Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 76 ไปตามหาคนแทนเจ้า
ผมเผ้าของหลิ่วเอ๋อร์ยุ่งเหยิง บนใบหน้ารอยแดงเด่นชัด นิ้วมือห้านิ้วชัดเจน จมูกกับมุมปากก็ยังมีรอยเลือด
หลิ่วเอ๋อร์ผู้หกขวบก็ถูกขายมาเป็นสาวใช้อันดับหนึ่งของคุณหนูใหญ่ของอำเภอ คาดว่านี่คงถูกตบครั้งแรกกระมัง
“ดูไม่ได้จริงๆ!” ฟางจิ่นซิ่วโกรธจนกัดฟัน ยื่นมือผลักศีรษะของหลิ่วเอ๋อร์ “เจ้าร้องไห้อะไรเล่า! เก่งแต่ในบ้านรึ!”
หลิ่วเอ๋อร์ยื่นมือตีมือของนาง
“พวกเขาคนเยอะ” นางร้องไห้ตะโกนบอก “ข้าจะสู้อย่างไรไหว”
“สู้ไม่ได้ก็หนีสิ” เฉินชีอยู่ด้านข้างอดสอดปากพูดไม่ได้
“คุณหนูของข้ายังหาไม่เจอเลยนี่” หลิ่วเอ๋อร์ร้องไห้บอก
ฟางจิ่นซิ่วโกรธจนกัดริมฝีปากล่าง
“ไม่ต้องร้องแล้ว” นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “อาลักษณ์หลินว่าอย่างไร?”
หลิ่วเอ๋อร์เช็ดน้ำตา
“ข้าไม่ได้พบอาลักษณ์หลิน พวกเขาบอกว่าอาลักษณ์หลินไม่อยู่บ้าน” นางร้องไห้บอก แล้วมองฟางจิ่นซิ่ว “เจ้าหลอกข้าใช่หรือไม่ ตั้งใจให้ข้าไปโดนทุบตี”
ตบนาง ตบเบาไปแล้ว
ฟางจิ่นซิ่วโกรธถลึงตา ยกมือพุ่งเข้าใส่หลิ่วเอ๋อร์ หลิ่วเอ๋อร์ตอนนี้แม้สะบักสะบอมมาก แต่ก็ทำท่าป้องกันรวมถึงตั้งท่าโจมตี
“เจ้าตัวโง่งมนี่” ฟางจิ่นซิ่วในที่สุดไม่ได้ตีนาง สะบัดมือเอ่ยว่า “ข้าไปตระกูลหลินตามหาคน เจ้ากลับไปบอกคนตระกูลฟางว่าหาคุณหนูของเจ้าไม่เจอ เจ้าคนเดียว ทำเรื่องอะไรได้”
หลิ่วเอ๋อร์มองนางกึ่งเชื่อกึ่งคลางแคลง
“เจ้าคิดให้คนตระกูลฟางทะเลาะกับคนอื่นใช่หรือไม่น่ะ?” นางเอ่ยพึมพำ
ฟางจิ่นซิ่วคร้านจะสนใจนาง หมุนตัวก็ไป เฉินชีร้องเฮ้เฮ้สองทีแบกมัดหญ้าฟางรีบไล่ตามไป
“เจ้าไปจริงรึ?” เขาเอ่ยถาม
ฟางจิ่นซิ่วไม่พูดไม่จาเพียงแต่ก้าวเดินไวๆ
“เจ้าก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเหมือนกันนะ พวกเราก็มีเพียงสองคนเท่านั้นนะ สู้กันขึ้นมาก็ยังสู้ไม่ไหวหรอก” เฉินชีเอ่ยขึ้นมาอีก “ยังไงไปแจ้งคนของตระกูลฟาง ให้พวกเขามาเถอะ”
ฟางจิ่นซิ่วชะงักเท้ามองเขา
“เจ้าพูดผิดแล้ว คนเดียวต่างหาก” นางว่า “ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าขายน้ำตาลปั้นของเจ้าเสร็จแล้ว เก็บร้านกลับบ้านเถอะ”
เฉินชีร้องโอ้ทีหนึ่ง มองฟางจิ่นซิ่วเดินไวๆ อีกครั้ง ครู่หนึ่งให้หลังก็ตามมาอีก
ฟางจิ่นซิ่วถลึงตามองเขา
“ข้าจะนำทางให้เจ้า เจ้ารู้ว่าบ้านของอาลักษณ์หลินอยู่ที่ไหนหรือ?” เฉินชีรีบเอ่ย “แม้เจ้าไม่ใช่คุณหนูบอบบางที่ถูกประคบประงมประตูชั้นในไม่เหยียบประตูใหญ่ไม่ออก แต่ก็คุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้สู้ข้าไม่ได้แน่นอน สถานที่ซึ่งตระกูลหลินอาศัยอยู่กว้างใหญ่ยิ่งนัก อย่างไรเจ้าก็คงถามสะเปะสะปะที่นั่นไม่ได้ใช่ไหมเล่า?”
