Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 75 ลมสงบคลื่นไม่สงบ
ฟ้ายังไม่สว่างหนิงอวิ๋นเจาก็ออกเดินทางแล้ว ตั้งใจกำชับว่าไม่ต้องส่ง เพราะเดินทางเงียบๆ ทั้งยังเช้าอยู่ จึงไม่มีชาวบ้านเห็น
คุณหนูจวินก็ไม่เกรงใจ เพียงให้เฉินชีไปเลี้ยงสุราส่งเท่านั้น
เมื่อหนิงอวิ๋นเจาออกจากเมืองหลวง เรื่องเกี่ยวกับท่านจอหงวนกับคุณหนูจวินก็ยังคงแพร่กระจาย แต่ก็ไม่มีอะไรให้พูด ผู้ใหญ่หมั้นหมาย สตรีสละสัญญาหมั้นเพื่อแก้แค้น บุรุษซื่อสัตย์ไม่ทอดทิ้ง สตรีเป็นหมอช่วยโลกช่วยประชา บุรุษความรู้ดีวรยุทธ์เยี่ยมคราวเดียวคว้าจอหงวน เป็นสองคนที่คู่สร้างคู่สมจริงๆ
เรื่องดีๆ แต่ไหนแต่ไรไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เท่าเรื่องแย่ๆ
ส่วนเรื่องหัวหน้ากองพันลู่กับบุตรชายเฉิงกั๋วกง
“สตรีดีงามวิญญูชนปรารถนา คุณหนูจวินโดดเด่นปานนี้ มีคนคิดถึงนาง ชื่นชมนาง ปรารถนานางไม่ใช่ปกติยิ่งนักหรือ” ผู้ชายคนหนึ่งในโรงน้ำชารับอาหารจากในมือหญิงที่หิ้วตะกร้าขายขนมนึ่งเดินผ่าน ชี้คนรอบด้าน “พวกเจ้าว่า ใครในใจไม่คิดหาภรรยาเช่นนี้สักคนบ้างเล่า?”
คนที่นั่งอยู่ประสานเสียงหัวเราะโบกมือ
“ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ”
บุรุษสบถทีหนึ่งนั่งลง
“อะไรไม่เล่า ไม่กล้าคิดน่ะสิ” เขากัดขนมนึ่งเอ่ยฟังไม่ชัด
หัวหน้ากองพันลู่กับบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนฐานะเช่นนั้นย่อมกล้าคิด ดังนั้นถึงมีความขัดแย้งพวกนั้น แต่ตอนนี้ดีแล้ว อย่างไรก็ทำลายงานแต่งงานของผู้อื่นไม่ได้กระมัง แน่นอนด้วยฐานะของหัวหน้ากองพันลู่กับบุตรชายเฉิงกั๋วกงข่มเหงบุรุษฉุดชิงสตรีก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ เพียงแต่คุณหนูจวินก็ดี จอหงวนหนิงก็ดีล้วนไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้
ได้ยินมาว่าฮ่องเต้ตำหนิหัวหน้ากองพันลู่กับองค์หญิงแล้ว
“เกี่ยวอะไรกับองค์หญิงเล่า?” มีคนไม่เข้าใจเอ่ยถาม
“เรื่องนี้ข้ารู้ เรื่องนี้ข้ารู้” บุรุษอีกคนหนึ่งรีบเอ่ย “องค์หญิงก็อยากให้คุณหนูจวินเข้าตระกูลลู่ด้วย เพราะคุณหนูจวินรักษาไหวอ๋องหายดี วิชาแพทย์สูงส่ง องค์หญิงอยากรั้งคุณหนูจวินให้อยู่ข้างกาย คอยปกป้องไหวอ๋อง”
“เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว”
“คุณหนูจวินไม่เข้าจวนตระกูลลู่ก็รักษาโรคให้ไหวอ๋องได้นะ”
“พวกเราก็อยากให้คุณหนูจวินเปิดโรงหมอรักษาโรคต่อนะ จะให้พวกนางพวกเดียวได้อย่างไร”
คำพูดนี้ทำให้คนอื่นโวยวายทันที
บุรุษที่เอ่ยคำนี้รีบโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนใจเย็น
“ดังนั้นนะ ฮ่องเต้จึงตำหนิพวกเขา ในสายตาหมอ ล้วนมองคนทุกคนด้วยเมตตาเท่าเทียม ต่อให้ไม่เข้าจวนสกุลลู่ ไหวอ๋องมีเรื่องก็ไปเชิญคุณหนูจวินได้ คุณหนูจวินเป็นหมอย่อมรักษาโรคให้คนทั้งใต้หล้า ไม่ใช่เฉพาะเพื่อคนเพียงคนเดียว” เขาเอ่ย
คนรอบด้านพากันพยักหน้า
“ฝ่าบาทตรัสถูกต้อง”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา”
ทุกคนเอ่ยขึ้นอย่างซาบซึ้ง
เฉินชีสะบัดแขนเสื้อรั้งสายตากลับมาจากในห้องโถง
“เรื่องนี้นับว่ากลบผ่านพ้นไปได้แล้ว” เขาเอ่ยกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้มพยักหน้า
