Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 96 เติงถูจื่อ[1]รักษาแผล
บทที่ 96 เติงถูจื่อ[1]รักษาแผล
โดย
Ink Stone_Romance
พี่รองสองคำนี้ร้องออกมา ขอบตาของจางเป่าถังก็แดงแล้ว
คุณหนูจวินเปิดหีบยา มองดูเสื้อผ้าบนร่างจูจั้น
ท่อนบนสวมเสื้ออยู่ ท่อนล่างเพียงคลุมผ้าปูที่นอนผืนหนึ่งไว้
“ถอดออกมา” นางเอ่ย
จางเป่าถังกับซื่อเฟิ่งรีบยื่นมือไป แต่มองเห็นผ้าปูที่นอนซึ่งรอยเลือดเป็นด่างดวงเหมือนจะติดอยู่กับร่าง ก็ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไรอยู่บ้าง ค่อยๆ แกะออกช้าๆ อย่างระมัดระวัง
“พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวรึ?”
เสียงหงุดหงิดของจูจั้นดังขึ้น คนก็หันหน้ามานิดๆ
ได้ยินคำพูดนี้ จางเป่าถังหวิดร้องไห้ออกมา
“พี่รอง ท่านยังดีอยู่ไหม?” เขาเอ่ยสะอื้น รีบเดินไปตรงหน้าจูจั้น
“ดีอะไรเล่า นี่จะดีได้ยังไง” ซื่อเฟิ่งเอ่ยไม่สบอารมณ์ พลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงมากดเสียงเบา “ท่านลุงส่งคนมาแล้ว คนแซ่หวงอยู่ที่บ้านแสร้งตาย ต้องการบีบฝ่าบาทให้สังหารท่าน แต่ฝ่าบาทไม่มีทางทำอันใดท่านหรอก ที่สำคัญก็คือท่านต้องทนให้ได้”
“อืม” จูจั้นส่งเสียงจากในจมูก แต่นาทีต่อมาร่างกายก็สั่นระริก ร้องโอ้ยทีหนึ่ง
จูจั้นกึ่งยันตัวขึ้นมาหันศีรษะไปมองด้านหลัง ซื่อเฟิ่งกับจางเป่าถังที่ล้อมอยู่ข้างตัวเขาสะดุ้งโหยงมองไปด้านหลังด้วย
คุณหนูจวินยืนอยู่ข้างตัวจูจั้น กำลังเปิดผ้าปูที่นอนบนสะโพกกับขาของจูจั้น
“เจ้าทำอะไร?” จูจั้นร้องเสียงแหบ คนก็ดิ้นรนขึ้นมา พลางยื่นมือไปปกป้องผ้าปูที่นอนของตนเองไว้
เสียงแควกดังทีหนึ่ง คุณหนูจวินทึ้งมันลงมาอย่างฉับไว ยืนตัวตรง
จูจั้นร้องโอ้ยทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ็บหรือว่าตกใจ
ซื่อเฟิ่งกับจางเป่าถังก็ตัวสั่นนิดหนึ่งเช่นกัน
มือของคนเป็นหมอล้วนเหี้ยมจริงด้วย
“เจ้า เจ้า เจ้า หน้าไม่อาย” จูจั้นถลึงตาเอ่ย ดิ้นรนจะไปปิดท่อนล่างที่ไม่มีของปกปิดแล้วของตนเอง
ซื่อเฟิ่งกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แม้เวลานี้จริงๆ ไม่น่าหัวเราะก็ตาม
“พี่รอง คุณหนูจวินเป็นหมอ ถอดกางเกงท่านเพื่อดูแผลให้ท่านนะ” จางเป่าถังอธิบายอย่างจริงจัง
“ทำไมให้นางมา!” จูจั้นตะโกน “หมอที่พวกเจ้ารู้จักตายหมดแล้วเรอะ?”
