Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 25 ต้องการคำอธิบาย
พิษฝีที่ปลอดภัยกว่า?
พิษฝียังมีที่ปลอดภัยด้วยหรือ?
ด้านในโถงพระพุทธรูปเงียบไป
“อูโถว สารหนูก็เป็นพิษเหมือนกัน ก็ใช้เป็นยาอย่างปลอดภัยได้นี่” คุณหนูจวินเอ่ย ยื่นมือหยิบหลอดทองแดงเรียวขึ้นมาอีกครั้ง “สิ่งนี้ที่จริงก็เป็นหลักเดียวกัน”
สิ่งนี้ฟังดูแล้วเหมือนกัน แต่ แต่นี่เป็นฝีดาษนะ
บรรดาท่านหมอสีหน้ายุ่งเหยิง
“พิษฝีดาษนี้ปลอดภัย คุณหนูจวินมีหลักฐานพิสูจน์ไหม?” ท่านหมอคนหนึ่งพลันคิดคำถามสำคัญได้ เอ่ยถาม
ใช่แล้ว มีหลักฐานพิสูจน์?ไหม? หากพิสูจน์มาแล้ว นั่นก็คงไม่มีปัญหาแล้ว
ดวงตาของบรรดาท่านหมอทอประกายรวมอยู่ที่ตัวคุณหนูจวิน
คุณหนูจวินสีหน้านิ่งสงบ
…
ผู้ชายคนนั้นหยุดอยู่ข้างหน้าตบหน้าอกหอบหายใจ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องวิ่งแล้ว สลัดพ้นแล้ว” เขาเอ่ย พลางหันหน้ามองนาง “จิ่วหลิงเอ๋ย เห็นไหม อันตรายมากเพียงไร”
นางอดไม่ได้กลอกตา
“นี่มีอะไรอันตราย ท่านอธิบายกับคนให้ชัดก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านวิ่งหนีทำอะไรเล่า?”
ผู้ชายส่ายศีรษะจิ๊ปาก
“เรื่องบางเรื่องอธิบายขึ้นมาถึงยิ่งอันตราย” เขาเอ่ย มองก้านกกที่กำอยู่ในมือ “จะอธิบายอย่างไรเล่า? อธิบายว่าบนตัววัวที่บ้านเจ้ามีพิษฝี แต่ไม่ต้องกลัว พิษฝีนี้ไม่มีทางทำร้ายคนกลับช่วยคนได้ มามา…”
เขาว่าพลางทำท่าทำทางพลาง
“ให้ข้าปลูกพิษฝีให้กับครอบครัวของเจ้า เช่นนี้ครอบครัวของเจ้าก็ไม่มีวันกลัวโรคฝีดาษอีกตลอดไป”
เขาพูดจบหันหน้ามองมา ใบหน้าที่หันหลังให้แสงตะวันซ่อนอยู่ในเงามืด เผยรอยยิ้มพร่ามัว
“จิ่วหลิงเอ๋ย เจ้าว่าพวกเขาจะตีพวกเราตายหรือไม่ เวลานั้นพวกเราวิ่งยังทันอยู่หรือ?”
นางมองผู้ชายคนนี้ เขาปัดแขนเสื้อ โยนก้านกกในมือทิ้งไป มันลอยละล่องร่วงตกไปท่ามกลางแสงตะวัน
“โลกนี้สิ่งใดน่ากลัวที่สุด ไม่รู้น่ากลัวที่สุด”
“จะให้ไม่รู้เปลี่ยนเป็นรู้ ยากเหลือเกินแล้ว”
ดังนั้นเขาถึงไม่ยอมไปทำเรื่องนี้
“วิธีนี้ที่มาโหดร้ายมากและก็น่าเวทนามาก” เขาหมุนตัวไปเหลือภาพแผ่นหลังส่ายไปมาอันหนึ่งให้นาง “นี่เป็นการไขว่คว้าทางรอดของคนที่ถูกบีบจนตรอกไร้หนทาง บอกไม่ได้ว่าถูกหรือผิด พูดไม่ได้ว่าดีหรือชั่ว ยากเกินไป ยากเกินไป”
แต่จะทำอย่างไรได้อีก รอความตายหรือ?
“แน่นอนว่าไม่มีทาง พวกเราเป็นมนุษย์นี่” ผู้ชายคนนั้นหันหน้ากลับมา “มนุษย์ ในสายตาฟ้าเป็นเช่นดียวกับสุกกรสุนัขไม่แตกต่าง แต่มนุษย์ท้ายที่สุดกลับต่างจากสุกรสุนัข เพราะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนนต่อชะตา”
เขามองนางแล้วยิ้มทีหนึ่ง
“ดังนั้น เสี่ยวจิ่ว เจ้าว่างไม่มีอะไรทำก็ลองทำดูสักหนได้”
ว่างไม่มีอะไรทำก็ลองทำสักหนได้
คุณหนูจวินมองร่างที่ค่อยๆ สลายหายไปจากสายตา หัวเราะ
ความหมายของคำว่าว่างก็อาจพูดได้ว่าไม่มีสิ่งใดทำได้แล้ว
นอกจากเรื่องนี้ ตอนนี้นางไม่มีเรื่องอื่นทำได้แล้ว
“คุณหนูจวิน สิ่งนี้เคยสำเร็จจริงมาก่อนไหม? หากพลาดเล่า?”
