Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 86 ใครทำ
นางสังหารคนผู้หนึ่ง คนผู้หนึ่งตายใต้เท้าของนาง
คุณหนูจวินไม่ได้ก้มหน้า ยื่นมือปิดหน้าส่งเสียงกรีดร้องทีหนึ่ง
หลิ่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้สนใจด้านนี้มองเพียงเรื่องสนุกด้านนั้นตกใจสะดุ้งโหยง ไม่ได้มองว่าเกิดเรื่องอะไรก็ร้องตามขึ้นมาด้วย พลางกอดคุณหนูจวินไว้
ทุกสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเช่นกัน
ตั้งแต่เด็กสาวคนนั้นถามว่าคนตายหรือยัง จนถึงนางถามว่าต้องการให้ช่วยหรือไม่ กระดกมีดขึ้นมา จนถึงเด็กสาวคนนั้นโผเข้าหามีดจนตาย เพียงแค่ชั่วหายใจเข้าหายใจออกเท่านั้น
พวกนางไม่มีคำพูดฟุ่มเฟือย ถึงขนาดไม่มีความคิดพร่ำเพรื่อ ก็เช่นนี้….จบสิ้นแล้ว
คุณหนูจวินประหนึ่งเด็กสาวที่ตระหนกตกใจตามถนนในหมู่บ้านที่เคยเห็น กุมหน้าปิดหู กระทืบเท้ากรีดร้อง
คนทั้งหมดล้วนถูกเสียงกรีดร้องด้านนี้ทำตกใจสะดุ้งโหยง
“เวรตะไล นังเด็กนั่นตายแล้ว”
มองเห็นเด็กสาวที่คอพาดอยู่บนมีดบนพื้น คนตระกูลหวงก็โกรธเดือดดาลร้องด่า คนก็พุ่งเข้ามา
คุณหนูจวินนายบ่าวที่กอดกันกรีดร้องจิตใจหวาดกลัวตระหนก ถูกพวกเขาไล่ไปด้านข้าง
แม้เป็นหมอ อย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิง เห็นคนตายต่อหน้าก็หวาดกลัวสินะ?
คนของตระกูลหวงไม่สนใจคุณหนูจวิน คนหลายคนก้มตัวสำรวจลมหายใจของเด็กสาว
มีคนหนึ่งไม่ยินยอมมองไปทางคุณหนูจวิน
“คุณหนูจวิน ยังมีทางช่วยไหม?” เขาเอ่ยถาม
คุณหนูจวินยังกุมใบหน้า ได้ยินคำถามถึงมองข้ามมาทีหนึ่ง
“ไม่มีแล้ว” นางเอ่ย
บรรดาข้ารับใช้ก็รู้ว่าไม่มีทางช่วยแล้ว หลังถามทีหนึ่งนี้ยืนยันก็ไม่ถามอีก
“ตายแล้ว” เขาเอ่ยชิงชัง ยกเท้ากระทืบแรงๆ บนร่างเด็กสาวคนนั้น “สบายนางแล้ว”
คุณหนูจวินถอยหลังหลายก้าว ชนคนผู้หนึ่งล้ม
หลิ่วเอ๋อร์กรีดร้องอีกครั้ง
คุณหนูจวินยืนมั่นคงมองข้ามไป ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อย
ลู่อวิ๋นฉีผู้ประหนึ่งหลักไม้กำลังหลุบสายตามองนาง
สีหน้าของเขานิ่งสนิท แววตามืดหม่น
ท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมดนี้ เขากับบรรดาองครักษ์เสื้อแพรล้วนประหนึ่งหลักไม้ตอกลงบนพื้นนิ่งไม่ขยับดูไปแล้วยิ่งประหลาด
เรื่องเมื่อครู่ผู้อื่นไม่สังเกต การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี่ของตนเองเขาต้องมองเห็นแน่
คุณหนูจวินมองเขายังคงกุมหน้าสีหน้าไม่เปลี่ยน
“เสแสร้ง” ลู่อวิ๋นฉีพลันยิ้ม เอ่ยออกมาหนึ่งคำ
เขาเห็นแล้วจริงๆ นั่นแล้วอย่างไร
คุณหนูจวินมองเขาไม่พูดไม่จา วางมือลง
“คุณหนูจวิน คุณหนูจวิน” คนตระกูลหวงพุ่งเข้ามาคว้านางไว้ “รีบไปดูนายท่านของพวกเรา”
