Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 34 ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ทุกคนมองมาที่แพทริเซียกับโรสมอนด์โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา อันที่จริงต้องบอกว่าโรสมอนด์เป็นฝ่ายที่ถูกจับจ้องเสียมากกว่า แต่แม้ว่าจะถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน นางก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ไม่สิ นางคงจะตกใจอยู่เหมือนกัน แต่คนอย่างโรสมอนด์ หากไม่เจอเรื่องใหญ่จริงๆ คงไม่แสดงอาการตกใจให้ใครเห็น เพราะนางคือนักการเมืองที่มีเล่ห์เหลี่ยมและเจนจัดเกินกว่าที่จะแสดงอารมณ์และสีหน้าในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว นางถามแพทริเซียด้วยสีหน้าสงสัย
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงหมายถึง…”
“ฝ่าบาท การตรวจพระวรกายเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนที่โรสมอนด์จะได้พูดอะไรต่อ หมอหลวงก็พูดแทรกขึ้นมา โรสมอนด์ไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดคอ แต่นางก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา แพทริเซียพยักหน้าด้วยความหวั่นใจคล้ายจะเร่งให้รีบพูดมา
“โชคดีที่องค์จักรพรรดิเสวยน้ำดอกสกัลเลอร์เข้าไปทำให้ไม่เกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อพระวรกาย ทว่า…ยังทรงไม่ได้สติด้วยเหตุผลบางประการพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงรีบรายงาน
“ท่านจะบอกว่าฝ่าบาทจะทรงฟื้นคืนพระสติเมื่อไรไม่แน่ชัดอย่างนั้นหรือ”
“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
หมอหลวงพูดด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ แพทริเซียรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที เหตุผลแรกคือคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเพราะนาง และเหตุผลที่สอง หากไม่ได้เขาช่วยไว้ คนที่อยู่ในสภาพนั้นก็คงเป็นนาง ไม่สิ เอาเข้าจริงนางอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้
แพทริเซียหลับตาลงทั้งอย่างนั้น นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งในการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้นและถามหมอหลวงด้วยคำถามเดียวกันอีกครั้ง
“ท่านหมายความว่าท่านไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะฟื้นเมื่อไรอย่างนั้นสินะ”
“พระอาญามิพ้นเกล้า”
“…”
เมื่อความจริงได้รับการยืนยัน แพทริเซียก็มองทุกคนที่อยู่รอบบริเวณนั้นด้วยสีหน้าที่สงบลง ทุกคนกำลังรอฟังคำที่จะออกจากปากของจักรพรรดินีที่ยังเยาว์วัยด้วยสีหน้าตึงเครียดกันถ้วนหน้า
แพทริเซียพูดด้วยระดับเสียงที่ไม่ดังและไม่เบา
“พระจักรพรรดิยังไม่ฟื้นคืนพระสติ ตามกฎของจักรวรรดิ อำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจทุกเรื่องน้อยใหญ่ในจักรวรรดิจะต้องตกมาอยู่ที่เราซึ่งเป็นจักรพรรดินี ถูกต้องหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระองค์จะต้องทำหน้าที่นั้นแทนจนกว่าพระจักรพรรดิจะทรงฟื้นพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินดังนั้น แพทริเซียก็ประกาศออกมาอย่างไม่ลังเล
“ในเมื่อมิอาจยืนยันได้ว่าฝ่าบาทจะฟื้นคืนพระสติเมื่อใด เรา แพทริเซีย ไลลา เลอ โกรเชสเตอร์ ขอประกาศว่า เราจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งจักรวรรดิมาวินอส มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เสียงสนับสนุนดังขึ้นจากทุกสารทิศ แพทริเซียคุกเข่าดูอาการของลูซิโออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น ร่างเพรียวจดจ้องไปที่โรสมอนด์เพียงคนเดียวแทนที่จะมองบรรดาขุนนางที่ยืนอยู่รายล้อม นางต้องกล่าวสิ่งที่พูดค้างไว้เมื่อครู่ให้จบ
“ขณะที่เราตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายริมหน้าผา เราได้ถามนักฆ่าเหล่านั้นว่า…ผู้ใดอยู่เบื้องหลังแผนการสกปรกนี้ ตามหลักการแล้วพวกมันก็ไม่ควรจะบอกเรา…แต่พวกมันคงคิดว่าถึงอย่างไรเราก็ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกมันอยู่แล้ว มันจึงเปิดปากอย่างง่ายดาย”
“คนผู้นั้นเป็นใครหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท?”
