Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 82 ไม้เท้าไม้ไผ่หนึ่งอันพลิกเมืองได้
คนที่ไม่เห็นค่ากับคนที่ต้องขอบคุณ แน่นอนเป็นความรู้สึกที่ต่างกัน
“ท่านว่าอยู่ดีๆ ทำไมมีเรื่องกับอาลักษณ์หลินขึ้นมาอีกแล้วเล่า?” นางหยวนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “เวลานี้ไม่ควรนี่”
แน่นอนหากคิดให้ละเอียด ดูเหมือนก็ควรเหมือนกัน
ตอนนี้ตระกูลฟางไม่อาจหยุดยั้ง ทีเดียวปราบศัตรู ทหารม้าขุนนางมณฑลซานซีล้วนช่วยเหลือ บางทีจวินเจินเจินอาจอาศัยเวลานี้จัดการคู่แค้นของตนเองนิดหน่อย
ตัวอย่างเช่นตระกูลหนิงที่ปฏิเสธการแต่งงาน ตัวอย่างเช่นบรรดาเด็กสาวที่หวังจะทำให้นางอับอาย
“นางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้น” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยขึ้น “หากนางอยากทำ คงทำไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้”
นี่ก็ใช่ นางหยวนอับอาย
“ข้ารู้สึกว่าใช่เหมือนกัน” นางเปลี่ยนคำพูดทันทีเอ่ยขึ้น “คุณหนูจวินพึ่งพาได้กว่าเมื่อก่อนมากแล้ว ในเมื่อนางไปกับอาลักษณ์หลินก็ต้องมีเรื่องจำเป็นแน่”
นายหญิงใหญ่ฟางถอนหายใจ
“ไม่ว่ามีเรื่องจำเป็นอะไร นางก็ไม่ควรทำเองคนเดียว นี่อันตรายเกินไปแล้ว” นางว่า
ขณะที่ผู้คนกำลังรอคอยอย่างวิตกก็มีผู้คุ้มกันก้าวไวๆ เข้ามา
“นายหญิงใหญ่ นายหญิงผู้เฒ่าให้มาเอาไม้เท้าขอรับ”
ได้ยินผู้คุ้มกันเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนในห้องล้วนตะลึงไปเล็กน้อย ยังมีบางคนกังวลใจ
นายหญิงผู้เฒ่าใช่ถูกกระทบกระเทือนมากเกินไปหรือไม่ ร่างกายไม่สบายแต่ยังฝืนทนอยู่ดังนั้นต้องการไม้เท้า?
บนหน้าของทุกคนยิ่งเพิ่มความกังวลและความโศกเศร้าคับแค้นขึ้น
นายหญิงใหญ่ฟางรู้จักไม้เท้าอันนั้นที่นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถึง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางใช้ไม้เท้าน้อยมากจริงๆ แต่นางกลับมีไม้เท้าอันหนึ่งมาตลอด
นั่นเป็นไม้เท้าไม้ไผ่อันหนึ่ง
หลังนายท่านผู้เฒ่าฟางจากโลกไป นายหญิงผู้เฒ่าฟางดูท่าจะโศกเศร้ามากเกินไป หลายวันนั้นไม่อาจไม่ถือไม้เท้าเดิน แต่ก็ใช้อยู่ไม่กี่วันก็เก็บแล้ว ต่อมาใช้อีกครั้งก็เป็นหลังนายท่านฟางจากโลก
ครั้งนั้นนายหญิงผู้เฒ่าฟางกอดไม้เท้าวันคืนไม่ห่างกาย แต่ไม่นานก็เก็บไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ตอนเฉิงอวี่เกิดเรื่อง นายหญิงผู้เฒ่าฟางกอดไม้เท้าร้องไห้
นายหญิงผู้เฒ่าฟางเสียสามี เสียบุตร แตกหักกับตระกูลสามีตระกูลมารดา ข้างล่างเป็นสตรีกลุ่มหนึ่ง นางไร้ที่พึ่ง มีเพียงตนเองรวมถึงไม้เท้าอันนี้
ไม้เท้าอันนั้นยามปกติก็วางไว้ในห้องของนายหญิงผู้เฒ่าฟาง เวลาสิบกว่าปีทำให้มันกลายเป็นเก่ากึก
มีปีหนึ่งนายหญิงผู้เฒ่าฟางฉลองวันเกิด ฟางอวิ๋นซิ่วสามพี่น้องทำไม้เท้าใหม่อันหนึ่งเองกับมือ แต่หลังนายหญิงผู้เฒ่าฟางรับไปก็วางไว้ในห้องเก็บของ ที่วางไว้ในห้องยังคงมีเพียงไม้เท้าไม้ไผ่อันนี้
สำหรับนางแล้ว ไม้เท้าอันนี้คงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวมากกว่าสินะ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องการไม้เท้าอีกแล้ว?