คุณหนูจวินจึงอาศัยโอกาสมาทางใต้เท้าน้อยหวงด้านนี้ ทิ้งสายตาของลู่อวิ๋นฉีไว้ด้านหลังร่าง
ใต้เท้าน้อยหวงหมอบอยู่บนพื้นนิ่งไม่ขยับ ใต้ร่างรอยเลือดแผ่ขยาย
“คุณหนูจวิน คุณหนูจวิน” คนที่ล้อมอยู่ร่ำไห้ร้องตะโกน มองนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
คุณหนูจวินไม่ได้ก้มตัวยื่นมือไปตรวจดู
“ไม่ต้องดูแล้ว” นางเอ่ย “ไม่ไหวแล้ว”
ได้ยินคำนี้ความหวังสุดท้ายของผู้คนตระกูลหวงก็ดับลง
“ท่านไม่ใช่ปลุกตายกลับเป็นได้หรือ? ท่านไม่ใช่ตัดสินความเป็นความตายผู้คน ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดีหรือ?” ครอบครัวหลายคนร้องตะโกนดุร้าย
นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่พบครอบครัวที่ไม่เกรงใจต่อคุณหนูจวินเช่นนี้
หลิ่วเอ๋อร์รีบขวางหน้าคุณหนูจวินไว้
“เจ้าตะโกนอะไรกันฮะ! คุณหนูของข้าไม่ใช่ยมบาล รักษาโรคได้ยังจะไม่ให้คนตายได้เรอะ อีกอย่างคนก็ไม่ใช่คุณหนูของข้าสังหาร” นางก็ตะโกนดุร้ายเช่นกัน
สาวใช้ตัวน้อยคนนี้แม้ไม่เกรงใจแต่คำพูดที่เอ่ยก็เรียกสติคนตระกูลหวง
ใต้เท้าเฒ่าหวงที่นั่งอยู่บนพื้นสีหน้านิ่งค้าง พริบตาหนึ่งราวกับแก่ชราไปอีกสิบปีเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน
“ใคร?” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า
“จะเป็นใครได้ ผู้หญิงคนนั้นไง” หลิ่วเอ๋อร์ไม่หวาดกลัวสักนิดเอ่ย ยื่นมือชี้ด้านข้าง “ผู้หญิงคนนั้นนางเองก็ตายแล้ว นับว่าชีวิตหนึ่งแลกชีวิตหนึ่ง”
ชีวิตหนึ่งแลกชีวิตหนึ่ง?
ชีวิตของลูกชายเขา หนึ่งชีวิตแลกกันได้หรือ?
นอกจากนี้ลูกชายของเขาเดิมทีจะไม่ตาย หากให้คุณหนูจวินรักษาล่ะก็
แต่ดันถูกม้าตื่นตัวหนึ่งพุ่งมาขัดเหยียบตาย
ม้าตื่น อยู่ดีๆ จะมีม้าตื่นได้อย่างไร?
บนโลกนี้แต่ไหนแต่ไรไม่มีเรื่องบังเอิญ มีแค่คนกระทำ!
“ใคร?” ใต้เท้าเฒ่าหวงตะโกนเอ่ย คนก็ลุกขึ้นมาจากพื้น มองมาด้านหน้าม้าที่ตายไป
สายตาของทุกคนก็มองตามไปด้วย ด้านหน้าทหารกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ราวกับไว้อาลัยแด่ม้าที่ตายไป
ได้ยินเสียงตะโกนฝั่งนี้ บรรดาทหารก็ไม่ได้กระจายออก แต่มีคนยื่นศอกถองทหารหลายนาย ในเวลาเดียวกันมือก็ชี้ม้าตายบนพื้น
“มัน”
เสียงโกรธแค้น ราวกับทั้งโศกเศร้าเสียใจด้วย
จูจั้น?
คุณหนูจวินสีหน้าประหลาดใจ เมื่อครู่ม้าตื่นเร็วเกินไป คนที่วิ่งขยับหลีกหลบตรงหน้าก็มาก นางไม่ได้สังเกตว่ามีใครวิ่งเข้ามา
แน่นอนม้าตื่นบังเอิญเกินไป บังเอิญจนทำให้คนไม่อาจไม่สงสัยจริงๆ
แต่นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าถึงกับเป็นจูจั้น
เขามาได้อย่างไร?
เป็นเขา?
