Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 65 ไยท่านจึงรบเร้าข้าเช่นนี้
“…คะ?”
เปโตรนิยาถามกลับด้วยสีหน้างงงัน รอธซีพูดซ้ำอีกครั้งโดยไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย
“ข้าถามว่าท่านจะช่วยเต้นรำกับข้าได้ไหมครับ เลดี้”
“ข้า…”
เปโตรนิยาลังเลใจและเลี่ยงตอบคำถาม แต่รอธซีก็รอคอยคำตอบอย่างใจเย็น
“ข้า…ไม่คิดเช่นนั้น”
นางปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม แต่รอธซีก็ไม่ยอมง่ายๆ
“ให้โอกาสข้าสักครั้งไม่ได้หรือครับ”
“ไยท่านจึงรบเร้าข้าเช่นนี้ล่ะคะ”
“ข้า…” ใบหน้าของรอธซีขึ้นสีระเรื่อขณะที่เอ่ยปาก “ข้าคิดว่าข้าตกหลุมรักเลดี้เข้าแล้ว”
“…”
เพียงคำพูดเดียวทำเอาสีหน้าของเปโตรนิยาแข็งทื่อ
***
ช่างน่าเศร้าที่ความลำบากของแพทริเซียยังไม่จบเพียงเท่านั้น
“…”
“อุ๊ย พระจักรพรรดินีมิใช่หรือเพคะ”
เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้คิ้วของแพทริเซียขมวดมุ่นโดยไม่รู้ตัว แต่เพียงวูบเดียวก็กลับเป็นปกติขณะหันไปมองโรสมอนด์
“เลดี้เอเฟรนี”
“ถวายบังคมจันทราแห่งจักรวรรดิ ขอความรุ่งเรืองจงสถิตแด่มาวินอส”
“ท่าทางเจ้าจะถูกใจครอบครัวใหม่นะ สีหน้าดูแช่มชื่นกว่าคราวก่อนนัก”
“…ขอบพระทัยเพคะ”
โรสมอนด์ฝืนยิ้มและพยักหน้าในขณะที่แพทริเซียยิ้มแห้งๆ แม้อีกฝ่ายจะได้เป็นถึงบุตรีของดยุกแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าโรสมอนด์มีอำนาจมากกว่าตอนเป็นบุตรีของบารอน แต่ถึงกระนั้นแพทริเซียก็ยังคงเป็นจักรพรรดินีผู้สูงส่งเพียงหนึ่งเดียวของจักรวรรดิ ต่อให้โรสมอนด์เป็นดัชเชส มิใช่แค่บุตรีของดยุก ความจริงข้อนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“จะว่าไปแล้ว ฝ่าบาทเพคะ”
“พูดมาเถอะ”
“ตอนออกนอกวังคราวก่อน หม่อมฉันได้ยินข่าวลือประหลาดมาด้วยเพคะ”
คราวนี้นางจะมาปั่นประสาทข้าด้วยเรื่องอะไรอีกล่ะ แพทริเซียเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
“ข่าวลือประหลาดหรือ”
“ไม่รู้สิเพคะ ฟังว่าฝ่าบาททั้งสองพระองค์ยังไม่เคยร่วมหอกันแม้แต่ครั้งเดียว”
“…”
สิ้นคำของโรสมอนด์ รอยยิ้มของแพทริเซียก็บิดเบี้ยว เจตนาของนางชัดเจน แม้แพทริเซียจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้วแต่นางก็ไม่ได้จัดการอะไร เพราะปัญหาเช่นนี้นางมิอาจทำอะไรได้
“ที่เจ้าพูดก็ถูก ช่างเป็นข่าวลือที่ประหลาดเสียจริง” แพทริเซียโกหกหน้าตาย “ทว่า แม้จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าก็ไม่มีทางรู้มิใช่หรือ ในห้องหอคืนแรกมีเพียงเรากับฝ่าบาทสองคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องนั้นก็มิใช่เรื่องที่เจ้าจะบังอาจมาสอดปากได้”
“เช่นนั้นหม่อมฉันก็สงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดจึงยังไม่มีข่าวคราวเรื่องพระครรภ์ของฝ่าบาท”
