Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาคที่ 4 ตอนที่ 43 ไม่รีบร้อนนิ่งรอ
ในห้องเงียบสงบไปหมด บุรุษหลายคนยืนอยู่ใต้แสงโคมสลัวดูไปแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดโกรธเกรี้ยวเช่นกัน
“คิดไม่ถึงจริงๆ เช่นนี้แล้วเขายังรอดมาได้” บุรุษคนหนึ่งเอ่ย “นี่ล้วนเพราะกองทหารชิงซานนั่น”
“กองทหารชิงซานนี่ที่แท้เป็นเรื่องอะไรอัน? เป็นทหารที่ใครเลี้ยงไว้?” หวงเฉิงเอ่ยถาม “หาออกมาแล้วหรือยัง?”
บุรุษหลายคนสบตากัน
“บอกกันว่าไม่ใช่ทหารขอรับ” บุรุษคนหนึ่งพึมพำเอ่ย “เป็นโจรของเมืองชิ่งหยวน”
“เป็นโจรจริงๆ รึ?” หวงเฉิงขมวดคิ้วเอ่ยถาม
เรื่องเกี่ยวกับภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้ เดิมทีทุกคนไม่ได้สนใจ อย่างไรมีท่านหญิงเฉิงกั๋วอยู่ ช่วยคุ้มครองชาวบ้านผู้ลี้ภัยไม่เหมือนการรบกับทหารจิน นอกจากนี้หลักๆ ยังมีกองทหารซุ่นอันอยู่อีก
รวมถึงภายหลังยังมีข่าวส่งมาอีกว่าภรรยาของท่านชายคนนี้เป็นโจร
เช่นเดียวกันกับขุนนางทั้งหลายของเมืองเหอเจียน พวกเขาหัวเราะกับเรื่องนี้ยกหนึ่ง
“ท่านหญิงเฉิงกั๋วอย่างไรก็เป็นผู้หญิงที่ออกมาจากรังโจรภูเขา เจอปัญหาก็ทำได้เท่านี้ รู้จักแต่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์”
“หรือตอนนั้นที่นางจะไปเมืองต้าหมิงพบชิงเหอปั๋วก็คิดจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับชิงเหอปั๋วด้วย? ลูกสาวของบ้านชิงเหอปั๋วก็ไม่น้อย แต่ต้องการสู่ขอ เฉิงกั๋วกงมีเงินรึ?”
ชิงเหอปั๋วละโมบทรัพย์ บุตรชายทั้งหลายในบ้านสู่ขอภรรยาสินเดิมของเจ้าสาวต้องมากมายก่ายกอง ส่วนลูกสาวทั้งหลายแต่งออกต้องเรียกสินสอดมากมายก่ายกอง ส่วนสินเดิมของเจ้าสาวน้อยนิด
เพราะในบ้านลูกชายลูกสาวจำนวนมากอายุมากแล้วยังไม่แต่งงาน จึงมีคนเอ่ยกล่อมชิงเหอปั๋วทั้งในที่ลับในที่แจ้ง ชิงเหอปั๋วบอกว่าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับครอบครัวเขาได้ ประโยชน์ที่ได้ก็เกินกว่าสินเดิมเจ้าสาวกับสินสอดเล็กน้อยนานแล้ว
แต่ตอนนี้ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นภรรยาโจรของท่านชายคนนี้พากองทหารซุ่นอันไปอี้โจวช่วยเฉิงกั๋วกงกลับมา รอยยิ้มยินดีนี่ของทุกคนก็สลายหายไปแล้ว
กองทหารซุ่นอันกี่ชั่งกี่เหลี่ยงพวกเขาก็รู้ชัดอยู่ แม้กองทัพอุดรใต้การปกครองของเฉิงกั๋วกงล้วนเชี่ยวชาญการรบ แต่ไม่ได้กล้าหาญถึงขั้นนี้แน่นอน
เจ็ดแปดพันคนวิ่งไปในเขตของชาวจิน ผจญศึกกับทหารจินหลายหมื่น นี่ไม่ใช่กล้าหาญ นี่บ้าไปแล้วกระมัง?