หรือว่าจวินเจินเจินเกิดเรื่องจริงๆ แล้ว
สีหน้านายหญิงใหญ่ฟางร้อนใจไม่สงบ
“ไปเอาไม้เท้าของนายหญิงผู้เฒ่ามา” นางเอ่ยขึ้น ลุกขึ้นยืน สีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็ตัดสินใจ “บอกทุกคน พวกเราไปด้วยกันให้หมด ต้องตามหานายหญิงน้อยให้พบให้ได้”
ได้ยินคำพูดนี้ ฟางอวิ๋นซิ่วกับฟางอวี้ซิ่วยากปิดบังสีหน้ายินดี พี่น้องสองคนกุมมือกันแน่น สีหน้าชื่นมื่นทั้งหนักแน่น
นางหยวนก็พยักหน้าเช่นกัน ขานรับก้าวไวๆ ไป
…
บนถนนใหญ่ด้านนอกตรอกตระกูลหลินคนยังยืนเต็มไปหมดเหมือนเก่า
คบไฟสว่างส่องท้องฟ้าครึ่งหนึ่งสว่างไสว แต่เทียบกับราตรีที่ครอบคลุมโลกอยู่ นั่นก็เป็นเพียงแสงสว่างจุดเล็กๆเท่านั้น กลับดูแล้วยิ่งเพิ่มความเดียวดาย
บรรดาขุนนางกับหัวหน้าตระกูลหลินล้อมนายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ไม่ว่าพวกเขาพูดอะไรนายหญิงผู้เฒ่าฟางก็ไม่สนใจท่าเดียว
“ข้ารอไม้เท้าของข้า” นางตอบเพียงเท่านี้
ไม้เท้า ที่แท้เป็นของเวรอะไรกัน
นี่ทำให้ทุกคนอับจนวาจาทั้งยังสิ้นไร้หนทางนัก
นายหญิงผู้เฒ่าคนนี้คงไม่ใช่ยินดีมากไปเสียใจมากไปจนสมองเลอะเลือนกระมัง?