“เลดี้รับใช้ฝ่าบาทมาก่อนเราถึงหนึ่งปี นั่นเป็นเรื่องที่รู้กันทั่ว” แพทริเซียแสยะยิ้มพลางจ้องโรสมอนด์เขม็ง “แล้วตอนนี้ในท้องของเจ้ามีเด็กหรือไม่? เด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทน่ะ”
“…”
อย่างน้อยเรื่องนี้โรสมอนด์ก็แย้งไม่ได้ ทว่านางกลับมีท่าทีมั่นใจ
“มีวิธีที่ดีที่สุดอยู่มิใช่หรือเพคะ พระจักรพรรดินี”
“…”
“หน้าที่ของจักรพรรดินีย่อมเป็นการให้กำเนิดรัชทายาท เราสองคนต่างก็คอยรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทแต่กลับยังไม่มีใครตั้งครรภ์…เช่นนั้นก็ลองตรวจดูว่ามีใครเป็นหมันหรือเปล่าก็สิ้นเรื่องแล้วนี่เพคะ”
***
“ชะ…ชอบหรือคะ”
“ครับ”
“ข้าน่ะหรือคะ”
“ครับ”
“ทำไมล่ะคะ” เปโตรนิยาถามด้วยน้ำเสียงงงงัน “ดูเหมือนท่านจะลืมไปว่าพวกเราเพิ่งพบหน้ากันเพียงสองครั้งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนพบกันครั้งแรกก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เองนะคะ”
“สำหรับความรัก ระยะเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ สิ่งสำคัญคือพรหมลิขิตและหัวใจมิใช่หรือครับ”
ช่างเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบเรื่องพรหมลิขิตเสียเหลือเกิน เปโตรนิยาหัวเราะแห้งๆ ในใจ
“น่าเสียดายนะคะที่ข้าไม่เชื่ออะไรแบบนั้น…”
“ข้าตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกพบแล้วครับ เลดี้”
จู่ๆ รอธซีก็เข้ามาประชิดตัว เปโตรนิยาจึงทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม นางเอ่ยถามด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“เดี๋ยวสิ แล้วท่านมาตกหลุมรักข้าได้อย่าง…”
“ดูเหมือนเลดี้จะไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบนะครับ”
“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลน่ะค่ะ”
“แต่ตัวข้าคือหลักฐานครับ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็ได้แต่งงานกันเพราะเรื่องนั้น”
“…”
ถ้าอย่างนั้นชายคนนี้ก็คงเหมือนเคานต์เบรดิงตันอย่างไม่ต้องสงสัย เปโตรนิยาคิดดังนั้นก่อนจะพูดออกไป
“ขออภัยแต่ข้าไม่ค่อยชอบเรื่องพรรค์นั้น ข้าคิดว่าการคบหาดูใจกันเป็นเวลานานน่าจะ…”
“อา แย่จริง” รอธซีพึมพำด้วยสีหน้าตกใจ “ขออภัยด้วยครับ เลดี้”
ในตอนนั้นเปโตรนิยาคิดว่าในที่สุดเขาก็เข้าใจคำพูดของนาง แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่
“เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเลดี้ ขออภัยจริงๆ ครับ”
“หามิได้ค่ะ ไม่ถึงกับต้องขอโทษ…”
“ถ้าอย่างนั้น เลดี้ครับ” รอธซีเงยหน้ามองเปโตรนิยาด้วยรอยยิ้มหวาน “ช่วยคบหาดูใจกับข้า ‘นานๆ’ ได้ไหมครับ”
“…”
…คะ? ท่านพูดว่าอะไรนะคะ?
