Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 20 อยู่กับฝ่าบาททั้งคืนเลยหรือ
การมีชีวิตอยู่มาได้โดยไม่พบเจอความลำบากเลยสักครั้งนั่นก็หมายความว่า ชีวิตนั้นแสนจะน่าเบื่อและแห้งแล้ง
ทว่า บางครั้งลูซิโอก็ภาวนาว่าอย่าให้มีความลำบากใดๆ เข้ามาในชีวิตเลย ต่อให้เขาต้องอยู่อย่างแห้งแล้งน่าเบื่อก็ตาม และต่อให้คำอธิษฐานนั้นเป็นความหวังที่มากเกินไปก็ตาม
ลูซิโอลืมตาขึ้นมาในรุ่งสางของวันใหม่ ถ้าให้พูดตามตรงคือก่อนอาทิตย์จะโผล่ที่ขอบฟ้าพอดี เวลานี้เป็นเวลาที่แสงสีฟ้าครามเริ่มส่องสว่างปะปนกับความมืดมิดของยามราตรี
เขารับรู้ได้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกฟรีเซียทำให้รู้ว่าที่นี่คือห้องของจักรพรรดินี เมื่อรู้เช่นนั้นลูซิโอก็ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ…”
ให้นางเห็นภาพไม่น่าดูเสียแล้ว ภาพที่นอกจากโรสมอนด์แล้วยังไม่มีใครเคยเห็น
เขาใช้มือขยุ้มผมด้วยความละอาย ศีรษะของเขาปวดแปลบน่าจะเป็นเพราะตากฝนมาทั้งคืน ท่าทางเขาจะเป็นไข้เสียแล้ว
ดูเหมือนตอนนี้ฝนก็ยังคงตกไม่หยุด ดูได้จากการที่เม็ดฝนยังคงกระทบหน้าต่างด้านนอกอยู่ เขาคิดจะกลับไปที่ตำหนักตอนนี้ แต่ไม่ทันไรความเหนื่อยล้าก็แล่นวาบขึ้นมา ผนวกกับร่างกายที่หนักอึ้ง ทำให้เขาตัดสินใจนอนอยู่อย่างนั้น เขาคิดว่าภาพไม่น่าดูก็เห็นไปหมดแล้ว จะมาเสแสร้งเอาตอนนี้ก็ไม่ได้ และไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น
แต่ลูซิโอไม่เห็นจักรพรรดินี นี่ไม่ใช่ว่าเขานอนอยู่บนเตียงของนาง? เมื่อคิดได้ดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น
อา เลวร้ายที่สุด เขาทำตัวงี่เง่าและทุเรศเสียจริง ทั้งที่ไม่ได้เมามายมาจากไหน เขาพยุงร่างกายที่หนักอึ้งให้ลุกขึ้น อาจเพราะเขาพิจารณาแล้วว่า การไปจากที่นี่น่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกว่าสำหรับเขา
มีร์ยา หัวหน้านางกำนัลของตำหนักจักรพรรดินีมาพบเขาขณะกำลังจะเปิดประตูออกไป นางทำท่าทีคล้ายจะตกใจ เมื่อลูซิโอกระแอมออกมาด้วยความกระดากอาย นางก็รีบทำความเคารพเขาทันที
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระสุริยันจงทรงพระเจริญ”
“…จักรพรรดินีพาเรามาที่นี่หรือ”
“ใช่แล้วเพคะ ฝ่าบาท”
“เราทำนางลำบากแล้ว”
“…”
มีร์ยารีรออยู่ครู่นึงก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ว่ามิบังควร…”
“…”
“แต่หม่อมฉันทราบเพคะ ว่าบารอเนสเฟ็ลปส์เป็นคนสำคัญของพระองค์”
“…เรื่องนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไร”
เรื่องนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นดั่งเกล็ดย้อนของมังกร[1] ไม่ว่าใครก็ยุ่มย่ามมิได้ นอกจากโรสมอนด์ ผู้ที่เขาอนุญาตแต่เพียงผู้เดียว
เพราะฉะนั้น ดูเหมือนว่าในตอนนี้มีร์ยากำลังพูดสั่งสอนเขาโดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน
“พระอาญามิพ้นเกล้า มารดาที่เสียไปแล้วของหม่อมฉันเคยทำงานเป็นข้ารับใช้จึงเล่าให้หม่อมฉันฟังเพคะ”
“…”
“หม่อมฉันคงมิอาจทูลขอให้พระองค์เลิกรักนาง… แต่จะทรงกรุณาฝ่าบาทของหม่อมฉันเพียงสักนิดมิได้เลยหรือเพคะ”
“…ในฐานะใดกัน” เขาพูดเสียงละห้อย “เราขอให้นางสัญญาว่าจะไม่คาดหวังความรัก จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบารอเนสเฟ็ลปส์ตั้งแต่วันอภิเษกสมรส เช่นนี้แล้วเจ้าคิดว่าเรายังคู่ควรที่จะมอบความห่วงใยให้นางอีกหรือ”
“…”
มีร์ยาปิดปากเงียบเพราะมิอาจพูดว่าคู่ควร ครั้นเห็นปฏิกิริยาที่ซื่อตรงเช่นนั้น ลูซิโอก็มีสีหน้าขมขื่นก่อนจะกล่าวต่อไป
“เรามาไกลเกินกว่าจะทำเช่นนั้นแล้ว มารดาของเจ้าคงบอกกล่าวแก่เจ้าแล้วว่าเราไม่อาจทิ้งบารอเนสเฟ็ลปส์ได้ นั่นเป็นเหมือนการปฏิเสธตัวตนของเรา”
“…”
มีร์ยาไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีก เพราะนางเองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เหตุผลในใจของจักรพรรดิ ทำให้นางไม่สามารถเข้าข้างเจ้านายของตนได้
ในฐานะข้ารับใช้ของพระจักรพรรดินี มีร์ยารู้ดีว่านางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้ แต่นางก็ยังสงสารจักรพรรดิ เพราะที่เขามีชีวิตอยู่มาได้ขนาดนี้โดยไม่เสียสติไปเสียก่อนก็นับว่าโชคดีแล้ว มีร์ยากัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ท่าทางของนางทำให้ลูซิโอไม่สามารถซ่อนสีหน้าว้าวุ่นใจต่อไปได้
“ฝากบอกจักรพรรดินีด้วยว่าเราขอโทษที่มารบกวนเมื่อคืน เราไม่สบายใจเลย ดูเหมือนเราจะทำให้นางลำบากโดยใช่เหตุ”
“เพคะ ฝ่าบาท”
สุดท้ายมีร์ยาก็ตอบรับได้เพียงเท่านั้น ลูซิโอหันหลังและเดินก้าวเท้ายาวๆ จากไปตามทางเดินของตำหนักจักรพรรดินี
***
แพทริเซียลืมตาขึ้นมาพร้อมความรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง ลางไม่ดีของนางกลายเป็นจริงเสียแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนนางจะเป็นไข้
อา หญิงสาวรู้สึกเหมือนเอ็นดูเขา เอ็นเราขาด[2] นางถอนหายใจในใจก่อนจะพยุงร่างกายที่หนักอึ้งให้ลุกขึ้นพลางร้องโอดโอยออกมา
“ฝ่าบาท มีอาการไอไหมเพคะ”
“มีร์ยาเองหรือคะ ฝ่าบาทเล่าเป็นอย่างไร”
ครั้นได้ยินคำถามของแพทริเซีย มีร์ยาก็มีสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นมีร์ยาทำท่าละล้าละลัง แพทริเซียก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ…ฝ่าบาทมีอาการไอเล็กน้อยตอนรุ่งสาง จากนั้นก็เสด็จกลับตำหนักกลางเพคะ”
“อ้อ”
แพทริเซียพยักหน้ารับรู้ ถึงอย่างไรก็เป็นการนอนยึดเตียงของผู้อื่น ต่อให้เขาเป็นจักรพรรดิ แต่หากยังมีความละอายอยู่บ้างก็ถูกต้องแล้วที่จะรีบกลับทันทีที่ลืมตาตื่น มีร์ยาส่งต่อข้อความที่จักรพรรดิฝากไว้ให้แพทริเซีย
“พระจักรพรรดิตรัสว่าทรงไม่สบายพระทัยที่ทำให้ลำบากเพคะ ขอโทษที่รบกวนทั้งคืน…”
“ดีนะคะที่ยังทราบ”
“…”
