Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาคที่ 4 ตอนที่ 92 เด็กหนุ่มไม่ฆ่าคน
เวลาที่จดหมายด่วนส่งมาถึงเมืองหยางเฉิงคือสามวันให้หลัง
ฟ้าเพิ่งสว่าง บนถนนฉับพลันเอะอะขึ้นมา ดึงคนนับไม่ถ้วนให้มองไปยังที่ซึ่งเกิดเสียง
“เรื่องอะไร?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนพากันเอ่ยถาม หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนท่ามกลางเสียงเอะอะ
“นายน้อยฟาง!”
“นายน้อยฟาง!”
นายน้อยฟาง?
นายน้อยฟางของเต๋อเซิ่งซางรึ? หลายวันก่อนไม่ใช่บอกว่าดื่มเหล้าดื่มจนเกือบตายรึ? ถึงกับออกมาอีกแล้วหรือ? ผู้คนพากันแห่ไปด้านนั้น
เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้าเร็วรี่ผ่านไปจริงๆ ยังคงอาภรณ์หรูหราเครื่องประดับวิบวับเหมือนเดิม สีหน้ามีชีวิตชีวา ขี่ม้าเร็วไว มีสภาพใกล้ตายสักนิดที่ไหน
สาวน้อยทั้งหลายที่ล้อมดูตะลึงยินดีอย่างยิ่ง ยังมีสาวใหญ่ไม่น้อยเช็ดน้ำตา
“ดีเหลือเกิน นายน้อยฟางไม่เป็นไร”
“รู้อยู่เชียวว่าคนดีฟ้าคุ้มครอง”
“นายน้อยฟางไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน”
ฟางเฉิงอวี่ไม่ได้โบกมือคุยเล่นกับคนริมถนนเช่นนั้นอย่างก่อนหน้านี้ สีหน้าเร่งรีบอยู่บ้างขี่ม้าเร็วรี่ผ่านไป
“มีเรื่องอะไรรึ?” คนบนถนนสอบถามกัน
“ได้ยินว่าไม่ใช่ดื่มสุรามากไป แต่ถูกคนวางยาพิษ” คนเอ่ยเสียงเบา
คำนี้แพร่ออกไปทันที ฉับพลันจุดคำถามตระหนกนับไม่ถ้วนมา
มีคนสองคนเบียดออกมาจากฝูงชน มองแผ่นหลังของฟางเฉิงอวี่ที่ถูกผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมจากไปไกล สีหน้าทะมึนแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง พวกเขาสบตากันทีหนึ่ง เลี้ยวตามถนนเข้าไปในซอยเส้นหนึ่งหายไป
ฟางเฉิงอวี่เดินเข้าไปในเรือนหลังหนึ่งท่ามกลางการห้อมล้อมของผู้คุ้มกัน
ในห้องเด็กสาวอายุน้อยคนหนึ่งถูกมัดไว้บนเตียง ศีรษะตกห้อยคล้ายสลบอยู่
ฟางเฉิงอวี่เดินเข้ามายืนยิ่ง เชิดคางขึ้นนิดหนึ่ง
สองข้างมีผู้คุ้มกันก้าวเข้ามาทันที น้ำถังหนึ่งสาดเข้าไป เด็กสาวคนนั้นสะดุ้งโงนเงนทีหนึ่งเงยศีรษะขึ้นมา เส้นผมเปียกชุ่มปรกลงสองข้างเผยใบหน้า บ่าวสาวที่เติมน้ำให้ฟางเฉิงอวี่ในเหลาสุราวันนั้นนั่นเอง
บนหน้าบนร่างนางกลับไม่มีบาดแผลอันใด เพียงคางตกห้อย เห็นชัดว่าถูกถอดออก
เมื่อเห็นฟางเฉิงอวี่ นางพลันเริ่มดิ้นรน ในดวงตาเต็มไปด้วยคำวิงวอนและความหวาดกลัว
“เจ้าต้องประหลาดใจแน่ว่าข้ามองเจ้าออกได้อย่างไร” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยกับนาง
ต่อหน้าเด็กสาวอายุน้อยคนนี้ เขาไม่ยิ้มร่าดังเก่าสักนิด แต่ดวงตาเป็นประกาย ประกายนี่ไม่ใช่ความไร้เดียงสาอย่างเด็กน้อย แต่ประหลาดอยู่บ้าง ทำให้คนหนาวเหน็บหัวใจ
หากนายหญิงผู้เฒ่าฟางอยู่ที่นี่คงจดจำได้ว่าแววตานี้ก็คือแววตาแบบนั้นเมื่อมือยกดาบร่วงสังหารนายอำเภอหลี่ฉับไวในห้องขัง