“เดี๋ยวสิคะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้…”
“ข้าอยากคบหากับเลดี้อย่างเป็นทางการครับ”
“…”
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่คนทั้งคู่เพิ่งพบกันได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เมื่อนึกถึงความจริงข้อนั้น เปโตรนิยาก็รู้สึกหมดแรง แต่นางก็ฝืนอดทนไว้ก่อนจะกล่าวกับอีกฝ่าย
“ขอโทษนะคะ ลอร์ด ข้าไม่ได้ชอบท่านค่ะ”
“ข้าหวังว่าเลดี้จะมอบโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกันนะครับ”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านต้องมาทำตัววุ่นวายเช่นนี้ แต่ข้าพูดชัดเจนแล้วนะคะว่าข้าไม่ได้ชอบท่าน”
ได้ยินคำพูดรุนแรงเช่นนั้นรอธซีก็ชะงักไป เปโตรนิยาเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายก็ผงะไปเช่นกัน แต่คำพูดต่อมาของเขาต่างจากที่นางคิดไว้มากนัก
“…เพราะรักครับ”
“คะ?”
“ข้ารักท่านตั้งแต่แรกเห็น”
“…”
“และข้าจะไม่ทำตัวครึ่งๆ กลางๆ กับคนที่ข้ามอบใจให้หรอกครับ”
รอธซียิ้มหวานอย่างมีเอกลักษณ์พลางขอร้องเปโตรนิยาอีกครั้ง
“เพราะฉะนั้น เลดี้ครับ ได้โปรด…”
“…”
“เต้นรำกับข้าสักเพลงได้ไหมครับ”
“…”
“นะครับ เลดี้”
“…เฮ้อ”
ในที่สุดเปโตรนิยาก็ต้องตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
***
สิ้นคำพูดอันน่าตกใจของโรสมอนด์ รอบข้างก็ส่งเสียงอื้ออึง บทสนทนาของโรสมอนด์และแพทริเซียไม่ได้เป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคนอีกต่อไป ดูเหมือนโรสมอนด์คิดจะเรียกร้องความสนใจจากทุกคนด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นแผนตื้นๆ ที่น่าขัน
“เลดี้เอเฟรนี” แพทริเซียเอ่ยเสียงเรียบ
“เพคะ ฝ่าบาท?”
“คำพูดของเจ้าไม่ต่างอะไรกับการดูหมิ่นเราและราชวงศ์ บุตรีดยุกเช่นเจ้ากล้าดีอย่างไรมาสงสัยว่าจักรพรรดินีเป็นหมัน”
แพทริเซียแผดเสียงด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพระจักรพรรดิกับเรา และเกี่ยวพันถึงเกียรติยศของราชวงศ์ แล้วบุตรีดยุกกล้าดีอย่างไรมาสั่งให้เราตรวจความสามารถในการตั้งครรภ์ ทั้งยังมาสอดปากเรื่องหน้าที่ของจักรพรรดินี ไฉนเจ้าจึงไร้มารยาทเช่นนี้ ดยุกเอเฟรนีสั่งสอนให้เจ้าทำตัวไร้มารยาทต่อหน้าจันทราแห่งจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ”
“ทรงเข้าใจผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่คิดว่าฝ่าบาทจะอ่อนไหวเช่นนี้”
“เลดี้คงไม่เห็นว่าการทำลายเกียรติของเราผู้เป็นจักรพรรดินีเป็นเรื่องสำคัญอันใดกระมัง นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังหมิ่นเกียรติของราชวงศ์อยู่”
เมื่อบรรยากาศตึงเครียดขึ้นก็เป็นธรรมดาที่จะดึงดูดสายตาของคนโดยรอบ ขณะที่สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต เปโตรนิยาที่กำลังเดินเตร่อยู่ในงานหลังแยกกับรอธซีก็เพิ่งรู้สึกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนางจึงรีบวิ่งไปทางที่สองคนนั้นอยู่ทันที จากนั้นนางก็พบว่าโรสมอนด์กำลังดูหมิ่นน้องสาวของนางอยู่
“…”