จูจั้นยืนอยู่ตรงกลางหมู่ทหาร บนร่างย้อมรอยเลือดแถบหนึ่ง ดาบในมือยังคงมีเลือดหยด ใต้เท้าม้าสีดำตัวนั้นตายสนิทแล้ว เลือดยังคงไหลแผ่ขยายบนพื้น ใต้แสงตะวันดูไปแล้วทำให้คนแสบตา
ใต้เท้าเฒ่าหวงร่างกายโงนเงน ดวงตาหรี่ลงจากนั้นก็เบิกกว้าง
“จูจั้น เป็นเจ้า!” เสียงของเขาแหบพร่า “เป็นเจ้าสังหารลูกชายของข้า!”
จูจั้นส่งเสียงฮะทีหนึ่ง สีหน้าประหนึ่งถูกลาถีบ
“ใต้เท้าเฒ่าหวงท่านพูดอะไรน่ะ?” เขาเอ่ย เบิกตายื่นมือชี้ม้าตายบนพื้น “ม้าตื่นตัวนี้จะทำร้ายคน ข้าสังหารมันเป็นการช่วยคน ท่านไม่ต้องเพื่อปกป้องมันบอกว่ามันเป็นลูกชายท่านหรอก?”
ที่เกิดเหตุนิ่งไปหมด ไม่รู้คนไหนกลั้นไม่ไหวส่งเสียงดังพรืดทีหนึ่ง
สถานการณ์นี้เมื่อครู่ไม่เหมาะหัวเราะ
สถานการณ์นี้ก็ยิ่งไม่เหมาะเอ่ยคำพูดชวนหัวเช่นนี้
ไม่ผิด นี่ก็คือคำพูดชวนหัว
ทุกคนล้วนรู้ว่าจูจั้นบุตรชายเฉิงกั๋วกงใจกล้าบุ่มบ่าม ทั้งก่อความวุ่นวายกำเริบเสิบสานเก่งเป็นที่สุด กล้าต่อยองค์ชาย ต่อยองค์ชายแล้วฮ่องเต้ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา
แต่นั่นเป็นต่อยองค์ชาย ไม่ใช่ทำร้ายลูกชายเขา
ฮ่องเต้ไม่กล้าทำอะไรเขา เขาหวงเฉิงกล้าเอาชีวิตเขา
เพลิงโทสะที่เดิมทีใต้เท้าเฒ่าหวงพยายามสุดชีวิตกดไว้ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
สารเลวคนนี้ เดรัจฉานตัวนี้ คนบ้าผู้นี้
ถึงกับกล้าฆ่าคนกลางถนน!
“จูจั้นเจ้าอย่าเสแสร้งแกล้งโง่กับข้า” เขาตะโกน คนก็พุ่งไปหาจูจั้น “เป็นเจ้าทำให้ม้าตื่น เป็นเจ้าจงใจทำร้ายลูกชายข้าตาย วันนี้เจ้าต้องเอาชีวิตมาจ่าย!”
ใต้เท้าเฒ่าหวงผู้สังขารโรยราอยู่ต่อหน้าจูจั้นย่อมไม่มีภัยคุกคาม แต่ผู้คนตระกูลหวงแต่ละคนๆ ล้วนร่างกายแข็งแกร่งกำยำ ได้ยินล้วนพุ่งมาทางจูจั้น
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ! ข้าผดุงความยุติธรรมกระทำกล้าหาญยังผิดอีก?”
จูจั้นตะโกนโกรธเกรี้ยว ดาบที่กุมอยู่ในมือยกขึ้นมา
สีหน้าของเขาตื่นเต้น แต่แววตากลับยิ่งสว่างไสว มองผ่านผู้คนตระกูลหวงที่แห่เข้ามา จ้องตรงไปที่ตัวใต้เท้าเฒ่าหวง
แววตาของใต้เท้าเฒ่าหวงโกรธแค้นบ้าคลั่ง ส่วนของจูจั้นกลับนิ่งสงบ
แต่ความนิ่งสงบนี้กลับยิ่งน่ากลัว
แม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านข้างกุมดาบข้างเอวไว้ ร่างกายอดไม่ได้เกร็งเขม็งอย่างไม่อาจควบคุม
นั่นเป็นแววตากระหายเลือด นั่นเป็นแววตาของสัตว์ป่าอย่างแท้จริง
คนเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่อาจก่อเรื่องได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นหนทางแก้ไขสถานการณ์คงไม่มีสักนิดแล้วจริงๆ
“ทั้งหมดหยุด!” แม่ทัพร้องตะโกน “ห้ามตีกันบนถนน!”
……………………………………….