ด้านในโถงพระพุทธรูปหมอมากกว่าเดิมเอ่ยถามอยู่
ยังมีคนไม่เข้าใจอยู่มาก
“ในเมื่อท่านมีสิ่งนี้อยู่ก่อนแล้ว ทำไมตอนนี้เพิ่งหยิบออกมา?”
ใช่สิ เสียงเอ่ยถามของทุกคนยิ่งดัง
คุณหนูจวินมองไปทางพวกเขาส่ายศีรษะ
“อย่างแรกก่อนหน้านี้ข้าไม่มีสิ่งนี้ ตั้งแต่เมื่อวานข้าถึงเพิ่งรวบรวมได้” นางเอ่ย
สิ้นเสียงท่านหมอคนหนึ่งก็คิดถึงอะไรได้ สีหน้าตะลึง
“เมื่อวาน? รวบรวม?” เขาหลุดปากเอ่ย “หรือว่าวัวพวกนั้น?”
วัว?
สายตาของผู้คนมองไปทางคุณหนูจวิน
“ใช่แล้ว” คุณหนูจวินพยักหน้า “วัว
บรรดาท่านหมอฮือฮา
“ท่านพูดอะไร? พิษฝีนี้เอามาจากตัววัว?”
“วัวก็เป็นฝีดาษได้หรือ?”
“พิษฝีของวัวใช้กับตัวคน?”
คำพูดของคุณหนูจวินคืนนี้พลิกความรู้ของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ ท้าทายความสามารถในการยอมรับของพวกเขา ทำให้คนหายใจไม่ออกโดยแท้
“คนเป็นสิ่งมีชีวิต วัวก็เป็นสิ่งมีชีวิต โรคบางอย่างไม่ใช่เพียงมนุษย์ที่เป็นได้”
“วัวก็เป็นฝีดาษได้เช่นกัน แต่วัวก็ไม่เหมือนกับมนุษย์อีก ฝีดาษสำหรับวัวแล้วไม่ได้มีผลมากมายอะไร ไม่อันตรายถึงชีวิต”
“ใช่แล้ว จะใช้สิ่งนี้กับตัวคน เพราะพิษของสิ่งนี้ถูกวัวกำจัดไปแล้ว ดังนั้นความเป็นพิษจึงน้อยมาก ใช้กับตัวคนได้พอดี”
คุณหนูจวินตอบคำถามของบรรดาท่านหมอทีละคำถามๆ
เทียบกับบรรยากาศแข็งทื่อก่อนหน้านี้ บรรยากาศด้านในโถงพระพุทธรูปกลายเป็นครึกครื้น
เฉินชีที่ยืนอยู่ไม่ไกลเงี่ยหูสนใจด้านนี้อยู่หันมา
“ฟังดูแล้วโต้เถียงกันรุนแรงมากนะ” เขาพึมพำกับตนเอง “คงไม่ใช่ตีกันแล้วใช่ไหม?”
หลิ่วเอ๋อร์หาวทีหนึ่ง
“ใครกล้าตีคุณหนูของข้า” นางเอ่ยดูแคลน
สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงเอะอะด้านในโถงพระพุทธรูปหยุดลงไปแล้ว
หลิ่วเอ๋อร์ยิ้มได้ใจ เชิดคางใส่เฉินชี
“ดู เป็นอย่างไร?” นางเอ่ย
ข้ายังพูดอะไรได้ เฉินชียักไหล่ไม่เอ่ยวาจาแล้ว ไม่รู้คุณหนูจวินพูดอะไรไปทำให้คนเหล่านี้สงบลง?
เฉินชีเงี่ยหูฟัง แม้เช่นนี้ได้ยินคำพูดไม่ชัดเจน แต่มากน้อยก็ยังโล่งใจ
ท่านหมอเฒ่าเฝิงปรามการตั้งคำถามของพวกท่านหมอ มองคุณหนูจวิน
“ความเป็นมาไม่ต้องพูดแล้ว” เขาเอ่ย “จะถามสิ่งที่สำคัญที่สุด ฝีดาษ…ฝีดาษวัวนี่ได้ผลเป็นอย่างไร? คุณหนูจวินก่อนหน้านี้เคยทดลองมาก่อนหรือไม่?”
เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ต้องถกว่าฝีของวัวนี่น่าเหลือเชื่อมากเพียงไร พวกเขาเป็นหมอ เคยเห็นสูตรยาน่าเหลือเชื่อมากมาย ขอเพียงได้ผล พวกเขาก็กล้าใช้
ด้านในโถงพระพุทธรูปเงียบไป สายตาทั้งหมดรวมอยู่บนร่างคุณหนูจวินอีกครั้ง
ที่จริงคำถามนี้ตอบง่ายยิ่งนัก เรื่องนี้ก็คลี่คลายง่ายนักด้วย ขอเพียงนางพยักหน้าพูดว่าเคยคำเดียว
คุณหนูจวินมองท่านหมอเหล่านี้
“ไม่เคย” นางเอ่ยตอบนิ่งสงบ
ด้านในโถงพระพุทธรูปยังคงเงียบ ทุกคนเหมือนฟังไม่เข้าใจคำพูดของนาง
“อะไรไม่เคย?” ท่านหมอคนหนึ่งยังคงเอ่ยถามตะกุกตะกัก
“เมื่อครู่ข้าบอกว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่มีสิ่งนี้ ตั้งแต่เมื่อวานข้าเพิ่งรวบรวมมาได้ ดังนั้น” คุณหนูจวินมองพวกเขา “ดังนั้นก่อนหน้านี้ไม่เคยลองพิสูจน์มาก่อน”
ด้านในโถงพระพุทธรูปเงียบกริบ คนทั้งหมดมองนาง ครั้งนี้ฟังเข้าใจแล้ว แต่ในสมองของทุกคนว่างเปล่าไปหมด
“คุณหนูจวิน ท่านล้อเล่นรึ?”
ในที่สุดท่านหมอคนหนึ่งก็ได้สติกลับมา ตะโกนเสียงดัง
ประโยคนี้ดั่งเทน้ำใส่น้ำมันในกระทะ ทำให้ด้านในอุโบสถวุ่นวายทันที
เฉินชีที่เงี่ยหูฟังถูกเสียงเอะอะกะทันหันทำตกใจสะดุ้ง แม้ห่างมาไกลขนาดนี้ เขายังถอยหลังก้าวหนึ่ง
“ข้ารู้สึกว่าตีกันขึ้นมาอีกแล้ว!” เขาเอ่ย
ท่านหมอด้านในโถงพระพุทธรูปไม่ได้ตีกันขึ้นมา แต่โถมมาถึงตรงหน้าคุณหนูจวิน วาดมือวาดไม้ สีหน้ากรุ่นโกรธ
“คุณหนูจวิน ที่ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
“คุณหนูจวิน ท่านอย่าก่อเรื่องได้หรือไม่?”
“สวรรค์ ตอนนี้เวลาใดแล้ว? นี่ที่แท้กำลังทำอะไร?”
“คุณหนูจวิน ท่านอะไรก็ไม่เคยลองพิสูจน์มาก่อน ทำไมมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ กล้าเอาสิ่งนี้ออกมา?”
คำถามนับไม่ถ้วนโถมเข้ามา ประโยคนั้นเมื่อครู่ของคุณหนูจวินเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐคว่ำ ทำให้อารมณ์ที่ท่านหมอทั้งหลายเหล่านี้พยายามสุดกำลังระงับไว้ฟุ้งขึ้นมาหมดสิ้นแล้ว
ความเครียด ความหวาดกลัว ความกังวล ความทุกข์โศกยินดีของพวกเขาพริบตาทั้งหมดทะลักออกมา เพียงอยากตะโกนโหวกเหวกระบาย
พวกเขาที่แท้กำลังทำอะไร? พวกเขาทำเช่นนี้ที่แท้คุ้มค่าหรือไม่?
เสียงปังดังขึ้น พร้อมกับเสียงหลอดทองแดงเรียวเล็กกระทบกันพักหนึ่ง
เสียงนี้ไม่ได้ทำให้ท่านหมอทั้งหลายเงียบลงทั้งหมด ดังนั้นพร้อมกันคุณหนูจวินจึงเพิ่มเสียงขึ้น
“นี่มีอะไรประหลาดหรือ?” นางเอ่ย
ยังมีอะไรประหลาดหรือ? บรรดาท่านหมอสีหน้ายิ่งดุเดือด
“ทำไมท่านสิ่งใดล้วนไม่เคยลองพิสูจน์ก็พูดว่าพิษฝีนี้ป้องกันฝีดาษได้?” ท่านหมอคนหนึ่งตะโกนเสียงสั่น
คุณหนูจวินมองไปทางเขา เชิดคางเล็กน้อย
“เพราะวิชาแพทย์ของข้าสูงส่ง เพราะโรงหมอจิ่วหลิงมุ่งรักษาโรคร้ายรักษายาก ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี ได้ยาโรคหาย” นางเอ่ย
ประโยคนี้….
มาอีกแล้ว….
ด้านในโถงพระพุทธรูปเงียบลงไปแล้ว คนทั้งหมดล้วนมองเด็กสาวคนหนึ่ง พริบตาไม่รู้วันรู้คืน
……………………………………….