“ผู้ที่บังอาจลอบสังหารจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิสมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ”
แพทริเซียเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะเสียงของเหล่าอัศวิน นางกลั้นเสียงหัวเราะนั้นไว้และพูดต่อไปอย่างไม่ลังเล
“พวกมันบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากอนุภรรยาของจักรพรรดิให้มาสังหารภรรยาหลวง”
“…”
แพทริเซียไม่รู้สึกว่าความวังเวงที่เหมือนกับเมื่อครู่เป็นเรื่องแปลก อาจเป็นเพราะนางเผชิญหน้ากับมันเป็นครั้งที่สองแล้ว นางหันไปมองดยุกเอเฟรนี และถามเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ดยุกเอเฟรนี”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่เราถามเพราะไม่แน่ใจ ผู้ที่บังอาจลอบสังหารจักรพรรดิและจักรพรรดินีจะต้องถูกลงโทษอย่างไร”
“ฝ่าบาท เรื่องนั้น…”
น่าแปลกที่ดยุกเอเฟรนีมิอาจพูดออกมาได้โดยง่าย แพทริเซียรู้สึกงุนงงเพราะคิดว่าเขาน่าจะตอบออกมาในทันทีจึงกล่าวตำหนิ
“มีอะไร ไยจึงมิพูด หรือสิ่งที่เรารู้ต่างจากสิ่งที่ท่านรู้?”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“น่าแปลกที่ท่านไม่พูด อ้อ… หรือคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นท่าน?”
“มิใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท โปรดอภัยที่กระหม่อมตอบช้าไป”
ดยุกเอเฟรนีกระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะพูดสิ่งที่แพทริเซียอยากฟัง
“ผู้ใดที่บังอาจคิดลอบปลงพระชนม์พระจักรพรรดิหรือเชื้อพระวงศ์ ตามกฎหมายของจักรวรรดิแล้ว มันผู้นั้นต้องถูกประหารโดยการตัดศีรษะไม่ว่าจะอยู่ในฐานันดรศักดิ์ใดหรืออายุเท่าใดพ่ะย่ะค่ะ”
“ตัดหัวอย่างนั้นหรือ…”
แม้จะเป็นคำที่นางพึงใจแต่แพทริเซียรู้ดีว่าการทำให้โรสมอนด์ถูกตัดหัวเพียงเพราะคำพูดของตนนั้นเป็นเรื่องยาก
แม้ตนจะเป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดิ และตอนนี้ก็เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่การจะให้คนคนหนึ่งถูกประหารโดยไม่มีหลักฐานนั้นมิใช่เรื่องง่าย เพราะเรื่องนั้นถือเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่โรสมอนด์ก็ตาม
สำหรับคนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตน ลูซิโอ หรือแม้แต่โรสมอนด์ เรื่องประหารนับว่าเข้าใจได้ แต่ในสายตาของคนนอกอาจมองว่าจักรพรรดินีใจแคบ ผิดใจกับอนุภรรยาจนพาลหาเรื่องมาประหารอีกฝ่ายก็เป็นได้
แพทริเซียไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ต่อให้ไม่สนใจว่ามันจะทำให้ตนดูสกปรกหรือใจแคบเพียงใด แต่มันอาจกลายเป็นบ่วงรัดคอตนในภายภาคหน้า ไม่ว่าจะแก้แค้นหรือเอาคืนก็ต้องลงมือกระทำโดยมิให้มีผลเสียตามมาในภายหลัง ทั้งเรื่องในคราวนี้ และทั้งเพื่อตัวของนางในอนาคตข้างหน้า
แน่นอนว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความแพทริเซียว่าจะยอมถอยให้
“หัวหน้าอัศวินราชองครักษ์”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“คุมตัวบารอเนสเฟ็ลปส์กลับวังเดี๋ยวนี้”
แม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆ แต่หัวหน้าอัศวินราชองครักษ์ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โรสมอนด์ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวในทันที นางมองแพทริเซียอย่างเคียดแค้น ราวกับว่าในเมื่อลูซิโอไม่อยู่ นางก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไป
แพทริเซียไม่ได้มีความคิดที่ว่า ‘ในที่สุดเจ้าก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วหรือ’ เพราะอีกฝ่ายแสดงออกให้แพทริเซียเห็นเป็นปกติ ที่ผ่านมาแพทริเซียเพียงแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยข้ออ้างสวยหรูที่ว่า นี่เป็นการเตือนหรือไม่ก็เป็นความเมตตาเท่านั้น
“การสืบสวนหาข้อเท็จจริงไว้ทำหลังจากนี้ก็ย่อมได้ แต่ตอนนี้เจ้ามิอาจเป็นไทจากข้อกล่าวหานี้ ทำเช่นนี้จึงจะแน่นอนกว่า”
“นี่ไม่เป็นธรรมกับหม่อมฉันเลยนะเพคะ ฝ่าบาท พระองค์จะทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันเพียงเพราะคำพูดของพระองค์เองไม่ได้นะเพคะ!”