มีร์ยาไม่พูดอะไรต่อ นั่นสิ อาจจะสายไปแล้วจริงๆ อย่างที่พระจักรพรรดิกล่าวไว้ ถึงอย่างไร แพทริเซียก็คงไม่มีทางเข้าใจลูซิโอด้วยมาตรฐานของคนปกติทั่วไป ส่วนลูซิโอก็คงไม่คิดจะอธิบายเรื่องการมีอยู่ของบารอเนสเฟ็ลปส์ให้แพทริเซียเข้าใจ
อย่างไรก็ดี พระจักรพรรดิของนางทรงดื้อรั้นในเรื่องนี้มากทีเดียว และหากมองในมุมของพระองค์ก็จะเห็นว่าพระองค์ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนั้นได้ และต่อให้ตนเป็นพระองค์ ไม่แน่ว่าอาจกระทำเช่นเดียวกัน
มีร์ยาไม่อยากจินตนาการถึงจุดยืนของพระจักรพรรดิไปมากกว่านี้ เพราะถึงอย่างไรเจ้านายของนางก็คือแพทริเซีย
นางลบคำพูดที่ได้สนทนากับลูซิโอทุกคำออกจากหัวก่อนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
“อ้อ เช้าวันนี้ต้องเสด็จไปส่งภริยาคณะทูตเพคะ เห็นว่าจะเดินทางกลับจักรวรรดิทันทีหลังอาหารเช้า รีบเตรียมพระองค์เถอะเพคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ มีร์ยา ขอบคุณค่ะ”
“พระองค์ประชวรหนักหรือไม่เพคะ ให้หม่อมฉันเรียกหมอหลวงดีหรือไม่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยัง…คิดว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น”
สีหน้าของแพทริเซียดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย นางเกล้าผมยาวสลวยสีน้ำเงินเขียวขึ้นก่อนจะพูดกับมีร์ยา
“ก่อนอื่นคิดว่าน่าจะต้องทานอาหารเช้าก่อนค่ะ”
***
อีกด้านหนึ่ง โรสมอนด์ซึ่งนานๆ ทีจะตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ตัวคนเดียวก็ได้ยินข่าวอันน่าตกใจจนต้องระเบิดอารมณ์ออกมา
“เจ้าบอกว่าฝ่าบาทประทับอยู่ที่ตำหนักจักรพรรดินีทั้งคืนอย่างนั้นรึ”
คำพูดนั้นไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย ลูซิโอเลือกที่จะมาหาตนในคืนร่วมหอคืนแรกด้วยซ้ำ แล้วทำไมเขาถึง… คลาราพูดปลอบโรสมอนด์ที่กำลังดีดดิ้นด้วยความรู้สึกคล้ายถูกหักหลังให้ใจเย็นลง
“ข้าเองก็ไม่รู้ละเอียดเท่าใดนัก แต่เห็นว่าพระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีเปียกฝนกลับตำหนักด้วยกันกลางดึกค่ะ และที่ทรงค้างคืนก็เพราะฝนตกหนัก…”
“นั่นปะไร! หมายความว่าสองคนนั้นไปพบกันกลางดึกมิใช่รึ!?”
โรสมอนด์พูดจี้ถูกจุดสำคัญ คลาราอ้ำอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบรับออกไป
“…เหมือนจะใช่ค่ะ”
“เฮอะ!”
โรสมอนด์แค่นหัวเราะ นางรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหล เขาทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร นึกว่าจะไปตำหนักจักรพรรดินีเพื่อไต่ถามเรื่องแผลบนหน้าข้าเสียอีก นี่ไปเพื่อค้างคืนกับจักรพรรดินีหรอกหรือ
โรสมอนด์ขยุ้มผ้าปูเตียงสีขาวแน่นเพื่อควบคุมร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ นางลุกพรวดขึ้นมาราวกับว่าทนต่อไปไม่ได้แล้ว คลาราเห็นโรสมอนด์จัดแจงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาถือก็ทำหน้าเหวอ หรือว่า…!
