Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 84 ความเข้าใจผิดครั้งหนึ่ง
คฤหาสน์เล็กๆ จุดไฟสว่างตลอด เด็กรับใช้สองคนถูกจับกดตัวสั่นระริกใต้ชายคา มองคนเต็มเรือนยิ่งตัวสั่นเทารุนแรง
คนในเรือนเรียกได้ว่ามีมากมาย มีทั้งเจ้าพนักงานของจวนขุนนาง มีทหารสวมเกราะท่าทางเด็ดขาด ยังมีผู้คุ้มกันของตระกูลธรรมดาๆ ยังมีคนที่เหมือนกับคนรับใช้ พนักงานร้านจำนวนหนึ่ง ถึงขนาดยังมีคนพิการที่บนแขนห่อผ้าพันแผลไว้คนหนึ่งด้วย
การรวมตัวที่สะเปะสะปะเช่นนี้มีแต่ตอนไปไล่หมาป่าบนภูเขาถึงเคยเห็นมาก่อนจริงๆ
นี่ทำอะไรกันน่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?
“ใส่ร้าย!”
เสียงร้องของผู้ชายในห้องลอยมา แฝงความตระหนกและยังหวาดกลัว
“ใส่ร้ายอะไร? สรุปว่าเจ้าได้พบนายหญิงน้อยฟางหรือไม่?”หัวหน้าตระกูลหลินตะโกนลมหายใจกระชั้นถี่จนย่ำแย่
หลินเฉิงอาลักษณ์หลินยืนอยู่ในห้องสีหน้าตื่นกลัวเช่นกัน ยังคงสับสนมึนงงอยู่บ้าง
“ข้าพบสิ” เขาว่า “แต่ข้าไม่ได้อยู่ด้วยกันกับนางนะ พวกเราเพียงแต่พบหน้ากันบนถนนพูดคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้น หลังจากนั้นนางก็ไปแล้ว”
“พวกท่านคุยอะไรกัน?”ฟางเฉิงอวี่เอ่ยถาม
อาลักษณ์หลินมองไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ในห้อง แล้วมองออกไปยังผู้คนที่จับจ้องมาดร้ายอยู่ข้างในข้างนอก นี่ล้วนเป็นใครกันน่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ
เขาก็แค่ถูกกักไว้ในบ้านนานขนาดนี้ กว่าจะถูกปล่อยออกมาได้ก็คิดจะออกมาสำราญใจเสียหน่อย มาหาคนรักที่นี่ผ่อนคลาย คิดว่าเวลานี้ ตนเองไปที่ใดปกปิดไว้ดีแล้ว คนในบ้านก็ไม่กล้าเอ่ยถามมาก ก็แค่หนึ่งคืนไม่กลับ ก็คิดได้เพียงจัดการธุระปะปังบางอย่างเท่านั้น
ใครจะคิดว่าบังเอิญพบนายหญิงน้อยฟางบนถนน จากเรื่องก่อนหน้านี้ได้รู้ความร้ายกาจของนายหญิงน้อยฟางแล้ว บวกกับตอนนี้ตระกูลฟางร้ายกาจเช่นนี้ อาลักษณ์หลินย่อมถือหลักคนสำนึกผิดไม่ยื่นมือตบหน้า เป็นฝ่ายทักทายด้วยดี ในเวลาเดียวกันก็แสดงความขอโทษเรื่องหลินจิ่นเอ๋อร์ครั้งก่อนอีกครั้ง
นายหญิงน้อยฟางก็เป็นมิตรเหมือนดังเช่นปกติ
“ใต้เท้าหลินไม่ต้องเคร่งครัดเกินไป เพียงแค่เด็กน้อยไม่รู้ความเท่านั้น” นางว่า “บอกให้เข้าใจเหตุผลรู้ความก็พอแล้ว”
นอกจากนี้ยังเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่าเรื่องนายอำเภอหลี่ครั้งนี้ทำให้เขาตื่นตกใจแล้ว
อาลักษณ์หลินซาบซึ้งในจนอยากจะคุกเข่าขอบคุณ พูดความจริงเมื่อตอนจวนที่ว่าการอำเภอถูกพังนาทีนั้น เขายังคิดจริงๆ ว่าเส้นทางในอนาคตของตนเองก็คงเหมือนเช่นประตูใหญ่จวนที่ว่าการอำเภอเช่นนั้นย่อยยับลงตรงนี้แล้ว
อย่างไรมีกำลังเช่นนี้ เป็นโอกาสอันดีที่สุดกำจัดพวกเขาตระกูลหลิน
“นี่นับเป็นแค้นอันใด ก็เพียงแค่ทะเลาะแข่งขันด้วยอารมณ์” คุณหนูจวินว่า ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “นอกจากใต้เท้าหลินรู้สึกว่าพวกเราไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันด้วยเหตุนี้”
อาลักษณ์หลินรีบโบกมือ
