Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 73 ถามใช่ตอบไม่
หนิงอวิ๋นเจามองเห็นเด็กสาวข้างทางด้านหน้าแล้ว
นางสวมเสื้อฤดูใบไม้ผลิสีเหลืองลูกห่าน กระโปรงสีขาว ยืนอยู่ในหมู่คนข้างทางงดงามประหนึ่งบุปผาวสันตฤดู
เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เห็นนางสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสเช่นนี้
นี่คือตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่หรือ?
เขากล้าคลี่คลายความลำบากของนางต่อหน้าผู้คน นางย่อมกล้าสรรเสริญเขาต่อหน้าผู้คนเช่นกัน
บนหน้าหนิงอวิ๋นเจารอยยิ้มยิ่งกว้าง ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เด็กสาวคนนั้นพยักหน้ายิ้มทีหนึ่ง
เสียงโหวกเหวกบนถนนฉับพลันยิ่งดังขึ้น
เช่นเดียวกับเขา คุณหนูจวินไม่ได้สนใจเสียงโหวกเหวกเหล่านี้ ยิ่งไม่อับอาย ยิ้มพยักหน้าเช่นกัน
“คุณชายหนิง!” หลิ่วเอ๋อร์กระตือตือร้นยิ่งกว่า เขย่งเท้าโบกมือร้องตะโกนเสียงดังไปกับคนมุงดูข้างทาง
เฉินชีก็เลียนแบบหลิ่วเอ๋อร์ตะโกนขึ้นบ้าง ทำท่าทางเยี่ยงคนโง่เง่า
ฟางจิ่นซิ่วอยากจะหันศีรษะกลับไปด้านหลังยิ่งนัก ขายหน้าเกินไปแล้ว
นางที่แท้เส้นเอ็นเส้นไหนผิดปกติถึงจะตามมาด้วย
เพราะปฏิกิริยาของคุณหนูจวินฝั่งนี้ ทำให้บนถนนยิ่งครึกครื้นขึ้น เสียงหัวเราะเสียงตะโกนสอดแทรกด้วยเสียงผิวปากประหนึ่งคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าโหมซัด
นี่ที่แท้ยังเป็นการประดับบุปผาแห่ขบวนของเหล่าจิ้นซื่อหรือไม่?
ผู้คนมองดูพวกเขาจิ้นซื่อเหล่านี้หรือไม่?
เด็กสาวคนนี้ที่แท้มีคนในครอบครัวดูแลไหม? ให้พวกเขามาส่งสายตากันต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เหมาะสมหรือ?
เหล่าจิ้นซื่อสี่ร้อยกว่าคนสีหน้าคับแค้นอยู่ท่ามกลางความยินดีลิงโลดทั่วท้องถนน
คนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างบนเหลาสุราข้างทางดื่มสุราในมือคำเดียวหมด
“พี่รอง ตอนนี้ท่านอยากพูดอะไร?” ซื่อเฟิ่งยื่นมือพาดไหล่เขา สีหน้าสงสารเอ่ย
จูจั้นกำจอกเหล้าในมือ ก้มมองความวุ่นวายบนถนนเบื้องล่าง
“เชอะ” เขาเอ่ย
“ดี!” ซื่อเฟิ่งตบหัวไหล่จูจั้น ร้องเสียงดัง “เชอะ นี่ตราตรึงใจ ไม่เสแสร้งไม่แกล้งทำ ไม่ยอมแพ้ไม่อวยพร ตรงไปตรงมาถึงเป็นนิสัยแท้จริงของลูกผู้ชายที่ดี”
จูจั้นหันหน้ามาสบถใส่เขาอีกทีหนึ่ง
“พี่รอง พวกเขาเพียงหมั้นกันเท่านั้น…” จางเป่าถังราวกับตัดสินใจได้เอ่ยขึ้น “นอกจากนี้ข้ารู้สึกว่าคุณหนูจวินก็ดีกับท่านอยู่เหมือนกัน…”
จูจั้นร้องฮะทีหนึ่งขัดเขา
“เจ้าดูยังไงฮะ?” เขาถลึงตาเอ่ย ยื่นมือชี้ข้างใต้หอ “คนไม่ปกติพรรค์นี้เจ้าดูจากไหนว่านางดีกับข้าน่ะ”
บรรดาพี่น้องในห้องมองเขา แล้วมองไปใต้หออีกครั้ง
ท่านจอหงวนเดินออกไปแล้ว คนบนถนนเบียดเสียด เด็กสาวคนนั้นยังคงยืนอยู่ข้างทางท่ามกลางบรรดาชาวบ้านรอบด้านห้อมล้อมตั้งใจมองขบวนจิ้นซื่อที่ไกลออกไปอย่างสบายอกสบายใจ
ไม่ปกติหรือ? ปกติออกนี่?
