Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 6 ขอแสดงความยินดีกับพระจักรพรรดินี
แพทริเซียเข้าร่วมการคัดเลือกรอบสุดท้ายอย่างเหนื่อยหน่าย ที่จริงสองรอบก่อนหน้านี้นางก็ไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก แต่เมื่อดำเนินมาถึงรอบสุดท้ายแล้วเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะจบเพิ่มมากยิ่งขึ้น แพทริเซียมองจักรพรรดิที่กำลังประกาศหัวข้อสุดท้ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง
สีหน้าของเขาบึ้งตึงเหมือนทุกครั้ง สายตาเย็นชาไม่ผิดกับเมื่อชาติก่อน และสายตานั้นคงจะมองโรสมอนด์อย่างอบอุ่นเช่นเคยกระมัง มองด้วยความรักอย่างที่ไม่เคยมองพี่สาวของนางเลยสักครั้ง
จู่ๆ แพทริเซียก็รู้สึกว่าตนใช้อารมณ์มากเกินไป นางจึงกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อหยุดความคิดที่หลั่งไหลออกมา ไม่เช่นนั้นนางอาจเศร้าหรือเสียใจเพราะความคิดเหล่านั้น
“เราจะประกาศหัวข้อสุดท้าย”
ไม่มีคำปลอบประโลมใจแก่เหล่าควิเนสที่เหนื่อยยากกับการทดสอบ แน่นอนว่าแพทริเซียก็ไม่ได้คาดหวังเช่นกัน นางรีบซ่อนสายตาที่เย็นชาขึ้นโดยไม่รู้ตัวของตัวเอง สายตานั้นไม่เหมาะที่จะใช้ในที่ที่ทุกคนมารวมตัวกันเช่นนี้
“เดิมทีตำแหน่งจักรพรรดินีมีไว้เพื่อช่วยงานจักรพรรดิอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเราจึงคิดว่าสุขภาพของจักรพรรดินีสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด”
“…”
เขาพูดบ้าอะไร? แพทริเซียยั้งตัวเองได้ทันก่อนที่จะหัวเราะแห้งๆ ออกมา สุขภาพของจักรพรรดินีน่ะหรือสำคัญ? สุขภาพของโรสมอนด์สิไม่ว่า เปโตรนิยาเคยเล่าว่า ตอนที่นางไม่สบาย เขาไม่เคยมาหาแม้สักครั้ง ในขณะเดียวกัน แค่โรสมอนด์ไอออกมาแอะเดียว เขากลับตามหมอหลวงให้วุ่น… แพทริเซียควบคุมร่างกายที่กำลังสั่นด้วยความโกรธให้เป็นปกติ ถึงอย่างไรนางก็จะได้ฟังเรื่องไร้สาระเช่นนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว
“ดังนั้น ผลของการคัดเลือกรอบสุดท้ายจะวัดจากสุขภาพของควิเนส”
ครั้นสิ้นเสียงประกาศ ทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง นี่เป็นเรื่องที่ผิดไปจากปกติอย่างมาก หากเป็นสติปัญญา ความสามารถ หรือแม้แต่ความงามยังพอเข้าใจ แต่คัดเลือกควิเนสจากสุขภาพอย่างนั้นหรือ? แพทริเซียตกตะลึงกับคำพูดเหลวไหล สาเหตุที่นางตกใจมากกว่าคนอื่นๆ นั้น…
“เชิญหมอหลวงเข้ามาได้”
เพราะหัวข้อสุดท้ายของเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่หัวข้อนี้
แพทริเซียยังไม่อาจซ่อนดวงตาที่ตื่นตกใจได้ อดีตเปลี่ยนไปแล้ว นางมั่นใจว่าหัวข้อที่หนึ่งและหัวข้อที่สองยังเหมือนเดิม แต่หัวข้อที่สามกลับเปลี่ยนไป นี่หมายความว่าอย่างไร? สายตาของแพทริเซียยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางจ้องมองหมอหลวงที่เข้ามาทักทาย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“เริ่มการตรวจได้”
แพทริเซียรู้สึกได้ว่าทุกคนตกใจกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าจักรพรรดิและดยุกทั้งสี่จะไม่คิดเช่นนั้น แพทริเซียนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรับการตรวจร่างกายทั้งๆ ที่ยังตกใจไม่หาย นางไม่อยากจะเชื่อว่าการคัดเลือกรอบสุดท้ายจะถูกตัดสินด้วยเรื่องพรรค์นี้ แต่การตรวจร่างกายก็ดำเนินต่อไปราวกับย้ำเตือนว่านี่คือความจริง
