Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 108 ปัจฉิมบท : ตอนนี้ วินาทีนี้ ที่ได้อยู่กับท่าน
- Home
- Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี
- บทที่ 108 ปัจฉิมบท : ตอนนี้ วินาทีนี้ ที่ได้อยู่กับท่าน
“พูดตามตรงข้าเองก็ไม่คิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าคิดว่าข้าไม่สามารถแต่งงานได้น่ะสิ เจ้าเองก็รู้ ในอดีตมี ‘เรื่องนั้น’ อยู่”
“…”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยเปลี่ยนข้าผู้หวาดกลัวอดีต ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้แต่งงานกับเขา ริซซี่”
“ดีแล้วล่ะ นีย่า หากเจ้าว่าดี ข้าก็ว่าดี”
“เอาล่ะ เช่นนั้นเรื่องของข้าก็จบลงเท่านี้…” เปโตรนิยายิ้มพรายพลางถามถึงความเป็นไปของน้องสาว “แล้วเจ้าเล่า เป็นอย่างไร ริซซี่ หมู่นี้ข้าได้ยินพวกนางกำนัลพูดเป็นคุ้งเป็นแควเรื่องที่เจ้ากับฝ่าบาทอยู่กันอย่างรักใคร่ปรองดอง”
“…”
คำพูดนั้นทำให้แพทริเซียหน้าแดงกล่าวกับอีกฝ่ายเสียงเข้ม
“ฝ่าบาทนั่นแหละที่แปลกไป”
“…”
รักกันดีสินะ เปโตรนิยาคิด เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของแพทริเซียดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก ตอนนี้สีหน้าของหญิงสาวที่ได้รับความรักปรากฏอยู่บนใบหน้าของแพทริเซียแล้ว เปโตรนิยารู้สึกโล่งใจเหลือเกินที่ตนไม่ได้มีความสุขอยู่คนเดียว หากนางมีความสุข แต่น้องสาวของนางไม่มีความสุข ความสุขที่นางได้รับย่อมมิใช่ความสุขที่สมบูรณ์ เปโตรนิยาหัวเราะเบาๆ
“เจ้าคงมาร่วมงานไม่ได้สินะ”
“…น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง?”
แพทริเซียตอบด้วยสีหน้าชอบกล แต่เปโตรนิยาอ่านสีหน้านั้นไม่ออก
“เงินใส่ซองจากราชวงศ์คงไม่ธรรมดาใช่หรือไม่ ข้าคาดหวังได้หรือเปล่านะ” เปโตรนิยาหยอกเย้า
“อยู่ในช่วงลดงบประมาณ เจ้าอย่าได้คาดหวังนักเลย”
แพทริเซียหยอกกลับพลางหัวเราะคิกคัก ตอนนั้นเองมีร์ยาก็เคาะประตู แพทริเซียจึงส่งเสียงถามออกไป
“มีอะไรหรือ มีร์ยา”
“วันนี้ฝ่าบาทพระราชทานคุกกี้ช็อกโกแลตชิพมาให้มากมายเลยเพคะ”
เปโตรนิยาได้ยินดังนั้นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ตายจริง นี่ยังทรงทำขนมหวานอยู่อีกหรือ”
“ถ้ามิได้เกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิคงไปเป็นปาตีซีเย[1]แล้วล่ะ”
แพทริเซียว่าพลางหัวเราะชอบใจ มีร์ยานำคุกกี้ไปจัดใส่จานที่สวยงามแล้วค่อยนำมาเข้ามา เปโตรนิยาหยิบขึ้นมาชิมชิ้นหนึ่งแล้วอุทานออกมา
“อร่อย!”