“จอหงวนหนิงเขาลูกนี้ยังคงพึ่งพิงได้มาก” เขายิ้มเอ่ย
เฉินชีขมวดคิ้ว
“แต่นี่อย่างไรก็เป็นเรื่องหลอก คุณชายหนิงอายุก็ไม่น้อยแล้ว” เขาเอ่ย
คุณชายหนิงประกาศว่ามีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนูจวิน คุณชายหนิงคนนั้นย่อมหาคู่ครองไม่ได้แล้ว เดิมทีกระดานทองประกาศชื่อนี่เป็นเทศกาลอันดีในการหาคู่ครอง
คุณชายหนิงยินดีช่วยเหลือ แต่คิดว่าผู้ใหญ่ในตระกูลหนิงคงคลั่งแล้ว
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยื่นมือลูบเครา
“ที่จริง ที่หลอกก็มีจริง ที่จริงก็มีหลอก” เขาเอ่ย ยิ้มตาหยี “สัญญาณหมั้นเป็นเรื่องลวง แต่ความในใจของคนกลับเป็นของจริง”
ก็บอกแล้วหนิงอวิ๋นเจาไม่ได้คิดกับคุณหนูจวินอย่างคนนอกแน่นอน
เฉินชีแค่นเสียงสองที
กลายเป็นเรื่องจริงย่อมดี ตระกูลหนิงไม้ใหญ่ต้นนี้พิงขึ้นมาไม่เลวจริงๆ
พวกเขากำลังพูดจา ก็มีเด็กรับใช้เข้ามา
“ใต้เท้าเฝิงให้มารับหน่อฝีที่ต้องใช้เดือนถัดไปขอรับ” เขาเอ่ย ส่งรายการแผ่นหนึ่งมา
ใต้เท้าเฝิงย่อมคือท่านหมอเฒ่าเฝิง เพราะมีตำแหน่งขุนนาง ทุกคนล้วนเริ่มเรียกว่าใต้เท้า
เฉินชียิ้ม ยื่นมือมารับไป
“คุณหนูจวินดูแล้วหรือ?” เขาเอ่ยถาม
“คุณหนูจวินไปออกตรวจแล้วขอรับ ให้ผู้ดูแลชีท่านจัดการก็พอ” เด็กรับใช้เอ่ย
เรื่องการปลูกฝีดำเนินไปอย่างมั่นคงด้วยการจัดการของใต้เท้าเฒ่าเฝิง คุณหนูจวินก็เริ่มออกตรวจอีกครั้ง กฎยังคงเดิม
“แม้คุณหนูจวินมาตรวจบ่งบอกว่าอาการป่วยหนักหนายิ่ง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนปวดใจ แต่ยามป่วยหนักได้คุณหนูจวินมารักษาโรคก็เป็นโชคดีอีก” ผู้เฒ่าที่สวมชุดเต้าผาวธรรมดาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นใต้ชายคาเรือน
คุณหนูจวินคำนับกลับ
“อาการป่วยของนายหญิงต้องค่อยๆ บำรุง ใต้เท้าหวังไม่ต้องร้อนใจ” นางเอ่ย “แล้วก็ต้องปลอบนายหญิงด้วยรีบร้อนไม่ได้”
ใต้เท้าหวังยิ้มพยักหน้า
“คุณหนูจวินท่านบอกว่าไม่เป็นไรภรรยาของข้าก็วางใจพอแล้ว” เขาเอ่ย “พวกเราพูดอีกเท่าใดก็สู้หนึ่งประโยคของท่านไม่ได้”
“ดังนั้นหมอจึงความรับผิดชอบหนักหนา ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยส่งเดช” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย
คำพูดนี้หมอคนอื่นเอ่ยยังทำเนา คณหนูจวินพูดหรือ ใต้เท้าหวังมองเด็กสาวคนนี้ในใจหลุดหัวเราะ เจ้าไม่พูดส่งเดชจริงๆ แต่ทุกครั้งคำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนทำคนตกใจนัก
“คุณหนูจวินเชิญ” ใต้เท้าหวังมาส่งด้วยตนเอง
คุณหนูจวินก็ไม่เกรงใจตามหลังหนึ่งก้าวเดินไปทางด้านนอก
ยังไม่ทันเดินถึงประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะพักหนึ่ง มีข้ารับใช้ชราวิ่งโซซัดโซเซมา
“นายท่าน นายท่าน แย่แล้ว” เขาตะโกนเสียงสั่น
ใต้เท้าหวังขมวดคิ้ว
“เรื่องใดตระหนกลนลาน? เขาเอ่ย
“นายท่าน คนขององครักษ์เสื้อแพร…” ข้ารับใช้เฒ่าตะโกนเอ่ย
คำพูดของเขายังไม่ทันเอ่ยจบ ฝีเท้าพรวนหนึ่งก็ดังฉึบฉับขึ้น องครักษ์เสื้อแพรในชุดปลาบินสิบกว่าคนแห่เข้ามา
ใต้เท้าหวังสีหน้าเครียดเล็กน้อย คุณหนูจวินก็ตะลึงเช่นกัน
มาหาใคร?