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ และแล้วการตรวจก็เสร็จสิ้น โชคดีที่ควิเนสทั้งหมดรวมถึงแพทริเซียสามารถทำการทดสอบรอบสุดท้ายได้โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ ที่จริงก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่า ‘โชคดี’ ได้หรือไม่
“ผลการคัดเลือกจะประกาศคืนนี้ ให้ควิเนสทุกคนกลับไปรอฟังผลที่ห้องพัก แยกย้ายได้”
พระจักรพรรดิประกาศเสร็จสิ้นการทดสอบรอบสุดท้ายด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะหันหลังและเดินออกจากสถานที่จัดการทดสอบไปอย่างไร้เยื่อใย เหลือเพียงเสียงอื้ออึงของเหล่าขุนนาง และแพทริเซียที่ยังปรับตัวให้เข้ากับอดีตที่เปลี่ยนไปไม่ได้เท่านั้น
“ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
แพทริเซียพึมพำ ราฟาเอลาได้ยินดังนั้นก็วางแก้วชาที่กำลังดื่มลงบนโต๊ะ หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายในฐานะควิเนส แพทริเซียและราฟาเอลาก็กลับมาจิบชาและพูดคุยกันต่อที่ห้องของราฟาเอลา
“ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนก็จริง แต่คำพูดของฝ่าบาทก็มิผิด แม้ว่าจักรพรรดินีจะเป็นภรรยาหลวง แต่ก็ต้องเป็นคนข้างกายที่ทำประโยชน์ต่อพระองค์มากที่สุดด้วยเช่นกัน แต่จะว่าก็ว่าเถอะ…มันแปลกๆ นะ เจ้าว่าไหม”
“เอล่าเป็นนักรบนี่ เจ้าต้องได้คะแนนสูงที่สุดแน่”
เมื่อแพทริเซียพูดจบราฟาเอลาก็ส่ายหน้าอย่างแรง ปฏิเสธราวกับเป็นเรื่องที่ไม่ปรารถนา
“พูดบ้าๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ”
“เกี่ยวสิ ควิเนสสี่คนที่เหลือก็แค่จิบชาไปวันๆ ส่วนเอล่าได้ฝึกในสนามฝึก ย่อมต้องแข็งแรงกว่าพวกเราอยู่แล้ว”
เมื่อแพทริเซียพูดจบ ราฟาเอลาก็ทำหน้ายู่ นางยังคงส่ายหน้าอยู่แต่เบากว่าเมื่อครู่
“อย่าพูดอะไรน่าขนลุกสิ ริซซี่ ข้าไม่เคยอยากเป็นจักรพรรดินีเลย เจ้าก็รู้”
“แหม…เรื่องนั้นเราเลือกได้ด้วยหรือ”
ต่อให้ไม่อยากเป็นจักรพรรดินี แต่ควิเนสที่ถูกเลือกต้องรับตำแหน่งนี้เท่านั้น มันเป็นโชคชะตาของผู้ถูกเลือก การปฏิเสธถือเป็นการดูหมิ่นราชวงศ์ ราฟาเอลาทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าแต่…ผลจะออกเมื่อไรกันนะ”
“เห็นบอกว่าให้รอประกาศผลภายในคืนนี้ คงอีกสักสองสามชั่วโมงกระมัง อ้อ…ควิเนสที่ไม่ถูกเลือกก็สามารถกลับบ้านได้ภายในวันพรุ่งนี้สินะ”
แพทริเซียปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเป็นหนึ่งในสี่คนนั้น นางลูบๆ คลำๆ ถ้วยชาที่ดื่มจนหมดแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร แต่พรุ่งนี้นางจะได้พบเปโตรนิยาแล้ว แพทริเซียใช้ความจริงข้อนั้นปลอบประโลมใจในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้อะไรเช่นนี้
“ข้าขอตัวก่อนดีกว่า ข้านี่เผลออยู่นานจนได้ ทั้งๆ ที่เอล่าน่าจะต้องการพักผ่อนแท้ๆ”
แพทริเซียค่อยๆ ลุกขึ้นแต่ราฟาเอลาก็รั้วข้อมือของนางเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเสียดาย
“อยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การอยู่ถึงดึกดื่นเช่นนี้เป็นการเสียมารยาท…”
ก่อนที่แพทริเซียจะได้พูดต่อ ทันใดนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็เปิดประตูโครมเข้ามาในห้อง ทั้งราฟาเอลาและแพทริเซียสะดุ้งโหยงเพราะนั่นถือเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง
ผู้ที่เข้ามาในห้องก็คือมีร์ยา นางไม่ใช่คนที่จะเสียจริตเช่นนี้เลย… แพทริเซียถามด้วยความงุนงง
“เอ่อ…มีอะไรหรือคะ มีร์ยา”
“ท่านควิเนสคะ คือ…”
มีร์ยาหยุดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันไปมองราฟาเอลา คนถูกมองเองก็เบิกตามองกลับเช่นเดียวกับแพทริเซีย มีร์ยายืนนิ่ง ปรับลมหายใจเหนื่อยหอบจากการวิ่งเป็นระยะทางไกลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ควิเนสราฟาเอลา ควิเนสแพทริเซีย ผลการคัดเลือกออกมาแล้วค่ะ”
“อ้อ…”
ได้ฟังดังนั้น ทั้งสองก็อุทานออกมาเบาๆ ผลออกมาเร็วกว่าที่คิด แพทริเซียยกมือขึ้นทาบอก หัวใจของนางเต้นโครมครามอยู่ภายใน ขณะเดียวกันก็ถามออกไปอย่างสุขุม แต่น้ำเสียงกลับสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้
“ใครหรือคะ…ที่ได้รับเลือก”
สิ้นคำถามของแพทริเซีย มีร์ยาก็มองแพทริเซียสลับกับราฟาเอลา พฤติกรรมนั้นทำให้แพทริเซียรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นะ อา…ไม่นะ หรือว่า…คงไม่ใช่หรอก
ความไม่สบายใจที่แล่นผ่านสมองทำให้แพทริเซียเผลอกัดปากโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันมีร์ยาก็ประกาศผลรอบสุดท้าย
“ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ควิเนสแพทริเซีย”
วูบ… ใจของแพทริเซียวูบโหวง นางมองมีร์ยาด้วยสายตาว่างเปล่า มีร์ยาแก้คำของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งกว่าเมื่อครู่คล้ายกำลังตื้นตัน
“ไม่สิ ตอนนี้ทรงเป็นจักรพรรดินีแล้วนะเพคะ”
น่าเศร้าที่ลางสังหรณ์ไม่ดีไม่เคยผิดพลาด
แม้แพทริเซียจะตกใจแต่ก็ไม่ถึงกับลนลาน อาจเป็นเพราะตนคิดถึงความน่าจะเป็นเอาไว้บ้างแล้ว แต่ที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจคือการที่ตนได้เป็นจักรพรรดินีทั้งๆ ที่คะแนนรอบแรกและรอบที่สองทำได้ไม่ดี ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าตนทำคะแนนในรอบที่สามได้ดี แต่ทว่า…
เมื่อคิดเช่นนี้ แพทริเซียก็ไม่อาจทิ้งความรู้สึกไม่ชอบมาพากลออกไปจากใจได้
การคัดเลือกรอบสุดท้ายต่างจากที่แพทริเซียรู้ในอดีต และไม่ว่าใครก็มองว่ามีบางอย่างไม่ปกติ
นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าไม่มีรอบไหนที่นางทำคะแนนได้ดีนอกจากรอบที่สามอีกแล้ว นั่นหมายความว่าสุขภาพของนางดีกว่าควิเนสคนอื่นๆ ซึ่งตามที่นางคิดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะสุขภาพของสาวสะพรั่งอายุสิบแปดถึงยี่สิบปีจะแตกต่างกันสักแค่ไหนเชียว
แพทริเซียยังคงรู้สึกไม่ดีกับความเดจาวูแปลกๆ ที่ยังคาใจ แน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากการที่ตนได้เป็นจักรพรรดินี
“ท่านแพทริเซีย มีร์ยาเองค่ะ ขอเข้าไปได้ไหมคะ”
“เชิญค่ะ มีร์ยา”
