Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาคที่ 4 ตอนที่ 45 เมืองหลวงไปได้หรือไม่
หากบอกว่าให้เฉิงกั๋วกงกลับเมืองหลวงรายงานภารกิจ นี่ก็ปกติยิ่ง แต่ด้านหนึ่งเรียกเฉิงกั๋วกงกลับเมืองหลวง ด้านหนึ่งส่งแม่ทัพแดนเหนือคนใหม่คนหนึ่งมา นี่ย่อมหมายความว่าเฉิงกั๋วกงจะถูกย้ายออกไปแล้ว
ถูกย้ายออกไป นั่นไยไม่ใช่หมายความว่าถูกแย่งอำนาจทหาร?
ฮ่องเต้ยังคงไม่พอใจที่เฉิงกั๋วกงขัดราชโองการ ในที่สุดจึงลงโทษเป็นการเตือนแล้ว
ก่อนหน้านี้แม้ไม่พอใจ แต่พะว้าพะวงความปลอดภัยของแดนเหนือไม่กล้าแตะเฉิงกั๋วกง ตอนนี้เจรจาสงบศึกกับชาวจินแล้ว สองแคว้นหยุดทำสงครามเป็นมิตรกัน ถ้าอย่างนั้นในที่สุดก็แตะเฉิงกั๋วกงได้แล้ว
นอกจากนี้คนที่มารับช่วงยังเป็นชิงเหอปั๋ว
ชิงเหอปั๋ว นั่นเป็นแม่ทัพที่ไม่ด้อยกว่าเฉิงกั๋วกง ถึงขั้นเดิมทีชื่อเสียงเก่าแก่กว่าเฉิงกั๋วกงด้วยซ้ำ
เมื่อตอนที่เฉิงกั๋วกงยังเป็นแม่ทัพเล็กๆ คนหนึ่ง ชิงเหอปั๋วก็ได้ชัยชนะครั้งใหญ่จากการทำศึกกับชาวจินหลายครั้งหลายหน ชื่อเสียงเลื่องลือแล้ว เพียงแต่ภายหลังเพราะละโมบทุจริตจนทำให้ทหารขบถ นำไปสู่ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่แม่น้ำหม่าเจีย ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงพิโรธหนักต้องการประหารชิงเหอปั๋ว โชคดีที่ขุนนางแม่ทัพทั้งหลายวิงวอนถึงชดใช้ความผิดด้วยการทำความดีความชอบ ย้ายหน้าที่จากแดนเหนือมาปราบโจรทางใต้
แล้วก็เพราะเช่นนี้ ชิงเหอปั๋วจึงออกจากแดนเหนือ เฉิงกั๋วกงจูซานจึงเริ่มเผยความสามารถ ท้ายที่สุดประสบความสำเร็จสร้างชื่อ
แน่นอนชิงเหอปั๋วก็ไม่ได้เงียบงันไปเช่นนี้ เขาอยู่ทางใต้ปราบกบฏกวาดล้างโจร ไม่มีผู้ใดสู้ได้เหยียบราบทุกทิศ ท้ายที่สุดขจัดโทษจากตัวได้ รับตำแหน่งผู้ตรวจการความมั่นคงแห่งไหวซี ต่อมาอดีตฮ่องเต้จึงแต่งตั้งเป็นชิงเหอปั๋ว
สำหรับแม่ทัพคนหนึ่ง ได้รับบรรดาศักดิ์เช่นนี้ย่อมร้ายกาจอย่างที่สุดแล้ว แต่ปีเดียวกันนั้นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์พร้อมกันยังมีจูซานด้วย ได้รับแต่งตั้งเป็นเฉิงกั๋วกง
อายุอ่อนกว่าชิงเหอปั๋วเกือบสิบปี สร้างชื่อช้ากว่าชิงเหอปั๋ว สุดท้ายบรรดาศักดิ์กลับสูงกว่าชิงเหอปั๋ว นี่ทำให้คนมากมายไม่พอใจแทนชิงเหอปั๋ว
แต่นี่ก็ไร้หนทางเช่นกัน เทียบกับกวาดล้างโจรปราบความไม่สงบ ในสายตาฮ่องเต้โจรจินสำคัญยิ่งกว่า ต้านโจรจินได้ ทำให้โจรจินได้ยินชื่อก็เสียขวัญได้ถึงร้ายกาจที่สุด
ตั้งแต่หลังชิงเหอปั๋วถอยไปอยู่ที่ไหวซีก็เริ่มถนอมร่างกายยามชรา จนกระทั่งองค์รัชทายาทประชวร อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฉีอ๋องสืบราชบัลลังก์กลายเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ โจรสลัดตามแนวชายฝั่งอาละวาด ฮ่องเต้พระองค์ใหม่จึงเชิญชิงเหอปั๋วออกจากเขา ชิงเหอปั๋วปราบโจรสลัดพ่ายแพ้ราบคาบ กุมอำนาจทหารใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ไม่เพียงกุมอำนาจทหารใหม่อีกครั้ง ยังมาถึงแดนเหนืออีกครั้งด้วย
สิบปีก่อน ชิงเหอปั๋วถูกย้ายออกจากแดนเหนือ เฉิงกั๋วกงได้เป็นแม่ทัพ
ให้หลังสิบปี เฉิงกั๋วกงจะถูกย้ายออกจากแดนเหนือ ชิงเหอปั๋วกลับมาเป็นแม่ทัพใหม่อีกครั้ง
นี่คือสิบปีอยู่ตะวันออกของแม่น้ำ สิบปีอยู่ตะวันตกของแม่น้ำ โชคชะตาเปลี่ยนผันใช่หรือไม่?