“ฝีพระหัตถ์ดีขึ้นเรื่อยๆ”
“ให้ตายเถอะ ฝ่าบาททรงทำสิ่งนี้ทุกวันเลยหรือนี่ สั่งให้ห้องเครื่องทำให้ก็ได้แท้ๆ”
“เห็นว่าแบบนั้นดูไม่จริงใจ หรืออะไรทำนองนั้น” แพทริเซียยิ้มพลางเอ่ยกับเปโตรนิยา “อย่างที่เจ้าเห็น ข้าสบายดี”
“…”
“เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงข้ามากนักก็ได้”
“ข้ารู้ น้องสาวของข้า ฝ่าบาทของข้า” เปโตรนิยายิ้มบางๆ “ข้าไม่ห่วงหรอก เพราะสีหน้าของเจ้าบอกข้าหมดแล้วว่าตอนนี้เจ้ามีความสุขเพียงใด”
“ใช่แล้ว นิล” แพทริเซียตอบด้วยน้ำเสียงล่องลอยเล็กน้อย “ตอนนี้ข้ามีความสุข”
“ในภายภาคหน้าเจ้าก็ต้องมีความสุขต่อไป เข้าใจหรือไม่”
“แน่นอน”
แพทริเซียตอบและหัวเราะเบาๆ ตามความเคยชิน แน่นอนว่าตอนนี้นางก็กำลังมีความสุขเช่นกัน
***
งานแต่งของเปโตรนิยาถูกจัดขึ้นในตอนบ่ายที่มีแสงแดดสดใสของวันหนึ่ง เปโตรนิยานั่งรอเข้าพิธีอยู่ในห้องรับรองของเจ้าสาวด้วยสีหน้าตื่นๆ
‘ฮือ…ตื่นเต้นจัง’
จนถึงเมื่อคืนนางยังรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ แต่เอาเข้าจริงเมื่องานแต่งงานมาอยู่ตรงหน้านางก็อดประหม่าไม่ได้ นางตั้งอกตั้งใจสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อคลายความตื่นเต้น ตอนนั้นเอง มาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์ผู้เป็นมารดาก็เข้ามาในห้อง สีหน้าของเปโตรนิยาฉายแววยินดีขณะเอ่ยทักทายอีกฝ่าย
“ท่านแม่”
“ลูกแม่ วันนี้เจ้างดงามนัก”
มาร์เชอเนสไม่ได้พูดส่งเดช เปโตรนิยางดงามจริงๆ ชุดแต่งงานสีขาวทำให้หญิงสาวดูราวกับเทพธิดา เปโตรนิยาถามผู้เป็นมารดาเสียงสั่น
“การแต่งงานมันน่าตื่นเต้นแบบนี้เสมอเลยหรือคะ”
“งานสำคัญแบบนี้ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นงานแต่งงาน แต่การทำการใหญ่ย่อมต้องมาพร้อมกับความประหม่า เจ้าอย่าได้ปฏิเสธความรู้สึกนี้และยอมรับมันเสีย หากทำทีเล่นทีจริงมากเกินไปในพิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องเป็นปัญหาแน่”
“ข้าเข้าใจ แต่ว่า…”
มันตื่นเต้นเกินไปแล้ว เปโตรนิยาสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำจิตใจให้สงบ ในเวลาแบบนี้ถ้าริซซี่อยู่ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย
“ริซซี่อยู่เคียงข้างลูกเสมอ นีย่า” มาร์เชอเนสเอ่ยขึ้นราวกับอ่านใจได้
“คะ? ท่านแม่หมายถึง…”
“วันนี้ ‘สองคนนั้น’ น่าจะมาร่วมงานด้วย แต่แน่นอนว่าคงมาแบบไม่เอิกเกริก ในเมื่องานจัดในที่โล่ง ย่อมต้องมาร่วมได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ลูกแม่…” มาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์ยิ้มอย่างรักใคร่เอ็นดูและจุมพิตที่หน้าผากของเปโตรนิยา “อย่าได้ตื่นเต้นนักเลย คิดเสียว่าน้องสาวของเจ้ากำลังมองอยู่ ทำเช่นนั้นน่าจะช่วยได้กระมัง”
“ค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
“เลดี้เปโตรนิยา ต้องออกไปแล้วค่ะ”
ตอนนั้นเอง สาวใช้สองสามคนก็กรูกันเข้ามาในห้องรับรอง เปโตรนิยามองมาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์ด้วยสีหน้าประหม่า ทำเอาความตั้งใจเมื่อครู่ของนางต้องอับอายเสียแล้ว ทว่า ผู้เป็นมารดากลับทำเพียงพยักหน้าด้วยสีหน้าอบอุ่นเท่านั้นราวกับจะสื่อว่าเรื่องทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี เปโตรนิยาเห็นดังนั้นก็คล้ายได้รับความกล้า นางยิ้มน้อยๆ และลุกขึ้นจากที่นั่ง ไม่เหลือเค้าความประหม่าและความกลัวอีกต่อไป ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้น คนที่นางแต่งงานด้วยตอนนี้เป็นคนที่รักนางด้วยใจจริง ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็รักเขาจริงๆ
“เชิญเจ้าสาวเข้าสู่พิธี”
ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี สิ้นเสียงของดยุก เปโตรนิยาก็ก้าวเดินไปบนทางเดินระหว่างที่นั่งด้วยสีหน้าที่เก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ นางรู้สึกได้ว่าสายตาของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้มารวมอยู่ที่ตัวนางซึ่งเป็นเจ้าสาว นางยอมรับสายตาทั้งหมดแต่โดยดีและจ้องมองเพียงรอธซีผู้ซึ่งจะกลายเป็นสามีของนางเท่านั้น นางเห็นเขามองมาอย่างอึ้งๆ น่ารักจริงเชียว สามีข้า เปโตรนิยายิ้มทะเล้น เมื่อรอธซีเห็นดังนั้น รอยยิ้มที่แขวนอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น
การประกอบพิธีของดยุกวีเธอร์ฟอร์ดยาวนานเช่นเดียวกับผู้ประกอบพิธีท่านอื่น เปโตรนิยาแสนจะเกลียดเรื่องน่าเบื่อ แต่ในฐานะที่นางเป็นเจ้าสาว นางจึงไม่อาจกล่าวกับดยุกได้ว่า ‘ยาวเกินไปแล้ว กล่าวให้กระชับได้ใจความเถิด’ รอธซีที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มน้อยๆ และจับมือเปโตรนิยาไว้แน่นราวกับล่วงรู้ความคิดของคนรัก การกระทำนั้นพอจะปลอบประโลมเปโตรนิยาได้บ้าง นางจึงมองข้ามความปวดเมื่อยที่ทำให้ขาเริ่มชาและตั้งใจฟังคำกล่าวอวยพรของประธานในพิธี
“…ด้วยเหตุนั้น เจ้าบ่าวสาบานหรือไม่ว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าสาว และรักเจ้าสาวไปจนแก่เฒ่า”
สิ้นคำถาม รอธซีก็ตอบอย่างไม่รอช้าราวกับว่าเขาเตรียมคำตอบไว้นานแล้ว
“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูล ต่อให้เส้นผมนี้ขาวจนหมดศีรษะ ต่อให้ร่างกายนี้เน่าเปื่อยแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ข้าจะรักเพียงเจ้าสาวคนเดียว”
“เจ้าสาวสาบานหรือไม่ว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าบ่าว และรักเจ้าบ่าวไปจนแก่เฒ่า”
“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูล ข้าจะซื่อสัตย์และปฏิบัติตัวตามทํานองคลองธรรมในฐานะภรรยาของเจ้าบ่าวไปชั่วชีวิต แม้นชีวีนี้ดับดิ้น ข้าจะรักเพียงเจ้าบ่าวคนเดียว”
“ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันแล้ว ขอทุกท่านโปรดอำนวยพรให้คู่แต่งงานใหม่เดินไปบนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ”
สิ้นคำ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ขณะเดินไปบนทางเดินระหว่างที่นั่งเปโตรนิยาและรอธซีได้ซึมซับเสียงปรบมือไว้ทั้งหมด ทั้งสองดูมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ
ไกลออกไปมีสตรีคนหนึ่งมองภาพนั้นผ่านผ้าคลุมหน้าและยิ้มออกมาเงียบๆ ภาพที่นางเคยหวังไว้ปรากฏชัดอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“ดีใจหรือไม่”
บุรุษสวมผ้าคลุมหน้าที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้าหลายครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและตอบ
“ตอนนี้ วินาทีนี้ หม่อมฉันมีความสุขยิ่งกว่าช่วงเวลาใดๆ เลยเพคะ”
“ดีจริงๆ ที่พาเจ้าออกมา”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ข้าอยากได้ยินคำอื่นมากกว่านะ”
ได้ยินดังนั้นแพทริเซียก็ยิ้มหยอกเย้าพลางมองลูซิโอที่อยู่ด้านข้าง เขาเองก็กำลังยิ้มเช่นกัน เขาเป็นผู้ชายที่เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตา แพทริเซียยิ้มอย่างงดงามและกระซิบแผ่วเบา
“ข้ารักท่านค่ะ ฝ่าบาท”
“ข้ารักเจ้ามากกว่า ริซซี่”
ทั้งคู่กระซิบคำรักหวานซึ้งและแลกจูบหวานชื่น ภายใต้แสงแดดอ่อนหวานและสายลมหวานฉ่ำ ไม่มีสิ่งใดหวานล้ำไปกว่าคู่รักคู่นี้อีกแล้ว
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ลงท้ายด้วยความสุข
[1] ปาตีซีเย (ฝรั่งเศส: pâtissier, ชาย) หรือ ปาตีซีแยร์ (pâtissière, หญิง) หรือ Pastry chef คือ หัวหน้าคนทำขนมอบ