ขณะที่แพทริเซียซึ่งมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวคิดจะพูดอะไรสักคำ ใครคนหนึ่งก็ก้าวออกมาข้างหน้า การปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของเขาทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นตกใจ
“พอได้แล้ว”
ผู้ที่สร้างความตกใจให้กับทุกคนก็คือจักรพรรดินั่นเอง เขาเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แพทริเซียจ้องมองลูซิโอ ในขณะที่โรสมอนด์มีสีหน้ายินดีราวกับพระเจ้ามาโปรด นางทำความเคารพลูซิโออย่างมีจริต
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
“…ถวายบังคมสุริยันแห่งจักรวรรดิ”
แพทริเซียทำความเคารพด้วยสีหน้าเหมือนกินยาขม จากนั้นลูซิโอก็ถามความเป็นมาของสถานการณ์จากแพทริเซียเพื่อทำความเข้าใจ
“เกิดอะไรขึ้นหรือ จักรพรรดินี? ในงานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้…”
“ขอประธานอภัยเพคะ ฝ่าบาท เลดี้เอเฟรนีบังอาจดูหมิ่นหม่อมฉันและราชวงศ์เพคะ”
“เลดี้เอเฟรนี ที่จักรพรรดินีพูดมาเป็นความจริงหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของลูซิโอเป็นครั้งแรก โรสมอนด์ก็ผงะไป แต่เพียงวูบเดียวนางก็ตอบกลับไปอย่างมาดมั่น
“พระจักรพรรดินีตรัสเกินเหตุไปแล้วเพคะ นั่นหาใช่ความจริงไม่”
คำกล่าวของทั้งคู่ขัดแย้งกัน ลูซิโอถอนหายใจก่อนจะหันไปถามแพทริเซีย
“แพทริเซีย เลดี้พูดดูหมิ่นเจ้าว่าอย่างไร”
“…!”
โรสมอนด์มองลูซิโอด้วยสีหน้าตกตะลึง เมื่อก่อนไม่ว่านางจะอยู่ต่อหน้าเขาหรือไม่ เขาไม่เคยเรียกชื่อของแพทริเซียเลยสักครั้ง เขามักเรียกแพทริเซียว่า ‘จักรพรรดินี’ เสมอ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น โรสมอนด์มองลูซิโอสลับกับแพทริเซียด้วยแววตาโกรธเคือง
“นางกล่าวว่าฝ่าบาทและหม่อมฉันไม่เคยร่วมหอกัน จึงยกเรื่องที่หม่อมฉันยังไม่มีครรภ์มาเป็นข้ออ้างให้หม่อมฉันไปตรวจความสามารถในการตั้งครรภ์”
“เลดี้ คำกล่าวนี้อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ นี่เจ้าไม่ทราบกระมังว่าสิ่งที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร”
“แต่ฝ่าบาทเพคะ เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาที่สำคัญมากมิใช่หรือเพคะ”
โรสมอนด์โต้กลับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สีหน้าของนางเย็นเยียบ
“ฝ่าบาทก็ทรงมีพระชนมายุพอสมควรแล้ว อีกไม่นานพระองค์ก็จะครบสามสิบพรรษาแล้วนะเพคะ ตอนนี้ราชวงศ์ไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์อื่นใดอีกแล้ว การที่ฝ่าบาทยังไม่มีรัชทายาทย่อมเป็นปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่าเรื่องใดๆ และเหนือสิ่งอื่นใดหน้าที่ของจักรพรรดินีก็คือการให้กำเนิดรัชทายาทมิใช่หรือเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่ถวายคำแนะนำด้วยเกรงว่าจะทรงลืมเรื่องนี้ไปเท่านั้น พระจักรพรรดินีตีความคำพูดของหม่อมฉันผิดไปเช่นนี้ หม่อมฉันรู้สึกไม่เป็นธรรมนัก พระองค์ทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันได้หรือ”
แม้ว่าคำพูดตอนท้ายจะไม่ค่อยสอดคล้องกับตอนต้น แต่บรรดาคำพูดเหล่านั้นคือสิ่งที่นางอยากพูดกับลูซิโอจากใจจริง
ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านบังอาจทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!