ในโถงใหญ่ชะงักนิ่งไปหมด
“ท่านกั๋วกง” แม่ทัพคนหนึ่งอดไม่ไหวเอ่ยขึ้น สีหน้าร้อนรนอยู่บ้าง “นี่จะทำอย่างไร?”
เป็นแม่ทัพก็เป็นเช่นนี้ มีทหารถึงมีอำนาจ ปลดจากตำแหน่งไร้ทหาร นั่นก็เท่ากับพยัคฆ์ชราไร้เขี้ยว
หากกลับไปเมืองหลวงเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเฉิงกั๋วกงไยไม่ใช่ถูกฮ่องเต้ลงโทษตามพระทัย?
สายตาในห้องโถงที่มองไปทางเฉิงกั๋วกง แม้มีบ้างเต้นระริกวิบวับ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นความเป็นห่วงกังวล
โบราณว่าไว้โอรสสวรรค์หนึ่งรัชสมัยขุนนางหนึ่งรัชสมัย ชิงเหอปั๋วย่อมต้องใช้กำลังคนของตนเอง ในหมู่พวกเขาคนมากมายต้องถูกกำจัดเกลี้ยงครั้งหนึ่งแน่
ประการที่สองนิสัยของชิงเหอปั๋ว มากน้อยพวกเขาก็รู้อยู่บ้าง ละโมบทรัพย์กระหายความเป็นใหญ่ชื่นชอบความดีความชอบทั้งยังเผด็จการโหดเ**้ยม ไม่เช่นนั้นตอนนั้นคงไม่มีเรื่องทหารขบถเกิดขึ้น
เฉิงกั๋วกงสีหน้าอ่อนโยนคล้ายข่าวนี้ที่ได้ฟังไม่มีสิ่งใดสำคัญ
“ในเมื่อเป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ ถ้าอย่างนั้นก็สงบรอเถิด” เขาเอ่ย “ยังไม่ออกเดินทางก่อน อยู่ติ้งโจวที่นี่รอราชโองการเถอะ”
ในเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ คนที่เหลือจึงไม่สะดวกเอ่ยวาจากอีก ตอนนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจสนทนาด้วย รอสืบข่าวมากกว่าเดิมได้ค่อยหารือเถอะ
บรรดาขุนนางและแม่ทัพค้อมศีรษะขานรับ มองดูเฉิงกั๋วกงเดินออกไป
“ไม่ต้องกังวล เฉิงกั๋วกงจะต้องมีหนทางแน่” แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยปลอบทุกคน “คนที่ไม่อยากไปและไปไม่ได้ที่สุดก็คือเฉิงกั๋วกง”
ใช่แล้ว นี่หากกลับไปย่อมไม่มีเรื่องดีอะไร ทุกคนในใจรู้ชัด ในใจเฉิงกั๋วกงยิ่งรู้ชัด
……………………………………….
“นี่ต้องเป็นเรื่องดีงามที่หวงเฉิงทำแน่!”