“เพราะคุณหนูจวินทำให้พวกเรา…” จางเป่าถังถอนหายใจเอ่ย
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกซื่อเฟิ่งใช้ศอกถองเข้าให้
“แน่นอนมีหมอคนอื่น แต่ลำบากกว่าจะเข้ามาได้ ยังไงก็หวังว่าจะมั่นใจ ลำบากครั้งเดียวให้จบ” ซื่อเฟิ่งเอ่ย “อย่างไรคุณหนูจวินก็เก่งที่สุด”
“นางนับว่าเก่งอะไร..” จูจั้นเอ่ย คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบก็ร้องโอ้ยอีกครั้ง คนก็นอนคว่ำกลับลงไปบนเตียง
ทุกคนสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เห็นที่แท้เป็นคุณหนูจวินมือถือผ้าฝ้ายชุ่มน้ำยาผืนหนึ่งวางลงบนปากแผลของจูจั้น
“คุณหนูจวินท่านก็ทักสักคำสิ” ซื่อเฟิ่งลูบหน้าอกเอ่ย “ให้เขาเตรียมตัวหน่อย”
คุณหนูจวินรับคำ
นางไม่พูดไม่จา คำพูดของจูจั้นกลับไม่หยุด
“เจ้าจะทำอะไร?”
“ใส่ยาแค่นั้น ให้เป่าถัง ให้เป่าถังทำ…”
“เอามือของเจ้าออกไปจากบนตัวข้า เจ้าจับอะไรมั่วซั่ว..”
จางเป่าถังอดทนอย่างยิ่งอธิบายปลอบจูจั้น ซื่อเฟิ่งกลั้นหัวเราะยืนอยู่ด้านข้าง มองดูคุณหนูจวินทายา ตรวจดูบาดแผล
“เป็นอย่างไร?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา “หนักมากหรือไม่?”
คุณหนูจวินมองดูบาดแผลทารุณที่เริ่มกลายเป็นแผลเป็น ใช้ผ้าชุบยาเช็ดบนนั้น ยกขึ้นมาดมนิดหนึ่ง
“หมอคนนี้เก่งมาก” นางเอ่ย “แผลส่วนใหญ่ล้วนหายดีแล้ว”
ซื่อเฟิ่งเลิกคิ้ว
“องครักษ์เสื้อแพรใจดีปานนี้เชียว?” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินส่ายศีรษะ เช็ดบนบาดแผลของจูจั้นเสร็จก็เอายาทากระปุกหนึ่งออกมาอีก
“แน่นอนไม่ใช่ใจดี” นางเอ่ย ก้มตัวใช้มือถูทายาลงบนบาดแผลอย่างละเอียดอีกครั้ง “แค่ไม่ให้เขาบาดเจ็บหนักถึงตาย ใช้ยาพยุงชีวิตเขาไว้เท่านั้น ไม่คิดว่าร่างนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่งสักนิด บาดแผลตรงนี้หายไว ตรงที่อื่นก็เสียหายไว รื้อกำแพงตะวันออกอุดกำแพงตะวันตกเท่านั้น”
ซื่อเฟิ่งด่าคำหยาบประโยคหนึ่ง
“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าพวกนี้ไม่มีความเป็นมนุษย์” เขาเอ่ย สีหน้าจริงใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณหนูจวินแล้ว”
คุณหนูจวินรับคำ ส่งขวดกระเบื้องใบหนึ่งมา
“ป้อนเขาดื่มสิ่งนี้” นางเอ่ย
ซื่อเฟิ่งรับไป เดินมาถึงตรงหน้าจูจั้น
“ยาของนางจะดีได้ยังไง…” จูจั้นเอ่ย
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกซื่อเฟิ่งยัดยาเข้าปาก บีบเขากลืนลงไป
จูจั้นกลืนยาลงไปสบถทีหนึ่งไม่พูดอีก
ซื่อเฟิ่งมองคุณหนูจวินที่ใส่ยาอย่างตั้งใจละเอียดลอออยู่ข้างหลัง แล้วมองไปทางจูจั้นอีกครั้ง
“ท่านใยต้องทำเช่นนี้เล่า” เขาถอนหายใจ “หากต้องทำจริงๆ พวกเราหารือกันนิดหนึ่ง เปลี่ยนผู้อื่นมาก็คงไม่ถึงขั้นนี้”