“ละ…เลดี้ ท่านคง…ไม่ได้คิดจะไปตำหนักจักรพรรดินีใช่ไหมคะ” นางถาม
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าจะทำไม”
“เลดี้…”
คลารารีบห้ามปรามผู้เป็นนายด้วยสีหน้าซีดเผือด ไม่ได้นะ เรื่องอื่นไม่เท่าไร แต่เรื่องนี้ห้ามเด็ดขาด ตอนนี้เจ้านายของนางควรจะอยู่เงียบๆ ไม่ใช่เวลาที่ควรจะออกหน้าออกตาเช่นนี้
เรื่องเมื่อวานต้องทำให้จักรพรรดิเกลียดขี้หน้านางไปแล้วเป็นแน่ มิหนำซ้ำนางยังถูกกำจุดอ่อนเอาไว้อีก ขืนออกไปตอนนี้ก็มีแต่จะเกิดโทษเท่านั้น
คลาราจะต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
“เลดี้ เพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้นเมื่อวานเองนะคะ การไปตำหนักจักรพรรดินีตอนนี้เสี่ยงเกินไป ถ้าให้พูดจริงๆ เรื่องเมื่อคืนก็มิใช่ความผิดของฝ่าบาท เพราะฉะนั้นเรื่องคราวนี้…”
แต่โรสมอนด์ไม่สนใจคำเตือนของคลารา นางสวมเสื้อคลุมและเดินออกจากห้องไป
อา ผู้เป็นนายมีแรงเหลือเฟือแต่เช้าเลยทีเดียว
คลารารีบตามโรสมอนด์ไปด้วยสีหน้ากระวนกระวาย นางได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นเลย
แพทริเซียรู้สึกพูดไม่ออก หลังจากกินข้าวและแต่งหน้าแต่งตาเพื่อออกไปส่งภริยาคณะทูต นางกลับได้ยินข่าวว่าโรสมอนด์มาหา หญิงสาวคิดว่าอีกฝ่ายใจกล้าไม่เบา พลางคิดว่าเรื่องดูยุ่งเหยิงไปหมดทั้งเมื่อวานและวันนี้
เอาเป็นว่านั่นไม่ใช่เรื่องดี ทั้งเมื่อวานและวันนี้นางต้องเจอกับคนสองคนที่นางไม่อยากเจอที่สุดในพระราชวังนี้บ่อยเกินไปแล้ว
โรสมอนด์มีท่าทางหยิ่งผยองไม่ต่างจากเมื่อวาน ทั้งยังมองมาด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นมิตร เมื่อโรสมอนด์เห็นแพทริเซียทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย นางก็เริ่มหาเรื่องก่อนด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ดูเหนื่อยๆ นะเพคะ ฝ่าบาท”
“ที่จริงก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นค่ะ แต่พอท่านมา ความเหนื่อยก็เพิ่มขึ้นทีเดียว เอาเป็นว่า ท่านมาหาเราด้วยเรื่องอันใดกัน เราคิดว่าเราทั้งคู่ไม่ได้สะดวกใจที่จะพบกัน แล้วนี่ท่านไม่ได้อยู่ในช่วงกักตัวเพราะเรื่องเมื่อวานหรอกหรือคะ”
“กักตัวอะไรกันเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันทำอะไรผิดจึงได้ทรงคิดเช่นนั้น” โรสมอนด์ถามแพทริเซียพลางยิ้มกริ่ม
แน่นอนว่าแพทริเซียเป็นคนบอกเองว่าจะไม่ทำเรื่องเมื่อวานให้เป็นเรื่องขึ้นมา แต่การปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน แพทริเซียนึกชื่นชมใบหน้าที่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้าของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดเสียดสีออกไป
“ชีวิตท่านนี่ช่างสบายนัก ทำความผิดมาก็ใช้แผนตื้นๆ ให้ผ่านไปเฉยๆ ได้”
“เพราะได้รับความรักจากองค์จักรพรรดิจึงสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไรเล่าเพคะ หากหม่อมฉันอยู่ในฐานะจักรพรรดินีแต่ไม่ได้รับความรักจากจักรพรรดิก็คงทำเช่นนี้ไม่ได้หรอกเพคะ”
แพทริเซียอยากจะตอบโต้กลับไปแต่ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น นางรีบถามธุระของโรสมอนด์ ยิ่งส่งอีกฝ่ายกลับไปได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีกับสุขภาพจิตมากเท่านั้น
“ท่านมาที่นี่ทำไมหรือคะ”
“หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลถามเพคะ”
“เชิญกล่าว”
“เมื่อวานพระองค์อยู่กับฝ่าบาทหรือเปล่าเพคะ”
นี่นางกำลังพูดเรื่องอะไรกันล่ะนี่
[1] เกล็ดย้อนของมังกร หรือเกล็ดใต้คอมังกร ซึ่งหันไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด และฆ่าคนผู้นั้น
[2] เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด เป็นสำนวน หมายถึง การช่วยเหลือผู้อื่น จนได้รับผลร้ายจากการช่วยเหลือนั้น