Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 86 ท่านมาจากที่ใด
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขายิ้มเหมือนกันแล้ว
ใช่แล้ว หนึ่งวันหาไม่พบสองวัน สองวันหาไม่พบก็สามวัน ขอเพียงพวกนางยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็จะหาต่อไป มีอะไรใหญ่หนักหนา
ก็เหมือนตอนนายท่านผู้เฒ่าไม่อยู่แล้ว ลูกชายไม่อยู่แล้ว หลานชายถูกทำร้ายแล้ว นางยังยืนหยัดต่อมาได้ ยืนหยัดผ่านหนึ่งวันก็ยืนหยัดผ่านวันที่สองได้ ค่อยยืนหยัดผ่านวันที่สาม
ขอเพียงนางยังไม่ตายวันหนึ่ง ก็ไม่ล้มวันหนึ่ง
“ขอเพียงพวกเรายังมีสักคนอยู่ก็จะตามหาต่อไปเรื่อยๆ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองลูกสะใภ้และบรรดาหลานสาวตรงหน้าเอ่ยขึ้น “ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้พวกเราตระกูลฟางผ่านชีวิตเช่นนี้ พวกเราก็จะไม่กลัว ไม่หวั่น ไม่ถอย พวกเราจะผ่านไปให้เขาดู”
นายหญิงใหญ่ฟาง ฟางอวิ๋นซิ่ว ฟางอวี้ซิ่ว สีหน้าเคร่งขรึมพยักหน้า
“เจ้าค่ะ ท่านย่า ท่านแม่ ท่านวางใจ ข้าจะต้องหาต่อไปแน่นอน” พวกนางเอ่ยเสียงพร้อมเพรียง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราต้องแบ่งงาน ข้ากับอวิ๋นซิ่ว นางหยวนจะกลับไปพักผ่อนก่อน เฉิงอวี่เจ้ากับท่านแม่ของเจ้าค้นหาต่อ รอหลังเที่ยงพวกเราจะมาผลัดเปลี่ยนกับพวกเจ้า” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น พูดพลางก็มองไปทางบรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ผู้คุ้มกันรวมถึงคนของร้านแลกเงิน “พวกเจ้าต่างคนก็แบ่งกะผลัดเปลี่ยนด้วย”
ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียง
“นายหญิงผู้เฒ่า ข้าจะจัดการ วันนี้คนกับม้าของร้านแลกเงินอื่นก็เร่งเดินทางมาแล้ว คนของพวกเราพรักพร้อมยิ่งนัก” ผู้ดูแลเกาเอ่ยขึ้น
ด้านนี้กำลังคึกคัก นอกประตูเมืองก็มีคนกับม้าเร่งรีบมาอีก
“ฟางเฉาซื่อ! เจ้าหยุดก่อความวุ่นวายได้แล้ว”
คนกับม้ายังไม่ทันขี่มาใกล้ คนที่เป็นผู้นำก็ตวาดเสียงเฉียบขาด
คนเหล่านี้คลุกฝุ่นมอมแมม แม้ร่างสวมชุดธรรมดา แต่ทุกคนก็ยังจำได้ว่าพวกเขาก็คือขุนนางหลายท่านของเมืองไท่หยวนที่ออกจากหยางเฉิงไปเมื่อวาน คนที่เป็นผู้นำส่งเสียงตำหนิก็คือเจ้าเมืองหม่าเซิงจือ
เจ้าเมืองหม่าสีหน้าไม่ได้เรียบเฉยอย่างก่อนหน้าอีกต่อไป สีหน้าตะลึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ส่วนบรรดาขุนนางด้านหลังร่างเขาสีหน้ายุ่งเหยิง
“เจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ไหม?” เจ้าเมืองหม่าเข้ามาใกล้ ไม่รอม้าหยุดก็กระโดดลงมาอย่างมั่นคง ก้าวไวๆมาถึงตรงหน้าร่างนายหญิงผู้เฒ่าฟาง ตวาดขึ้น “อดีตฮ่องเต้พระราชทานราชโองการให้เจ้าเพื่อก่อกวนประชาชนรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไร?”
