Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 78 พวกเรามาหาคน
ความมืดหม่นยามพลบค่ำถูกคบไฟร้อนแรงไล่กระเจิง ลมหายใจในจมูกกลิ่นไอยางสนที่ลุกไหม้เสียดแทงจมูก
นายหญิงหลินตัวสั่นถูกคนพยุงไว้ มองออกไปจากด้านในโถงรับรองแขก แม้มีเงากำแพงเงา[1]ขวางอยู่ก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเป็นเงาดำแน่นขนัดได้
ไม่มีคนกล้าจับหรือทำร้ายฟางจิ่นซิ่วอีก เฉินชีก็ทิ้งลำไม้ไผ่ประคองฟางจิ่นซิ่วไว้
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ครอบครัวเจ้ามาแล้ว” เขาเอ่ยขึ้น
ครอบครัวข้า
ฟางจิ่นซิ่วออกแรงสูดจมูกนิดหนึ่งถึงลุกขึ้นยืน
“ไป” นางว่า เดินออกไปด้านนอก
อ้อมกำแพงเงาไป ฟางจิ่นซิ่วมองปราดเดียวก็เห็นฟางเฉิงอวี่อยู่บนม้า เปล่งประกายดุจดวงจันทร์ใต้แสงสาดส่องของคบเพลิงที่ตั้งเรียงรายของผู้คุ้มกัน
บรรดาคนรับใช้ตระกูลหลินล้วนถอยหลังด้วยความหวาดกลัว บนพื้นหน้าประตูยังมีคนนอนอยู่สามสี่คน ล้วนกุมหน้าขดตัวร้องครวญคราง
“เป็นพวกเขานี่แหละตีข้า”
เสียงแหลมของหลิ่วเอ๋อร์ฉีกกระชากบรรยากาศที่ทำให้คนยากจะหายใจนี้
“อาศัยคนมากรังแกข้า”
ฟางเฉิงอวี่ขานรับ
“เอาล่ะ ตอนนี้คนของพวกเรามากแล้ว เจ้าก็รังแกพวกเขาบ้างได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม
หลิ่วเอ๋อร์แค่นเสียงเหอะ ก้าวเข้าไปข้างหน้ามองดูคนหลายคนที่อยู่บนพื้น ยกเท้าเหยียบลงไปอย่างชิงชัง
“พวกเจ้าตีข้า พวกเจ้าตีข้า ไม่ดูเสียบ้างข้าเป็นใคร” นางหอบพลางด่าพลาง
ดีที่เท้าของแม่นางน้อยคนหนึ่งไม่มีกำลังอะไร คนทั้งหลายบนพื้นจึงปล่อยให้นางเตะทำร้ายตามใจ
การเคลื่อนไหวนี้ทำตระกูลหลินทั้งหมดทั้งตระกูลแตกตื่นแล้ว หัวหน้าตระกูลแม้กระทั่งข้าวก็ไม่ทันกินรีบร้อนเข้ามา
“นายน้อยฟาง” เขาเอ่ย ในดวงตาแม้ยากปิดความตกใจกรุ่นโกรธ แต่น้ำเสียงพยายามสุดกำลังควบคุมไว้ “นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
นาทีที่หัวหน้าตระกูลหลินปรากฏตัวนั้นฟางเฉิงอวี่ก็ลงจากม้า ได้ยินเขาพูดก็คำนับอย่างสง่างาม
“นายท่านผู้เฒ่าหลิน รบกวนแล้ว” เขาเอ่ยขึ้น “ข้าเพียงแค่อยากตามหาคนผู้หนึ่ง”
ตามหาคนผู้หนึ่ง?
มีที่ไหนตามหาคนทุบประตูใหญ่บ้านผู้อื่น?
