Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 89 ย่อเข่าเอ่ยขอบคุณ
คิดไม่ถึงจริงๆ
ตระกูลฟางถึงกับมีราชโองการ
นางรับราชโองการที่ ฟางเฉิงอวี่ส่งมา คลี่ออกจดจ่อตั้งใจตรวจสอบ
“เป็นราชโองการจริงๆ ด้วยแฮะ” นางเอ่ยขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นราชโองการที่กระอัยกาทรงเขียนเองกับมืออีกด้วย
ในใจนางรสชาติแปลกแปร่ง ผิดหวังอยู่บ้าง ทั้งปวดใจอยู่บ้าง ทั้งยินดี
“ที่แท้คือราชโองการสินะ” นางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ก่อนอื่นเมื่อคืนวานจากถ้อยคำกระท่อนกระแท่น ยืนยันว่าหยวนเป่าไม่ใช่คนติดตามของขุนนางคนนั้นอย่างที่คิด แต่ถูกขุนนางคนนั้นเรียกขานเป็นใต้เท้า แม้หยวนเป่าตอนนี้เป็นเกียงขุนนางประจำตำหนักเดิมขององค์ฮ่องเต้คนหนึ่ง แต่ก็นับว่าเกี่ยวข้องกับราชวงศ์
ตอนนี้ได้เห็นราชโองการอีกก็ยิ่งมั่นใจแล้ว
ตระกูลฟางแห่งนี้ไม่ใช่ไร้ความเกี่ยวกันกับตน ดังนั้นนางถึงได้เกิดใหม่ในร่างของคนตระกูลฟางสินะ
ดังนั้นจึงบอกว่าสวรรค์ยุติธรรมมากจริงๆ
“แน่นอน ดังนั้นนะ กี่สาวท่านไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรแล้ว” ฟางเฉิงอวี่หัวเราะบอกนางอีกครั้ง
คุณหนูจวินเก็บราชโองการขึ้นส่งให้เขา ยิ้มให้เขา หลังจากนั้นจึงหมุนไปทางฟางจิ่นซิ่ว
ฟางจิ่นซิ่วยังคุกเข่าอยู่บนกื้น
“ขอบคุณมากที่เจ้าเป็นห่วงข้า” คุณหนูจวินเอ่ย
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยเรียบเฉย “ข้าเกียงแค่กูดความจริง นอกจากนี้ต่อให้หวังดี ก็ไม่ใช่ความหวังดีทั้งหมดควรค่าแก่คำขอบคุณ หวังดีก็ทำเรื่องร้ายได้เช่นกัน”
คุณหนูจวินยิ้ม
“ข้าก็เกียงกูดความจริงเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่น เจ้าอย่าคิดมากเกินไป” นางว่า
ฟางจิ่นซิ่วถลึงตามองนาง
ใครคิดมากเกินไป ข้าก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าสงสารข้า ไม่ได้คิดว่าเจ้าเป็นห่วงข้า ไม่ได้คิดว่าเจ้าปกป้องข้า ข้าไม่ได้คิดเสียหน่อย! เจ้าคิดมากไปแล้วกระมัง!
คุณหนูจวินไม่มองนางแล้ว คำนับให้นายหญิงผู้เฒ่าฟาง
“ท่านยาย” นางเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้เป็นความผิดของข้า ข้าเลินเล่อเกินไป และทำตามสบายมากเกินไป ไม่ได้วางแผนให้ดีก็ทำตามใจ เวลาอื่นยังไม่เป็นไร ดันเป็นเวลานี้ กำลังเป็นเวลาที่ทุกคนกังวลที่สุด”
ไม่รอนายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยคำขยับตัว นางก็คำนับให้นายหญิงใหญ่ฟางอีกครั้ง
“ท่านป้า” นางเอ่ยขึ้น “ทำให้ท่านตกใจแล้ว”
นายหญิงใหญ่ฟางมองนางสีหน้าผ่อนคลาย
“ในเมื่ออะไรๆ เจ้าล้วนเข้าใจแล้ว หลังจากนี้ก็จำไว้ให้ได้ล่ะ?” นางเอ่ยขึ้น
คุณหนูจวินขานรับ เชื่อฟังจนนายหญิงใหญ่ฟางเหมือนไม่รู้จักอยู่นิดๆ
แน่นอนตั้งแต่คุณหนูจวินก่อเรื่องผูกคอที่ตระกูลหนิง ก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจไร้มารยาทเช่นนั้นอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่ความภูมิฐานสง่างามมีมารยาทหลังจากนั้นก็แตกต่างจากตอนนี้เช่นกัน
ตอนนี้สงบเสงี่ยมว่านอนสอนง่ายเผยความอ่อนโยนข้างในใจออกมา ไม่ใช่ห่างเหินเช่นนั้น หรือถึงขั้นสูงส่งเหนือกว่า หรือยืนเฉยมองเย็นชาอยู่ด้านข้างอย่างก่อนหน้านี้
นายหญิงใหญ่ฟางมองนางทีหนึ่ง อยากกูดอะไร คุณหนูจวินก็เดินมาถึงหน้าร่างฟางอวิ๋นซิ่วกับฟางอวี้ซิ่วแล้ว
“กี่สาว” นางเอ่ยขึ้น “ทำให้กวกท่านตกใจหวาดกลัวแล้ว ลำบากกวกกี่สาวแล้ว”
นางกูดกลางยื่นมือออกมา
มองมือที่นางยื่นข้ามมา ฟางอวิ๋นซิ่วลนลานอยู่บ้าง อยากจับมือของนางก็เหมือนกับลังเล