“มิได้ มิได้ ได้อย่างไร ได้อย่างไร” เขาเอ่ยซ้ำๆ สีหน้าก็จริงใจ “คิดไม่ถึงว่านายหญิงน้อยฟางใจกว้างเช่นนี้ ข้าขอบคุณนัก”
พูดถึงตรงนี้สองคนก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม
“หลังจากนั้นนายหญิงน้อยฟางบอกว่านางยังมีธุระ ข้าก็ขอตัว” อาลักษณ์หลินเอ่ยขึ้น
นอกจากนี้เขายิ่งอารมณ์ดี รู้สึกว่าวันนี้โชคร้ายหายไปสิ้นแล้วจริงๆ โชคดีมาเยือน ใจเต็มไปด้วยความเปรมปรีดิ์มาถึงบ้านเมียเก็บที่แอบเลี้ยงไว้ที่นี่ พลิกไปพลิกมาวุ่นวายตลอดทั้งบ่าย ถึงตอนนี้เพิ่งตื่น อิ่มอกอิ่มใจร่ำสุราหาความสำราญต่อ
ใครจะคิดว่าข้างนอกถึงกับวุ่นวายจนกลายเป็นเช่นนี้
“ท่านจะบอกว่าท่านไม่ทราบว่านางไปที่ใด?” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยถาม
“ข้าไม่รู้จริงๆ นะ” อาลักษณ์หลินรีบร้อนพูด “ข้าเดินมาทางนอกเมือง นางเดินไปทางด้านในเมืองแล้ว”
ฟางเฉิงอวี่ไม่พูดจา เขาก็ไม่พูด ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ
สายตาทั้งหมดล้วนรวมอยู่ที่ตัวเด็กหนุ่มคนนี้ รวมถึงม้วนสารที่เขาถืออยู่ในมือ ราวกับว่าความเป็นความตายในนาทีถัดไปล้วนอยู่ในกำมือของเขา
“เจ้าสาม ดีที่สุดเจ้าพูดความจริงซะ ก่อนหน้านี้เรื่องเหล่านี้ที่เจ้าทำลับหลังข้า ข้าจะลืมตามข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้เรื่องสำคัญหนักหนา เจ้าอย่าคิดกลิ้งกลอกอีก” หัวหน้าตระกูลหลินทนความเงียบนี้ไม่ได้ ทนไม่ไหวตะคอกเอ่ยขึ้น
อาลักษณ์หลินในใจร้องด่า เร็วขนาดนี้ก็เอาตัวเองรอดเสียแล้ว ยังจะเรื่องที่ทำลับหลังเขา ที่ตระกูลเรื่องอะไรทำลับหลังเขาได้! แสร้งทำเป็นคนดีอะไร!
แต่ตอนนี้หาใช่เวลาคิดหยุมหยิมเรื่องนี้
“นายน้อยฟางข้าไม่ได้พูดโกหกจริงๆนะ ฟ้าดินเป็นพยาน” เขามองฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง แทบอยากจะคุกเข่าลงไปแล้ว
ฟางเฉิงอวี่มองเขาครู่หนึ่ง
“ตอนที่ท่านพบนาง นางกำลังทำสิ่งใดอยู่?” เขาเอ่ยถาม
ยอมถามก็คือเชื่อเขาแล้ว
อาลักษณ์หลินระงับความยินดี พยายามสงบนิ่ง ห้ามความคิดวุ่นวายย้อนคิดถึงแต่ละคำแต่ละการกระทำของคุณหนูจวิน
“ตอนที่ข้าเห็นนาง นางกำลังยืนอยู่ริมทาง ราวกับยืนอยู่ที่เดิมรอคนอยู่…” เขาว่า
“บางทีอาจกำลังตามหาคน?” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยแทรก
หาคน…
อาลักษณ์หลินคิดนิดหนึ่ง แม่นางคนนั้นตอนนั้นมองออกไปนอกประตูเมือง สีหน้า…ประหลาด? อยู่เล็กน้อยจริงๆ
“นางหาคนอยู่หรือไม่ข้าไม่รู้” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ท่าทางครุ่นคิดอยู่นิดหน่อย “แต่ต่อมานางกลับเอ่ยคุยเล่นประโยคหนึ่งขึ้น”
“คุยเล่นอะไร?” หัวหน้าตระกูลหลินรีบร้อนถามขึ้น
คุยเล่นนี้ไม่แน่ว่าจะเป็นคุยเล่น เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะตัดสินชะตาชีวิตพวกเขา
“นายหญิงน้อยฟางถามข้า ขุนนางต่างถิ่นที่มายังหยางเฉิงครั้งนี้มีใครบ้าง” อาลักษณ์หลินเอ่ยขึ้น
หัวหน้าตระกูลหลินงงงันไปนิดหนึ่ง
“เรื่องนี้นางถามเจ้าทำอะไร? เจ้ายุ่งได้รึ ไหนเลยจะรู้ว่าใครมาบ้าง” เขาว่า เสตามองฟางเฉิงอวี่
อีกอย่าง ขุนนางพวกนั้นที่มาจากเมืองไท่หยวน คนของตระกูลฟางย่อมรู้ชัดที่สุด
คุณหนูจวินทำไมถามคำถามนี้?