ฟางจิ่นซิ่วถอยกลับมาที่ริมถนนใหม่แล้ว
“เจ้าเหนื่อยแล้วไหม? เจ้าอยากไปเชิญท่านหมอสักคนมาให้ท่านย่าของเจ้าไหม?” เฉินชีอดไม่ได้เอ่ยถามขึ้น
ฟางจิ่นซิ่วเงียบงันครู่หนึ่ง
“ไม่ต้อง” นางว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ข้าวุ่นวายใจ”
เฉินชีหาวทีหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับไปพักผ่อนเถอะ” เขาว่า
ฟางจิ่นซิ่วแน่นอนย่อมไม่สนใจเขา แต่นั่งลงริมถนน
แม้ไม่มีสิ่งใดทำได้ ทำสิ่งใดก็ไร้ประโยชน์ แต่ยังไงให้แน่ใจว่านางกลับมาอย่างปลอดภัยจริงหรือไม่เถอะ
เฉินชีลูบใบหน้า ครั้งนี้ไม่ได้พูดอะไรอีกนั่งลงตาม เพิ่งนั่งลงมา ฟางจิ่นซิ่วกลับทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“เปลี่ยนความคิดอีกแล้ว?” เฉินชีตกใจสะดุ้งโหยงเอ่ยขึ้น
ฟางจิ่นซิ่วไม่ได้สนใจเขา มองไปด้านหน้า
ด้านหน้าเสียงรถม้าเอะอะดังมา
ผู้คนก็มองข้ามไปด้วย เห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาอีก แตกต่างจากเหล่าชายฉกรรจ์ที่ออกันแน่นด้านนี้ ด้านนั้นที่มาล้วนเป็นพวกผู้หญิง
เพราะวันนี้เซ่นไหว้นายท่านผู้เฒ่าฟางกับนายท่านฟาง ผู้หญิงในบ้านล้วนถอดเครื่องประดับ สวมใส่เสื้อผ้าเรียบๆ เวลานี้คบไฟสอดส่องยิ่งแลดูขาวโพลนไปหมด
“ท่านแม่” ฟางเฉิงอวี่ร้องเรียก
นายหญิงผู้เฒ่าฟางก็ลงจากรถด้วย
“ท่านแม่” นายหญิงใหญ่ฟางก้าวไวๆ เดินไปด้านหน้า ไม้เท้าในมือส่งข้ามมา “ไม้เท้าที่ท่านต้องการ ข้านำมาส่งแล้วเจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางยื่นมือมารับไม้เท้าไป แล้วมองไปทางนายหญิงใหญ่ฟาง
นอกจากนายหญิงใหญ่ฟาง ฟางอวิ๋นซิ่วและฟางอวี้ซิ่วพี่น้อง นางหยวนรวมถึงหญิงรับใช้สาวใช้ในตระกูลล้วนมาทั้งสิ้น
“พวกเจ้าทำไมมากันหมด?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถาม
“ท่านแม่ ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อต้องการหาคน ย่อมต้องมาหาด้วยกัน คนเพิ่มขึ้นคนหนึ่งก็เพิ่มแรงได้ส่วนหนึ่งนะเจ้าคะ” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นายหญิงผู้เฒ่า ทุกคนที่ขี่ม้าได้ขี่ม้า ขี่ม้าไม่ได้เดินถนน ทำสิ่งใดได้ก็ทำสิ่งนั้น” นางหยวนยิ้มเอ่ยขึ้น “อย่างไรก็ดีกว่านั่งอยู่ในบ้านรอคอย สิ่งใดก็ไม่ทำ”
สายตาของนายหญิงผู้เฒ่าฟางมองไปทางด้านหลังร่างของพวกนาง มีรถมีม้าติดตามมาด้วยจริงๆ
นางยังไม่ทันพูด บนถนนก็มีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นอีก
ผู้คนมองข้ามไปเห็นผู้ดูแลเกานำคนขี่ม้ากลุ่มหนึ่งมา ในนี้มีผู้ดูแลมีเสมียนของร้านแลกเงิน ยังมีเหลยจงเหลียนที่มือขวายังคงห่อผ้าพันแผลเอาไว้
“นายหญิงผู้เฒ่า คนของหยางเฉิงล้วนเรียกมาแล้ว ที่ไกลออกไปอีกก็ส่งข่าวไปแล้ว กำลังเร่งทยอยมา” ผู้ดูแลเกาเอ่ยขึ้น