แถวนั้นที่อาลักษณ์หลินอยู่ ฟางจิ่นซิ่วไม่รู้จักจริงๆ นางก็คิดจะถามตามทางไปจริงๆ
ที่เฉินชีพูดก็ถูก เมื่อครู่หลิ่วเอ๋อร์ก่อเรื่องมารอบหนึ่งแล้ว คนตระกูลหลินย่อมป้องกัน ตนเองถามตามทางไปอีก ไม่แน่ว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ตระกูลหลินก็ถูกขวางไว้แล้ว
ฟางจิ่นซิ่วมองเฉินชี
“ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณเจ้ามาก” นางว่า
เฉินชี หัวเราะหึหึ โคลงศีรษะทีหนึ่งแบกลำไม่ไผ่ขึ้นบ่า
“มากับข้าเถอะ” เขาว่าก้าวเดินนำไปด้านหน้าก่อน
ฟางจิ่นซิ่วมองเขาสีหน้าหลากหลายอารมณ์พักหนึ่งจึงตามไป
“น้ำตาลปั้นนี่ของเจ้าขายหมดแล้ว เจ้ายังแบกเจ้านี่ไว้ทำอะไร?” นางเอ่ยขึ้น
“ทำเจ้านี่อันหนึ่งก็กินเวลาเหมือนกันนะ” เฉินชีว่า “เวลาที่ทำเจ้านี่อันหนึ่งข้าทำน้ำตาลปั้นได้สิบอัน น้ำตาลปั้นสิบอันหาเงินได้สิบอีแปะแหนะ ดังนั้นมัดหญ้าฟางอันนี้ก็เป็นเงินนะ เงินจะโยนทิ้งได้อย่างไรเล่า”
ฟางจิ่นซิ่วเบ้มุมปากไม่ได้เอ่ยวาจาอีก
เฉินชีกอดลำไม้ไผ่ไว้แน่น
อีกอย่าง อีกประเดี๋ยวสู้กันขึ้นมา เจ้านี่ยังเป็นอาวุธป้องกันตัวได้อีกนะ
ที่อยู่ของตระกูลหลินหาง่ายยิ่งนัก เวลานี้พลบค่ำ ตรอกตระกูลหลินด้านในไม่มีเด็กๆ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวอย่างเช่นด้านนอกนั้น ตรงกันข้ามเงียบสงบยิ่งนัก
เฉินชีหยุดฝีเท้า ยกมัดหญ้าฟางบนไหล่ขึ้นสูง สื่อนัยให้ฟางจิ่นซิ่วตามมา ก้าวยาวเข้าไปข้างใน
“น้ำตาลปั้น น้ำตาลปั้น” เขาอ้าปากตะโกน
เสียงนี้ทำลายความเงียบสงบด้านในตรอก แล้วก็ทำให้บรรดาคนด้านในตรอกโผล่ร่างออกมา
เฉินชีที่หยางเฉิงก็นับเป็นคนมีชื่อ แปดในสิบคนล้วนรู้จักเขา
มองเห็นเป็นเฉินชี คนเหล่านี้ก็ขมวดคิ้ว แต่สีหน้าผ่อนคลายลง
“เข้ามาวุ่นวายอะไรเล่าเฉินชี” มีคนเอ่ยขึ้น
“ขายน้ำตาลปั้นจ้า” เฉินชีหัวเราะฮ่ะฮ่ะเอ่ยขึ้น
ทุกคนมองมัดหญ้าฟางที่ว่างเปล่าของเขา
“ขายลมตดรึ” มีคนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ที่แท่นประหารตรงนั้นข้าขายหมดแล้ว” เฉินชีบอก “ข้ากำลังจะกลับ เลยถือโอกาสแวะมาวนสักหน่อย ลองดูว่าพวกเจ้าตรงนี้มีหรือไม่มีคนอยากได้น้ำตาลปั้น ข้าค่อยมาส่งก็ได้ไหมเล่า”