ยังวางท่าทางมีมารยาทเช่นนี้ออกมาอีก นี่ก็รังแกคนเกินไปแล้ว
หัวหน้าตระกูลหลินโกรธจนตัวสั่น
“นายน้อยฟางต้องการตามหาใคร? ตระกูลหลินของข้าแอบซ่อนนักโทษหลวงไว้หรือแอบซ่อนสายลับไว้?” เขาเอ่ยถาม “ใช่พรุ่งนี้จะลากไปหน้าแท่นประหารสำเร็จโทษด้วยหรือไม่? พวกท่านตระกูลฟางมีแค้นชำระแค้น มีพยาบาทชำระพยาบาท ตอนนี้ในที่สุดก็รอจนถึงโอกาสนี้ แค้นใหม่แค้นเก่าแล้วแต่พวกท่านพูด”
เรื่องผูกแค้นของตระกูลฟางกับตระกูลหลินที่หอจิ้นอวิ๋น หัวหน้าตระกูลหลินย่อมรู้
ฟางเฉิงอวี่หัวเราะ คำนับอีกครั้ง
“นายท่านผู้เฒ่าหลินคิดมากไปแล้ว” เขาว่า “ไม่มีชำระแค้น พวกเรามาเพียงตามหาคนผู้หนึ่ง”
หัวหน้าตระกูลหลินแค่นหัวเราะต้องการเอ่ยวาจา เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน
“ท่านไม่ต้องคิดโน่นคิดนี่ เรื่องนี้เรียบง่ายยิ่งนัก”
หัวหน้าตระกูลหลินหันหน้ากลับมา มองเด็กสาวเดินออกมาจากด้านในประตูที่ล้มลง
“ข้ามองเห็นอาลักษณ์หลินกับนายหญิงน้อยฟางพุดคุยกันอยู่บนถนน เดินไปด้วยกัน นายหญิงน้อยฟางตอนนี้ยังไม่กลับและไม่ได้ข่าวคราว ดังนั้นพวกเราจึงมาไถ่ถามอาลักษณ์หลินว่ารู้ที่อยู่ของนายหญิงน้อยฟางหรือไม่” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยขึ้น “สาวใช้ตัวน้อยมาถามถูกทำร้าย ข้ามาถามก็ถูกล้อมจับ ดังนั้นถึงโวยวายจนเป็นเช่นนี้”
หัวหน้าตระกูลหลินสีหน้าเปลี่ยนไปมา มองนายหญิงหลินที่ถูกหญิงรับใช้หลายคนพยุงอยู่ด้านในประตู
นายหญิงหลินตกใจจนทั้งร่างสั่นระริกแล้ว
ไม่แปลกที่นางจะหวาดกลัว อยางไรนายอำเภอหลี่ก็เพิ่งตาย แท่นประหารเมื่อครู่ก็เพิ่งสังหารคนไปเหมือนกัน
นี่ล้วนเป็นเพราะมีแค้นกับตระกูลฟาง
พูดไปแล้วพวกเขาตระกูลหลินก็นับว่ามีแค้นเคืองกับตระกูลฟางด้วยเหมือนกัน
อาศัยโอกาสนี้จัดการครอบครัวของอาลักษณ์หลินไปด้วยก็สมเหตุสมผล วิธีการเช่นนี้ขุนนางตำแหน่งเล็กๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าของตระกูลหลินก็ใช้บ่อยเหมือนกัน
ทว่าซ่งอวิ้นผิงชาติกำเนิดเป็นชาวบ้านพ่อค้าทาสรับใช้ นายอำเภอหลี่เป็นคนนอกท้องที่ พวกเขาตระกูลหลินไม่เหมือนกัน จะสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่จะทำได้แค่ยอมแพ้
หัวหน้าตระกูลหลินสีหน้าทะมึน
“เจ้าบอกว่าเขากับนายหญิงน้อยฟางอยู่ด้วยกันก็อยู่ด้วยกันรึ?” เขามองฟางจิ่นซิ่วแล้วเอ่ยขึ้น
“ใช่ ข้าพูด ขอเพียงพวกท่านเชิญอาลักษณ์หลินออกมาสอบถาม หากข้าพูดโกหก ข้าจะคุกเข่าหนึ่งวันหน้าประตูของพวกท่านยอมรับผิด” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยขึ้น
ถึงกับกล้าพูดเช่นนี้
หัวหน้าตระกูลหลินตะลึง คิ้วขมวด
“ถ้าผิดพลาด ข้าจะมาซ่อมประตูให้พวกท่านด้วยตนเอง” ฟางเฉิงอวี่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ “นายท่านผู้เฒ่าหลิน ท่านก็รู้พวกเราตระกูลฟางพักนี้ปลิวส่ายอยู่ท่ามกลางพายุฝน เป็นดั่งนกกลัวธนูแล้วจริงๆ พวกเราสองตระกูลต่างก็มีความขัดแย้งกันเล็กน้อย ท่านสงสัยว่าพวกเราอาศัยโอกาสชำระแค้น เอาใจเขามาใส่ใจเรา เมื่อรู้ว่าอาลักษณ์หลินไปกับภรรยาของข้า จนตอนนี้ยังไม่กลับ ข้าก็วิตกอย่างยิ่งเช่นกัน”
หัวหน้าตระกูลหลินสายตากวาดไปมาบนร่างคนสองคนนี้
ดูแล้วจริงใจยิ่ง ฟังแล้วก็มีเหตุผลจริงๆ เหมือนกัน
ส่วนจริงหรือปลอม…
“ครอบครัวเจ้าสาม” เขาหันหน้ามองนายหญิงหลิน “เจ้าสามเล่า?”
