Kill the Hero - ตอนที่ 56
Kill the Hero 056
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มอนสเตอร์จะหนีจากการต่อสู้ มังกรที่มีความยาวหลายร้อยเมตร เต่าที่มีขนาดใหญ่กว่าภูเขา แม้แต่โกเลมน้ำแข็งที่แข็งที่สุดเท่า ก็ยังหนีเลย
[งูเข็มติดพิษจากเลือดพิษ]
[สถิติของงูเข็มลดลง]
ดังนั้น เมื่องูเข็มถูกทหารโครงกระดูกแทงได้หันหลัง และเริ่มหนี คิมวูจินก็คิดไว้อยู่แล้ว
มีวิธีจัดการกับมอนสเตอร์ที่หลบหนี
‘มันเริ่มหนีแล้ว’
แน่นอนว่าเขาได้เตรียมการสำหรับช่วงเวลานี้ไว้แล้ว
“สถานการณ์ด้านนายล่ะ”
“เสร็จแล้ว! แต่มันจะมาทางนี้จริง ๆ เหรอ? นายรู้ได้ไงว่ามันจะวิ่งไปทางไหน? “
แทนการตอบคำถามของลีจินอา มุมมองของคิมวูจินที่สวมหน้ากากกริมรีปเปอร์จึงเปลี่ยนไป
จากนั้นเขาก็เริ่มมองโลกผ่านสายตาของทหารโครงกระดูกตัวหนึ่ง ที่นั่นเขาเห็นร่างของมอนสเตอร์หลายประเภทวางอยู่บนพื้น และลีจินอาก็ส่งเสียง ขณะที่ซ่อนมือที่เพิ่งชูนิ้วกลางใส่โครงกระดูกไว้ด้านหลัง
Ssss!
“มันมาทางนี้จริงดิ? นายทำได้ยังไง? “
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นงูยักษ์ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะถอยแล้ว!”
เมื่องูเข็มปรากฏขึ้น ลีจินอาก็ถอยห่างทันที แต่ทหารโครงกระดูกไม่ได้ขยับ มันกลับยืนรออยู่
ทหารโครงกระดูกรอจนกระทั่งงูเข็มมาถึงศพที่วางไว้ จากนั้น โครงกระดูกก็ประกบฝ่ามือ และท่องคาถา
“ระเบิดศพ!”
KwaKwang!
ศพปะทุกลายเป็นระเบิดขนาดใหญ่
“เฮ้!”
โอเซชานที่กำลังดูเอกสารอยู่ ยกมือเรียกลูกน้อง
“ครับหัวหน้า? “
“ฉันสงสัย”
ท่าทาง และน้ำเสียงที่จริงจังของโอเซชานทำให้ลูกน้องของเขารู้สึกกังวล
“ถามได้เลยครับ”
“ถ้าลดขนาดตัวอักษรลงครึ่งหนึ่งเวลาทำเอกสาร เราจะลดต้นทุนได้สักเท่าไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พนักงานก็ทำหน้าพูดไม่ออก
“ครับ? “
ท่าทางของโอเซชานไม่เปลี่ยน และเขาก็มองไปที่พนักงาน
“ถ้าเราลดขนาดตัวอักษรลงครึ่งหนึ่ง หมึกกับกระดาษที่เราต้องใช้ก็จะเหลือแค่ครึ่งเดียวไม่ใช่เหรอ?”
ลูกน้องของเขายิ้มบิดเบี้ยว เขาละอยากจะร้องไห้
“ครับ เป็นความคิดที่ดีเลย เราซื้อกระดาษ A4 ที่ผู้ผลิตทิ้งแล้ว มันราคาแค่ 50 กิโลกรัมต่อวอนเอง”
“จริงเหรอ? “
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โอเซชานก็มองไปยังลูกน้องของเขาด้วยสายตาที่ชื่นชม
‘อุก’
ลูกน้องรู้สึกอยากร้องไห้
โอเซชานอาจเป็นเจ้านายคนเดียวที่เต็มใจจะใช้กระดาษ A4 ที่ผู้ผลิตทิ้งไป
“เฮ้ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ…”
“ข่าวด่วน!! “
โชคดีที่ลูกน้องอีกคนรีบเข้ามาในสำนักงาน ได้ขจัดบรรยากาศที่น่าอึดอัดไป
“ข่าว? “
“สมาคมฟีนิกซ์ที่โจมตีดันเจี้ยน 4 ชั้น ล้มเหลวครับ มันเป็นการถูกทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง!”