เฉินชีเงินอะไรก็เอา ขายอะไรก็ทำ ทุกคนก็ล้วนเห็นจนชินแล้ว
“ใครอยากได้สิ่งนี้” ทุกคนอดไม่ได้เอ่ยขึ้น สายตาหยุดอยู่บนร่างฟางจิ่นซิ่วที่ตามเฉินชีมา
ครั้งนี้ฟางจิ่นซิ่วไม่ได้สวมเสื้อผ้าของคุณหนู แต่เป็นเสื้อผ้าเนื้อหยาบ นี่เป็นสิ่งที่นางหยวนตั้งใจหามาให้นาง
มีทรัพย์ไม่เปิดเผย เด็กสาวคนหนึ่งตัวคนเดียวแต่งตัวดีๆ อยู่ข้างนอก ดึงดูดสายตาเกินไป ไม่ปลอดภัย
“ย่อมมีคนซื้ออยู่แล้ว” เฉินชีเอ่ย หันหน้ากลับมามองฟางจิ่นซิ่วทีหนึ่ง ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “บ้านเจ้าจะเอากี่อัน?”
“เอาแค่สามอัน” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยน้ำเสียงฉุนเฉียวท่าทางหงุดหงิด “เจ้ารีบหน่อยได้หรือไม่? ที่บ้านเจ้าสรุปยังมีหรือไม่มีฮะ?”
นี่คงเป็นเด็กสาวบ้านไหนมาซื้อน้ำตาลปั้นให้น้องชายน้องสาวในบ้านแล้ว เฉินชีขายหมดก็พานางไปเอาที่บ้าน
คนตระกูลหลินไม่มองฟางจิ่นซิ่วอีก
“อย่ามาเดินไปมาสะเปะสะปะที่นี่ ไม่มีการค้าขายให้เจ้าทำหรอก รีบกลับไปเถอะ” พวกเขาเอ่ยขึ้น
เฉินชีเร่งเสียงขานรับ คนยังคงเดินเข้าไปตามตรอก คนตระกูลหลินอาศัยอยู่ที่นี่ บ้านรอบทิศตรอกทุกทางเชื่อมทะลุกัน จากด้านนี้เข้าไป ที่อื่นก็ออกไปได้เหมือนกัน คนรับใช้เหล่านี้ของตระกูลหลินไม่ใส่ใจ ปล่อยเฉินชีไป
เลี้ยวผ่านตรอกหนึ่ง เฉินชีก็ผ่อนลมหายใจ
“ก่อนหน้านี้ไม่มีหรอก นี่คงตั้งใจเฝ้าคน” เขาเอ่ยเสียงเบา
ฟางจิ่นซิ่วก็มองไปด้านหน้าเหมือนกัน ปากตรอกด้านนี้ผู้ชายสามสี่คนก็ยืนอยู่เช่นกัน พูดคุยไปพลางระแวดระวังมองด้านนอกไปพลาง
“ถึงกับระวังป้องกันเช่นนี้” นางว่า “ต้องมีเรื่องแน่”
หลิ่วเอ๋อร์บอกว่าพวกนางดูการประหารเสร็จเดินอยู่บนถนน จวินเจินเจินมองเห็นขุนนางเมืองไท่หยวน บอกว่าเรื่องราวไม่ชอบมาพากล หลังจากนั้นยังให้หลิ่วเอ๋อร์ไปบอกนายหญิงผู้เฒ่าฟาง
ที่แท้นางเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล? เกี่ยวข้องกับตระกูลฟางไหม? เกี่ยวข้องกับศัตรูของตระกูลฟางไหม? เกี่ยวข้องกับอาลักษณ์หลินคนนี้ไหม?