นายหญิงหลินปิดปากสะอื้นไห้
“หัวหน้าตระกูล ข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ” นางร้องไห้บอก
หัวหน้าตระกูลหลินขมวดคิ้ว
“เขาไปที่ไหนเจ้าไม่รู้ได้อย่างไร?” เขาเอ่ยถาม “เวลานี้ เขาไปที่ไหนได้?”
ความหมายของเวลานี้ย่อมคือความวุ่นวายในอำเภอเพิ่งผ่านพ้น พวกเขาขุนนางตัวเล็กๆ เหล่านี้ก็เพิ่งถูกปล่อยจากการกักตัว เวลานี้ควรทำตัวดีๆ อยู่ในบ้าน เลี่ยงก่อความขัดแย้ง
นายหญิงหลินเช็ดน้ำตา
“เขาบอกว่ามีธุระ ออกไปแล้ว แล้วยังเป็นเวลานี้ ข้าก็ไม่กล้าถามละเอียด” นางร้องไห้บอก
หรือกับนายหญิงน้อยฟางจะ…มีเรื่องจริงๆ?
หัวหน้าตระกูลหลินขมวดคิ้วแน่น
“คนตัวใหญ่ขนาดนี้คนหนึ่ง จะหาไม่พบได้อย่างไร?” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปถาม ไปตามหา เรียกนายท่านสามมา”
…
ท้องฟ้ายามราตรียิ่งมืดขึ้นทุกที บรรยากาศด้านในเรือนตระกูลหลินยิ่งหนักอึ้งขึ้นทุกที นี่ไม่ใช่เพราะผู้คุ้มกันของตระกูลฟางที่ยืนอยู่เต็มด้านในเรือน แล้วก็ไม่ใช่เพราะประตูใหญ่ที่ยังล้มอยู่บนพื้น
“นายท่านผู้เฒ่า ไม่มีข่าวของนายท่านสาม”
“นายท่านผู้เฒ่า ไม่มีคนเห็นว่านายท่านสามไปที่ไหน”
“นายท่านผู้เฒ่า บรรดาสหายของนายท่านสามวันนี้ล้วนไม่ได้พบเขา”
ข่าวทีละข่าวแจ้งเข้ามา สีหน้าของฟางเฉิงอวี่ยังคงอ่อนโยน แต่สีหน้าของหัวหน้าตระกูลหลินยิ่งไม่น่าดูขึ้นทุกที
“เจ้าสารเลวนี่” เขาทนไม่ไหวตบโต๊ะทีหนึ่งเอ่ยว่า “ไปที่ไหนกันแน่?”
ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ มืดค่ำแล้วยังไม่กลับบ้านอีก?
“นายหญิงน้อยกลับไปบ้างไหม?” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยถามเสียงนุ่ม
ผู้ติดตามด้านข้างคนหนึ่งมองไปข้างนอกทีหนึ่ง
“นายน้อย ข้าน้อยมองดูอยู่ตลอด ยังไม่มีสัญญาณบอกว่านายหญิงน้อยกลับบ้านเลยขอรับ” เขาว่า
ฟางเฉิงอวี่ลุกขึ้นยืน
หัวหน้าตระกูลหลินก็ลุกขึ้นยืนตามเช่นกัน
“นายน้อยฟาง” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าแข็งนิ่ง “ท่านกลับไปก่อนเถอะ ถ้าข้าตามหาเขาพบ จะบอกแก่พวกท่านเป็นอย่างแรก”
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มให้เขา
“ยังไงไม่รบกวนนายท่านผู้เฒ่าหลินแล้ว” เขาว่า “หากพวกเราตามหาใต้เท้าหลินพบ จะบอกแก่พวกท่านเป็นอย่างแรก”
คำพูดนี้หมายความว่าอะไร?