ทว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว และยังพาเฉิงกั๋วกงกลับมาด้วย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่กองทหารซุ่นอันทำได้อย่างเด็ดขาด กุญแจสำคัญของเรื่องต้องเป็นภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้แน่นอน
ภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้จึงถูกทุกคนสนใจอีกครั้ง แต่การปรากฏตัวของกองทหารชิงวซานนี่กะทันหันเกินไปแล้ว ถึงขั้นไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ใด ข่าวสืบไปไร้เงื่อนงำอย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดจากตัวตนที่เป็นโจรนี้จึงได้ข่าวเรื่องหนึ่งจากเมืองชิ่งหยวน บอกว่าในเมืองชิ่งหยวนเดิมทีมีโจรที่ร้ายกาจนักกลุ่มหนึ่ง สังหารโจรในเขตจนเกลี้ยง ต่อมาอยู่ดีๆ ก็หายไป
“น่าจะเป็นโจรเหล่านี้ที่เมืองชิ่งหยวนพูดถึงขอรับ” ผู้ช่วยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “คนของพวกเราครั้งแรกก็ขาดการติดต่อในเขตเมืองชิ่งหยวนนี่เอง”
หวงเฉิงครุ่นคิดขมวดคิ้ว
“ดูเช่นนี้แล้ว คนเหล่านี้คงตายในมือภรรยาของท่านชายคนนี้ด้วย” เขาเอ่ย
“คงบังเอิญพบเข้า” ผู้ช่วยคนหนึ่งครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้นบ้าง “เพราะคนของพวกเราอ้างตัวว่าเป็นโจรดักปล้น ดังนั้นถึงถูกคนที่เรียกว่าโจรสังหารโจรเหล่านี้สังหาร”
“แล้วก็รู้จักกับท่านหญิงเฉิงกั๋วเช่นนี้” ผู้ช่วยอีกคนเอ่ยขึ้นบ้าง
“ดังนั้นท่านหญิงเฉิงกั๋วจึงถูกใจโจรเหล่านี้เข้า และไม่อยากแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับชิงเหอปั๋วแล้ว ตัดสินใจแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับโจรนี่แทน” ผู้ช่วยคนหนึ่งสีหน้าประหลาดเอ่ยขึ้น “เพราะประการแรกโจรเหล่านี้ร้ายกาจ ประการที่สองสินสอดอาจถูกด้วย?”
ได้ยินคำพูดของเขาฉับพลันก็มีคนหัวเราะพรืด
แต่ตอนนี้สถานการณ์นี้ไม่เหมาะร่วมหัวเราะจริงๆ
คนผู้นั้นรีบกลั้นไว้ก้มศีรษะลง
หวงเฉิงเคาะโต๊ะ
“ฟังดูแล้วบ้าบอนัก แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้” เขาเอ่ย “แต่แน่นอนคงไม่เรียบง่ายเช่นนี้”
เขามองคนที่อยู่ที่นั่น
“ติ้งโจวด้านนั้นมีข่าวอะไร?”
เพราะก่อนหน้านี้ไม่สนใจ ดังนั้นจึงจับจ้องแต่ท่านหญิงเฉิงกั๋ว คิดว่าเรื่องทุกอย่างล้วนเป็นท่านหญิงเฉิงกั๋วจัดการ ไม่ได้สนใจภรรยาท่านชายคนนี้ด้วย
ตอนนี้ต้องตรวจสอบนางดีๆ สักหน่อยแล้ว
บุรุษหลายคนกลับลำบากใจอยู่บ้าง
“หลังเข้าติ้งโจว ทัพใหญ่ของเฉิงกั๋วกงคุมเข้ม ขุนนางทั้งหลายของท้องถิ่นล้วนไม่อาจเข้าใกล้ คนของพวกเราก็ไม่ได้ข่าวเช่นกัน” พวกเขาเอ่ย
หวงเฉิงขานอืม กลับไม่ได้โมโห
“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน อย่างไรเขาก็คุมเข้มทั้งชีวิตไม่ได้” เขาเอ่ย “ภรรยาท่านชายคนนี้ที่แท้ความเป็นมาอย่างไร แม้สำคัญมากแต่ก็ไม่รีบร้อน ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือจูซานยังมีชีวิตอยู่”
เขาลุกขึ้นยืน ยันโต๊ะก้าวเดินสองก้าวเชื่องช้าอ้อยอิ่ง
“อีกอย่างพวกเจ้าไม่อาจพูดได้ว่าท่านหญิงเฉิงกั๋วความสามารถแค่เท่านี้” เขาเอ่ย “ปีนั้นจางช่างขุนนางทหารยศอู่จิงเข้ากับฝ่ายจิน เฉินเจียงตายคาสนามรบ จูซานถูกชาวจินล้อมขังไว้เกือบตาย ก็อาศัยตระกูลอวี้นี่ จูซานถึงหลุดจากวงล้อมมาได้ โจมตีหวันเหยียนมู่ล่าถอย หนึ่งศึกสร้างชื่อ”
เขามองบุรุษทั้งหลายด้านในห้อง
“เปลี่ยนเป็นพวกเจ้า หากมีโอกาสหนึ่งศึกสร้างชื่อ สร้างความดีความชอบสร้างฐานะ ยังจะสนใจอีกไหมว่าภรรยาที่ตบแต่งเป็นใคร?”