เฉิงกั๋วกงเดินเข้าจวนด้านหลังก็ได้ยินจูจั้นตบโต๊ะตะโกน
เขาก้าวเข้ามาในห้อง จูจั้นที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็รีบลุกขึ้นร้องเรียกพ่อ
“เจ้าก็รู้ข่าวแล้วหรือ?” เฉิงกั๋วกงเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ไม่เพียงรู้ข่าวแล้ว สิ่งที่รู้ยังละเอียดยิ่งกว่า จูจั้นมองคุณหนูจวินที่ยืนอยู่ด้านข้างทีหนึ่ง
“รู้ข่าวแล้วเจ้าค่ะ นอกจากนี้ไม่ใช่ข่าวร้าย” นางเอ่ย
จูจั้นแค่นเสียง
“อะไรเรียกไม่ใช่ข่าวร้าย?” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินมองเขาทีหนึ่ง
“จั้นเอ๋อร์ ฟังคุณหนูจวินพูดให้จบ” เฉิงกั๋วกงเอ่ย
จูจั้นถลึงตาอยากพูดอะไร แต่เมื่อสายตาอ่อนโยนของเฉิงกั๋วกงกวาดมา เขาก็หันหน้าหนีไม่พูดแล้ว
“ฮ่องเต้ไม่ได้จะลงโทษท่าน” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ มองดูจดหมายด่วนที่ฟางเฉิงอวี่ส่งมาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ “แต่จะพระราชทานรางวัล”
พระราชทานรางวัลหรือ…
เฉิงกั๋วกงสีหน้าอ่อนโยนแย้มรอยยิ้ม
“หลังฮ่องเต้ได้รับข่าวว่าท่านกั๋วกงกลับมา ทรงดีพระทัยจนหลั่งน้ำพระเนตรกลางการประชุม” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ “เอ่ยชมท่านกั๋วกงว่าหาญกล้าไร้ผู้ใดเทียบเทียม แล้วยังขอบคุณสวรรค์ที่ปกปักษ์รักษาท่านยอดแม่ทัพคนนี้ ตรัสว่านี่เป็นโชคดีของต้าโจว เรื่องน่ายินดีของประชาชน”
“ฝ่าบาทยังคงเป็นเช่นนั้น” เฉิงกั๋วกงพลันเอ่ยขึ้น
คำพูดของคุณหนูจวินหยุดชะงักไป
เช่นนั้น เป็นเช่นไหน?
เมตตาช่างสงสารชอบกรรแสง หรือเสแสร้งจอมปลอมไม่จริงใจ?
ในสายตา ในหัวใจของเฉิงกั๋วกง ฮ่องเต้เป็นอย่างไร?
เขามองฮ่องเต้พระองค์นี้อย่างไร?
เขารู้หรือไม่ว่าพระบิดาตายอย่างไร?
มือของคุณหนูจวินกำขึ้นมา
ในห้องเงียบงันไปพักหนึ่ง
“คุณหนูจวินไม่ต้องกังวล” เฉิงกั๋วกงเห็นเด็กสาวคนนี้หลุบตาลงปกปิดสีหน้าก็คิดว่ากังวลใจ “ฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลให้แม่ทัพทหารอย่างพวกเราสินะ?”
คุณหนูจวินพยักหน้า
“เจ้าค่ะ ผู้ตายรำลึกถึง ผู้บาดเจ็บปูนบำเหน็จ แม่ทัพทั้งหลายล้วนได้เลื่อนยศ” นางเอ่ย “ส่วนท่านกั๋วกงท่านเข้าเมืองหลวงแห่ขบวนสรรเสริญความดีความชอบ องค์ชายต้อนรับด้วยตนเอง ฮ่องเต้ก็จะพบท่านรวมถึงแม่ทัพทั้งหลายที่มีความชอบหน้าประตูพระราชวังด้วย”
นางมองเฉิงกั๋วกง
“…ข้าตั้งตาคอยเจ้ากำชัยชนะกลับมา จบราชโองการ”
กระทั่งถ้อยคำบนราชโองการก็ล่วงรู้ นี่ไม่ใช่คนทั่วไปจะทำได้
คุณหนูจวินผู้นี้ไม่ใช่ขุนนางไม่ใช่ข้าหลวง ถึงกับทราบข้อมูลเช่นนี้ได้ หูตานับได้ว่าทั่วฟ้าเหมือนกัน