โอเซชานไม่แปลกใจกับข่าวนี้
‘ฉันรู้อยู่แล้ว’
“ลูกน้องคนหนึ่งของปาร์คยองวานตายที่นั่นด้วย ถ้าปาร์คยองวานกลับมา เขาต้องหัวเสียกับเรื่องนี้แน่”
ดันเจี้ยนที่ลูกน้องพูดถึงคือดันเจี้ยนระดับ C 4 ชั้นที่เคยปรากฏในกวางจู เป็นที่รู้กันว่าหัวหน้าปาร์ตี้สมาคมฟีนิกซ์เป็นดาวรุ่งที่ปาร์คยองวานสนับสนุนอย่างดี
“ก็พอจะเดาได้อยู่ พวกสหพันธ์ยามาโตะชักดาบออกมาจริง ๆ ด้วย”
โอเซชานรู้ด้วยว่ามีสายลับของสหพันธ์ยามาโตะอยู่ในกลุ่มที่ท้าทายดันเจี้ยน สายลับคนนั้นตั้งใจเป็นนักสู้พลีชีพด้วยความเต็มใจ
“แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“เกิดอะไรขึ้น…”
แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
“เวลาที่สัมภาษณ์ตอนเขาออกมาจากดันเจี้ยน ปาร์คยองวานจะกลายเป็นฮีโร่ เขาทำเป็นว่าเขาไม่รู้อะไร แต่พอเขากลับถึงบ้าน เขาคงจะตะโกน ทำลายข้าวของ เขาต้องอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเราก็จะส่งเอกสารไปสักสองสามฉบับ”
ขณะที่พูด รอยยิ้มก็กระจายเต็มใบหน้าของโอเซชาน
“เราจะใช้ตัวอักษรที่ใหญ่กว่าปกติ 2 เท่า”
“มันจะกลายเป็นสงคราม แต่รัฐบาลจะไม่เข้ามายุ่งเหรอครับ?”
“ปาร์คยองวานจะติดตามการเจรจาระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับเกาหลี อย่างน้อยภายนอกก็เป็นแบบนั้น นั่นเป็นนิสัยของเขา ถ้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผู้ชายคนนั้นก็ขายประเทศตัวเองได้ แต่เขามักจะซ่อนมีดไว้ข้างหลัง ไม่มีใครเดาจุดประสงค์ของเขาออก”
โอเซชานที่กำลังพูดอยู่ก็นึกขึ้นได้
‘สมาคมเมสสิอาห์รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น’
จากสิ่งที่เขารู้ มีหลายอย่างที่เชื่อมโยงสมาคมเมสสิอาห์กับสหพันธ์ยามาโตะ สมาคมหัวกะโหลกเป็นแค่หนึ่งในนั้น
‘ไม่ว่ายังไง สหพันธ์ยามาโตะจะโจมตีปาร์คยองวาน…สมาคมเมสสิอาห์ก็ต้องทำเช่นกัน’
การโจมตีปาร์คยองวาน น่าจะเป็นความประสงค์ของสมาคมเมสสิอาห์
‘แต่สมาคมเมสสิอาห์ไม่อาจจะปกปิดเส้นทางของพวกเขาได้ทั้งหมด สำหรับคนที่รู้ใบหน้าที่แท้จริงของสมาคมเมสสิอาห์คงไม่ยากที่จะจับทางพวกนั้นได้’
ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในใจของโอเซชาน และเขาก็อดนึกถึงใบหน้าของชายคนหนึ่งไม่ได้ ชายผู้เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดนี้
‘ฉันสงสัยจริง ว่าตอนนี้คิมวูจินโตขึ้นมากแค่ไหนแล้ว’
เมื่อนึกถึงคิมวูจิน โอเซชานก็หันไปหาลูกน้องของเขา
“ส่งรถไปรับคิมวูจินกับลีจินอา”
“เอ่อ? พวกเขาเข้าดันเจี้ยนไปแค่ 8 วันเองนะครับ? ”
โอเซชานยิ้มให้กับคำถามนี้
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจ่ายเงินเฉย ๆ นะ เวลาฉันบอกให้ทำก็แค่ทำ”
“อ่า…”
ลูกน้องของเขาพยักหน้า และถามคำถามอื่น
“คุณอยากให้ผมไปส่งรถอะไรไปครับ ผมควรส่งรถเช่าตามปกติไหม? ควรเรียกคนเก็บกวาดไหมครับ?”
โอเซชานหน้าเหวอเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“นายพูดอะไรอยู่? นายคิดว่าฉันกลัวจะจ่ายเงินเหรอ? ปกติแล้วนายส่งรถให้นักการทูตของรัสเซียแบบนี้เหรอ แม้ว่ามันจะเป็นปัญหา แต่เราก็จัดการมันได้ใช่ไหม? “
ลูกน้องพยักหน้าด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก
เมื่อเห็นว่าลูกน้องเข้าใจแล้ว โอเซชานก็อดจะถามไม่ได้
“อันที่จริง… มีรถเล็ก ๆ เป็นรถทางการทูตไหม?”