“แม้ใจจริงของเลดี้จะเป็นเช่นนั้น แต่การมาพูดพร่ำเรื่องหน้าที่ของจักรพรรดินีนับเป็นการกระทำที่อวดดี เรื่องการตรวจความสามารถในการตั้งครรภ์ก็เช่นกัน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะนับว่าเป็นการดูหมิ่นแล้วมิใช่หรือ”
“หม่อมฉันมิได้บอกให้พระจักรพรรดินีทรงรับการตรวจเพียงผู้เดียวนี่เพคะ หม่อมฉันก็จะตรวจด้วย แต่การที่ทรงมีปฏิกิริยาเช่นนี้…” มุมปากของโรสมอนด์ค่อยๆ ยกขึ้น “มิใช่ว่าทรงกังวลอะไรอยู่หรือเพคะ”
-เพี้ยะ
พูดจบใบหน้าของโรสมอนด์ก็หันข้างด้วยแรงตบ แพทริเซียง้างมือขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าอำมหิตอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
-เพี้ยะ
“นี่พระองค์ทรงทำอะไรเพคะ!”
“ทำสิ่งที่ถูกต้องน่ะสิ เลดี้ เราเพียงแต่ทำตามกฎในฐานะประมุขหญิงของพระราชวังเท่านั้น”
แพทริเซียยกยิ้มมุมปากพลางพูดต่อ “แน่นอนว่าเราเองก็เสียใจที่อาจทำให้เลดี้ต้องอับอายในที่แห่งนี้ แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ จริงหรือไม่”
แพทริเซียมองหาดยุกเอเฟรนี เขาอยู่กับหญิงสาวที่นางคุ้นหน้า ครั้นตระหนักได้ว่าหญิงสาวคนนั้นคือคนที่อยู่กับโรสมอนด์เมื่อครู่ นางก็หัวเราะออกมา อา ว่าแล้วเชียว เป็นเช่นนั้นสินะ
“ดยุกเอเฟรนีอยู่ที่ใด” แพทริเซียเอ่ยปาก
“พระจักรพรรดินี”
เมื่อถูกเรียกดยุกเอเฟรนีก็ปรากฏตัวอย่างเงียบๆ แพทริเซียฉีกยิ้มก่อนจะกล่าว
“แสดงความยินดีด้วยนะ ดยุก ที่มีบุตรสาวแสนสวยเช่นนี้”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ว่าแต่ มีบุตรสาวทั้งที ท่านไม่คิดจะอบรมสั่งสอนบ้างเลยหรือ”
แพทริเซียพูดต่อไปด้วยรอยยิ้ม “คนที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมสักวันจะต้องพบกับความพินาศ ดยุก ท่านคงไม่คิดจะมอบโชคชะตาเช่นนั้นเป็นของขวัญให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวหรอกกระมัง”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ดยุกเอเฟรนีขอโทษเสียงแผ่ว “เป็นความผิดของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท โปรดทรงมีเมตตาประทานอภัยให้บุตรีของกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“…”
“ทว่า ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็เป็นปัญหาที่ควรขบคิดมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ?”
“ตอนนี้เราจำเป็นต้องมีรัชทายาทโดยเร็ว จึงควรใส่พระทัยในเรื่องนี้…”
“ดยุกเอเฟรนี”
แพทริเซียเอ่ยขัดอย่างสุดกลั้น