Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 2 ตอนที่ 90 เรื่องหนึ่งไม่กระจ่าง
ขันที?
คิ้วนายหญิงผู้เฒ่าฟางเลิกขึ้น แต่กลับไม่ได้ตกใจมากนัก
“…ผู้ติดตามขันที” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ ปิดบังสายตาสำรวจไว้
มองเห็นนายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่ตื่นตะลึงกับขันทีมากนัก ถ้าเช่นนั้นก็บอกว่าผู้ติดตามแล้วกัน
บอกว่าขันที หากนายหญิงผู้เฒ่าฟางใช้วิธีการใดไปสืบขึ้นมา แหวกหญ้าให้งูตื่น การกระทำเมื่อคืนวานของตนเองคงถูกเปิดเผยสิ้นแล้ว
“ผู้ติดตามของขันทียังจะไปเป็นผู้ติดตามของผู้อื่นอีกหรือ? ผู้ติดตามคนนี้เป็นขันทีพาติดตัวมา หรือขุนนางท้องถิ่นมอบให้รับใช้?” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยถาม
คุณหนูจวินส่ายศีรษะ
“นี่ข้าก็ไม่รู้แล้วจริงๆ” นางว่า
นางยังไม่รู้จริงๆ หยวนเป่าที่แท้เป็นขันทีของฮ่องเต้ หรือถูกองค์ฮ่องเต้ส่งให้คนอื่นแล้ว? กระทำการได้รับคำสั่งจากองค์ฮ่องเต้หรือคำสั่งของผู้อื่น
“สิ่งนี้พูดให้ละเอียดก็ไม่มีอะไรแปลก” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น “อย่างไรตระกูลพวกเราก็มีราชโองการ ฮ่องเต้ส่งคนติดตามมาดูสักน่อยก็สมเหตุสมผล”
คุณหนูจวินพยักหน้า
เดิมทีระหว่างทางกลับมายังคิดแล้วคิดอีกจะอธิบายเรื่องที่รู้จักหยวนเป่าอย่างไรให้สมเหตุสมผล คิดไม่ถึงว่าตระกูลฟางจะหยิบราชโองการออกมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายมากแล้ว
นายหญิงผู้เฒ่าฟางเป็นฝ่ายยอมรับว่าไม่มีคำถามมากมายขนาดนั้น
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้พวกเรายังมีข้อสงสัยอะไรอีก?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถาม
“ข้อสงสัยก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้เป็นใคร” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้น
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว
“คนติดตามคนนั้นบางทีอาจไม่ใช่คนระดับเดียวกับหลี่ฉางหง” นางว่า
“ไม่ว่าใช่หรือไม่ใช่ เรื่องนี้ตอนนี้ให้จบลงตรงนี้” คุณหนูจวินเอ่ยปากบอก
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองไปทางนาง ส่วนฟางเฉิงอวี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ดี” เขาว่า “สำหรับพวกเราตอนนี้ขอเพียงรู้ว่าเบื้องหลังมีคน ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกลับไม่สำคัญแล้ว”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้วเล็กๆ
“ความหมายของพวกเจ้าคือ พวกเรายังต้องทำเหมือนรับมือซ่งอวิ้นผิงกับหลี่ฉางหงเช่นนี้?” นางว่า
คุณหนูจวินพยักหน้า
“จากเรื่องของซ่งอวิ้นผิงกับหลี่ฉางหงเห็นได้ว่าพวกเขาไม่กล้าประเจิดประเจ้อชูธงใช้ดาบจริงหอกจริงทำร้ายพวกเรา นอกจากนี้ตอนนี้พวกเราก็ให้คำเตือนและบทเรียนรุนแรงอันหนึ่งแก่พวกเขาไปแล้ว” นางว่า “จากสองจุดนี้ ช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาจะไม่ลงมืออีก ต้องให้พวกเราคิดว่าศัตรูไม่อยู่แล้ว อันตรายคลี่คลายแล้ว”
“พวกเราจึงต้องเสแสร้งทำเป็นอันตรายคลี่คลายแล้วด้วย” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขึ้น “ตกปลาต่อไป”
“ใช่แล้ว ใจคิดร้ายคนไม่อาจมี ใจคิดป้องกันคนไม่อาจไม่มี” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจเล็กน้อย “บนโลกนี้ไม่มีการเตรียมพร้อมที่สมบูรณ์แบบ แล้วก็ไม่มีคำรับประกันที่ไม่เปลี่ยนแปลง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางก็ถอนหายใจยาวเช่นกัน
“นี่ก็เป็นความสนุกสนานของการเกิดเป็นคน” นางฟื้นกำลังใจกลับมา เอ่ยขึ้นสีหน้าขรึม
“สู้กับฟ้า สู้กับคน อภิรมย์ไม่สิ้นสุด” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ยขึ้น
“อภิรมย์ไม่อภิรมย์ นั่นก็ต้องดูว่าเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น “เป็นผู้แพ้ย่อมไม่มีสิ่งใดน่าอภิรมย์”
นางถูกดาบรุมฟันตายไม่อภิรมย์สักนิด
ก่อนหน้านี้เป็นผู้แพ้ สามี ลูกชายล้วนถูกทำร้ายตาย พวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดน่าอภิรมย์จริงๆ
สองฝ่ายล้วนเงียบงันครุ่นคิด
มีเพียงฟางเฉิงอวี่หัวเราะฮ่าฮ่า นายหญิงผู้เฒ่าฟางตวัดตามองเขาทีหนึ่ง
แค่นางพูดประโยคหนึ่งเจ้าก็โง่งมมีความสุข มีอะไรน่ามีความสุขกัน
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด” นางว่า ตนเองก็ลุกขึ้นยืน
คุณหนูจวินกลับนั่งไม่ขยับ
“ท่านย่า” นางเอ่ยขึ้น “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่เข้าใจ….”
คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบนายหญิงผู้เฒ่าฟางก็ขัดนาง
“เรื่องนี้ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องเข้าใจ” นางว่า “เจ้าเพียงต้องรู้ว่าพวกเราตระกูลฟางมีราชโองการจริงๆ ราชโองการนี้เป็นของจริงแน่นอน ส่วนความเป็นมาของราชโองการนี้ข้าไม่อาจบอกเจ้าได้”
“ข้ารู้ว่านี่เป็นของจริง เพียงแต่ทำไม…” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขัดนางอีกครั้ง
“ข้าไม่อยากพูดโกหกกับเจ้า แต่ครั้งนั้นพวกเราตระกูลฟางสาบานไว้แล้ว รักษาคำมั่น จะไม่บอกความเป็นมาของราชโองการนี้กับคนอื่น” นางเอ่ยขึ้น
พูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“ข้าไม่ได้จะบอกว่าเจ้าเป็นคนนอก” นางเอ่ยต่อ “แต่เรื่องนี้มีคนรู้ได้เพียงคนเดียว บิดาตายส่งต่อให้บุตร บุตรตายส่งต่อให้หลาน เมื่อครั้งนายท่านผู้เฒ่าป่วยกะทันหัน ไม่ทันบอกแก่ท่านลุงของเจ้าดังนั้นถึงบอกแก่ข้า ข้าระวังรักษาความลับนี้ รอคอยบอกท่านลุงของเจ้า ผลปรากฏว่า…”
ผลปรากฏว่าบุตรชายก็ตายไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น
“ตอนนี้แม้กระทั่งเฉิงอวี่ก็ไม่รู้เรื่องนี้” นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองฟางเฉิงอวี่ “ผ่านไปอีกช่วงหนึ่งข้าจะบอกเจ้า”
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มพยักหน้าไม่ได้เอ่ยคำพูด
“ดังนั้นข้าไม่บอกเจ้า ไม่ใช่เพราะนับเจ้าเป็นคนนอก” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยกับคุณหนูจวินอีกครั้ง
คุณหนูจวินยิ้มแล้ว
“ข้าทราบ” นางเอ่ยขึ้น “ที่ข้าไม่เข้าใจไม่ใช่ความเป็นมาของราชโองการ”
ไม่ใช่ความเป็นมาของราชโองการ?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางงุนงงเล็กน้อย
ถ้าเช่นนั้นไม่เข้าใจอะไร?
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านยายทำไมหยิบราชโองการออกมาในเวลานี้?” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น มองนายหญิงผู้เฒ่าฟางสีหน้าสับสน
นายหญิงผู้เฒ่าฟางสีหน้าอึ้งไป
นางถามเรื่องนี้? นางไม่เข้าใจเรื่องนี้?
นี่มีสิ่งใดไม่เข้าใจกัน
เพราะเจ้าคือจวินเจินเจิน เจ้าเป็นหลานสาวของข้าน่ะสิ
นายหญิงผู้เฒ่าฟางอ้าปากจะเอ่ยวาจา แต่คำพูดมาถึงริมฝีปากก็หยุดไปอีก ความตกใจถดถอยสีหน้าเปลี่ยนเป็นสับสน
เพราะเป็นหลานสาวของนางหรือ?