“เราได้รับบาดเจ็บพร้อมกับองค์จักรพรรดิและรอดพ้นจากประตูนรกกลับมาได้ เจ้าคิดว่าเราจะปั้นเรื่องขึ้นมาหรือไร?”
แพทริเซียยิ้มกว้างพลางปลอบประโลมอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วง การสืบสวนจะเป็นไปอย่างรอบคอบ เพราะเราไม่ชอบซุกซ่อนอะไรไว้เบื้องหลัง”
ไม่เหมือนกับเจ้า แพทริเซียพูดต่อในใจก่อนจะส่งสัญญาณทางสายตาให้หัวหน้าอัศวินราชองครักษ์ จากนั้นโรสมอนด์ก็ถูกนำตัวออกไป นางไม่ได้กรีดร้องอย่างที่แพทริเซียคิดไว้ และไม่ได้เรียกร้องความเป็นธรรม นางเพียงแต่มองแพทริเซียซึ่งตอนนี้อยู่ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยแววตามาดร้ายและเดินจากไปด้วยเท้าของตัวเอง แต่ในเมื่อดับไฟที่สุมอกได้แล้ว แพทริเซียจึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นไปมากกว่าเรื่องตรงหน้า
“พระพลานามัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุด ดังนั้นเราควรรีบกลับพระราชวัง เดมราฟาเอลา มีรถม้าไหม”
“พระอาญามิพ้นเกล้า ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้…”
ราฟาเอลาหน้าเสีย นางยืนกัดริมฝีปากตัวเองอยู่อย่างนั้น หน้าที่ก้มไม่ยอมเงยนั้นเดาได้ว่านางรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด
แพทริเซียรู้สึกได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของตนทะลักออกมาวูบหนึ่ง แต่นางก็ออกคำสั่งต่อไปราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
“เช่นนั้นเรากับฝ่าบาทจะเดินทางด้วยม้าตัวเดียวกันเพื่อความสะดวกในการอารักขา เช่นนี้น่าจะดีกว่า หน่วยองครักษ์คิดเห็นเช่นไร”
“สำหรับพวกกระหม่อม เช่นนั้นย่อมดีกว่า ทว่าพระองค์จะทรงไม่สบายพระวรกายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หากไม่ลำบากพวกท่าน ตัวเราก็ไม่เป็นไร”
ในเมื่อแพทริเซียพูดตัดบท อัศวินราชองครักษ์ก็มิอาจปฏิเสธต่อไปได้ แพทริเซียเริ่มเตรียมตัวกลับพระราชวังหลังจากคิดว่าจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว
“เช่นนั้นก็เอาตามนี้ ช่วยเตรียมม้าตัวใหม่ให้ทีนะ ม้าของเราอ่อนล้ามากแล้ว ไม่เหมาะที่จะขี่ต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมจะทำตามรับสั่ง”
ไม่นานแพทริเซียและลูซิโอก็ได้ขึ้นม้าตัวใหม่ นางปรับท่านั่งให้ดีเพื่อไม่ให้เขาตกลงไป หลังจากที่ขุนนางและอัศวินราชองครักษ์จัดริ้วขบวนเรียบร้อยแล้ว ทั้งขบวนก็เริ่มออกเดินทาง
โชคดีเหลือเกินที่การเดินทางใช้เวลาไม่นานนักเพราะสนามล่าสัตว์อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเท่าไร
“…”
แพทริเซียฟังเสียงม้าเดินกุบกับพลางมองดูลูซิโอที่อยู่ในอ้อมแขน
พิษไข้ของเขาลดลงบ้างแล้วด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากหมอหลวง แต่ร่างกายของเขาก็ยังร้อนอยู่ แพทริเซียถอนหายใจออกมา ทำไมเรื่องถึงลุกลามมาถึงขั้นนี้ได้? เวลาผ่านไปแค่วันเดียวเท่านั้น แต่หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
และในอนาคตจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไป แพทริเซียมีสีหน้ากระวนกระวายใจแต่ก็กระชับอ้อมแขนที่กอดลูซิโอเอาไว้ นางรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นระริก นางจะพักหรือล้มป่วยไม่ได้จนกว่าจะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้ให้จบสิ้นเสียก่อน
แพทริเซียพึมพำกับตัวเองว่าให้ทนต่อไปอีกหน่อย และภาวนาให้ถึงพระราชวังเร็วขึ้นแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
***
หลังจากสั่งให้เหล่าขุนนางแยกย้ายกันไป และพาลูซิโอที่ได้รับการรักษาอย่างดีแล้วไปที่ห้องนอนของเขา แพทริเซียก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะนั่นหมายความว่านางได้ทำสิ่งที่ต้องทำสำเร็จไปอีกเรื่องแล้ว แพทริเซียออกจากตำหนักกลางเพื่อไปจัดการเรื่องต่อไป แต่หนึ่งในสองหมอหลวงก็รั้งนางไว้ก่อน