ดังนั้นจวินเจินเจินตามหาอาลักษณ์หลินสอบถาม หลังจากนั้นถูกอาลักษณ์หลินหลอกไปแล้วหรือ?
หลอกบางทีคงหลอกนางไม่ได้ แต่จวินเจินเจินคนนี้ใจกล้ามากเกินไป รู้ชัดว่าหลอกก็ยังกล้าฝ่าเข้าไป
“ครอบครัวอาลักษณ์หลินอยู่ที่ไหน?” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยถาม
เฉินชีชี้นิ้วไปที่จวนหลังหนึ่ง
……………………………………….
เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่อง ในที่สุดประตูก็เปิดออกด้วยทนไม่ได้ ผู้ที่เปิดประตูก็สีหน้าสุดจะทนเช่นกัน
นี่เป็นสาวใช้คนหนึ่ง
“ทำอะไร?” นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากนั้นก็จำเฉินชีได้ “เฉินชีเจ้าเคาะประตูตระกูลพวกเราทำไม?”
ลำไม้ไผ่ในอ้อมกอดเฉินชีแกว่งนิดหนึ่ง
“แม่เฒ่าหวัง อยากซื้อน้ำตาลปั้นสักหลายอันให้บรรดาคุณหนูนายน้อยในบ้านไหม” เขายิ้มแย้มเอ่ยขึ้น
แม่เฒ่าหวังสบถทีหนึ่ง สีหน้าคลายลง มือก็ละออกจากบนประตู
“เจ้าเด็กนี่ ค้าขายอะไรก็ทำ คลำยังไงมาถึง…”นางว่า
พูดยังไม่ทันจบ ฟางจิ่นซิ่วที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินชีก็ก้าวหนึ่งเข้าไปยื่นมือตบประตูผลักเปิด คนก็ก้าวข้ามธรณีประตูไปด้วย
แม่เฒ่าหวังตกใจสะดุ้งร้องขึ้นมา
“เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าคิดทำอะไร? ”
ฟางจิ่นซิ่วไม่ก้าวไปข้างหน้าต่อ แต่ยืนอยู่ด้านในประตูมองนาง
“บอกอาลักษณ์หลิน ข้าเป็นคนของตระกูลฟาง ตระกูลฟาง ก็คือตระกูลฟางที่เคลื่อนทหารขุนนางสองเมืองทหารม้าซานซีกับเหอหนาน สองมณฑล ทุบประตูใหญ่จวนที่ว่าการอำเภอ จับนายอำเภอ เมื่อครู่ให้ผู้คนของหยางเฉิงได้เห็นการประหารลงดาบสามครั้งศีรษะไม่หลุดตระกูลนั้น” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยขึ้น “บอกเขา คนของตระกูลฟางมาเอาคนแล้ว”
หญิงรับใช้หน้าซีดขาว สีหน้าตื่นกลัว
ส่วนเฉินชีมองฟางจิ่นซิ่วสีหน้านับถือ
ใจกล้าดีจริงๆ เด็ดขาดฉับไวนัก ร้ายกาจนักเชียว
……………………………………….