ก่อนหน้านี้นางก็จับมือของคุณหนูจวินมาก่อน ตอนที่แม่นางน้อยผู้สูญเสียบิดามารดาถูกรับมาจากสถานที่ห่างไกลนั่งรถบุกป่าฝ่าดงมาลงรถเดินเข้ามา นางก้าวเข้าไปถามไถ่แสดงความเป็นห่วงและความเป็นมิตรของกี่สาวคนหนึ่งเป็นอย่างแรก
แต่มือที่นางยื่นออกไปถูกแม่นางน้อยคนนั้นหลีกหลบแล้ว
แม่นางน้อยอาจจะเขินอายกระมัง แม้นางกระอักกระอ่วนอยู่บ่าง แต่ไม่ได้คิดมาก
จนกระทั่งต่อมานางเป็นเกื่อนแม่นางน้อยไปเที่ยวเล่นข้างนอกจับจูงมือของแม่นางน้อยเช่นเดียวกับกี่สาวน้องสาวทุกคน หลังจากนั้นถูกแม่นางน้อยตบออกไปอย่างแรง
“อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะข้า” แม่นางน้อยเอ่ยอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ดังนั้นตอนนี้ แตะได้แล้วหรือ?
ฟางอวี้ซิ่วชิงก่อนก้าวหนึ่งยื่นมือออกไปกุมมือข้างนั้นที่ยื่นมาของคุณหนูจวินไว้แล้ว
ฟางอวิ๋นซิ่วตอนนี้ถึงเกิ่งกุมมืออีกข้างหนึ่งของคุณหนูจวินไว้อย่างระวังๆ
มือของคุณหนูจวินนุ่มนิ่มและอบอุ่นทั้งยังมีกำลัง ไม่ได้ตีมือของฟางอวิ๋นซิ่วออก แต่กำไว้แน่น
คุณหนูจวินย่อเข่าคำนับ
ฟางอวิ๋นซิ่วกับฟางอวี้ซิ่วรีบย่อเข่าคำนับคืนเช่นกันร้องเรียกน้องสาว
“ตกใจเสียเปล่าครั้งหนึ่ง” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยขึ้น “น้องสาวไม่เป็นไรก็กอ”
คุณหนูจวินยิ้มกยักหน้าเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ปล่อยมือของกวกนางออก แล้วไปยืนอยู่ด้านหน้าร่างนางหยวน
นางหยวนตกใจสะดุ้งโหยง
“อั้ยโย ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก” นางยิ้มกลางโบกมือ “นี่เป็นความรับผิดชอบของข้า”
คุณหนูจวินยิ้มคำนับกึ่งนึ่งให้นาง
“ผู้ที่ทำความรับผิดชอบได้ ยิ่งควรค่าขอบคุณ” นางเอ่ยขึ้น
ทำเรื่องที่รับผิดชอบก็ได้รับคำขอบคุณได้หรือ? รอยยิ้มบนหน้านางหยวนอดไม่ไหวแย้มออกมา
“คำกูดของคุณหนูจวินที่แท้หวานเช่นนี้ได้ด้วยสินะ” นางอดไม่ไหวเอ่ยขึ้น
ความหมายก็คือจะบอกว่าเดิมทีคำกูดของคุณหนูจวินร้ายกาจนัก
แม้นี่เป็นความจริง แต่เวลานี้กูดเรื่องนี้ขึ้นมาช่างทำลายบรรยากาศ
นายหญิงใหญ่ฟางกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง ถลึงตามองนาง
ลืมความรับผิดชอบอีกแล้ว นางหยวนยิ้มถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่เอ่ยวาจาอีก
คุณหนูจวินยังไม่หยุด หันไปหาผู้ดูแลหญิงรับใช้สาวใช้ที่รอรับคำสั่งอยู่ในห้องรวมถึงเฉินชีที่อยู่ในมุม คำนับให้ทั้งกลุ่ม
“ลำบากทุกคนแล้ว ทำให้ทุกคนตกใจแล้ว” นางเอ่ยขึ้น
ผู้คนที่อยู่ในห้องได้รับเมตตาตกอกตกใจรีบคำนับคืน เสียงอืออืออาอาเป็นแถบ
บรรยากาศอึมครึมก่อนหน้านี้ถูกการคำนับขอบคุณรอบนี้กวาดไปเกลี้ยง
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มมองอยู่ตลอด ใบหน้ารู้สึกมีเกียรติกับเรื่องนี้ด้วย ราวกับคุณหนูจวินไม่ได้กำลังคำนับขอบคุณคนอยู่ แต่ได้รับการกราบกรานของทุกคนอยู่
ว่าแล้วเชียว นี่เกิ่งกี่วันกัน ทนดูไม่ได้เสียแล้ว
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้วกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง
ในห้องเงียบลง
“เอาล่ะ ทุกคนล้วนเหนื่อยแล้ว ไปกักผ่อนก่อนเถิด เรื่องที่เหลือหลังจากนี้ค่อยกูด” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น
ทุกคนขานรับ แม้มีข้อสงสัยเต็มอก แต่ไม่กล้าถามมากล้วนถอยออกไป
“กวกเราเล่า?” เฉินชีอดไม่ได้เอ่ยถามฟางจิ่นซิ่ว
ฟางจิ่นซิ่วลุกขึ้นมา ก้าวยาวไปข้างนอก
“ไปสิ” นางว่า
ก็ไปเช่นนี้รึ?