“ฝ่าบาท พระองค์ก็ควรได้รับการตรวจพระวรกายนะพ่ะย่ะค่ะ”
“…”
ครั้นได้ยินดังนั้น แพทริเซียก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แต่นางก็ทำสีหน้าเหมือนไม่เป็นอะไรและหันกลับไปพูดกับหมอหลวง
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เรามีเรื่องด่วนต้องทำ”
“แต่ว่าฝ่าบาท…”
“ไม่ต้องเป็นห่วง อีกเดี๋ยวเราจะเรียกหาท่านเอง หัวหน้านางกำนัล เราฝากดูแลฝ่าบาทด้วย”
“เพคะ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
ได้ยินดังนั้น แพทริเซียก็ออกจากตำหนักกลางไป ตอนนี้ได้เวลาไปหาโรสมอนด์แล้ว
โรสมอนด์ถูกหัวหน้าอัศวินราชองครักษ์นำตัวมาขังไว้ที่ตำหนักของตัวเอง แม้นางจะถูกคุมขังเช่นนี้แต่สีหน้าของนางกลับไร้แววสลด นางมองไปที่จุดจุดหนึ่งอย่างเงียบๆ ส่วนคลารากำลังเป็นกังวลว่าสติของนายหญิงจะผิดปกติ เพราะไม่ได้เห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพนี้มานานมากแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่โรสมอนด์ยังคงมีสติครบถ้วน ไม่สิ บางทีสภาพเช่นนี้อาจใกล้เคียงกับพฤติกรรมที่นางทำเป็นปกติที่สุดก็เป็นได้
โรสมอนด์ปิดปากเงียบ หลับตา มีสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด
“ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสด็จ”
ทั้งที่ดูไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นแต่พระราชวังแห่งนี้กลับเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วนัก เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมงแต่กลับมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขึ้นมาเสียนี่ โรสมอนด์ยิ้มเยาะและค่อยๆ ลืมตาขึ้น แพทริเซียยังคงอยู่ในชุดเกราะที่มีเลือดเกรอะกรังแทนที่จะเป็นชุดเดรส อา ช่างไร้ความสง่างาม โรสมอนด์เดาะลิ้นในใจก่อนจะพูดกับแพทริเซีย
“เวลาน่าจะเพียงพอให้เปลี่ยนฉลองพระองค์นะเพคะ ฝ่าบาท”
“แล้วมันเป็นกงการอะไรของเจ้า”
แม้จะถูกโต้กลับอย่างเชือดเฉือน แต่โรสมอนด์ก็พูดต่อด้วยสีหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็ได้เพคะ ฝ่าบาท แล้วพระองค์คุมขังหม่อมฉันด้วยเหตุใดหรือเพคะ”
“เจ้าน่าจะรู้จากที่เราอธิบายไปเมื่อครู่แล้วมิใช่หรือ บารอเนสเฟ็ลปส์ หากเจ้าพยายามจะลอบทำร้ายเราซึ่งเป็นจักรพรรดินี ข้อหานี้ก็เพียงพอแล้วกระมัง?”
“พระองค์มีหลักฐานหรือเพคะ”
“เรื่องนั้นเมื่อสืบความดูก็จะพบเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
สิ้นคำ แพทริเซียก็มองโรสมอนด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า นางสั่งคุมขังอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วนก็จริง แต่เพื่อการสืบสวนที่มีประสิทธิภาพ นางควรกำจัดความกังวลเกี่ยวกับการทำลายหลักฐานออกไปด้วย แพทริเซียยิ้มเย็นก่อนจะเรียกหาคน
“ตรงนั้นมีใครอยู่หรือไม่”
นางพูดสั้นๆ ไม่นานอัศวินราชองครักษ์หลายนายก็กรูกันเข้ามา แพทริเซียออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นำตัวบารอเนสเฟ็ลปส์ไปขังไว้ที่คุกใต้ดินน่าจะเหมาะกว่า ไม่แน่นางอาจหาทางทำลายหลักฐาน และนอกจากคนที่มีตราประทับจากเรา ห้ามใครก็ตามเข้าออกห้องนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันที่ต้องถูกฉุดลากอีกครั้ง แพทริเซียมองดูภาพนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเมื่อเหลือบไปเห็นคลาราที่ยืนละล้าละลังทำตัวไม่ถูกอยู่ใกล้ๆ นางก็พูดต่อราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“อ้อ ลากตัวสาวใช้คนนั้นไปด้วย แล้วอย่าลืมแยกขังเดี่ยวพวกนางด้วยล่ะ”