บุรุษทั้งหลายล้วนยิ้มประจบส่ายศีรษะ
ยังมีคนหงุดหงิดอยู่บ้าง
“ไม่สู้ตอนแรกให้ท่านหญิงเฉิงกั๋วไปพบชิงเหอปั๋วอย่างราบรื่นจะดีกว่านะขอรับ” เขาเอ่ย
ต่อให้โน้มน้าวชิงเหอปั๋วให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้ก็ไม่อาจมีผลลัพธ์เช่นวันนี้ได้
“ลูกสะใภ้นี่หาได้ถูกเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง” หวงเฉิงเอ่ยต่อ “นี่คือท่านหญิงเฉิงกั๋วตระเตรียมให้บุตรชายของนางล่ะนะ”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มแล้ว
“น่าเสียดายก็แต่ตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้น ไม่มีจูซานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงลูกสะใภ้โจรคนหนึ่ง รังหนึ่งก็ไม่ไหว”
“แต่ตอนนี้จูซานยังอยู่ นอกจากนี้ครั้งนี้กลับมาจากอี้โจว ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังแล้ว” ผู้ช่วยคนหนึ่งขมวดคิ้วแน่นเอ่ย
“ชื่อเสียงโด่งดังเป็นเรื่องดี แล้วก็เป็นเรื่องร้าย” หวงเฉิงเอ่ย “ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบร้อน”
ไม่รีบร้อนหรือ?
ผู้ช่วยสบตากัน
“ใต้เท้า จูซานผู้นั้นควบคุมแดนเหนืออีกครั้ง แดนเหนือนี่ไยไม่ใช่จะกลายเป็นใต้หล้าของเขาอีกครั้ง” บุรุษคนหนึ่งรีบร้อนเอ่ย “พวกเราลำบากนักกว่าจะทำลายฐานอำนาจที่แดนเหนือได้”
หวงเฉิงยกถ้วยชาขึ้นมาจะพูดอะไร ด้านนอกก็มีเด็กรับใช้ชุดเขียวเข้ามา
“นายท่านผู้เฒ่า” เขาคำนับพลางเอ่ย “ชิงเหอปั๋วมาแล้วขอรับ”
ชิงเหอปั๋ว?
ผู้คนในห้องล้วนตะลึง สีหน้าประหลาดใจและคิดไม่ถึง
“ชิงเหอปั๋วเข้าเมืองหลวงแล้วรึ?” พวกเขาอดไม่ได้เอ่ยถาม
หวงเฉิงหมุนถ้วยชาช้าๆ รอยยิ้มบนใบหน้าคลี่ออก
“รีบร้อนมาปานนี้เชียว” เขาเอ่ยพลางยื่นมือ “เชิญ”
ได้ยินเสียงคำว่าเชิญ ผู้ช่วยหลายคนก็รีบไปเปิดประตู ทั้งยังก้าวไวๆ เดินออกไปยืนอยู่นอกประตูรอต้อนรับ ไม่นานในสายตาของพวกเขาบุรุษรูปร่างกำยำผู้หนึ่งก็เดินมา
เขาอายุห้าสิบกว่าปี เส้นผมขาวประปราย แต่ร่างกายเหยียดตรงไม่แสดงสภาพแก่ชรา
นี่คือแม่ทัพชราผู้หนึ่ง ในอดีตกุมทหารครึ่งหนึ่งไว้ เฉิงกั๋วกงจูซานก็เคยฟังคำสั่งใต้สังกัดของเขา จนวันนี้ยังคงประดับยศแม่ทัพรักษาความสงบมั่นคงของเจียงหนาน
มองเห็นผู้ช่วยทั้งหลายเข้ามายืนต้อนรับด้านนี้ เขาก็ประสานมือยิ้มกว้างแต่ไกล
“โจวเจียงคารวะใต้เท้าผู้เฒ่า” เขาเอ่ย เสียงกังวานพากลิ่นอายหอกโลหะอาชาเหล็กมาด้วย
……………………………………….