มีร์ยาเข้ามาในห้องด้วยท่าทางอารมณ์ดี แน่นอนว่านางควรจะดีใจอยู่หรอก เพราะควิเนสที่นางดูแลได้กลายเป็นจักรพรรดินี
แต่นางจะรู้ข่าวลือที่คาวไปทั่วพระราชวังนั่นหรือไม่… ถ้าบอกว่าไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่านางรู้ และแพทริเซียรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนั้นสักเท่าไร
“ขอแสดงความยินดีอีกครั้งค่ะ ท่านแพทริเซีย ที่จริงข้าก็รู้สึกว่าท่านดูเข้าตามาตั้งแต่แรกพบแล้ว… ข้าจึงคิดอยากจะรับใช้ท่านในพระราชวังแห่งนี้ ข้าดีใจมากที่จะได้รับใช้ท่านแพทริเซียต่อไป”
“…”
ครั้นได้ฟังเช่นนั้น แพทริเซียก็รู้สึกวูบหนึ่งถึงบางสิ่งที่ร่ำร้องในอกและจุกขึ้นมาที่คอ มีร์ยาซึ่งเคยเป็นนางกำนัลของเปโตรนิยา ถึงตอนนี้นางจะเป็นข้ารับใช้ของตนแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังเป็นคนจิตใจดีและซื่อสัตย์ไม่เปลี่ยน สีหน้าของแพทริเซียดูหม่นหมองลงชั่ววูบ เมื่อมีร์ยาเห็นเข้าก็ตกใจลนลาน
“ท่านแพทริเซีย ข้าพูดอะไรผิด…”
มีร์ยามองแพทริเซียที่เข้ามากอดตนด้วยสายตาที่ลนลานกว่าเมื่อครู่ สีหน้าของนางเหมือนมีคำว่า ‘คุณหนูคนนี้ไยจึงเป็นเช่นนี้’ เขียนอยู่ แพทริเซียกอดมีร์ยาอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะตัดสินใจ
“ข้าจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ข้าจะทำให้ดีที่สุด ข้าจะต้องมีชีวิตรอด และคราวนี้ข้าจะไม่ทำให้มีร์ยาต้องตายเด็ดขาด
“ขอบคุณนะคะ”
ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องตายเพราะข้า เหมือนที่ท่านต้องตายเพราะพี่สาวของข้า
“พูดอะไรกันคะ ข้าสิคะควรจะต้องขอบคุณ”
มีร์ยายิ้มกว้างก่อนจะเข้ามากระซิบกระซาบ ทันใดนั้นนางก็ทักแพทริเซียเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“อ้อ ท่านแพทริเซียคะ มีจดหมายจากตระกูลโกรเชสเตอร์ ไม่ทราบว่าท่านแพทริเซียจะสะดวกหรือไม่หากทางนั้นจะขอมาเยี่ยมที่พระราชวัง”
ครั้นได้ยินคำว่าจากเลดี้เปโตรนิยา วูบนึงแพทริเซียรู้สึกกังวล แต่สุดท้ายก็พยักหน้า ถึงอย่างไรตอนนี้คนที่เป็นจักรพรรดินีก็คือตน ต่อให้เปโตรนิยาตกหลุมรักจักรพรรดิตั้งแต่แรกพบก็คงไม่เป็นปัญหา นางแค่เป็นคนซื่อๆ เหมือนผ้าขาว แต่นางมิใช่คนโง่เง่าขนาดที่จะทำเรื่องผิดศีลธรรม เพราะฉะนั้นแพทริเซียจึงอนุญาตง่ายๆ
“วันนี้มีอะไรให้ข้าทำไหมคะ มีร์ยา”
“ยังไม่มีค่ะ แต่ดัชเชสเอเฟรนีจะมาช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธีอภิเษกสมรสเป็นเวลาสองเดือน ท่านแพทริเซียจะได้รับการอบรมการเป็นจักรพรรดินี แต่คงอีกสักสี่วันถึงจะเริ่มการเตรียมตัว ในระหว่างนี้ท่านสามารถพักผ่อนไปก่อนได้ค่ะ”
ที่จริงแพทริเซียรู้อยู่แล้ว แค่ตัวเอกเปลี่ยนจากเปโตรนิยามาเป็นนางเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกว่ามันช่างใหญ่หลวงเหลือเกิน
ต่อแต่นี้ไปนางจะต้องเดินไปบนเส้นทางที่มีแต่ขวากหนามอย่างที่เปโตรนิยาเคยเดิน ความจริงข้อนี้ชวนให้ขนลุก แต่สำหรับทุกคนแล้ว เส้นทางนี้คงจะดีกว่า เพื่อครอบครัว ดีไม่ดีอาจจะเพื่อองค์จักรพรรดิเองด้วย แพทริเซียยิ้มอย่างยากที่จะคาดเดาความหมายและพูดกับมีร์ยา
“มีร์ยา เขียนตอบพี่สาวของข้าไปว่าอยากมาเยี่ยมตอนไหนก็ให้มาได้เลยนะคะ”