เด็กสาวอายุน้อยมองเขาส่ายศีรษะวิงวอน ใช้แววตาแสดงความบริสุทธิ์
“อย่างแรก เจ้าไม่เหมือนกับเด็กสาวทั้งหลายในหยางเฉิง เจ้าเห็นข้ากลับไม่หวั่นไหวสักนิด” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเล่า “นี่ประหลาดเกินไปแล้วจริงๆ”
นี่เรียกประหลาดอันใด ทำไมเด็กสาวทั้งหลายในหยางเฉิงเห็นเขาล้วนต้องหวั่นไหวเล่า? แววตาของเด็กสาวอายุน้อยงุนงงอยู่บ้าง
“เพราะข้าหน้าตาหล่อเหลาสิ” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มให้นาง
เด็กสาวอายุน้อยแววตาสับสนอยู่บ้าง
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนบ้ารึ? นางส่ายศีรษะวิงวอนว่าตนเองบริสุทธิ์อีกหนสุดชีวิต
“แน่นอนที่สำคัญที่สุดก็คือ” ฟางเฉิงอวี่อมยิ้มเอ่ยต่อ “จิ่วหลิงไม่ให้ข้ากินอะไรข้างนอก นางบอกว่าคนข้างนอกล้วนเป็นคนเลวล่ะ”
พูดพลางชี้เด็กสาวอายุน้อยแล้วพยักหน้านิดๆ
“ดังนั้น เจ้าปรากฏตัวปุบ ข้าก็ถือว่าเจ้าเป็นคนเลวแล้ว”
เสียสติแท้! เด็กสาวอายุน้อยมองเขานิ่งๆ
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มตาหยีมองนาง
“แต่ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” เขาเอ่ยบอก
เด็กหนุ่มหน้าตางดงาม สีหน้าจริงใจ วาจามีมารยาท แต่ดูอย่างไรก็ล้วนทำให้ในใจคนผวา ขนหัวลุก
เด็กสาวอายุน้อยจะวิงวอนอู้อี้อีกหน ฟางเฉิงอวี่ก็หมุนตัวไปแล้ว
“ปล่อยนางไปเถอะ” เขาเอ่ยพลางโบกมือ
ปล่อยไป?
นี่จะปล่อยนางไป?
ขังไว้สามวัน แค่มัดนางไว้บนเตียงเท่านั้น ไม่ตี ไม่ด่าก็ปล่อยนางไปแล้ว?
นี่หมายความว่าอย่างไร?
“ถามเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางพูด” ฟางเฉิงอวี่ผายมือเอ่ย “ลงทัณฑ์บีบให้สารภาพตีๆ ด่าๆ โหดร้ายนัก ข้าไม่ชอบสิ่งนี้ที่สุดแล้ว อย่างไรข้ารู้ว่ามีคนจะทำร้ายข้าก็พอแล้ว ไม่สนหรอกว่ามันเป็นใคร จิ่วหลิ่งบอกว่าคนข้างนอกล้วนเป็นคนเลวไหม ปกติยิ่งไม่เป็นไรหรอก”
นี่มันตรรกะพิสดารอันใด? เด็กสาวอายุน้อยยิ่งงุนงง นายน้อยตระกูลฟางคนนี้ถูกขังอยู่สิบปีเลี้ยงจนเสียสติแล้วจริงๆ สินะ? ทำไมสภาพจิตใจเหมือนเด็ก?
นางไม่ทันวิงวอนก็ถูกคนแก้มัด แบกออกไปนั่งบนรถม้าแล้ว
รถม้าลดๆ เลี้ยวๆ ตอนที่เด็กสาวคิดว่าตนคงถูกฆ่าปิดปากนั่นเอง คนก็ถูกรถที่มาส่งโยนลงมา พร้อมกันนั้นคางก็ถูกใส่คืน
นางคุกเข่าอยู่บนพื้นเวียนศีรษะอยู่บ้าง ชั่วขณะหนึ่งไม่ทราบว่าตนอยู่ที่ใด เงยหน้าขึ้นก็เห็นรถม้าหายไปแล้ว ส่วนนางไม่ได้ถูกทิ้งอยู่ในเขาเปลี่ยวท้องทุ่งอันใด ยังคงอยู่ในหยางเฉิง
นี่คือตรอกด้านหลังเหลาสุราแห่งนั้น
เด็กสาวอายุน้อยยื่นมือกุมแก้ม สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด
ในปากนางใส่ถุงพิษใบหนึ่งไว้ เดิมใช้ฆ่าตัวตายในยามที่จะถูกจับ ผลปรากฏว่าไม่ทันตั้งตัวก็ถูกถอดกรามออก ไม่มีโอกาสมาตลอด
ตอนนี้ถูกปล่อยออกมาแล้ว ไม่ถูกสอบสวนแล้ว ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ยังจะตายอีกหรือ?