ตอนนั้นหลานสาวคนนี้โวยวายจะเป็นจะตายบังคับนางไปเรียกร้องให้ตระกูลหนิงยอมรับการหมั้นหมาย แต่ต่อให้เป็นนาทีนั้นที่รู้ว่านางแขวนคออยู่ที่โรงเตี๊ยม นางก็ไม่ได้คิดจะหยิบราชโองการออกมาถามหาความเป็นธรรม
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เพียงเพราะหลิ่วเอ๋อร์คนนั้นร้องแรกแหกกะเชอบอกว่าคุณหนูมีเรื่องไม่ชอบมาพากล และเพราะฟางจิ่นซิ่วบอกว่าเดินไปด้วยกันกับอาลักษณ์หลิน บวกกับฟางเฉิงอวี่เน้นย้ำว่าเรื่องนี้อันตรายยิ่ง นางก็ไม่ลังเลหยิบราชโองการออกมา เพียงเพื่อตามหานาง
ตอนนั้นทำไมคิดตัดสินใจเช่นนี้ ตอนนี้นางล้วนคิดไม่ออกอยู่บ้างแล้ว
เหมือนกับฝันไป
“ตอนนั้นท่านปู่ไม่อยู่ ท่านไม่หยิบราชโองการออกมา ถึงขนาดไม่บอกแก่ท่านลุง ท่านลุงเกิดเรื่องท่านก็ยังไม่หยิบราชโองการออกมา…” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ
“เวลานั้นพวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาถูกคนร้ายทำร้าย” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยขัดนางอย่างเรียบเฉย “หยิบราชโองการออกมาทำอะไร?”
“หยิบราชโองการออกมาแสดงฐานะของพวกท่านได้ ทำให้คนทั้งโลกรู้ว่ารากฐานของตระกูลฟางหนามากเพียงใด” คุณหนูจวินเอ่ย
นายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงทีหนึ่ง
“น่าขำจริงๆ หรือไม่มีราชโองการแล้วเต๋อเซิ่งชางของพวกเราจะทำต่อไปไม่ได้หรือ?” นางว่า “เจ้าช่างดูถูกพวกเราจริงๆ”
คุณหนูจวินยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าจะบอกว่าเช่นนั้นพวกท่านย่อมไม่ต้องลำบากขนาดนี้” นางว่า หยุดนิดหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนั้นเฉิงอวี่ถูกพิษ พวกท่านก็รู้ว่าถูกคนกำลังทำร้ายพวกท่านแล้วกระมัง? ทำไมไม่ใช่ราชโองการตามสืบ…”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้วขัดนาง
“ถูกพิษแล้ว ตามสืบออกมาแล้วทำอย่างไรได้อีก? ไม่คุ้มค่า” นางเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นที่จริงตอนนี้หยิบราชโองการออกมายิ่งไม่คุ้มค่าแล้วสิ” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ มองนายหญิงผู้เฒ่าฟาง “ศัตรูของพวกท่านถูกประหารแล้ว เฉิงอวี่ก็หายดีแล้ว ข้าเพียงแค่อาจมีอันตรายเล็กน้อย อันตรายนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ทำไมหยิบราชโองการออกมาแล้วเล่า?”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองนางอยากพูดอะไรแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร ในใจถูกคำพูดขบวนหนึ่งของนางทำให้หงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุอยู่บ้าง
“ที่แท้เจ้าต้องการพูดอะไร? เจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมข้าต้องหยิบราชโองการออกมาหาเจ้ารึ? นี่ไม่มีอะไรไม่เข้าใจ ง่ายดายยิ่งนัก เพราะเจ้ายังมีประโยชน์” นางหน้าบึ้งเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ารักษาเฉิงอวี่หายดี เก็บเจ้าไว้มีประโยนช์นัก เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
คำพูดของนายหญิงผู้เฒ่าฟางจบลง คุณหนูจวินก็ลุกขึ้นยืนก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยื่มมือกอดนางไว้
ทำ ทำอะไร !
นายหญิงใหญ่ฟางร่างฉับพลันเกร็งเขม็ง คนก็อดไม่ได้ถอยหลังก้าวหนึ่งราวกับตกใจ
เด็กสาวตัวเล็กบอบบางคนหนึ่งกอดหัวไหล่นางไว้แน่นหนัก เต็มไปด้วยความนุ่มนิ่ม ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยยังมีกลิ่นดินโคลนบ้างแนบอยู่บนหน้าของนาง
“ข้าเข้าใจแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเด็กสาวดังขึ้นข้างหู “ท่านยาย ท่านดีกับข้าจริงๆ พวกท่านดีกับข้าจริงๆ”
………………………………………