แต่สตรีที่ทำเรื่องเหล่านี้วันนี้ที่แดนเหนือได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
เฉิงกั๋วกงยิ้มเล็กน้อย
“นี่พระราชทางรางวัลด้วยพระกรุณาธิคุณเปี่ยมล้นจริงๆ” เขาเอ่ย
ใช่แล้ว พระกรุณาธิคุณเปี่ยมล้น ฮ่องเต้เมตตาทรงคุณธรรมที่สุด หากเฉิงกั๋วกงไม่ปฏิบัติตาม นั่นย่อมไม่รู้ดีชั่ว ไม่ภักดี ไร้คุณธรรม เหิมเกริม
“ดังนั้นถึงบอกว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี” จูจั้นเอ่ย “แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีประโยชน์ที่ได้มาเปล่า”
คุณหนูจวินถอนหายใจแผ่วเบา
“ใช่แล้ว” นางเอ่ย “ท่านกั๋วกง ท่านกลับไปไม่ได้”
ฐานะของเฉิงกั๋วกงเป็นอย่างไร เทพสงครามแห่งแดนเหนือแล้วอย่างไร ฮ่องเต้หน้าเนื้อใจเสือผู้นี้ เรื่องที่ทำเก่งที่สุดก็คือลงมือกับคนของตนเอง
“แผลของท่านหนักนัก” นางเอ่ยต่อ “ไม่ควรระหกระเหินเดินทางไกล”
นางประกาศฐานะจวินจิ่วหลิงของตนเองได้ ด้วยฐานะหมอเทวดา คำพูดที่นางเอ่ยประชาชนไม่มีทางคลางแคลง ฮ่องเต้ก็ไม่อาจโต้แย้ง
จูจั้นที่อยู่ด้านข้างรีบพยักหน้า
“พ่อ ใช่แล้ว” เขาเอ่ยพลางชี้คุณหนูจวิน “นางเสแสร้งแกล้งหลอกร้ายกาจนักล่ะ”
เฉิงกั๋วกงมองเขาทีหนึ่ง
“อย่าพูดจาไม่รู้จักมารยาท” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน
แม้เสียงอ่อนโยน แต่จูจั้นยังคงหน้าแดงในพริบตา
นี่กำลังตำหนิเขาหรือ? โตจนป่านนี้ พ่อยังไม่เคยตำหนิดเขามาก่อนเลย! ถึงกับเพราะผู้หญิงคนนี้ นอกจากนี้ยังต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วย
เพราะบุญคุณช่วยชีวิตจึงไม่สนเขาลูกชายคนนี้แล้วหรือ?
เห็นจูจั้นหน้าแดงแล้วแสดงท่าทางอับอายน้อยใจประหนึ่งแม่นางน้อย คุณหนูจวินก็เกือบหลุดหัวเราะ ยักคิ้วให้จูจั้น
จูจั้นสังเกตเห็นก็ถลึงตาดุดันใส่นางทีหนึ่ง
เฉิงกั๋วกงมองดูการเย้าแหย่ของสองคนนี้ก็ยิ้มน้อยๆ
“โลกนี้ไม่มีประโยชน์ที่ได้มาเปล่าๆ” เขาเอ่ย “แต่ประโยชน์นี้ของพวกเราก็ไม่ใช่ได้มาเปล่า”
จูจั้นขมวดคิ้ว
“พ่อ” เขาร้องเรียกอีกครั้ง
เฉิงกั๋วกงส่ายศีรษะให้เขา
“นอกจากนี้ ข้าก็อยากไปเมืองหลวงด้วย” เขาเอ่ยพลางมองไปนอกประตูทางทิศใต้ ใบหน้าอ่อนโยนค่อยๆ นิ่งขรึม “ข้าอยากไปดูฝ่าบาทด้วยตาตนเอง”
ไปดูฝ่าบาทด้วยตาตนเอง
ดูอะไรของเขา?
คำพูดนี้กลับไม่มีสิ่งใดประหลาด แต่คุณหนูจวินกลับรู้สึกดวงตาขัดเคืองวูบหนึ่งอย่างไม่รู้สาเหตุ
ดูซิว่าฝ่าบาททำไมจะต้องเจรจาสงบศึกให้ได้?
ดูซิว่าฝ่าบาทจะปฏิบัติอย่างไรกับขุนนางสัตย์ซื่อแม่ทัพดี?
ดูซิว่าฝ่าบาทที่แท้เป็นเจ้าแผ่นดินผู้เมตตาดีงามฉลาดปราดเปรื่องหรือเจ้าแผ่นดินผู้โหดร้ายทารุณขลาดเขลา?
เขาต้องการดูสิ่งนี้หรือ? หรือว่าเพียงแค่พูดไปส่งเดชดูไปทั่วเท่านั้น