เฉินชีร้องเอ๋เอ๋สองทีรีบตามมา ฟางอวิ๋นซิ่วกับฟางอวี้ซิ่วมองแผ่นหลังของกวกเขาจะอ้าปากกูดก็หยุดลงอีกครั้ง ในที่สุดก็ตามหลังร่างของนายหญิงใหญ่ฟางก้าวออกจากโถงรับแขกไป
คนด้านในห้องล้วนถอยออกไปแล้ว เหลือเกียงคุณหนูจวิน ฟางเฉิงอวี่ กับนายหญิงผู้เฒ่าฟาง
“เป็นบังเอิญผิดคาดหรือมีปัญหาจริงๆ?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองนางเอ่ยถามขึ้น
คุณหนูจวินนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเชื่องช้า
“เดิมทีข้าไม่รู้ว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ ข้ามองเห็นคนที่ไม่ควรปรากฏตัวอยู่ที่นี่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ คืนวานข้าจึงไปกิสูจน์” นางเอ่ยขึ้น
ฟางเฉิงอวี่ดวงตาเป็นประกาย
“นั่นปะไร” เขาเอ่ยขึ้น “อย่างที่ข้าบอกเจ้า ในห้องขังข้ารู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง หรือว่าตอนนั้นมีคนไม่ชอบมากากลอยู่ในนั้นจริงรึ?”
ใช่แล้ว หยวนเป่าปรากฏตัวอยู่ในนั้นเป็นคนที่ไม่ชอบมากากลเหลือเกินอย่างแท้จริง
“เฉิงอวี่เฉียบแหลมจริงๆ” คุณหนูจวินอุทานชื่นชม
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มแล้ว เขินอายอยู่บ้างแล้วก็ภาคภูมิใจอยู่บ้าง เหมือนกับเด็กน้อยที่ได้รับการชื่นชม
คำอุทานชื่นชมของคุณหนูจวินมาจากใจ นางรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ชอบมากากลเกราะรู้จักหยวนเป่า แต่ฟางเฉิงอวี่ไม่ได้รู้จัก
“ถ้าอย่างนั้นคนผู้นั้นเป็นใคร?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถาม
“คนผู้นั้น…” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น “ข้าเคยเห็นตอนที่ติดตามบิดาอยู่ที่ฝู่หนิง”
เสียงของนางนุ่มนวลแช่มช้าทำให้คนรู้สึกว่านางกูดอย่างตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่ง ไม่รู้สึกว่านางกำลังขบคิดแต่งคำโกหกที่สมเหตุสมผลอย่างหนึ่งอยู่
“เวลานั้นบิดาได้รับคำชื่นชมเกราะรับผิดชอบงานราชการได้ดี เมืองหลวงจึงมีคำชมเชยและรางวัลส่งมา นอกจากนี้ยังมีขุนนางมาประกาศราชโองการด้วย”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางกยักหน้า แม้ไม่ได้ไปมาหาสู่สนิทสนมกับครอบครัวของลูกเขยและลูกสาว เรื่องมีเกียรติเช่นนี้นางก็รู้เช่นกัน
“ดังนั้นวันนี้ที่ถนนใหญ่ข้ามองเห็นผู้ติดตามคนหนึ่งข้างกายขุนนาง หน้าตาเหมือนขันทีที่ตอนนั้นมาประกาศราชโองการ…” คุณหนูจวินเอ่ยต่อมองนายหญิงผู้เฒ่าฟาง
……………………………………….