เขามองไปรอบด้านอีกครั้ง ใกล้ๆ ไกลๆ ที่ลับที่แจ้งชาวบ้านหลบๆ ซ่อนๆ อยู่
“เจ้ารู้หรือไม่นี่หมายถึงสิ่งใด?” เขากดเสียงลงคิ้วตั้งเอ่ยเอ็ด
พ่อค้าที่เปิดร้านแลกเงินคนหนึ่งถึงกับหยิบเอาราชโองการขององค์ฮ่องเต้ออกมา
นี่หมายถึงสิ่งใด?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางย่อมรู้ว่านี่หมายถึงสิ่งใด
ไม่เช่นนั้นนานปีขนาดนี้ไม่เคยกล้าเปิดเผยออกมาสักนิด
ราชโองการนี้เป็นที่พึ่งของพวกนาง แต่ก็ย่อมเป็นอาวุธสังหารเช่นกัน ในนี้โยงใยถึงข้อสงสัยมากมายยิ่งกว่า การคาดเดามากยิ่งกว่า มีแนวโน้มจะชักนำให้เกิความวุ่นวายใหญ่หลวง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเจ้าเมืองหม่า
“ใต้เท้า ข้ารู้ข้ากำลังทำสิ่งใด” นางว่า “ราชโองการไม่ได้ไว้ให้ข้าก่อกวนประชาชน แต่ราชโองการไว้เพื่อปกป้องตระกูลฟางของข้า ตอนนี้ตระกูลฟางของข้าประสบหายนะเช่นนี้ เวลานี้ข้าไม่ใช้รอเวลาใดอีก?”
เจ้าเมืองหม่ายื่นมือชี้นายหญิงผู้เฒ่าฟาง
“ตระกูลฟางของเจ้าประสบหายนะอันใด?” เขากัดฟันเอ่ยเสียงเบา มองดูฟางเฉิงอวี่ด้านข้าง “ตอนนี้หลานชายเจ้าหายดีแล้ว ศัตรูของเจ้าประหารไปแล้ว เป็นช่วงเวลาความสุขมาเยือนหลังผ่านพ้นความทุกข์ใหญ่หลวง ไม่ใช่แค่สะใภ้คนหนึ่งคืนหนึ่งไม่กลับบ้านหรือ? เจ้า นี่ถึงกับจะต้องพลิกฟ้าเชียวหรือ?
“หลานสะใภ้คนนี้ของข้าก็คือฟ้าของตระกูลฟางเรา” นายหญิงผู้เฒ่าฟางกัดฟันเช่นกัน สีหน้าท่าทางเด็ดเดี่ยวและบ้าระห่ำ ยื่นมือชี้ฟ้า “นางเกิดเรื่อง ฟ้าย่อมถล่มลง ตระกูลฟางของเราย่อมล้มแล้ว”
ผู้หญิงเฒ่าคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ
เจ้าเมืองหม่าสีหน้าเขียวคล้ำ กำลังจะเอ่ยวาจาก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งลอยออกมาจากด้านในฝูงชน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครเกิดเรื่องหรือ?”
เสียงนี้ลอยมา บรรดาขุนนางเช่นเจ้าเมืองหม่าเป็นต้นยังไม่ทันตอบสนอง ฟางเฉิงอวี่หันหน้าไปเป็นคนแรก ตามติดมาก็เป็นบรรดาผู้หญิงตระกูลฟาง
ฟางจิ่นซิ่วที่ยืนอยู่นอกกลุ่มพวกเขามาตลอดก็มองหาต้นเสียงอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน
บรรดาผู้คุ้มกันที่ล้อมอยู่ด้านนอกวงถูกสายตานี้ทำให้แหวกออกโดยไม่รู้ตัว หันศีรษะมองไปเช่นกัน
ด้านหลังร่างของพวกเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เสื้อผ้าผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย เปรอะเปื้อนฝุ่นดิน มองดูแล้วลำบากอยู่บ้าง แต่หน้าตาของนางอ่อนโยน ดวงตาทั้งคู่สุกใส มีชีวิตชีวา
ในมือนางหิ้วตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่ง ด้านในวางสมุนไพรจำนวนหนึ่งไว้ เหมือนกับคนเก็บสมุนไพรที่กลับมาตอนเช้าตรู่คนหนึ่ง
ทั้งที่นั้นเงียบกริบ
สายตาคุณหนูจวินกวาดผ่านผู้คน สีหน้าประหลาดใจเช่นกัน ทั้งยังงุนงงและไม่เข้าใจ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” นางเอ่ยถามอีกครั้ง
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฟางจิ่นซิ่วรู้สึกเพียงหัวใจหยุดเต้นในสมองขาวโพลน
จวินเจินเจิน เจ้าเล่นข้าแทบตายเชียวนะ!