เทียบกับฟางเฉิงอวี่กับคุณหนูจวิน เขากลับมาช้ายิ่งกว่า เพราะต้องช่วยเมืองหวยชิ่งด้านนั้นจัดการเก็บกวาดเรื่องของทหารที่ปลอมเป็นโจรภูเขาที่จับไว้
วันนี้ตอนบ่ายเขาเพิ่งมาถึง บนหน้าฝุ่นดินความเหนื่อยล้ายังไม่ทันหาย
สายตาของนายหญิงผู้เฒ่าฟางกวาดผ่านคนของร้านแลกเงิน คนในตระกูลเหล่านี้ บนใบหน้าที่หม่นหมองผุดรอยยิ้ม
“ทำอะไรกันนี่ ตามหาคนเท่านั้น เจ้าดู พวกเจ้าทำเรื่องใหญ่ให้คนแตกตื่นเช่นนี้ ทำจนพวกเราเหมือนโจรกบฏจะพลิกกวาดเมืองแห่งนี้อย่างนั้น” นางยิ้มเอ่ยขึ้น
ใช่แล้ว ใช่แล้ว
บรรดาขุนนางคิด
“นายหญิงผู้เฒ่า พวกท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้มอบให้พวกเรา” ขุนนางที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น
บนหน้าของหัวหน้าตระกูลหลินไม่มีความอ่อนโยนอย่างก่อนหน้าอีกแล้ว แต่สีหน้าไม่พอใจ
“พวกเจ้านี่หมายความว่าอย่างไร? ก็ดี พวกเจ้าหาได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ไปหาเถอะ” เขาแค่นเสียงสะบัดแขนเสื้อ
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองไปทางพวกเขา รอยยิ้มบนหน้าค่อยเลือนไป กำไม้เท้าในมือไว้
“ต่อให้พลิกเมืองแห่งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” นางเอ่ยขึ้นช้าๆ
อะไรนะ?
คนที่อยู่ที่นั่นงุนงงแล้ว ยังไม่ทันได้สติก็เห็นนายหญิงผู้เฒ่าฟางเขวี้ยงไม้เท้าในมือลงพื้นอย่างแรง
การกระทำนี้ทำให้คนรอบด้านอดไม่ได้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งกะทันหัน ยังมีบรรดาผู้หญิงหลุดเสียงอุทานเบาๆออกมา
พร้อมกับเสียงแกรก ไม้เท้าไม้ไผ่ก็แตกกระจุยอยู่บนพื้น ที่กลิ้งออกมาจากตรงกลางคือม้วนสารยาวเรียวอันหนึ่ง
นี่คืออะไร?
ผู้คนที่ยืนอยู่ใกล้มองไป สีหน้าประหลาดใจ
หรือไม้เท้าอันนี้ที่จริงไม่ใช่แค่ไม้เท้าอันหนึ่ง?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางก้มตัวเก็บม้วนสารขึ้นมาแล้ว ฉีกกระดาษน้ำมันด้านนอกออก ใต้คบไฟสาดส่องเป็นสีเหลืองสดบาดตา
สีเหลืองสด!
คนที่อยู่ที่นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน ทั้งตะลึงไม่อยากเชื่อ
นายหญิงผู้เฒ่าคลี่ม้วนสารออกใต้แสงคบไฟ ชูขึ้นสูงไปทางผู้คน สีหน้านางแน่วแน่ ประกายแสงในดวงตาราวกับสายฟ้า
“น้อมรับบัญชาสวรรค์ ฮ่องเต้มีรับสั่ง เห็นโองการดุจเห็นพระองค์เอง” นางเอ่ยคำหนึ่งหยุดจังหวะหนึ่ง “บนฟ้าใต้ดินหยางเฉิง ค้นหาหลินเฉิงห้ามขัดขวาง หากมีผู้ใดคัดค้านขัดขวาง สังหารไม่เว้น”
ราชโองการ!
ถึงกับเป็นราชโองการ!
ใต้แสงคบไฟนายหญิงใหญ่ฟางมองตัวอักษรใหญ่สีแดงสดและตราประทับพระราชลัญจกร ตื่นตะลึง ทั้งร่างชา ยื่นมือปิดปากห้ามไม่ให้หลุดร้องตะลึงออกมา
……………………………………….