บางทีตระกูลฟางอาจคิดใช้นางล่อคนเบื้องหลังออกมา ไม่เป็นไร ขอเพียงคนเบื้องหลังไม่มาหานาง นางก็ไม่ไปหาพวกเขาก็ไม่เป็นไรแล้ว
มือนางวางบนใบหน้า อายุยี่สิบปีกำลังเป็นวัยที่ดีที่สุด ผิวหนังเนียนลื่นประหนึ่งหยก
มีชีวิตอยู่ อย่างไรก็เป็นเรื่องดียิ่ง
นางลุกขึ้นเดินไปด้านนอกอย่างเชื่องช้า
บนถนนใหญ่คนมาคนไปรถม้าอาชาเรียงเป็นสายไม่สังเกตนาง นางเดินอยู่ในนั้นอย่างระมัดระวัง ฉับพลันรถม้าคันหนึ่งก็เฉียดผ่านร่างหยุดลงตรงหน้า ไม่ทันรอนางตอบสนองก็ฉุดนางขึ้นรถม้าไปเสียแล้ว
เด็กสาวอายุน้อยเวียนศีรษะตาลายอีกครั้ง ยังไม่ทันส่งเสียงร้องตกใจ ริมหูเสียงตวาดเบาๆ พลันดังขึ้น
“ข้าเอง”
เสียงคนของตนเอง เด็กสาวอายุน้อยโล่งอก ตื่นเต้นอยู่บ้าง
“บัณฑิตหยาง…” นางเอ่ยเรียก
ในรถม้าบุรุษสองคนนั่งอยู่ เวลานี้สีหน้าถมึงทึง
“เกิดอะไรขึ้น?” คนหนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
“ข้าถูกมองออก เขาไม่ได้ถูกพิษ” เด็กสาวอายุน้อยรีบเอ่ยบอก “ข้าถูกจับเดี๋ยวนั้น”
บุรุษสองคนสบตากันทีหนึ่ง
“เจ้ากลับไม่ตาย?” บุรุษอีกคนหนึ่งเอ่ยถาม “เจ้าบอกอะไรเขา?”
เด็กสาวอายุน้อยรีบส่ายศีราะ
“ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้พูดสิ่งใดทั้งสิ้น” นางรีบเอ่ยบอก พูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าคำตอบนี้ยากจะทำให้คนเชื่อ “ไม่ พวกเขาไม่ถามสิ่งใดเลย”
พูดพลางก็เอ่ยคำพูดของฟางเฉิงอวี่ซ้ำรอบหนึ่ง
บุรุษสองคนสบตากัน
“อ้อ” พวกเขาเอ่ย “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
เด็กสาวอายุน้อยพยักหน้า
“ใช่…” นางเอ่ยขึ้น เพิ่งอ้าปากก็เสียงดังกึกทีหนึ่ง บุรุษคนหนึ่งยื่นมือถอดกรามของนางออก พร้อมกันนั้นบุรุษอีกคนหนึ่งก็กดแขนของนาง กึกๆ สองที แขนสองข้างก็ตกห้อย
เด็กสาวถูกจู่โจมฉับพลันคราวนี้เจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว คนก็ประหนึ่งตุ๊กตาผ้าขาดๆ หงายอยู่บนรถ
“มารดามัน เจ้าเห็นพวกเราเป็นเด็กน้อยหรือ? เอ่ยถ้อยคำเหลวไหลอะไร”
ริมหูเป็นเสียงด่าของเหล่าบุรุษ พร้อมกันนั้นมือหนึ่งก็ยื่นมาถึงในปาก เอาถุงพิษลูกนั้นออกมา
“รอผ่านมือนายท่านซุนรอบหนึ่ง คำที่เจ้าพูดยังพอทำให้คนเชื่อได้”
ได้ยินนายท่านซุนชื่อนี้ ใบหน้าของเด็กสาวอายุน้อยยิ่งบิดเบี้ยว ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทัณฑ์ทรมานบีบให้สารภาพน่ากลัวพรรค์นั้น ไม่มีใครทนได้ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนางไม่ได้สิ่งใดพูดได้ เรื่องใดล้วนไม่เกิดขึ้น นางเพียงถูกขังไว้สามวันจริงๆ กระทั่งสักประโยคก็ไม่มีโอกาสได้พูด
ต่อให้ถลกหนังเลาะเส้นเอ็นนาง นางก็พูดสิ่งใดออกมาไม่ได้เหมือนกันนะ
ยังไม่สู้เมื่อครู่กัดถุงพิษฆ่าตัวตายไปเสียโดยไว
คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเผชิญ เด็กสาวอายุน้อยก็ตาเหลือก หวาดกลัวเป็นลมไปดื้อๆ
……………………………………….