ตอนที่ชิงเหอปั๋วแจ้งนามและสังกัด ลู่อวิ๋นฉีที่ตัวอยู่ในบ้านก็ได้ฟังแล้ว
“ไม่มีคำสั่งเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวงโดยพลการ” หัวหน้ากองร้อยเจียง ไม่ วันนี้กลายเป็นหัวหน้ากองพันแล้วเอ่ยเสียงเบา
ลู่อวิ๋นฉีขานอืมทีหนึ่ง
“ฆ่าซะ” เขาเอ่ย
หัวหน้ากองพันเจียงตกใจสะดุ้งโหยง
“ฆ่าจริงหรือขอรับ?” เขาเอ่ยถาม
ดีเลวก็เป็นท่านปั๋วคนหนึ่ง นอกจากนี้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับฮ่องเต้ก็ดีมากด้วย
ลู่อวิ๋นฉีพลันยิ้ม
“แน่นอนย่อมไม่จริง” เขาเอ่ย
หัวหน้ากองพันเจียงสีหน้ายิ่งประหลาดใจ
ดังนั้น นี่คือล้อเล่น?
ลู่อวิ๋นฉี ล้อเล่น? นี่ล้อเล่นจริงๆ ใช่ไหม
รอยยิ้มนี้ของลู่อวิ๋นฉีแย้มออกมาปุบก็หายไป จากนั้นกลับมาราบเรียบ
“พวกเราแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่อาจตัดสินใจ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “พวกเราเพียงฟังพระบัญชา”
ดังนั้นชิงเหอปั๋วเข้าเมืองหลวงโดยพลการจะจัดการอย่างไร เป็นเรื่องของฮ่องเต้ ส่วนพวกเขาเพียงต้องทำตามพระบัญชาของฮ่องเต้ก็พอแล้ว
หัวหน้ากองพันเจียงย่อมเข้าใจหลักการนี้เช่นกัน ตอนนี้สิ่งที่เขาใส่ใจสนใจก็ไม่ใช่ชิงเหอปั๋ว แต่เป็นลู่อวิ๋นฉี
หนึ่งรอยยิ้มหนึ่งหุบยิ้มนี่พิสูจน์ว่ารอยยิ้มนี้ของเขาออกมาจากในใจ ในใจเขาตอนนี้กำลังพอใจอย่างยิ่ง เบิกบานใจยิ่ง สุขใจอย่างยิ่ง
เรื่องอันใด? หัวหน้ากองพันเจียงมองดูลู่อวิ๋นฉี
“ภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกง” ลู่อวิ๋นฉีพลันเอ่ย
หัวหน้ากองพันเจียงได้สติกลับมาก็รีบขานตอบ
“เฉิงกั๋วกงเข้าติ้งโจวมาแล้วขอรับ องครักษ์เสื้อแพรด้านนั้นมีข่าวส่งกลับมาบ้าง ความเป็นมาของภรรยาบุตรชายเฉิงกั๋วกงผู้นี้…” เขารายงาน
ลู่อวิ๋นฉียิ้มอีกครั้งแล้วขัดเขา
“ความเป็นมาของภรรยาท่านชายคนนี้ยังต้องสืบอีกหรือ?” เขาเอ่ยขึ้น “โจรที่มาจากเมืองชิ่งหยวน นอกจากนางยังมีใครอีก”