จูจั้นหมุนจอกเหล้าในมือ มองคุณหนูจวิน มองตามสายตาของนางไปทางหนิงอวิ๋นเจา พลางส่ายศีรษะ
“น่าสงสารจริง” เขาจิ๊ปากเอ่ย “มีคนโง่คนหนึ่งถูกคนหลอกอีกแล้ว”
พูดจบโยนจอกเหล้าก้าวยาวๆ กลับมา หิ้วไหเหล้านั่งขัดสมาธิลง แหงนหน้าดื่มสุรา
“มา มา ดื่มสุรา ดื่มสุรา” ซื่อเฟิ่งทักทายทุกคนบ้าง
บรรดาพี่น้องในห้องตะโกนรับพร้อมเพรียง ดื่มสุราส่งเสียงเอะอะ
ส่วนจางเป่าถังดึงซื่อเฟิ่ง
“พี่รองบอกว่าใครน่าสงสาร?” เขาเอ่ยเสียงเบา “ข้าว่าพี่รองนี่ไม่ปกติแล้ว”
ซื่อเฟิ่งตบหัวไหล่เขา
“ไม่ปกติก็ปกตินี่ เจ้ายังเล็กไม่เข้าใจ นี่ถึงปกติ” เขาเอ่ย “ไปไปดื่มสุราดื่มสุรา เมามายคราหนึ่งคลายพันทุกข์”
…
เทียบกับความครึกครื้นบนถนน ในจวนสกุลลู่เงียบสงบอย่างที่เป็นมาตลอด
แต่เพราะอยู่ใกล้วังหลวง ตอนที่เหล่าจิ้นซื่อรับหมวก ฝั่งนี้จึงได้ยินเสียงกลองและดนตรีเอะอะอยู่เลือนราง
องค์หญิงจิ่วหลียืนอยู่ตรงชานเรือน ยิ้มมองไปยังทิศทางของวังหลวง
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยชมขบวนของพวกจอหงวนจิ้นซื่อมาก่อน” นางเอ่ย
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังเป็นองค์หญิงยศจวิ้นจู่สินะ
สาวใช้หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงทางเดินยิ้มประจบไม่กล้าเอ่ยต่อ
“มีจิ้นซื่อคนหนึ่งตื่นเต้นจนเป็นลมไป ทำให้คนของกรมพิธีการวุ่นวายพักใหญ่” องค์หญิงจิ่วหลียิ้มเอ่ย มองไปทางเหล่าสาวใช้หญิงรับใช้
ราวกับไม่ได้รับเสียงตอบรับก็จะพูดต่อไปเรื่อยๆ
เหล่าหญิงรับใช้สาวใช้เคร่งเครียดอยู่บ้าง
ตั้งแต่ได้รู้ว่าใต้เท้าจะรับคุณหนูจวินเป็นอนุภรรยา แยกจากกับใต้เท้าด้วยความไม่พอใจ องค์หญิงจิ่วหลีก็เหมือนจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
พูดมากกว่าก่อนหน้ามาก นอกจากนี้ถึงกับเอ่ยถามข่าวคราวข้างนอก
นี่ถึงเป็นสิ่งที่น่าตกใจที่สุด ก่อนหน้านี้องค์หญิงจิ่วหลีไม่เคยถามเรื่องข้างนอกเลย
นางต้องการถาม พวกนางไม่กล้าตอบหรอกนะ
“จอหงวนครั้งนี้เป็นใครหรือ?” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ย
เริ่มถามอีกแล้วจริงๆ
“องค์หญิง พวกเราไม่ทราบเพคะ” หญิงรับใช้คนหนึ่งเงยหน้ายิ้มประจบเอ่ย “พวกเราก็ไม่ได้ออกจากบ้าน ใต้เท้าหลายวันนี้ก็ไม่กลับมา”
องค์หญิงจิ่วหลียิ้มไม่ถามอีก
นอกประตูจวนเสียงเอะอะดังพักหนึ่ง
“ใต้เท้ากลับมาแล้ว” หญิงรับใช้มาแจ้ง
