเช่นกัน
นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หรือว่า….
“หนุ่มสาวสมัยนี้นี่น้า” จินสือปากำมือ ส่ายศีรษะทอดถอนใจ
“สังคมตกต่ำลงทุกวันจริงๆ ยิ่งไม่เข้าท่าขึ้นทุกทีแล้ว”
…
“ท่านยายตามมาไม่ใช่เจตนาเดิมของข้า”
เวลานี้ในเพิงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ปากตรอกเล็กคับแคบแห่งหนึ่ง คุณหนูจวินกำลังพูดกับหนิงอวิ๋นเจา
เพิงน้ำชาเล็กๆ แห่งนี้ ห้อยม่านไม้ไผ่ไว้หลายผืนบดบังแสงตะวัน พอดีปิดบังใบหน้าของแขกด้านใน เกิดเป็นการตัดขาดที่ดียิ่ง
เมื่อสายลมโชยพัดผ่านม่านไม้ไผ่ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเผยครึ่งหน้าของหนิงอวิ๋นเจา
“แต่รักมากจึงยากปฏิเสธ” เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ย สะบัดแขนเสื้อส่งชาถ้วยหนึ่งมา “ข้าก็เช่นกัน”
……………………………………….