“ใช่แล้ว” จางเป่าถังก็รีบเอ่ยด้วย “ถ้าท่านเกิดเรื่องก็จบกัน”
จูจั้นบนแผ่นไม้กระดานหลับตาลงขานรับ
“จบไม่ได้หรอก” เขาเอ่ยแหบพร่า จากนั้นก็เงียบเสียงไปราวกับไม่อยากพูดมากเรื่องนี้
จางเป่าถังกับซื่อเฟิ่งมองหน้ากันทีหนึ่ง เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ต่อให้ในใจสำนึกเสียใจก็ไม่ยินดีเอ่ยต่อหน้าผู้อื่น เรื่องที่ผ่านไปก็ไม่ต้องถามแล้ว ไม่มีความหมาย
ทั้งสองคนไม่จี้ถามอีก สอบถามอาการบาดเจ็บของเขา องครักษ์เสื้อแพรทรมานบีบให้เขาสารภาพอย่างไร จูจั้นตอบประโยคเว้นประโยค ผ่านไปๆ ก็ไม่ตอบแล้ว คนก็ไม่ขยับด้วย
“พี่รอง?” จางเป่าถังตกใจสะดุ้งโหยงรีบร้องตะโกนแล้วหันกลับมามองคุณหนูจวิน “เขาสลบไปแล้ว”
คุณหนูจวินไม่เงยหน้า
“ไม่ใช่ กินยาผ่อนคลายจิตใจที่ตึงเครียดก่อนหน้านี้ คนจะสะลึมสะลือไปบ้าง นี่คือการพักผ่อน ที่ดีกับเขา” นางเอ่ย
จางเป่าถังกับซื่อเฟิ่งผ่อนลมหายใจ ค่อยๆ มองคุณหนูจวินที่พิถีพิถันตั้งใจใส่ยาจุดแล้วจุดเล่าอีกครั้ง
จูจั้นไม่ได้สลบไปจริง ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พึมพำบ่นการใส่ยา
จางเป่าถังจะปลอบกลับถูกซื่อเฟิ่งดึงไว้
“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินท่านทำงานเถอะ พวกเราจะออกไปเฝ้าไว้” ซื่อเฟิ่งเอ่ยแล้วมองรอบด้านอีกครั้ง “มีคำพูดอะไรล้วนพูดได้”
พูดจบก็ดึงจางเป่าถังที่ไม่ค่อยเข้าใจออกไปแล้ว
ในห้องขังตกอยู่ในความเงียบ คุณหนูจวินทายาอย่างพิถีพิถันบนบาดแผลที่ลึกที่สุดแห่งสุดท้ายเสร็จแล้ว จูจั้นถึงแค่นเสียงหงุดหงิดออกมา
“เจ้าระวังหน่อยได้หรือไม่” เขาท่าทางโกรธอยู่บ้างเอ่ยขึ้นมา “เจ็บจะตายแล้ว”
คุณหนูจวินมองเขาทีหนึ่ง
“ทำไม? ดูแล้วบาดเจ็บในมือเขาไม่น้อย” นางเอ่ย “ทนไม่ไหวแล้วรึ?”
จูจั้นแค่นเสียง
“ข้าทนไม่ไหวในเงื้อมมือของเดรัจฉานตัวนั้นรึ?” เขาเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้าใยไม่ใช่สู้เดรัจฉานยังไม่ได้”
คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่า
เสียงหัวเราะสะท้อนก้องดังกังวานยิ่งนัก ห้องขังมืดสลัวพริบตาเดียวถูกเติมเต็ม กลายเป็นสว่างไสวขึ้นมา
“หัวเราะอะไรเล่า” จูจั้นเอ่ยไม่สบอารมณ์ “ใส่ยาเสร็จหรือยัง? ใส่เสร็จแล้วก็รีบคลุมให้ข้า”
คุณหนูจวินหัวเราะแล้วมองร่างกายเปลือยเปล่าของจูจั้นอีกทีหนึ่ง
“ก็ไม่มีอะไรให้ดูนี่” นางว่า
จูจั้นด่าทีหนึ่ง จะยันตัวขึ้นมา
“เจ้ามันเติงถูจื่อ” เขาตะโกน
คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าอีกครั้ง
……………………………………….
[1] เติงถูจื่อ (登徒子) ขุนนางผู้หนึ่งในสมัยจั้นกั๋วกล่าวร้ายซ่งอวี้ว่ามักมากในกาม แต่ถูกซ่งอวี้แก้ลำจนกลายเป็นผู้ได้ชื่อว่าบ้ากามเสียเอง