ข่มขู่? เตือน? ฉีกหน้า?
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลหลินยิ่งไม่น่าดูอยากจะพูดอะไร ฟางเฉิงอวี่ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว
เคร้าโครงร่างของของเด็กหนุ่มใต้แสงคบไฟสาดส่องผสานกับความมืดยามค่ำคืน ดูราวกับไม่ได้บอบบางนัก ตรงกันข้ามกลับท่าทางเฉียบคมอยู่หลายส่วน
“นายน้อยฟาง ยังไงให้พวกเราทำเถอะ ท่านวางใจเถิด อย่างไรพวกเราตระกูลหลินย่อมคุ้นเคยกับคนของตนเองมากกว่าอยู่บ้าง” หัวหน้าตระกูลหลินเอ่ยขึ้น
ฟางเฉิงอวี่ไม่ได้หันหน้ากลับมาแล้วไม่ได้เอ่ยวาจาอีก
ช่างเป็นเด็กจริงๆ
พวกเจ้าตระกูลฟางตระกูลหนึ่งจะตามหาอย่างไร? ต่อให้ตระกูลใหญ่คนมากมายอยู่พอตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายเท่ากับคนของพวกเขาตามหาเอง อย่างน้อยก็รู้ทิศทางที่ค้นหา
พวกเจ้าตระกูลฟางจะตามหาอย่างไร? หงุดหงิดค้นหามั่วซั่ว ค้นหยางเฉิงทั้งเมืองรอบหนึ่งหรือ? หาไหวเรอะ
หัวหน้าตระกูลหลินพ่นลมหายใจ ถลึงตามองกลุ่มคนข้างกายทีหนึ่ง
“ยังไม่ไปรีบหา” เขาตวาดขึ้น “ซ่องโสเภณีเถื่อนพวกนั้นก็ไปหาๆ ดูด้วย”
คนรับใช้ขานรับรีบออกไป
นายหญิงหลินอยู่ด้านข้างวางผ้าเช็ดหน้าลง
“ท่านลุงใหญ่” นางว่า “พี่สามไปสถานที่อย่างนั้นหรือ?”
หัวหน้าตระกูลหลินกระแอมเบาๆ
“ข้าตอนนี้ไม่ใช่โรคเร่งร้อนหาหมอมั่วซั่วรึ” เขาพูดกลบเกลื่อน “เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าก็รีบไปคิดดูด้วยเถอะ เขาไปที่ไหนได้”
พูดจบสะบัดแขนเสื้อก้าวไวๆ ออกไป
ฟางเฉิงอวี่เดินมาถึงบนถนนใหญ่ด้านนอกประตูตระกูลหลินแล้ว
ฟางจิ่นซิ่วที่ยังอยู่มุมถนนลุกขึ้นยืน มองฟางเฉิงอวี่ที่เดินออกมา
ตั้งแต่ฟางเฉิงอวี่ถูกหัวหน้าตระกูลหลินเชิญเข้าไปในเรือน ฟางจิ่นซิ่วก็ไม่ได้ตามไปอีก แต่หมุนตัวออกมา แน่นอนนางยังไม่ได้เดินไปไกลเช่นกัน
ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิดแล้ว บนถนนใหญ่ไม่มีคนมาคนไป ฟางเฉิงอวี่ยืนอยู่บนถนนมองดูโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ
“ยังหาไม่พบ” เฉินชีชิดเข้ามาเอ่ยเสียงเบา “ข้าว่าเกิดเรื่องแน่นอนแล้ว”
……………………………………….
[1] กำแพงเงา(影壁) กำแพงกั้นสายตาในสถาปัตยกรรมจีนโบราณ อยู่ถัดจากประตูเข้าไป กั้นไม่ให้คนภายนอกมองเห็นด้านใน