สายตาของนางกวาดผ่าน ในนี้ไม่มีลู่อวิ๋นฉี
“พวกเจ้าจะทำอะไร?” ใต้เท้าหวังเอ่ย
องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าก้าวออกมาหลายก้าว
“หวังเหลียน มีคนฟ้องว่าเจ้าทุจริตต่อหน้าที่ พวกเรารับคำสั่งตรวจค้น” เขาเอ่ยเสียงเย็นชา
ใต้เท้าหวังสีหน้าพลันเปลี่ยน
“พูดจาเหลวไหล” เขาเอ่ย จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ตรวจค้นมีโองการหรือไม่?”
องครักษ์เสื้อแพรคนนั้นยิ้มหยัน ถือป้ายตราที่เอวออกมาแกว่ง
“นี่ก็เพียงพอแล้ว” เขาเอ่ย
พูดจบไม่รอใต้เท้าหวังเอ่ยอีกโบกมือทีหนึ่ง บรรดาองครักษ์เสื้อแพรด้านหลังร่างประหนึ่งหมาป่าประหนึ่งพยัคฆ์พุ่งเข้าไป
“พวกเจ้ากล้าดีนัก!” ใต้เท้าหวังหน้าเขียว ตวาดเอ่ยเสียงดัง “ขวางพวกเขา”
ข้ารับใช้ในบ้านหลายคนทำใจกล้าไปขวาง กลับให้โอกาสเหล่าองครักษ์เสื้อแพรลงมือทันที ด้านในจวนเสียงโอดโอยดังระงมในทันใด
บรรดาองครักษ์เสื้อแพรถีบประตูทุบหน้าต่าง โยนโต๊ะเตะเก้าอี้
จวนสกุลหวังทั้งหมดเสียงกรีดร้องเสียงร้องไห้ดังไม่ขาด
“สามานย์! สามานย์!” ใต้เท้าหวังโกรธจนทั้งร่างสั่นระริก
มีสาวใช้ร้องไห้ตะโกน
“นายท่าน นายท่าน นายหญิงเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ”
นายหญิงหวังเดิมก็ป่วยหนัก ฉับพลันองครักษ์เสื้อแพรพังประตูค้นจวน ทนความตกใจนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย
ใต้เท้าหวังได้ยินหวิดหายใจไม่ทัน โซซัดโซเซไปทางด้านหลังจวน คุณหนูจวินก็รีบตามไป แต่องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งขวางไว้
“ทางการจัดการคดี คนไม่เกี่ยวข้องหลบไป” เขาเอ่ย
“ข้าเป็นหมอ คนด้านในเป็นลมไปแล้ว ข้าต้องไปช่วยชีวิต” คุณหนูจวินเอ่ย
องครักษ์เสื้อแพรมองนางเย็นชา
“ใครจะรู้ว่าเจ้าจะช่วยชีวิตหรือเป็นสมัครพรรคพวกพาคนหนี” เขาเอ่ยพลางโบกมือ “ไล่ออกไป”
องครักษ์เสื้อแพรหลายคนสีหน้าทะมึนก้าวหนึ่งก้าวมาข้างหน้าพร้อมเพรียง
ตอนนี้ไม่ใช่ยามส่งสินสอดแล้ว พวกเขาได้รับคำกำชับจากลู่อวิ๋นฉีมาแน่ว่ากับตนไม่ต้องเกรงใจ หรือถึงขั้นฉวยโอกาสป้ายความผิด
พวกเขามาตรวจค้นใต้เท้าหวังคนนี้ บังเอิญหรือว่ามุ่งเป้ามาที่ตน?
คุณหนูจวินมององครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้ ถอยหลังช้าๆ จนกระทั่งยืนอยู่ด้านนอกประตู
……………………………………….