“เจ้าอย่าได้พูดจาส่งเดชพาดพิงผู้อื่น” หัวหน้าตระกูลหลินเลิกคิ้วตวาดขึ้นอีกครั้ง
อาลักษณ์หลินร้องว่าใส่ร้ายอีกครั้ง
“ข้าก็คุยกับนายหญิงน้อยฟางเช่นนี้” เขาว่า “หลังจากนั้นนายหญิงน้อยฟางก็ไม่ถามอีก ขอตัวไป นายน้อยฟาง ท่านต้องเชื่อข้า ข้าไม่กล้า…”
ฟางเฉิงอวี่มองเขาแล้วพยักหน้า
“ข้าเชื่อท่าน” เขาว่ายิ้มอ่อนโยนท่าทางจริงใจอย่างเด็กหนุ่ม “อาลักษณ์หลินไม่ได้โกหก”
อาลักษณ์หลินซาบซึ้งจนจะร้องไห้จริงๆ
ยังคงเป็นพวกเด็กพูดง่าย ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เหมือนผู้ใหญ่คิดมากเกินไป
ด้านนอกประตูเสียงโหวกเหวกระลอกหนึ่งลอยมาอีกครั้ง ที่แท้เป็นนายหญิงผู้เฒ่าฟางได้ข่าว คนม้าเร่งเดินทางมา
ไม่รออาลักษณ์หลินกับหัวหน้าตระกูลหลินอธิบาย ฟางเฉิงอวี่ก็ก้าวมาข้างหน้า
“ไม่ใช่เขา” เขาส่ายศีรษะบอกกับนายหญิงผู้เฒ่าฟาง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองหัวหน้าตระกูลหลินกับอาลักษณ์หลินที่สีหน้าร้อนรนวิตกทีหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก
“ไป” นางเอ่ยขึ้น สีหน้าและน้ำเสียงเด็ดขาดเหมือนปกติ “ตามหาไปข้างนอกต่อ”
ฟางเฉิงอวี่กลับห้ามนางไว้ สีหน้าหนักใจมองท้องฟ้ายามราตรี สายตามองไปทางทิศเหนือช้าๆ
“ไม่ ท่านย่า” เขาว่า “ตามหาในเมือง ค้นทั้งหยางเฉิง”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางงุนงงนิดหนึ่ง
ในเมืองยืนยันแล้วว่าไม่มีร่องรอยของจวินเจินเจินจริงๆ แต่ในเมื่อเขาเชื่อคำพูดของอาลักษณ์หลิน นั่นย่อมต้องเชื่อว่าจวินเจินเจินออกจากเมืองไปแล้วเช่นกันสิ
ตอนนี้กลับจะย้อนกลับเข้าเมือง นอกจากนี้ยังจะค้นเมือง
ค้นเมืองหมายความว่าอย่างไร?
“เมื่อครู่พวกเราเพียงแค่ไล่ตามหาร่องรอยที่เกี่ยวกับอาลักษณ์หลิน คนที่ตรวจสอบก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “ตอนนี้พวกเราจะตรวจสอบทั้งหมด ค้นให้หมด”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางสีหน้าอึ้งไป
ถือราชโองการไล่ตามหาคนที่เกี่ยวข้องกับจวินเจินเจินยังเข้าใจได้ แต่กำเริบเสิบสานค้นเมืองตามอำเภอใจ
ถ้าเช่นนั้นเรื่องก็จะวุ่นวายใหญ่โตจริงๆ แล้ว
เพื่ออะไรเล่า?
“เพื่อทำให้ใหญ่” ฟางเฉิงอวี่ว่า “ยิ่งทำให้ใหญ่ นางก็ยิ่งปลอดภัย”
บางครั้งก็เป็นเช่นนี้ มีได้มีเสีย เพื่อแลกความปลอดภัยของคนผู้หนึ่ง ก็ต้องให้คนอีกคนหนึ่งยิ่งเสี่ยง นี่ก็คือความยุติธรรม
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขาครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า
“เรียกรวมคนทั้งหมดกลับเมือง” นางว่า มองไปทางคนด้านในเรือน “ค้นเมือง”
……………………………………….