……………………………………….
“ข้าน่ะไม่ชอบตีคน ฆ่าคนหรอก น่าเบื่อเกินไปแล้วยังทำให้มือกับเสื้อผ้าสกปรกง่ายอีก”
ฟางเฉิงอวี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าไหมเช็ดมือเบาๆ สีหน้าติดจะระอาอยู่บ้าง
“ข้าน่ะชอบให้ผู้อื่นทำเรื่องนี้แทนข้า”
ผู้ดูแลใหญ่เกาขานรับ ท่าทางขำอยู่บ้างแล้วก็หวาดกลัวอยู่บ้าง
“เด็กสาวคนนั้นต่อไปต้องคิดถึงความเมตตาของนายน้อยยิ่งแน่” เขาเอ่ย
ฟางเฉิงอวี่ส่งผ้าเช็ดหน้าไหมให้เขา มีคนเดินเข้ามาจากนอกประตู
“นายน้อย จดหมายของคุณหนูจวินขอรับ” เขาเอ่ยขึ้น
บนหน้าฟางเฉิงอวี่แย้มยิ้มเจิดจ้าทันที ยื่นมือรับไป
“หรือจิ่วหลิงรู้เรื่องนี้แล้วรึ?” เขาเอ่ย
“ยังไม่ได้ส่งจดหมายให้เมืองหลวงนะขอรับ” ผู้ดูแลใหญ่เกาเอ่ยอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
ไม่มีคำอนุญาตของนายน้อยฟาง กระทั่งจดหมายของนายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางพวกเขาก็ไม่ได้ส่งไปถึงมือคุณหนูจวิน
ฟางเฉิงอวี้ขานอ้อทีหนึ่ง ก้มหน้ามองทีหนึ่งสิบบรรทัดกวาดผ่านกระดาษจดหมาย
เมืองหลวงเกิดเรื่องแล้วรึ? ผู้ดูแลใหญ่เกามองเขาอย่างสงสัยใคร่รู้
บนหน้าฟางเฉิงอวี่รอยยิ้มไม่จางลง กวาดปราดเดียวผ่านไปแล้วก็ตั้งใจอ่านทีละตัวๆ อีกหน หลังจากนั้นก็ผิวปากทีหนึ่ง
“คนผู้นั้นถึงกับปรากฏตัวแล้วจริงๆ ต่อไปพวกเราตระกูลฟางต้องเผชิญปัญหาใหญ่ยิ่งกว่า มากยิ่งกว่าเดิมแล้ว” เขาเอ่ยอย่างดีใจ
นี่คือ เรื่องที่ควรดีใจนักหรือ? ผู้ดูแลใหญ่เกาตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง
“แน่นอน” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “พวกเราตระกูลฟางเป็นเนื้อที่ถูกคนหยอกเล่นเชือดฆ่าในเงามืดมาเนิ่นนานมากแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็จะลงมือต่อหน้าแล้ว”
เขาเก็บจดหมายไป ตบหน้าอกสองสามที
“น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าถูกคนคิดทำร้าย ข้าต้องเขียนจดหมายให้จิ่วหลิง บอกนางว่าข้ากลัวแทบตาย”
ผู้ดูแลใหญ่เกาเห็นเด็กหนุ่มสีหน้าเริงร่าท่าทางระริกระรี้ก็คลึงหนวด ไม่ค่อยเข้าใจหนุ่มสาวเหล่านี้จริงๆ
………………………………