สิ้นเสียงลู่อวิ๋นฉีก็เดินเข้า บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้รีบคำนับ องค์หญิงจิ่วหลียืนอยู่ตรงทางเดินไม่ยิ้มแล้วก็ไม่ขยับ มองลู่อวิ๋นฉีเดินเข้าใกล้
“หน้าของใต้เท้าเป็นอะไรไปเล่า?” ฉับพลันนางก็เอ่ยถาม
หน้าของใต้เท้า
บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้อดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองไป มองเห็นบนหน้าลู่อวิ๋นฉีที่เดินเข้ามาใกล้เขียวช้ำอยู่หลายแห่ง มุมปากก็บวมแดงอยู่นิดๆ นี่บ่งบอกว่าถูกคนทำร้ายมา
ตั้งแต่ลู่อวิ๋นฉีกลายเห็นหัวหน้ากองร้อย ก็ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันนี้ คนที่คิดทำร้ายเขามากมายนัก แต่คนที่ทำได้ย่อมไม่มาก
นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสภาพนี้ของลู่อวิ๋นฉี บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้สีหน้าตระหนก
ลู่อวิ๋นฉีไม่ตอบเดินตรงเข้าไปในห้อง
นี่เห็นชัดว่าไม่อยากตอบคำถามนี้ บรรดาหญิงรับใช้รีบมองไปทางองค์หญิงจิ่วหลี รอนางสั่งให้ไปเอายาอะไรๆ
“ถูกคนต่อยมารึ?” องค์หญิงจิ่วหลีกลับเอ่ยถามอีกครั้ง ไม่ได้เอ่ยถึงเอายา
บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้สีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง
องค์หญิงจิ่วหลีกลับยังไม่จบ
“เพราะคุณหนูจวินคนนั้นถึงถูกต่อยรึ?” นางเอ่ยถาม
บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้กลัวจนก้มศีรษะกันหมด
ดูท่าองค์หญิงจิ่วหลีกับใต้เท้าลู่ครั้งนี้คงทะเลาะกันจริงๆ แล้ว
องค์หญิงคนหนึ่งไม่ให้พระราชบุตรเขยรับอนุภรรยาไม่ใช่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ฐานะเช่นนี้ขององค์หญิงจิ่วหลีกับฐานะเช่นนี้ของหัวหน้ากองพันลู่จะทะเลาะกันขึ้นมา เกรงว่าคนที่ลำบากก็คงเป็นองค์หญิงจิ่วหลี
แต่ก็เข้าใจได้ ด้านนอกเลี้ยงผู้หญิงเท่าไรก็แค่เลี้ยงเท่านั้น ครั้งนี้ใต้เท้าลู่กลับจะรับผู้หญิงคนนี้เป็นอนุภรรยา อนุภรรยาไม่เหมือนกับเมียเก็บ
นอกจากนี้คุณหนูจวินคนนี้ยังไม่ใช่คนธรรมดา ชื่อเสียงโด่งดัง หลังเข้ามา เกรงว่าองค์หญิงจิ่วหลีก็ยังต้องถอย
ดังนั้นองค์หญิงจิ่วหลีถึงไม่ทะเลาะกับใต้เท้าไม่ได้สินะ
ลู่อวิ๋นฉีก้าวเท้าชะงัก
“ใช่” เขาเอ่ย พูดจบก้าวเข้าไปในห้อง
องค์หญิงจิ่วหลีประหลาดใจนักกับคำตอบ หรือจะบอกว่า…ตื่นเต้นยินดี
“จริงหรือ?” นางเอ่ย แย้มยิ้ม พลางจี้ถามตามเข้าไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเล่า? ทะเลาะกับคุณหนูจวินคนนั้นรึ?”
บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ย่อมไม่กล้าเข้าไป แต่ละคนๆ หดหัวกัดฟันรีบแยกย้าย
“จูจั้นต่อย”
ในห้องลู่อวิ๋นฉีไม่ได้ระเบิดโทสะ ยังคงสีหน้านิ่งสนิท ทั้งยังเอ่ยตอบคำถามขององค์หญิงจิ่วหลีอย่างรวดเร็วฉับไว
คงเป็นเพราะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับโลกข้างนอกนานเกินไปแล้ว องค์หญิงจิ่วหลีรู้สึกว่าชื่อนี้แปลกหูอยู่บ้าง
“จูจั้นหรือ” นางคิดนิดหนึ่งถึงเอ่ยออกมา “บุตรชายของเฉิงกั๋วกงสินะ”
พูดพลางยิ้ม
“เขากับคุณหนูจวินคนนี้รู้จักกันด้วย? เขาชอบคุณหนูจวินคนนี้รึ?”
ต่อหน้าบุรุษที่ต้องการรับสตรีคนนี้เป็นอนุภรรยาคนหนึ่ง เอ่ยถามว่าบุรุษคนอื่นชอบสตรีผู้นี้ ไม่ใช่คำพูดที่น่าฟังอะไร
“ไม่ทราบ” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย มององค์หญิงจิ่วหลี
องค์หญิงจิ่วหลียิ้ม
“แม้ชาติกำเนิดของคุณหนูจวินต่ำต้อยไปอยู่บ้าง แต่เฉิงกั๋วกงเป็นคนไม่ยึดติดเรื่องเล็กน้อย น่าจะไม่สนใจเรื่องนี้” นางเอ่ยต่อ ราวกับไม่รู้สึกว่าหัวข้อสนทนานี้ไม่เหมาะสมเท่าใด “คุณหนูจวินคนนี้แต่งให้กับบุตรชายเฉิงกั๋วกงได้แล้วหรือไม่?”
“ไม่ได้” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย “เพราะหนิงฉางบอกว่าคุณหนูจวินเป็นคู่หมั้นของเขา”
หนิงฉาง?
องค์หญิงจิ่วหลีอึ้งไปเล็กน้อย ชื่อคนที่ได้ยินวันนี้ไม่น้อยจริงๆ
“นี่เป็นใครอีก?” นางเอ่ยถาม
“จอหงวนคนใหม่ หลานของหนิงเหยียนตระกูลหนิงแห่งเป่ยหลิว” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย
องค์หญิงจิ่วหลียิ้มแล้ว เงยหน้ามองด้านนอกทีหนึ่ง
“ถึงกับเป็นคู่หมั้นของจอหงวนคนใหม่เชียว” นางเอ่ยถอนหายใจยินดีอยู่บ้าง “ถ้าอย่างนั้นหลังสอบขุนนางก็เป็นงานแต่งงาน คุณหนูจวินก็แต่งงานกับจอหงวนได้แล้ว”
“ไม่ได้” ลู่อวิ๋นฉียังคงเอ่ยอย่างรวดเร็ว
……………………………………….