ทั้งที่นั้นเงียบกริบแข็งค้าง
ความเงียบนี้เพราะคนจำนวนหนึ่งของตระกูลฟางเงียบไป พวกเขาเงียบลง คนด้านข้างก็เงียบลงตามไปด้วย
ไม่ใช่คนทั้งหมดจะจำเด็กสาวคนนี้ได้
คุณหนูจวินอย่างไรก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้แม้จะโอหังและเพราะเรื่องหมั้นหมายกับคุณชายสิบหนิงชื่อเสียงดังกระฉ่อน แต่ก็เพียงชื่อดังกระฉ่อน ไม่ใช่คนทุกคนเห็นนางเขาจะคุ้นกับนาง
ที่คุ้นเคยกับนางมีเพียงระหว่างบรรดาเด็กสาวเท่านั้น
ตอนนี้ที่ล้อมอยู่ตรงนั้นส่วนมากเป็นพวกผู้ชาย ทุกคนย่อมไม่รู้จักนาง
ตัวอย่างเช่นเจ้าเมืองหม่า
เมื่อเจ้าเมืองหม่ามองไป บรรดาขุนนางก็ล้วนมองไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรับใช้คนนั้นที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดยิ่งหรี่ตาลง
เด็กสาวคนนี้ก็อายุสิบสี่สิบห้าปีเหมือนกันนี่
เพียงแต่ว่าเสื้อผ้าที่สวมดีประณีต รูปร่างหน้าตาอ่อนน้อม กลิ่นไอของคุณหนูในห้องหอของตระกูลใหญ่มั่งคั่งเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงก็กลบไว้ไม่อยู่
คนที่คืนวานไม่กลับหายไปทำให้คนตระกูลฟางตามหาก็คือนางหรือ?
แม้ไม่เคยเห็นนางมาก่อน แต่จากสีหน้าของพวกนายหญิงผู้เฒ่าฟางก็มองออกได้ว่านางเป็นใคร
ลูกสาวของจวินอิ้งเหวิน หลานสาวของตระกูลฟาง รวมถึงนายหญิงน้อยที่เสริมมงคลรักษานายน้อยฟางหายดีในคำเล่าลือคนนั้น
เจ้าเมืองหม่าเห็นได้ชัดว่าก็รู้ตัวตนของนางแล้วเช่นกัน แต่เขายังคงชี้มือ
“นางเป็นใคร?” เขาตวาดเอ่ยถาม
นี่เห็นชัดเจนมากว่ารู้อยู่แล้วจงใจถามถากถาง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางยังไม่ทันเอ่ยตอบ เสียงร้องแหลมของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“คุณหนู!”
ทุกคนยังไม่ทันตอบสนอง หลิ่วเอ๋อร์ไม่รู้พุ่งออกมาจากที่ใดโถมมาถึงตรงหน้าคุณหนูจวิน คว้าหมับกอดคุณหนูจวินไว้ร้องไห้เสียงดัง
“คุณหนูท่านไปที่ไหนมา ท่านทำข้ากลัวแทบตายแล้ว”
ครั้งนี้ไม่ต้องให้นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยปากอีกแล้ว คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนรู้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นใครแล้ว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
คนทั้งหมดงุนงงแล้ว พวกเขาพลิกฟ้าพลิกดินทั้งคืนตามหาไม่พบคน อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาเช่นนี้
“เจินเจิน เจ้าไปที่ไหนมา?” นายหญิงใหญ่ฟางอดไม่ไหวเอ่ยปากร้องขึ้น พลางก้าวไวๆ เดินเข้ามา
คุณหนูจวินถูกหลิ่วเอ๋อร์ร้องไห้โฮกอดไว้ มองคนที่รวมตัวอยู่ด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจอย่างยิ่งเหมือนกัน
“ข้าไปเก็บสมุนไพร...” นางเอ่ยขึ้นมา
……………………………………….